ละคร สุภาพบุรุษชาวดิน

ดู 3,310 ครั้ง / แชร์
ละครออกอากาศ วันพุธ วันพฤหัส
ช่องที่ออกอากาศ ละครช่อง 7
เริ่มออกอากาศ 29 มีนาคม 2550
เวลาออกอากาศ 20:30 - 22:00 น.
  
ประพันธ์โดย ก.สุรางคนางค์
นำแสดงโดย
ธนา สุทธิกมล์ ... วศิน / พ่อเลี้ยงคำอินทร์
สาวิกา ไชยเดช ... ภัควดี
ดวงดาว จารุจินดา ... สุดาวรรณ
วันชัย เผ่าวิบูล ... สรวิชญ์
สมภพ เบญจาธิกุล ... วรกิจ
ปิยะมาศ โมนยะกุล ... ภัสสร
ศรุต วิจิตรานนท์ ... สิทธิศักดิ์
ชินมิษ บุนนาค ... อติศักดิ์
ณัฏฐริณีย์ กรรณสูต ... อรศรี
สุภัทธา ทิวานนท์ ... วาด
รชยา รักกสิกรณ์ ... พวงมณี
วาสนา สิทธิเวช ... เสาวภา / แม่เลี้ยงอังกาบ
อุษณีย์ วัฒฐานะ ... วินพัตรา / เจ้าน้อย
พงศ์ประยูร ราชอาภัย ... เจ้าพลกาวิน
พิพัฒน์พล โกมารทัต ... ทองเติม
วีรินทร์ เชยอรุณ ... เรือนแก้ว
อัครพล ทองธราดล ... อินปัน
แจ๊ส สยาม ... เจ้าอินมงคล
บุศรา นฤมิตร ... คุณนายอมรา

ภาพนิ่งจากละคร

เรื่องย่อ สุภาพบุรุษชาวดิน

เรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งกับหัวใจนักสู้ แม้จะมีอุปสรรคขวากหนามในชีวิตมากมาย แต่เขาไม่เคยย่อท้อที่จะสู้กับความชั่ว เพื่อดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี...ด้วยความดีที่เขาเลือกให้เป็นสรณะแห่งชีวิต เขาเป็นคนหนึ่งที่กล่าวได้อย่างเต็มปากว่า เราไม่สามารถขีดเส้นชะตาชีวิตของเราได้ แต่ความดี...ความชั่ว เราเลือกได้

วศิน ศิริเสนี คือชายหนุ่มผู้นั้น สกุล ศิริเสนี เป็นสกุลผู้ดีเก่าที่ตกทอดมาหลายชั่วคน ประมุขของสกุลคนปัจจุบันคือ คุณอมรา มีลูกชายคนเดียวชื่อ สรวิชญ์ นักธุรกิจหนุ่มเนื้อหอม สรวิชญ์แต่งงานกับสุดาวรรณ หญิงสาวลูกเศรษฐี ด้วยเหตุผลเดียวคือความเหมาะสมกันทางสังคม และเศรษฐกิจ เมื่อแต่งงานกันแล้ว ทั้งสรวิชญ์และสุดาวรรณ ก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเมื่อก่อนแต่งงาน สรวิชญ์ยังคงเป็นเพลย์บอยเที่ยวเตร่หาความสำราญแบบคนหนุ่ม ในขณะที่สุดาวรรณก็ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ในสังคมชั้นสูง แม้จะมีบุตรชายหญิง 2 คน คือ อติศักดิ์ และอรศรี แต่สุดาวรรณไม่สนใจเลี้ยงลูก ปล่อยให้พี่เลี้ยงและคุณอมราผู้เป็นย่าเลี้ยงหลานกันไป

