ละคร หนึ่งในทรวง

ดู 5,534 ครั้ง / แชร์
ละครออกอากาศ วันพุธ วันพฤหัส
ช่องที่ออกอากาศ ละครช่อง 3
เริ่มออกอากาศ 28 พฤษภาคม 2558
เวลาออกอากาศ 20:20 - 22:45 น.
  
กำกับโดย ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์
ประพันธ์โดย บทประพันธ์ บุษยมาส, บทโทรทัศน์ ณัฐิยา ศิรกรวิไล
นำแสดงโดย
จิรายุ ตั้งศรีสุข ... อนวัช พัชรพจนาถ/หนึ่ง
อุรัสยา เสปอร์บันด์ ... หทัยรัตน์ ราชาพิทักษ์/ปุ้ม
รณเดช วงศาโรจน์ ... ม.ร.ว.ประสาทพร จรูญลักษณ์
กันต์ดนย์ อะคาซาน ... สัทธา พรหมประเสริฐ/ปุ๊
มิเชล เบอร์แมนน์ ... สุดา พรหมประเสริฐ/แป้น
โชติกา วงศ์วิลาศ ... ส่องแสง พิเศษกุล
บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ ... รวย
คณิน สแตนลีย์ ... พินิจ พนัสพงษ์
ภัทรากร ตั้งศุภกุล ... พรรณี พนัสพงษ์
เกรียงไกร อุณหะนันทน์ ... วิทย์ พัชรพจนาถ
ศุกล ศศิจุลกะ ... สุทธิ์ พรหมประเสริฐ
ก้ามปู ปัทมสูต ... ทิพย์ พรหมประเสริฐ
ดารัณ ฐิตะกวิน ... สีสุก พิเศษกุล
กัลยา เลิศเกษมทรัพย์ ... นวล พนัสพงษ์
ดารณีนุช ปสุตนาวิน ... นมพิมพ์
ภิรัญชญา คเชนทร์นุกูล ... ม.ร.ว.กรกนก จรูญลักษณ์
มยุรี อิศรเสนา ณ อยุธยา ... แม่โอ
จิตรภาณุ กลมแก้ว ... หมอประสงค์
น้ำหนึ่ง สุทธิเดชานัย ... ชุลี
รัชนีบูล เพียรวิกรัยโสภณ ... ผ่องฉวี
ต๋อง ชวนชื่น ... บุญเติม
ผู้สร้าง บริษัท โนพรอบเล็ม จำกัด

ภาพนิ่งจากละคร

เรื่องย่อ หนึ่งในทรวง

ข่าวกำหนดการเดินทางกลับมาจากประเทศฝรั่งเศส หลังจากเรียนจบปริญญาโทด้านการทูตของหนุ่มหล่อ รวย อนวัช พัชรพจนาถ หรือ หนึ่ง (จิรายุ ตั้งศรีสุข) ลูกชายของ นายวิทย์ พัชรพจนาถ (เกรียงไกร อุณหะนันทน์) อดีตนักการทูตชื่อดัง ทำให้สาวๆ ลูกเศรษฐีทั่วฟ้าเมืองไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ คุณนายสีสุก (ดารัณ ฐิตะกวิน) และลูกสาวคนเดียวที่ชื่อ ส่องแสง (โชติกา วงศ์วิลาศ) รวมทั้งบ้านเดือนประดับของ นายสุทธิ์ (ศุกล ศศิจุลกะ) และ นางทิพย์ (ก้ามปู ปัทมสูต) ที่มีลูกชาย ร้อยโทสัทธา (กันต์ดนย์ อะคาซาน) และลูกสาว สุดา (มิเชล เบอร์แมนน์) ซึ่งเป็นเพื่อนและญาติสนิทของอนวัช ซึ่งมีความรักกันเหมือนพี่น้อง แต่สำหรับ หทัยรัตน์ ราชพิทักษ์ หรือ ปุ้ม (อุรัสยา เสปอร์บันด์) ลูกของนายทศน้องชายแท้ๆ ของนางทิพย์ซึ่งพ่อแม่เสียชีวิตไปแล้ว โดยนายสุทธิ์และนางทิพย์รับอุปการะเอาไว้เสมอลูกสาวคนหนึ่ง กลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนสาวๆ คนอื่น ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกหมั่นไส้ที่สาวๆ ต่างคลั่งไคล้หนุ่มหล่อผู้นี้ ทั้งยังเกลียดขี้หน้านายอนวัชคนนี้ตั้งแต่ตอนเด็กๆ เพราะเคยโดนนายอนวัชล้อเลียนว่าเป็น ยายกระปุกตั้งฉ่าย หทัยรัตน์จึงตั้งแง่เกลียดนายอนวัชทั้งที่ไม่ได้พบหน้านานกว่าสิบปี

