มะเร็งใกล้ตัวกว่าที่คิด เมื่อเพื่อนฉันเป็นมะเร็งปอด ตอน2 : เส้นทางสู่การเริ่มต้นรักษา
2 ต.ค. 68 14:37 น. /
ดู 1,455 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
มาเล่าต่อหลังจากเพื่อนสนิทเจอก้อนในปอด ตอนนั้น หมอแนะนำให้รีบเข้ารับการรักษาเพราะปัจจุบันคิวรักษามะเร็งกับรพ.ใหญ่คือนานมาก (นานจริงๆ เพราะเพื่อนเราเริ่มกระบวนการตั้งแต่รู้ว่าเป็นก็ยังไปไม่ถึงไหนเลย หลายสิ่งมาก) เราก็ไม่อยากให้เพื่อนรอนานขนาดนั้น เลยเริ่มหาข้อมูล ทั้งเว็บสาธารณสุข พันทิป ช่องคุณหมอชื่อดังต่างๆ และเรื่องเล่าจากคนไข้จริง แล้วก็มาเจอโพสของคุณหมอจากโรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตราในต๊อกๆ เป็นคลิปที่คุณหมอมาให้ความรู้ด้านมะเร็ง ซึ่งคุณหมอเน้นมากๆเลยนะเรื่องระยะเวลาการรอคอยที่ไม่ควรทิ้งเวลาไว้นาน รักษาทันที เพิ่มโอกาสและประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งได้ และเครื่องมือในการรักษาที่ทันสมัยและตรงจุด อีกอย่างหนึ่งนะบรรยากาศใน รพ.ดูดีมากๆเลยอ่ะ เราเลยส่งคลิปให้เพื่อนดูเยอะมาก สรุปจบที่ขอนัดวิดีโอคอลคุยกับคุณหมอดูก่อน เพราะ รพ.อยู่ จ.อุบลฯ
คุณหมอบอกว่าถึงแม้ว่า รพ.ของเราจะอยู่ที่อุบลฯ ก็ตาม แต่ก็มีคนไข้เยอะมากที่มาจาก กทม. นราธิวาส เชียงใหม่ ฯลฯ รวมไปถึงที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านก็เยอะ ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางหรือการใช้ชีวิตระยะสั้นๆในช่วงการรักษาที่นี่ บินแค่ ชม.เดียว และโรงพยาบาลก็อยู่ไม่ไกลจากสนามบินอุบลฯ
จริงๆอยากจะสารภาพว่า ตอนแรกคิดว่าการติดต่อออนไลน์จะยุ่งยาก แต่ปรากฏว่าที่นี่มีระบบให้ผู้ป่วยนัดปรึกษาออนไลน์ได้ทันทีแค่ไม่กี่ขั้นตอน ซึ่งเหมาะมากกับผู้ป่วยที่อยู่ต่างจังหวัดและอยู่ในช่วงการตัดสินใจ แล้วพอถึงเวลานัด คุณหมอก็โผล่มาทักทายแบบกันเองมากเลย ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเกร็งเหมือนอยู่ในห้องตรวจจริงๆ คุณหมอน่ารักมาก พูดจาดี จิตวิทยาคุยกับคนไข้ขั้นเทพซึ่งเราว่าปัจจุบันหาไม่ง่ายเท่าไหร่นะ อ้อ คุณหมอที่ให้คำปรึกษาเพื่อนเราชื่อ นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งมา มากว่า 20 ปี ( สำหรับเราประสบการณ์ของคุณหมอทำให้เราอุ่นใจ ) และรีวิวนี้จริงๆ ตั้งใจอยากมาแชร์ความรู้ที่ได้จากการนั่งฟังคุณหมออธิบายเรื่องการรักษาเป็นเพื่อนเพื่อนนี่แหล่ะ
ส่วนใครอยากรู้จักคุณหมอ เพื่อนๆที่ป่วยและกังวลใจอยู่ เราแปะคลิปไว้ให้นะ
https://youtu.be/EvsmlicI3gU
ต่อๆ สิ่งแรกที่ชอบมากคือ คุณหมอไม่รีบ บอกว่ามีเวลาคุยและตอบคำถามได้จนกว่าเพื่อนเราจะเข้าใจ ไม่ใช้ศัพท์ยากๆ แต่เล่าให้เข้าใจง่ายเหมือนภาษาที่เราใช้พูดปกติทั่วไป คุณหมอเล่าว่าโรคมะเร็งปอดมักจะไม่แสดงอาการในระยะแรกบางคนแค่ไอเรื้อรังหรือเหนื่อยง่ายก็อาจเป็นสัญญาณแล้ว ยิ่งช่วงแรกไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงอย่างผู้ที่สูบบุหรี่จัด หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งปอด ยิ่งควรตรวจเร็ว เพราะ "การเจอเร็วคือโอกาสรอด" หมออธิบายอีกว่าเซลล์มะเร็งไม่ใช่แค่ก้อนเนื้อธรรมดา แต่มันคือเซลล์ที่ผิดปกติและลุกลามได้ไว ถ้าไม่ควบคุมเร็วก็อาจลามไปอวัยวะอื่น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าแย่ที่สุดเสมอไป เพราะยังต้องมีการตรวจเพิ่มอีกหลายขั้นตอน และถ้าเจอเร็ว ก็ยังมีโอกาสรักษาให้หายได้ เดี๋ยวนี้เลยมีการตรวจคัดกรองเหมือนตรวจสุขภาพประจำปีด้วย