คุณอมรามีเด็กสาวต้นห้องชื่อ วาด เป็นผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนหวาน นุ่มนวลเอาใจเก่ง และวันหนึ่งวาดก็ตกเป็นภรรยาของสรวิชญ์ ด้วยความจำยอมกึ่งเต็มใจของวาดเอง และด้วยแรงผลักดันของคุณอมราด้วย และในที่สุด วาด ท้อง สุดาวรรณโกรธ จ้องเตรียมจะฟ้องหย่า แต่ฉุกใจคิดว่าเรื่องอะไรจะปล่อยให้วาดมีโอกาสเลื่อนฐานะขึ้นมาเป็นภรรยาเอก เพรารู้ดีว่าคุณอมรารักวาดมาก อีกทั้งกิจการบ้านเรือน ตลอดจนการเข้าสังคม คุณอมราฝึกฝนไว้ทุกอย่าง สุดาวรรณจึงใช้วิธีเดียวกับคุณอมรา คือ พาหลานสาวคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในบ้าน และการก็เป็นไปดังคาดคือ พวงมณี หลานของสุดาวรรณตกเป็นภรรยาของสรวิชญ์อีกคน

วาด คลอดบุตรชาย คุณอมราตั้งชื่อว่า วศิน เด็กชายเป็นเหมือนสายน้ำประโลมใจผู้เป็นแม่ เพราะพ่อไม่รักและไม่สนใจ สรวิชญ์ยังคงดำเนินชีวิตสนุกสนาน เที่ยวเตร่ เจ้าชู้เรื่อยไป เมียทุกคนต้องหวานอมขมกลืนกับพฤติกรรมไร้ศีลธรรมของสรวิชญ์ เว้นแต่วาดที่ปลดกิเลสส่วนนี้ได้อย่างสิ้นเชิง ก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูก พร้อมทั้งปรนนิบัติคุณอมราอย่างเต็มกำลัง ต่อมาคุณอมราล้มเจ็บ สรวิชญ์เชื่อแรงยุของสุดาวรรณว่าระวังคุณนายจะยกสมบัติให้วาด จึงพยายามเคี่ยวเข็นถามหาพินัยกรรม ในที่สุดเมื่อคุณอมราเสียชีวิต ทรัพย์สมบัติทั้งหมดตกเป้นของสรวิชญ์ โดยที่ทุกคนหารู้ไม่ว่าคุณนายออกจากโรงพยาบาลไปโอนที่แปลงหนึ่งให้วศินเรียบร้อยแล้ว

เมื่อไม่มีคุณอมรา วาดกับวศินเหมือนเรือที่อยู่ท่ามกลางมรสุม เด็กชายวศินอายุเพียง 10 ขวบ ถูกกลั่นแกล้ง ถูกรังแกจากแม่เลี้ยง พี่ชายและพี่สาว วาดช่วยเหลือลุกได้น้อยมาก ทำได้แต่เพียงป้องกันไม่ให้วศินออกไปเสวนาวิสาสะกับใครๆ ในบ้าน แม้แต่พ่อบังเกิดเกล้าก็ไม่สามารถปกป้องลูกชายจากแรงเกลียดและกลั่นแกล้งของสามแม่ลูกได้ วศินจึงเป็นเด็กค่อนข้างเงียบขรึม ฟังและคิดมากกว่าพูด

แล้ววันสิ้นสุดก็มาถึง วาดหอบลูกออกจากบ้านทันทีเมื่อพบว่า สรวิชญ์ตัดสินกรณีพิพาทระหว่างเด็กๆ อย่างไร้ความยุติธรรม ไม่มีการสอบสวนหาความจริง วศินถูกลงโทษอย่างหนักทั้งๆ ที่ไม่ใช่คนผิด วาดเสียใจหนักขึ้นเพราะสรวิชญืไม่ทัดทานแม้แต่คำเดียว สองแม่ลุกออกมาเช่าบ้านหลังเล็กๆ และเปิดร้านขายอาหาร กิจการร้านอาหารเจริญขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะฝีมือ อัธยาศัย การบริการของสองแม่ลูก วศินนั้นเป็นอภิชาตบุตรโดยแท้ เขาตั้งใจเรียนและตั้งใจช่วยแม่ทำมาค้าขายอย่างสุดชีวิต ด้วยความกตัญญูอันเป็นคุณค่าประจำใจของวศิน เขาตั้งใจอย่างมั่นคงว่า เขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่อแบ่งเบาภาระของแม่ เขายืนยันว่าจะออกจากโรงเรียนเดิม เพราะเป็นโรงเรียนของพวกผู้ดีมีเงินเก็บค่าเล่าเรียนแพงมาก แต่วาดยืนยนให้วศินเรียนที่ดรงเรียนนี้ต่อไป แม่ลูกขัดแย้งกันค่อนข้างแรง วศินตัดสินใจลาออกด้วยตัวเอง ปลอมลายเซ็นแม่ เพราะยอมให้แม่ลำบากต่อไปอีกไม่ได้ วาดเสียใจมากเมื่อรู้ความจริง วาดไปหาครูใหญ่สมัครให้วศินเข้าไปเรียนอีก วศินไม่ยอมท่าเดียวจนวาดต้องเปิดสมุดบัญชีให้ดูว่าเงินมี เพราะวาดขายที่ดินมรดกแปลงนั้นไปแล้ว เงินนี้เท่ากับคุณย่าให้หลานเรียนหนังสือ นั่นแหละวศินจึงยอม