หทัยรัตน์เป็นสาวสวยอ่อนหวาน เพิ่งเรียนจบปริญญาตรีคณะอักษรศาสตร์ โดยทำงานเป็นครูสอนหนังสือให้กับ ม.ร.ว. กรกนก จรูญลักษณ์ (ภิรัญชญา คเชนทร์นุกูล) เด็กหญิงวัย 12 ขวบ ซึ่งพิการเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดเวลา อยู่กับพี่ชาย ม.ร.ว. ประสาทพร จรูญลักษณ์ (รณเดช วงศาโรจน์) และพี่เลี้ยง เพราะท่านพ่อหม่อมเจ้าประสานสุขแต่งงานใหม่ คุณชายกับคุณหญิงจึงย้ายออกจากวังมาอยู่ด้วยกันตามลำพัง ซึ่งคุณหญิงรักคุณครูของเธอมาก ถึงขนาดให้พี่ชายจีบเป็นพี่สะใภ้ ซึ่ง ม.ร.ว. ประสาทพรก็มีใจชอบหทัยรัตน์เช่นกัน เมื่ออนวัชเดินทางกลับถึงเมืองไทยก็แวะเยี่ยมเยียนบ้านญาติๆ ทั้งบ้านคุณนายสีสุก บ้านเดือนประดับของสองพี่น้องสัทธาและสุดา รวมทั้งบ้านของ ม.ร.ว. ประสาทพร และม.ร.ว. กรกนก จรูญลักษณ์ แต่ก็คลาดกับหทัยรัตน์ ไม่ได้เจอหน้ากันสักครั้ง อนวัชเองแทบจะลืมชื่อหทัยรัตน์ไปแล้ว ทั้งที่เป็นคู่อริกันในตอนเด็ก เขาจำได้เพียงภาพเด็กหญิงตัวอ้วนกลม หน้าตาขี้เหร่ เถียงเก่ง ไม่เคยยอมใครได้เท่านั้น อนวัชไปเยี่ยมเพื่อนเก่าชื่อ พินิจ พนัสพงษ์ (คณิน สแตนลีย์) แต่ไม่พบเพราะพินิจไปพักฟื้นที่ไร่พนัสพงษ์ของพินัยซึ่งเป็นพี่ชาย พบแต่ คุณนายนวล (กัลยา เลิศเกษมทรัพย์) แม่ของพินิจเล่าว่าพินิจป่วยเป็นวัณโรค และตรอมใจเรื่องคนรักชื่อ หทัยรัตน์ ราชพิทักษ์ ซึ่งทอดทิ้งไป ทำให้อนวัชมีอคติกับหทัยรัตน์ ส่วนคุณนายนวลเห็นว่าอนวัชหล่อ รวย ตระกูลดี ก็คิดจะจับคู่ให้ลูกสาว พรรณี (ภัทรากร ตั้งศุภกุล) ซึ่งเป็นอาจารย์สอนหนังสือ และเป็นเพื่อนกับหทัยรัตน์ โดยไม่รู้ว่าพรรณีกับร้อยโทสัทธาแอบชอบกันอยู่ และเมื่ออนวัชไปบ้านเดือนประดับอีกครั้งก็ได้พบหทัยรัตน์เข้าจนได้ แต่การพบกันครั้งแรกของทั้งสองเป็นไปอย่างปั้นปึ่ง เพราะหทัยรัตน์กำลังคุยกับเพื่อนสาวคนสนิทชื่อ ผ่องฉวี (รัชนีบูล เพียรวิกรัยโสภณ) จึงไม่สนใจออกมาต้อนรับอนวัช ทำให้อนวัชหัวเสียกลับไป

ไม่กี่วันต่อมาอนวัชไปที่เดือนประดับอีก คราวนี้เขาได้พบทั้งสัทธาและสุดา รวมทั้งหทัยรัตน์สมใจ อนวัชรู้สึกโมโหที่หทัยรัตน์ทำท่าไม่ใส่ใจ ไม่ยินดียินร้ายกับการเจอหน้าเขา ทั้งยังตั้งท่ารังเกียจเสียอีกด้วย ซึ่งอนวัชถือว่าเป็นการดูถูกเขาอย่างยิ่ง เพราะหญิงสาวทุกคนที่เขาเจอเป็นต้องยอมรับเขาในทุกๆ ด้าน ก็เลยหมายมั่นไว้ในใจว่าจะต้องได้เห็นดีกันแน่สำหรับสาวอวดดี จองหองและหยิ่งทรนงคนนี้ ข้างฝ่ายทหัยรัตน์ก็เช่นกัน