ตลอดชั่วโมงของการวิดีโอคอล เราและเพื่อนได้เรียนรู้หลายอย่างที่อ่านในเน็ตก็ไม่เคยเข้าใจชัดขนาดนี้เลย เช่น
วิธีรักษามะเร็งในปี 2025 นี้ ไม่ได้มีแค่คีโมที่หลายคนกลัวผลข้างเคียงนะ แต่ยังมีการผ่าตัด, ยาพุ่งเป้า (Targeted Therapy), ยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy) และอื่นๆ แต่ละวิธีไม่ได้เหมาะกับทุกคน ต้องดูว่าร่างกายและพันธุกรรมของผู้ป่วยตอบสนองแบบไหน ฟังแล้วเราเข้าใจขึ้นเยอะ ที่สำคัญคือเพื่อนเริ่มผ่อนคลายได้อีกครั้งจากที่ตอนแรกเครียดหนักมาก
คุณหมอยังเล่าให้ฟังด้วยว่า ที่โรงพยาบาลมีเครื่องมือใหม่ ๆ ในการรักษามะเร็งปอด เช่น
· เครื่องฉายรังสีพลังงานสูงแบบ IMRT (Intensity-Modulated Radiation Therapy) ซึ่งสามารถปรับระดับพลังงานและมุมฉายให้เหมาะกับรูปร่างของก้อนมะเร็งแบบรายบุคคล ทำให้ลดผลกระทบกับอวัยวะข้างเคียงได้มาก
· เทคนิคฉายแสงพุ่งเป้า SBRT (Stereotactic Body Radiation Therapy) ซึ่งเป็นการฉายแสงแบบพุ่งเป้าแม่นยำสูง เหมาะกับมะเร็งระยะต้นที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือคนไข้ที่ร่างกายอ่อนแอ
· Hyperthermia (การรักษาด้วยความร้อนเฉพาะจุด) ใช้ความร้อนเฉพาะจุดตรงไปเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรง เพิ่ม%การตายของเซลล์มะเร็ง และผลข้างเคียงต่ำมาก และเห็นว่ามีแค่ไม่กี่ที่ในไทยที่ใช้เครื่องนี้นี้ด้วยนะ
https://www.facebook.com/reel/1339742777513677
· ทีมแพทย์และนักฟิสิกส์การแพทย์ที่คอยดูแลใกล้ชิดทุกเคส ไม่ใช่แค่กดปุ่มแล้วจบ แต่คือการปรับตามสภาพจริงของผู้ป่วยแต่ละคน
พูดตรง ๆ คือพอฟังแบบนี้ เราเองยังรู้สึกว่าโชคดีที่เจอที่นี่ เพราะไม่ใช่ทุกโรงพยาบาลในภูมิภาคจะมีเครื่องมือและทีมที่ครบแบบนี้ ที่สำคัญไม่ต้องรอคิวนาน และสิ่งที่ทำให้เราประทับใจที่สุดคือ คุณหมอไม่ได้กดดันให้รีบตัดสินใจ แต่เปิดให้ถามได้ทุกเรื่องรวมถึงค่ารักษาด้วย คุณหมอแจ้งราคาชัดเจนและ แจ้งถึงสิทธิ์เบิกค่ารักษาต่างทั้งสิทธิ์ราชการและประกันชีวิต และยังให้เวลาเพื่อนคิดอย่างเต็มที่ ถึงขั้นที่เพื่อนบอกว่า เหมือนได้คุยกับคนในครอบครัวที่อยากให้เราหายจริงๆ
สรุปคือ แค่การวิดีโอคอลครั้งนี้ก็ทำให้เพื่อนเรามีพลังใจขึ้นเยอะ จากที่ร้องไห้เครียดบ่อยในช่วงนี้ พอวางสายจากหมอ เพื่อนเราก็มีความหวังขึ้นมาเลย เราเองยังรู้สึกเลยว่า เออ การได้ข้อมูลที่ถูกต้องบวกกับการพูดคุยที่รู้สึกว่าใส่ใจนี่มันเหมือนยาคลายเครียดชั้นดีจริง ๆ
หลังจากคุยกับหมอและกลับไปคิดแล้ว เพื่อนบอกเราว่าตัดสินใจจะบินไปรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรานี่แหล่ะ ไว้ครั้งหน้าจะมารีวิวจากสถานที่จริงกัน
รักษาสุขภาพกันนะทุกคน......