ที่โรงเรียน วศินเป็นที่รักของเพื่อนฝูง ครูอาจารย์ ยกเว้นสองคน คือ อดิศักดิ์ พี่ชายต่างมารดา และสิทธิศักดิ์ เพื่อนของอดิศักดิ์ เด็กชายที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย พ่อของสิทธิศักดิ์ชื่อ วรกิจ เป็นเพื่อนสนิทของสรวิชญ์ แม่ชื่อ ภัสสร ผู้หญิงที่มีชีวิตฟุ้งเฟ้อ ดูถูกคนจน ตรงกันข้ามกับ ภัควดี น้องสาวที่นิสัยเหมือนพ่อ คือ เมตตากรุณา น้ำใจดีงาม และเห็นคนทุกคนเท่าเทียมกัน

วันหนึ่งฝนตกหนัก รถของวรกิจจอดรับวศินไปส่งบ้าน ทันทีที่เห็นภัควดี ได้ยินเสียงภัควดี ความเย็นฉ่ำชื่นใจหลั่งไหลไปทั่วหัวใจของวศิน เย็นฉ่ำยิ่งกว่าสายฝนที่กำลังตกหนักอยู่ในขณะนั้น และต่อจากนั้นจนตลอดชีวิต ภัควดีไม่เคยจากหายไปจากจิตใจของวศิน เธอคือผู้หญิงคนเดียวที่ตรึงใจตรึงชีวิตของวศิน เธอคือแสงสว่างที่ส่องกลางใจเขาให้เขามีความมานะ อดทน พยายาม และตั้งมั่นอยู่ในความดีตลอดมา

วันหนึ่งวศินกลับจากโรงเรียน เหมือนสายฟ้าฟาดในวันที่ไร้เมฆฝน แม่วาดเสียชีวิแล้วอย่างฉับพลันทันที วศินรู้สึกเหมือนโลกถล่มทลาย เคว้งคว้างสิ้นหวังและไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ต่อมาวันหนึ่งสรวิชญ์ปรากฏตัวมารับวศินกลับบ้าน

ชีวิตของวศินในบ้านของพ่อบังเกิดเกล้า เป็นชีวิตที่ท้าทายความอดทนและอดกลั้นของเด็กหนุ่มอย่างมาก ทั้งสรวิชญ์ผู้พ่อ สุดาวรรณแม่เลี้ยง พวงมณีภรรยาอีกคนของพ่อผู้ซึ่งแม้จะอยู่ภายใต้อำนาจของสุดาวรรณผู้เป็นน้า แต่ก็มีอิสระเต็มที่ที่จะรุกรานวศิน รวมทั้งอติศักดิ์พี่ชายวศิน และอ๋อย กับอี๊ด ลูกๆ ของพวงมณีด้วย ทุกคนทุ่มเทความเกลียดชัง การกลั่นแกล้ง และความกดดันลงสู่วศิน แม้จะมีภัควดีคอยปลอบโยนให้กำลังใจ แต่ด้วยความอ่อนเยาว์ ความว้าเหว่และโดดเดี่ยวในบ้านเกิดของตนแท้ๆ ทำให้วศินหมดความอดทน เขาจึงต้องออกจากบ้านไป