ยิ่งเจอหน้านายอนวัชเธอก็ยิ่งเกลียดขี้หน้า เพราะเขาทั้งหยิ่ง อวดดี พูดจากวนโทโส และถือว่าตัวเองหล่อ รวย สาวๆ ทุกคนต้องยอมสยบ แต่สำหรับหทัยรัตน์ ราชพิทักษ์ นอกจากจะไม่รักแล้ว ยังเกลียดนายอนวัชยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ทำเอาทั้งสัทธาและสุดาส่ายหน้า รู้ว่าทั้งคู่ต่างเป็นขมิ้นกับปูนที่ไม่มีวันจะเข้ากันได้ แต่อย่างไรก็ตามสองพี่น้องก็ยังคิดหาหนทางให้อนวัชและหทัยรัตน์โอนอ่อนเข้าหากันและเป็นเพื่อนกันให้ได้ อนวัชและหทัยรัตน์มีโอกาสเจอกันโดยบังเอิญอีกหลายครั้งทั้งที่บ้านคุณชายประสาทพรและตามงานสังคมต่างๆ แต่ทั้งคู่ก็ทำท่าปั้นปึ่งใส่กัน พูดจากระทบกระเทียบกัน ทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน และแทบจะไม่อยากได้ยินชื่อกันและกัน เรียกว่าต่างคนต่างเกลียดกันโดยไม่มีเหตุผล สัทธาและสุดาคิดจะจัดงานวันเกิดให้นายสิทธิ์ที่บ้านเดือนประดับ โดยจัดเป็นงานใหญ่เชิญญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมงานมากกว่าทุกปี สองพี่น้องก็เลยคิดแผนการจะให้อนวัชและหทัยรัตน์คืนดีกัน โดยปิดไว้เป็นความลับ แต่ได้จองคิวอนวัชไว้ล่วงหน้า ซึ่งอนวัชก็รับปากว่าจะมางานวันเกิด แต่อาจจะมาค่ำหน่อย เพราะมีธุระต้องไปรับเพื่อนสาวชื่อวิยะดา กลับจากฝรั่งเศส ทำเอาสัทธาเริ่มสงสัยว่าวิยะดาเป็นแฟนสาวของอนวัชหรือเปล่า แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมบอกอะไร ปล่อยให้เพื่อนเข้าใจเองเอง คุณชายประสาทพรมีโครงการจะไปศึกษาดูงานต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 2 ปีเต็ม จึงจำเป็นต้องส่งคุณหญิงกรกนกกลับไปอยู่วังกับท่านพ่อ แต่คุณหญิงกลัวหม่อมราศรีซึ่งเป็นแม่เลี้ยง จึงขอร้องให้หทัยรัตน์ไปพูดกับคุณชายขออยู่กับ แม่โอ (มยุรี อิศรเสนา ณ อยุธยา) ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงที่บ้านตามลำพัง สุดท้ายด้วยความเป็นห่วงน้องสาวคุณชายประสาทพร จึงตัดสินใจไปพูดกับนายวิทย์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงและอนวัช ขอให้คุณหญิงกรกนกไปอาศัยอยู่ที่บ้านเป็นการชั่วคราว ซึ่งทั้งนายวิทย์และอนวัชก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ทำให้คุณชายประสาทพรรู้สึกสบายใจขึ้น