คุณหมอบอกว่าถึงแม้ว่า รพ.ของเราจะอยู่ที่อุบลฯ ก็ตาม แต่ก็มีคนไข้เยอะมากที่มาจาก กทม. นราธิวาส เชียงใหม่ ฯลฯ รวมไปถึงที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านก็เยอะ ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางหรือการใช้ชีวิตระยะสั้นๆในช่วงการรักษาที่นี่ บินแค่ ชม.เดียว และโรงพยาบาลก็อยู่ไม่ไกลจากสนามบินอุบลฯ
จริงๆอยากจะสารภาพว่า ตอนแรกคิดว่าการติดต่อออนไลน์จะยุ่งยาก แต่ปรากฏว่าที่นี่มีระบบให้ผู้ป่วยนัดปรึกษาออนไลน์ได้ทันทีแค่ไม่กี่ขั้นตอน ซึ่งเหมาะมากกับผู้ป่วยที่อยู่ต่างจังหวัดและอยู่ในช่วงการตัดสินใจ แล้วพอถึงเวลานัด คุณหมอก็โผล่มาทักทายแบบกันเองมากเลย ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเกร็งเหมือนอยู่ในห้องตรวจจริงๆ คุณหมอน่ารักมาก พูดจาดี จิตวิทยาคุยกับคนไข้ขั้นเทพซึ่งเราว่าปัจจุบันหาไม่ง่ายเท่าไหร่นะ อ้อ คุณหมอที่ให้คำปรึกษาเพื่อนเราชื่อ นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งมา มากว่า 20 ปี ( สำหรับเราประสบการณ์ของคุณหมอทำให้เราอุ่นใจ ) และรีวิวนี้จริงๆ ตั้งใจอยากมาแชร์ความรู้ที่ได้จากการนั่งฟังคุณหมออธิบายเรื่องการรักษาเป็นเพื่อนเพื่อนนี่แหล่ะ
ส่วนใครอยากรู้จักคุณหมอ เพื่อนๆที่ป่วยและกังวลใจอยู่ เราแปะคลิปไว้ให้นะ
https://youtu.be/EvsmlicI3gU
ต่อๆ สิ่งแรกที่ชอบมากคือ คุณหมอไม่รีบ บอกว่ามีเวลาคุยและตอบคำถามได้จนกว่าเพื่อนเราจะเข้าใจ ไม่ใช้ศัพท์ยากๆ แต่เล่าให้เข้าใจง่ายเหมือนภาษาที่เราใช้พูดปกติทั่วไป คุณหมอเล่าว่าโรคมะเร็งปอดมักจะไม่แสดงอาการในระยะแรกบางคนแค่ไอเรื้อรังหรือเหนื่อยง่ายก็อาจเป็นสัญญาณแล้ว ยิ่งช่วงแรกไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงอย่างผู้ที่สูบบุหรี่จัด หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งปอด ยิ่งควรตรวจเร็ว เพราะ "การเจอเร็วคือโอกาสรอด" หมออธิบายอีกว่าเซลล์มะเร็งไม่ใช่แค่ก้อนเนื้อธรรมดา แต่มันคือเซลล์ที่ผิดปกติและลุกลามได้ไว ถ้าไม่ควบคุมเร็วก็อาจลามไปอวัยวะอื่น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าแย่ที่สุดเสมอไป เพราะยังต้องมีการตรวจเพิ่มอีกหลายขั้นตอน และถ้าเจอเร็ว ก็ยังมีโอกาสรักษาให้หายได้ เดี๋ยวนี้เลยมีการตรวจคัดกรองเหมือนตรวจสุขภาพประจำปีด้วย
ตลอดชั่วโมงของการวิดีโอคอล เราและเพื่อนได้เรียนรู้หลายอย่างที่อ่านในเน็ตก็ไม่เคยเข้าใจชัดขนาดนี้เลย เช่น