สิบปีผ่านไป ชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฎตัวในงานศพของวรกิจ ในงานหลายคนที่เคยมีทางชีวิตทางเดียวกันกับชายหนุ่มผู้นั้นอยู่กันครบครัน ทุกคนคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นหน้า แต่ไม่มีใครระบุได้ว่าชายหนุ่มผู้มางานในรถคันโก้ พร้อมทั้งหรีดดอกไม้สดราคาแพงผู้นี้เป็นใคร ภัควดีดูจะเป้นคนเดียวที่นึกออกว่าชายหนุ่มผู้นี้คือ วศิน แต่เจ้าตัวปฏิเสธและบอกว่าเขาชื่อ คำอินทร์ สุริยวงศื อยู่เชียงใหม่

ย้อนหลังไปสิบปีที่แล้ว วศินผู้กำลังผิดหวังและเสียใจ ขึ้นรถไฟไปทางเหนือเพื่อไปหาผึ้งกับแตนที่เคยเป็นคนช่วยขายของในร้านของแม่ พบชายผู้หนึ่งกำลังถูกคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ที่ตู้รถโดยสารชั้นหนึ่ง วศินช่วยไว้ได้ ชายผู้นั้นคือ เจ้าอินมงคล พ่อเลี้ยงทางเหนือ เจ้าอินมงคลชวนไปอยู่เชียงใหม่ด้วย เมื่อรู้ว่าวศินไม่มีที่ไป ที่เชียงใหม่เจ้าอินมงคลพาไปทำงานรับใช้ในไร่ของ แม่เลี้ยงอังกาบ ผู้ซึ่งเมตตารักใคร่วศินอย่างแปลกประหลาด ในที่สุดก็รู้ว่าวศินคือหลานแท้ๆ ของตน เพราะอังกาบเป็นน้องแท้ๆ ของสรวิชญ์ชื่อ เสาวภา แต่หนีตามประมวลคนรักมาสร้างฐานะร่ำรวยอยู่เชียงใหม่ แต่สองคนไม่มีลูกจึงรับวศินเป็นบุตรบุญธรรมและรักใคร่วศินยิ่งนัก วศินเองทำตัวสมกับความรัก เขาขยันขันแข็งช่วยกิจการงานในไร่ ต่อมาได้เดินทางไปศึกษาต่อด้านการเกษตรที่สหรัฐอเมริกา เมื่อกลับมาพ่อเลี้ยงประมวลเสียชีวิต วศินหรือคำอินทร์ในชื่อใหม่ จึงรับผิดชอบดูแลกิจการไร่ส้มและโรงงานทอผ้า และอื่นๆ ของแม่เลี้ยงต่อมา

วศินกลับมาเชียงใหม่ โดยมีภัควดีอยู่ในความคิดคำนึงตลอดเวลา เขารู้ว่าภัควดีจำเขาได้ คำที่เธอถามเขาว่า วศินใช่ไหมคะ ดังก้องกังวานอยู่ในหู และเช่นเดียวกับภัควดี เธอแน่ใจว่าเขาคือ วศิน แต่คำตอบที่เธอได้ยินกลับเป็นคำว่า ไม่ใช่ครับ ผมชื่อ คำอินทร์ สุริยวงศ์

หลังจากงานศพคุณวรกิจเสร็จสิ้นลง สิทธิศักดิ์ได้ชักชวนมารดาขึ้นมาเชียงใหม่เพราะเขาและอดิศักดิ์คิดจะลงทุนเปิดโรงงานผลิตผลไม้กระป๋องที่นั่น ร่วมกับ ทองเติม นักธุรกิจที่จะเป็นนายทุนใหญ่ ทองเติม ต้องการที่จะซื้อที่ดินของ เจ้าพลกาวิน ซึ่งเป็นน้องชายของเจ้าอินมงคล แต่พลกาวินต้องการที่จะขายที่ดินให้กับวศิน เนื่องจากหวังที่จะให้ลูกสาว คือ เจ้าน้อย หรือ เจ้าวินพัตรา ได้แต่งงานกับคำอินทร์ นอกจากจะได้คนดีๆ เป็นลูกเขยแล้ว ทรัพย์สมบัติยังไม่ไปไหนอีกด้วย ทองเติมพาคณะจากกรุงเทพฯ เที่ยวชมตามสถานที่สำคัญต่างๆ วันหนึ่งขณะลงจากดอย รถเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ คุณนายภัสสรบาดเจ็บสาหัส นอกนั้นเจ็บคนละเล็กละน้อย ทำให้ภัควดี และสรวิชญ์ต้องเดินทางขึ้นมาเชียงใหม่อย่างเร่งด่วน