ในที่สุดงานวันเกิดของนายสุทธิ์ก็มาถึง คุณนายสีสุกและส่องแสงก็มาด้วย พอมาถึงก็ต้องผิดหวังเพราะไม่พบหน้าอนวัช แต่เมื่องานเต้นรำเริ่มขึ้นอนวัชก็มาได้ทันเวลาพอดี ส่องแสงถือโอกาสเต้นรำกับอนวัชแทบทุกเพลงโดยไม่ยอมให้สาวใดเข้าใกล้ ข้างฝ่ายหทัยรัตน์ก็มีหนุ่มๆ มาขอเต้นรำไม่ซ้ำหน้าเหมือนกัน ต่างคนต่างเฝ้ามองกันและกัน สัทธาประกาศให้ทุกคนในงานรู้ว่างานในวันนี้นอกจากจะเป็นงานวันเกิด ยังต้องการให้ครึกครื้นด้วยการจัดให้มีการเลือกควีนและคิงของงาน คือหนุ่มหล่อและสาวสวยที่สุดของงาน โดยให้ทุกคนที่มาในงานเป็นผู้ลงคะแนนกันเอง และในที่สุดผลก็ออกมาตามความคาดหมายของสัทธาและสุดาสองพี่น้องนั่นคือ หทัยรัตน์ได้ตำแหน่งควีน ส่วนอนวัชได้ตำแหน่งคิงอย่างไร้คู่แข่ง ทั้งคู่ขึ้นไปรับรางวัลจากนายสิทธิ์และถ่ายรูปคู่กัน พร้อมกันนั้นทั้งคู่ยังต้องเป็นผู้เปิดฟลอเต้นรำด้วยกันอีกครั้ง ทำเอาอนวัชและหทัยรัตน์โมโหจนพูดไม่ออกเพราะรู้ว่าเป็นแผนการของสองพี่น้อง คืนนั้นอนวัชและหทัยรัตน์เต้นรำด้วยกันอย่างฝืนใจสุดๆ ต่างคนต่างพูดจาเอาชนะกันและกัน และสุดท้ายก็จบลงด้วยความปั้นปึ่งใส่กันเหมือนเดิม ทำเอาสองพี่น้องสัทธาและสุดาผิดหวังไปตามๆ กัน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเปิดของขวัญที่ได้รับจากนายสุทธิ์ก็เกิดสลับกับของอนวัชอีก เพราะหทัยรัตน์เปิดกล่องมาเป็นแหนบสำหรับเสียบเนคไททองคำ ทำเป็นรูปคทาสวยงาม ซึ่งจริงๆ แล้วของผู้หญิงต้องเป็นเข็มกลัดเพชรรูปมงกุฎ แต่ด้วยทิฐิของทั้งสองฝ่ายต่างคนต่างก็ไม่ยอมเปลี่ยนกัน คุณชายประสาทพรมาบอกหทัยรัตน์เรื่องที่คุณหญิงกรกนกและพี่เลี้ยงจะย้ายไปอยู่บ้านของนายวิทย์ ซึ่งจำเป็นจะต้องให้คุณครูตามไปสอนหนังสือที่บ้านนายวิทย์ด้วย ทำให้หทัยรัตน์รู้สึกอึดอัดใจอย่างยิ่ง เพราะเกรงว่าจะต้องเจอหน้ากับนายอนวัชที่ตัวเองแสนจะเกลียด แต่เมื่อเป็นหน้าที่ก็จำใจต้องรับปากไป ก่อนจะไประบายความอึดอัดใจให้สองพี่น้องสัทธาและสุดาฟัง ซึ่งก็ทำให้สองพี่น้องหัวเราะถูกใจที่ทั้งอนวัชและหทัยรัตน์ยิ่งเกลียดกันมากก็ยิ่งได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นเท่านั้น ในที่สุด ม.ร.ว. ประสาทพร ก็เดินทางไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งการจากไปครั้งนี้เต็มไปด้วยความห่วงใย เพราะนอกจากจะห่วงน้องสาวผู้พิการแล้ว ก็ยังห่วงว่าหทัยรัตน์ที่ตัวเองหลงรักนั้น จะมีชายอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยวภายในเวลาสองปีที่เขาจากไปหรือเปล่า แต่เขาก็ตั้งใจว่าจะติดต่อกับเธออย่างสม่ำเสมอ โดยไม่รู้ว่าหัวใจของหญิงสาวไม่ได้มีใจคิดกับเขาเป็นอื่นนอกจากนายจ้างกับลูกจ้างเท่านั้น