วิธีรักษามะเร็งในปี 2025 นี้ ไม่ได้มีแค่คีโมที่หลายคนกลัวผลข้างเคียงนะ แต่ยังมีการผ่าตัด, ยาพุ่งเป้า (Targeted Therapy), ยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy) และอื่นๆ แต่ละวิธีไม่ได้เหมาะกับทุกคน ต้องดูว่าร่างกายและพันธุกรรมของผู้ป่วยตอบสนองแบบไหน ฟังแล้วเราเข้าใจขึ้นเยอะ ที่สำคัญคือเพื่อนเริ่มผ่อนคลายได้อีกครั้งจากที่ตอนแรกเครียดหนักมาก
คุณหมอยังเล่าให้ฟังด้วยว่า ที่โรงพยาบาลมีเครื่องมือใหม่ ๆ ในการรักษามะเร็งปอด เช่น
· เครื่องฉายรังสีพลังงานสูงแบบ IMRT (Intensity-Modulated Radiation Therapy) ซึ่งสามารถปรับระดับพลังงานและมุมฉายให้เหมาะกับรูปร่างของก้อนมะเร็งแบบรายบุคคล ทำให้ลดผลกระทบกับอวัยวะข้างเคียงได้มาก
· เทคนิคฉายแสงพุ่งเป้า SBRT (Stereotactic Body Radiation Therapy) ซึ่งเป็นการฉายแสงแบบพุ่งเป้าแม่นยำสูง เหมาะกับมะเร็งระยะต้นที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือคนไข้ที่ร่างกายอ่อนแอ
· Hyperthermia (การรักษาด้วยความร้อนเฉพาะจุด) ใช้ความร้อนเฉพาะจุดตรงไปเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรง เพิ่ม%การตายของเซลล์มะเร็ง และผลข้างเคียงต่ำมาก และเห็นว่ามีแค่ไม่กี่ที่ในไทยที่ใช้เครื่องนี้นี้ด้วยนะ
https://www.facebook.com/reel/1339742777513677
· ทีมแพทย์และนักฟิสิกส์การแพทย์ที่คอยดูแลใกล้ชิดทุกเคส ไม่ใช่แค่กดปุ่มแล้วจบ แต่คือการปรับตามสภาพจริงของผู้ป่วยแต่ละคน
พูดตรง ๆ คือพอฟังแบบนี้ เราเองยังรู้สึกว่าโชคดีที่เจอที่นี่ เพราะไม่ใช่ทุกโรงพยาบาลในภูมิภาคจะมีเครื่องมือและทีมที่ครบแบบนี้ ที่สำคัญไม่ต้องรอคิวนาน และสิ่งที่ทำให้เราประทับใจที่สุดคือ คุณหมอไม่ได้กดดันให้รีบตัดสินใจ แต่เปิดให้ถามได้ทุกเรื่องรวมถึงค่ารักษาด้วย คุณหมอแจ้งราคาชัดเจนและ แจ้งถึงสิทธิ์เบิกค่ารักษาต่างทั้งสิทธิ์ราชการและประกันชีวิต และยังให้เวลาเพื่อนคิดอย่างเต็มที่ ถึงขั้นที่เพื่อนบอกว่า เหมือนได้คุยกับคนในครอบครัวที่อยากให้เราหายจริงๆ
สรุปคือ แค่การวิดีโอคอลครั้งนี้ก็ทำให้เพื่อนเรามีพลังใจขึ้นเยอะ จากที่ร้องไห้เครียดบ่อยในช่วงนี้ พอวางสายจากหมอ เพื่อนเราก็มีความหวังขึ้นมาเลย เราเองยังรู้สึกเลยว่า เออ การได้ข้อมูลที่ถูกต้องบวกกับการพูดคุยที่รู้สึกว่าใส่ใจนี่มันเหมือนยาคลายเครียดชั้นดีจริง ๆ
หลังจากคุยกับหมอและกลับไปคิดแล้ว เพื่อนบอกเราว่าตัดสินใจจะบินไปรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรานี่แหล่ะ ไว้ครั้งหน้าจะมารีวิวจากสถานที่จริงกัน
รักษาสุขภาพกันนะทุกคน......
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย MacOS
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