ทั้งหมดได้พบกับวศินภายใต้ชื่อพ่อคำอินทร์ ภัควดีจำเขาได้แม่นยำ แน่ใจว่าคือวศิน แต่เธอก็ต้องเก็บทุกอย่างไว้ในใจ เพราะวศินยังไม่เปิดเผยตัว เขาบอกตัวเองไม่ถูกว่าทำไมไม่บอกความจริงไปอาจจะเป็นความรู้สึกส่วนลึกที่อยากรู้ว่า เธอจะมั่นคงกับวศินคนจนๆ เมื่อก่อน หรือกับพ่อเลี้ยงคำอินทร์ผู้ร่ำรวย การพบกันไม่กี่วันที่เชียงใหม่นี้ทำให้ทั้งสองคนได้ใกล้ชิดกันจนเกือบจะเข้าใจกันแล้วว่าต่างคนต่างมีใจให้กัน ถ้าไม่มีผู้หญิงอีกสามคนที่ภัควดีได้พบในเวลาต่อมา

ที่ไร่อังกาบ มีแขกประจำคนหนึ่งชื่อ เรือนแก้ว เป็นแม่ม่ายสาวสวยมีกิจการค้าขายพืชผลการเกษตรมากมาย ซึ่งมีเหตุผลที่จะต้องมาติดต่อกับทางไร่เป็นประจำ และคำอินทร์หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดจาสัมพันธ์ด้วย และเพราะคำอินทร์เป็นสุภาพบุรุษยิ่งนัก เขาจึงพูดจากกับเรือนแก้วอย่างสุภาพ แม้เรือนแก้วเข้าใจผิดว่าคำอินทร์ชอบตนเกินเพื่อน คนอื่นๆ ทั่วไปก็เข้าใจดังนั้น คำอินทร์ไม่เคยปริปากแก้ความเข้าใจผิดให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่เรือนแก้ว เขาเพียงแต่บอกกับแม่เลี้ยงอังกาบว่าความจริงต้องปรากฏขึ้นวันหนึ่ง แม้ในเวลาต่อมา คำอินทร์จะได้รู้เรื่องอดีตของเรือนแก้ว ว่าเบื้องหลังความสุขและเสียงหัวเราะคือชีวิตที่บอบช้ำจากครอบครัวที่กดขี่บังคับ และจากสามีที่เจ้าชู้และทารุณถึงขั้นทำร้ายจนเรือนแก้วมีสภาพจิตใจไม่ปกติ คำอินทร์เคยเห็นอาการผิดปกติรุนแรงของเรือนแก้วจึงสงสาร บางเวลาที่เรือนแก้วต้องการที่พึ่ง คำอินทร์จึงช่วยเหลืออย่างเต็มใจ ดังนั้นจึงเป็นที่ร่ำลือกันไปว่าคำอินทร์รักกับเรือนแก้ว ประกอบกับเรือนแก้วพยายามที่จะทำให้คนเข้าใจอย่างนั้น โดยการแสดงออกทุกอย่าง หาโอกาสที่จะได้ไปไหนต่อไหนกันสองต่อสองเป็นประจำ ผู้คนจึงเข้าใจผิดกันไปใหญ่