แม้ปากจะบอกว่าไม่รัก แถมเกลียดด้วยซ้ำ แต่อนวัชก็ยังตามตอแยกวนโมโห เฝ้าต่อล้อต่อเถียงยุ่งเกี่ยวกับหทัยรัตน์ระหว่างที่มาสอนหนังสือคุณหญิงที่บ้านแทบทุกวัน ซึ่งต่างคนต่างยังถือทิฐิใส่กัน พินิจมาหาอนวัชที่บ้านได้พบกันหทัยรัตน์รู้สึกดีใจมาก พยายามจะสานสัมพันธ์เดิม แต่หทัยรัตน์ให้ได้เพียงความเป็นเพื่อนเท่านั้น ทำให้พินิจน้อยใจและเสียใจกลับไป คุณหญิงกรกนกป่วยกระทันหัน มีไข้นอนซม หทัยรัตน์จึงไปเยี่ยมเยียนทุกวันจนคุณหญิงอาการดีขึ้น แต่ คุณหมอประสงค์ (จิตรภาณุ กลมแก้ว) ที่รักษาแนะนำให้พาคุณหญิงไปพักผ่อนต่างจังหวัด เพื่อให้สุขภาพกายและใจดียิ่งขึ้น นายวิทย์จึงเอ่ยปากชวนหทัยรัตน์ให้ไปเป็นเพื่อนคุณหญิงพักผ่อนที่บ้านพักที่หัวหินเป็นเวลาสองสัปดาห์ ซึ่งการไปพักผ่อนครั้งนี้นอกจากนายวิทย์ นายอนวัช คุณหญิงกับพี่เลี้ยง และคุณครูแล้ว ยังมีคุณหมอประสงค์ คุณนายสีสุกกับลูก รวมทั้งสัทธาและสุดาสองศรีพี่น้องไปกันเป็นขบวนใหญ่ คุณหมอประสงค์พูดคุยสนิทสนมกับหทัยรัตน์ ทำให้อนวัชหงุดหงิดใจอย่างยิ่ง อีกทั้งเมื่อเห็นจดหมายของคุณชายประสาทพรที่ส่งมาถึงหทัยรัตน์ ก็ยิ่งไม่พอใจยิ่งขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ ประกอบกับพินิจก็ตามมาหาหทัยรัตน์ด้วยความรัก ทำให้อนวัชหมั่นไส้ยิ่งนัก ทั้งอนวัชและหทัยรัตน์ยังเป็นศัตรูคู่อาฆาตตลอดเวลาที่อยู่หัวหิน แล้วเย็นวันหนึ่งขณะที่ทุกคนเล่นน้ำทะเล มีการว่ายน้ำแข่งกัน และด้วยความอยากเอาชนะกันและกันของหทัยรัตน์และอนวัช เป็นเหตุให้หทัยรัตน์เกือบจะจมน้ำ ดีที่อนวัชว่ายน้ำไปช่วยไว้ได้ทัน หทัยรัตน์ฟื้นขึ้นมารู้ว่าใครช่วยชีวิตก็ยังวางฟอร์ม แต่เมื่อมีโอกาสเธอได้ขอบคุณเขา แต่เขาก็ยังวางฟอร์มเหมือนกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น ยิ่งเมื่อแม่ลูกสีสุกกับส่องแสงเดินทางมาถึง ความวุ่นวายก็มีอยู่ตลอดจนหลายคนหงุดหงิดไปตามๆ กัน ต่างคนต่างเร่งให้ถึงกำหนดกลับเร็วยิ่งขึ้น

กลับถึงกรุงเทพฯ ได้ไม่นานหมอประสงค์ก็บอกข่าวแต่งงานกับเจ้าสาวชื่ออุรา อนวัชคิดว่าหทัยรัตน์จะผิดหวังเมื่อรู้ข่าว แล้วก็ต้องแปลกใจที่เธอไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับหมอประสงค์เลย แล้วในงานแต่งอนวัชก็รู้ว่าหทัยรัตน์เป็นเพื่อนสนิทกับอุราเจ้าสาว จึงรู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นอย่างดี อนวัชโมโหที่ปล่อยให้เขาเข้าใจผิดไปฝ่ายเดียว ก็เลยปล้ำจูบหทัยรัตน์เมื่อไปส่งที่บ้าน หทัยรัตน์โกรธมากได้ตบหน้าเขากลับ แล้วพูดจาด่าว่าด้วยความโกรธจัด แต่อนวัชกลับสะใจที่ครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายชนะหญิงสาว อนวัชยังตามตอแยหญิงสาวด้วยการยื่นข้อเสนอขอแต่งงานด้วย แต่หทัยรัตน์ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ยืนยันว่าไม่เคยคิดจะรักเขา มีแต่ความเกลียดชังที่มอบให้ ทำให้อนวัชยิ่งโมโห หมายมั่นว่าจะต้องเอาชนะหญิงสาวและขอแต่งงานกับเธอให้ได้ พินิจยังไม่เลิกรักหทัยรัตน์มาที่บ้านและสารภาพรักพร้อมขอแต่งงานกับหทัยรัตน์ หทัยรัตน์ไม่อยากให้เขามีความหวังอีกจึงพูดตัดบทว่ามีคนรักอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้เขาอยู่ไกลบ้าน ทำให้พินิจเข้าใจว่าคนรักของเธอคือคุณชายประสาทพร ดังนั้นเมื่อกลับถึงบ้านพินิจเอาแต่เศร้าซึม กินไม่ได้นอนไม่หลับ เมื่ออนวัชไปเยี่ยมพินิจก็บอกให้รู้ว่าหทัยรัตน์รักกับคุณชาย ทำเอาอนวัชหงุดหงิดใจยิ่งนักแต่ก็ยังปากแข็ง คุณนายนวลบังคับให้พินิจหมั้งกับจำปีลูกสาวคุณนายลำเจียกเศรษฐีนีเพื่อนของเธอ แต่พินิจยังบ่ายเบี่ยงเธอก็เลยไปหาหทัยรัตน์พูดจาดูถูกดูแคลนไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับลูกชาย หทัยรัตน์โมโหจึงพูดจาตอกกลับจนคุณนายนวลหน้าหงาย ทางด้านพินิจยอมเป็นหุ่นเชิดของแม่เพราะรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งที่ปอดจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ก็เลยยอมตามใจแม่หมั้นกับจำปี พร้อมกำหนดวันแต่งงานอย่างเร่งด่วน แต่ยังไม่ถึงวันแต่งพินิจก็ป่วยหนัก พร่ำเพ้ออยากเจอหน้าหทัยรัตน์เป็นครั้งสุดท้าย พินัยจึงไปขอร้องให้อนวัชพาหทัยรัตน์มาเยี่ยม อนวัชชวนหทัยรัตน์ไปเยี่ยมพินิจที่ไร่พนัสพงษ์ แต่หทัยรัตน์เห็นว่าเย็นมากแล้วจึงไม่ยอมไป อนวัชจึงบังคับพาตัวไป แต่พอไปถึงไร่ก็สวนทางกับพินิจ ซึ่งป่วยหนักถูกนำส่งโรงพยาบาลในกรุงเพทฯ อย่างกระทันหัน อนวัชจะขับรถกลับกรุงเทพฯ ทันที แต่รถเสียกลางทางจึงต้องอยู่ค้างคืนที่ไร่ และทราบข่าวว่าพินิจเสียชีวิตในคืนนั้นเอง

เมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ จึงโดนทั้งพ่อและคุณสุทธิ์ คุณทิพย์รุมตำหนิที่พาหลานสาวไปค้างอ้างแรมกันสองต่อสอง อนวัชยอมรับผิดทุกอย่าง นายวิทย์จึงปรึกษากับครอบครัวเดือนประดับ ตัดสินใจให้อนวัชหมั้นกับหทัยรัตน์ ตอนแรกหทัยรัตน์ยืนยันปฏิเสธเสียงแข็ง แต่สุดท้ายเห็นแก่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย จะต้องผิดใจกันเพราะเธอ หทัยรัตน์จึงยอมรับหมั้น อีกทั้งต้องการเอาชนะสองแม่ลูกคือคุณนายสีสุกและส่องแสงที่พูดจาดูถูก เธอจึงตัดสินใจรับหมั้นอนวัช แต่ก็หวังว่าจะสามารถถอนหมั้นได้เมื่อข่าวต่างๆ จางหายไป คุณชายประสาทพรกลับกรุงเทพฯ พร้อมทราบข่าวการหมั้นของทั้งคู่รู้สึกผิดหวังมาก แต่หทัยรัตน์ได้ขี้แจงให้ทราบถึงความจำเป็นที่ต้องหมั้น ทำให้คุณชายรู้สึกดีขึ้นและตั้งใจว่าจะเอาชนะใจของเธอให้ได้ สุดาดีใจมากที่ได้เจอคุณชายประสาทพร ความรัก ความผูกพันเกิดขึ้นในใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ สัทธาพบจดหมายที่สุดาเขียนติดต่อกับคุณชายประสาทพร เริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ส่องแสงยังคงเฝ้าวนเวียนอยู่ใกล้ตัวอนวัชไม่ห่าง ซ้ำยังยุให้ประสาทพรขอหทัยรัตน์แต่งงานอีกด้วย ทำให้ทั้งหทัยรัตน์และอนวัชต่างหึงหวงกันอย่างไม่รู้ตัว นวลรู้ในที่สุดว่าอนวัชหมั้นแล้ว ดุด่าพรรณีเป็นการใหญ่เรื่องที่แอบอ้างเอาตัวอนวัชมาเป็นเกราะกำบัง ที่แท้ไปควงอยู่กับสัทธา พรรณีรู้สึกผิดต่อแม่มาก วิทย์อยากให้อนวัชแต่งงานกับหทัยรัตน์ อนวัชแอบดีใจ แต่ก็ลำบากใจเพราะรู้ว่ายังไม่สามารถทำให้หทัยรัตน์รับรักเขาได้ ยิ่งเมื่อเขาเห็นประสาทพรเขียนจดหมายขอแต่งงานกับหทัยรัตน์ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้อนวัชหมดหวัง ถึงแม้หทัยรัตน์จะยังไม่ได้ตอบรับ แต่ในจดหมายก็บอกชัดเจนว่าหทัยรัตน์จะไม่ยอมแต่งงานกับเขาแน่นอน อนวัชเสียใจและทำใจไม่ได้ เขาลางานไม่มีกำหนดขึ้นไปอยู่บ้านพักที่เชียงใหม่ พร้อมทั้งฝากจดหมายประสาทพรไปให้หทัยรัตน์เขียนบอกถึงการให้อิสรภาพกับหทัยรัตน์ หากหทัยรัตน์ต้องการแต่งงานกับประสาทพร แต่อนวัชยืนยันในท้ายจดหมายหนักแน่นว่ารักหทัยรัตน์เพียงคนเดียวเท่านั้น

หทัยรัตน์ได้อ่านจดหมายก็นึกหวั่นไหว แต่เธอก็ไม่สามารถพบหน้ากับอนวัชได้อีก อนวัชกินเหล้าเมามายทุกวัน จนสัทธาเป็นห่วงตามไปดูที่เชียงใหม่ แล้วอนวัชก็ขับรถประสบอุบัติเหตุในคืนหนึ่ง สัทธาโทรมาบอกสุดา วิทย์ สุทธิ์ ทิพย์ รวมทั้งหทัยรัตน์ ว่าอนวัชอาการสาหัสมาก รุ่งขึ้นทุกคนจึงรีบตามไปเยี่ยมอนวัชที่เชียงใหม่ ยกเว้นสุดาที่ต้องเคลียร์งานทางกรุงเทพฯ ก่อน ประสาทพรสงสัยในความสัมพันธ์ของอนวัชกับหทัยรัตน์ จึงไปถามสุดา สุดาจึงตอบไปตามตรงว่าหทัยรัตน์กับอนวัชน่าจะรักกัน แต่ต่างไม่ยอมรับในหัวใจตนเอง ประสาทพรโกรธที่สุดาไม่เคยบอกตน ทำให้ประสาทพรโกรธสุดา สุดาเสียใจมากเพราะเธอเองก็ไม่อาจบอกประสาทพรได้เช่นกันว่าแอบชอบเขาอยู่ อนวัชอาการไม่สาหัสเท่าที่สัทธาบอกกับทุกคน แต่สัทธากับหมอประสงค์ รวมถึงอนวัชวางแผนจะให้หทัยรัตน์สารภาพรักอนวัชและยอมแต่งงานกับอนวัชให้ได้ในที่สุด อนวัชทำทีว่าเจ็บปางตาย ทั้งเดินไม่ได้ ทั้งหน้าเสียโฉม จนหทัยรัตน์อดเป็นห่วงไม่ได้ ส่วนสัทธาก็สารภาพความจริงกับวิทย์ ทิพย์ สุทธิ์ จนทุกคนหมดห่วง และกลับไปกรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้น ส่องแสงใช้เวลาช่วงที่อนวัชไม่อยู่ออกเที่ยวเตร่กับรวยแทบทุกคืน รวย (บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ) ทุ่มเททั้งเงินทอง ความสุขสบายให้กับส่องแสง และในคืนหนึ่งที่ส่องแสงเมามาย รวยก็อดใจไม่ไหวมีความสัมพันธ์กับส่องแสงในคืนนั้นเอง