เรือนแก้วมีคู่แข่งคนหนึ่งชื่อ บัวขาว ผู้เป็นน้องสาของ อินปัน คนสนิทของคำอินทร์ อินปันเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต และรักคำอินทร์มาก เพราะคำอินทร์เคยช่วยชีวิตไว้ ความรักนั้นเผื่อแผ่มาถึงบัวขาวที่ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านของไร่อังกาบ คำอินทร์เมตตาบัวขาวมากเกินกว่าคนงานธรรมดา ทำให้บัวขาวเพ้อฝันหลงรัก และเป็นปฏิปักษ์กับใครก็ตามที่จะเข้ามาใกล้ชิดคำอินทร์ และแน่นอนคนแรกคือเรือนแก้ว คนสำคัญอีกคนหนึ่งที่ภัควดีระแวงว่ามีอะไรกับคำอินทร์หรือเปล่าคือเจ้าน้อยวินพัตรา หญิงสาวสวย น่ารัก ชาติตระกูลดี เป็นผู้ดีทั้งกิริยาและวาจา เธอเป็นคนที่ผู้ใหญ่หมายมั่นจะให้แต่งงานกับคำอินทร์เพราะความเหมาะสมกันทุกอย่าง วินพัตรา รัก คำอินทร์ แต่คำอินทร์ สุภาพและอ่อนโยนกับเธอ ไม่มีทีท่าอะไรพิเศษ วินพัตราเข้าใจโดยสัญชาติญาณของผู้หญิง แต่ด้วยความรักจึงยังคทำตัวใกล้ชิดกับคำอินทร์ตามแรงยุของผู้ใหญ่ตลอดเวลา ภัควตีเป็นเป้าความไม่ชอบและไปถึงขั้นเกลียดชัง จากผู้หญิงสองคนที่เกี่ยวข้องกับคำอินทร์ คือ เรือนแก้วและบัวขาว ภัควดี พร้อมที่จะถอยเธอไม่ทำตัวเป็นคู่แข่งของสองสาว แต่คำอินทร์ก็ไม่เคยชี้แจงอย่างเป็นทางการว่าเขาไม่มีอะไรกับสองคนนั้น เขาเพียงแสดงให้เธอรู้ว่าเธอคือคนสำคัญของเขา แต่สิ่งที่ภัควดีได้ยินได้ฟังหรือได้ประสบกับตนเองจากสองสาว ทำให้ภัควดีเข้าใจผิดและคิดว่าเธอต้องเป็นฝ่ายล่ำถอย

หญิงสาวทั้งสี่คนที่มีเส้นทางความรักเกี่ยวพันกับพ่อเลี้ยงคำอินทร์ แม้คำอินทร์จะรู้ตัวว่าเขารักใคร แต่ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษเขาจึงสงวนท่าที สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะภัควดีไม่เคยแสดงท่าทีอะไรเกินเลย ไม่มีแม้แต่สายตาที่บ่งบอกความในใจ จึงทำให้สุภาพบุรุษอย่างคำอินทร์ไม่สามารถแสดงความรู้สึกอะไรต่อเธอได้ ในที่สุดความลับของคำอินทร์ก็เปิดเผยขึ้นเมื่อสรวิชญ์ได้พบกับอังกาบหรือเสาวภาน้องสาวที่จากกันมานาน พ่อเลี้ยงคำอินทร์คือ วศิน บุตรชายของเศรษฐีผู้ดีเก่าอย่างสรวิชญ์ จากลูกเลี้ยงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าได้กลายเป็นหลานแท้ๆ ของอังกาบเจ้าของไร่ พ่อเลี้ยงคำอินทร์ผู้ซึ่งเป็นที่รักใคร่ของคนทั้งหลายอยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มความน่ารัก น่านับถือ น่าสนใจจากผู้คน ทั้งหลายอีกเป็นทวีคูณ แต่ความดีมิได้ชนะทุกคนอย่างที่ควรจะเป็น พ่อเลี้ยงคำอินทร์หรือวศินมีคนที่เห็นเขาเป็นศัตรูร่วมกันหลายคน ในฐานพ่อเลี้ยงคำอินทร์ นายทองเติมเห็นว่าเขาเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง เพราะทองเติมเป็นพ่อค้าที่การโกงและความทุจริตเป็นสรณะในการประกอบอาชีพ ทำให้ขัดแย้งกับคำอินทร์และจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของทองเติมทุกครั้ง ในฐานะนายวศิน อติศักดิ์ พี่ชายเกลียดชังจนเข้ากระดูก เพราะตนเองเป็นคนเลวสมบูรณ์แบบทั้งสุรานารี และไม่เคยเอาใจใส่การงานจนสรวิชญ์ผู้พ่อเอือมระอา อีกคนที่ไม่ชอบวศินเลยคือ สิทธิศักดิ์พี่ชายของ ภัควดี เพราะสิทธิศักดิ์ชอบเจ้าน้อยวินพัตรา แต่วินพัตรารักวศินใครๆ ก็รู้ดี สิทธิศักดิ์หรือจะไม่หมายมั่นอยากกำจัดวศินให้ตายไปจากโลกนี้ ที่สำคัญทองเติม อติศักดิ์ และสิทธิศักดิ์ เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกัน คือ โรงงานผลไม้กระป๋องที่กำลังจะสร้าง ที่ดินที่ทั้งสามต้องการเพื่อสร้างโรงงานคือที่ดินผืนใหญ่ติดกับไร่อังกาบ ที่ดินผืนนั้นเจ้าของคือเจ้าพลกาวิน บิดาของเจ้าน้อยวินพัตรา และในขณะเดียวกันวศินก็ติดต่อขอซื้อที่ผืนนั้นเพื่อขยายธุรกิจการทำผลไม้กระป๋องเช่นกัน

แผนการณ์กำจัดคำอินทร์หรือวศินในฐานะศัตรูหมายเลขหนึ่ง ดำเนินไปจนถึงลอบฆ่าให้ตาย ทองเติมเป็นคู่ขาของเรือนแก้วมานาน จึงใช้เรือนแก้วเป็นเหยื่อล่อวศินให้มาติดกับ แต่วศินก็แคล้วคลาดไปได้ สุดท้ายคือการจับวศินไปเพื่อฆ่าในที่ดินที่แย่งชิงกันอยู่นั่นเอง อดิศักดิ์ลั่นวาจาขอฆ่าด้วยตนเอง เพราะมีความแค้นต่อกันมาเนิ่นนาน กระสุนจากปืนอติศักดิ์ลั่นเข้าสู่ร่างกายของวศิน พร้อมๆ กับกำลังตำรวจถึงทีเกิดเหตุพอดี ภัควดีผู้ซึ่งรู้ถึงแผนการโดยบังเอิญบอกสรวิชญ์ สรวิชญ์นำกำลังตำรวจไปทันทีแต่ไม่ทันเวลา

วศินบาดเจ็บสาหัส อติศักดิ์ยิงตัวตายต่องหน้าสรวิชญ์ ทองเติมหนีไปได้แต่สุดท้ายก็จนมุมเพราะเรือนแก้วบอกความลับที่ตั้งเซฟเฮาส์ของทองเติม ตำรวจตามจับได้พร้อมๆ กับทำลายแหล่งค้ายาเสพติดของทองเติมด้วย

หลายเดือนต่อมา วศินหายเจ็บแต่กลายเป็นคนพิการ แต่นักสู้ชีวิตอย่างวศินหรือจะท้อถอย ขาพิการแต่สมองและสองมือยังมี และที่สำคัญภัควดีหญิงสาวที่วศินเทิดทูนมาเนิ่นนาน เป็นกำลังใจเคียงข้างเขาตลอดเวลา ความรักที่บ่มเพราะตั้งแต่เป็นต้นกล้าเล็กๆ จนเติบใหญ่มั่นคงแข็งแรงในหัวใจของเขาทั้งสองจึงได้เปิดเผยต่อกันและกัน ท่ามกลางความชื่นชมยินดีของผู้คนใต้ร่มใบบุญของไร่อังกาบ

งานแต่งงานแบบล้านนาของทั้งสองคนจะสวยงามยิ่งใหญ่และตราตรึงผู้คนไปอีกนานเท่านั้น ถ้าไม่มีบัวขาวหญิงสาวที่หลงรักวศินมากจนจิตใจฟั่นเฟือนยอมรับความสูญเสียไม่ได้ปรากฏตัวในงานพร้อมกับปืนกระบอกหนึ่งที่เล็งไปยังภัควดี วศินจะทำอย่างไรเมื่อผู้หญิงที่รักสุดหัวใจกำลังจะถูกฆ่าตาย