แต่ส่องแสงยังไม่ยอมหยุดแค่นั้น เขาตามไปหาอนวัชที่เชียงใหม่ เมื่อได้เห็นสภาพของอนวัช ส่องแสงถึงกับรับไม่ได้ พูดตัดเยื่อใยกับอนวัช บอกว่าจะแต่งงานกับรวยให้เร็วที่สุด หทัยรัตน์แอบสงสารอนวัชโดยที่ไม่รู้ว่าอนวัชนั้นดีใจเป็นที่สุด พรรณีไม่อยากให้นวลผู้เป็นแม่เสียใจ จึงบอกเลิกกับสัทธา นวลเตรียมจัดงานแต่งงานให้พรรณีกับผู้ชายอื่น สุดท้ายพรรณีทำใจไม่ได้ จึงประกาศกลางตลาดต่อหน้าแม่และสัทธาว่า เธอมีความสัมพันธ์กับสัทธาแล้ว นวลจึงจำใจให้สัทธาพาผู้ใหญ่มาสู่ขอ สุทธิ์กับทิพย์ ขนเงินและทองมาเป็นสินสอดทองหมั้นให้นวลกับพรรณีจนนวลตาโต ยินดีจะให้จัดงานแต่งงานเร็วที่สุด สร้างความดีใจให้กับพรรณีและสัทธามาก

อนวัชสวมบทบาทคนป่วยได้อย่างแนบเนียน เขามีความสุขมากที่มีหทัยรัตน์อยู่ใกล้ๆ ได้รู้ว่าหทัยรัตน์นั้นรักเขาอย่างจริงใจ ถึงแม้จะไม่ได้พูดออกมา อนวัชแกล้งเจ็บ แกล้งทำทีจะฆ่าตัวตาย แต่หทัยรัตน์ก็ยังไม่ยอมบอกรัก จนเขาเริ่มท้อใจ ส่วนส่องแสงก็เตรียมตัวแต่งงานอย่างใหญ่โต แต่แล้วรวยก็มาถูกจับข้อหาค้ายาเสพติดเสียก่อน ส่องแสงหมดหนทางกลับไปหาอนวัช ไล่ให้หทัยรัตน์ไปจากชีวิตอนวัช แต่หทัยรัตน์ยืนยันว่ารักอนวัชและจะอยู่เคียงข้างอนวัชตลอดไป อนวัชได้ยินดีใจมาก บอกให้ส่องแสงกลับไปกรุงเทพฯ เสีย เพราะอย่างไรเขาก็จะแต่งงานกับหทัยรัตน์คนเดียว ส่องแสงตัดพ้ออนวัช ต่อว่าอนวัชกับหทัยรัตน์อย่างเสียหาย แล้วจากไปอย่างคนที่ไม่มีอะไรเหลือเลย กรกนกบ่นคิดถึงสุดา เพราะช่วงที่สุดามาสอนหนังสือแทนหทัยรัตน์ เธอเริ่มสนิทสนมกับสุดาและพูดถึงสุดาว่ามีอะไรเหมือนประสาทพรหลายอย่าง ประสาทพรเองก็เริ่มคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ช่วงที่ได้อยู่กับสุดาและเริ่มรู้ใจตนเอง ว่าคนที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดมาแต่กลับมองข้ามไปก็คือสุดานั่นเอง ประสาทพรเดินทางไปเยี่ยมอนวัชและได้รับคำยืนยันว่าอนวัชรักหทัยรัตน์ ประสาทพรจึงพูดจาเตือนสติให้หทัยรัตน์ยอมรับความรักในหัวใจตนเอง ก่อนที่เสียทุกอย่างไปเหมือนที่เขาเพิ่งรู้หัวใจตนเองว่ารักและผูกพันกับสุดามากมาย ประสาทพรขอให้สุดาเป็นครูของกรกนกและเป็นคนพิเศษของเขาตลอดไป สุดาตอบรับอย่างมีความสุข อนวัชเปิดเผยความจริงเรื่องที่ตนเองไม่ได้ป่วยหนักอย่างที่เห็น ทั้งหน้าตายังหล่อเหลา ขายังเดินได้เหมือนเดิม หทัยรัตน์โกรธจัดที่ถูกหลอก จะหนีกลับกรุงเทพฯ แต่อนวัชตามไปได้ทัน คุกเข่า สารภาพรักกับหทัยรัตน์และขอหทัยรัตน์แต่งงานในที่สุด หทัยรัตน์ยอมลดทิฐิและยอมรักว่ารักอนวัชเช่นกัน ยินดีจะแต่งงานกับอนวัชด้วยความเต็มใจ ทั้งสองจึงได้ครองคู่กันในที่สุด