>>เรื่องลึกลับ<< วิทยาศาสตร์นอกมิติ ตอน "มนุษย์ล่องหน"
9 ก.ย. 54 18:46 น. /
ดู 3,231 ครั้ง /
34 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
---------
เห็นยาวๆแบบนี้อย่าพึ่งขี้เกียจอ่าน อ่านดูซักนิดแล้วจะอึ้ง
นักวิทยาศาสตร์สมัยก่อนพากันทดลองเรื่องมนุษย์ล่องหน กันมากมาย บางคนก็ทดลองกันแบบลับๆเก็บเงียบและไม่ยอมเปิดผย นับตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้เรื่องนี้มันก็ยังคงเป็นปริศนาให้นักวิทยาศาสตร์แต่ละยุคแต่ละสมัยได้ทดลอง ค้นคว้าหาคำตอบไม่รู้จบ
เรื่องราวมนุษย์ล่องหนในนิยายวิทยาศาสตร์ เริ่มต้นที่เรื่อง in visible man ของ เอช.จี.เวลล์ เป็นเรื่องของมนุษย์คนนึงที่กินสารเคมีเข้าไป พร้อมกับโดนอาบรังสีทำให้เซลล์ของร่างกายเปลี่ยนแปลงไป คนอื่นมองไม่เห็นตัว ผลสุดท้ายก็กลายเป็นมนษย์ล่องหนได้จริงๆ
เมื่อมองทฤษฏีความเป็นจริงว่า โดยความจริงแล้ว การเป็นมนุษย์ ล่องหน นั้นมีสิทธิ์ เป็นไปได้จริงหรือไม่ ต้องขอตอบว่า เป็นไปได้จริง เนื่องจากตามทฤษฏีฟิสิกส์ยุคใหม่ของ อัลเบิร์ด ไอน์สไตน์นั้น ทำให้ความเป็นไปได้ในการทำให้มนุษย์ล่องหนเพิ่มสูงขึ้น การค้นพบอนุภาคอิเลคตรอนและโปรตรอนภายในอตอมก็เป็นหลักฐานอย่างนึงว่า ภายในอะตอมเต็มไปด้วยช่องว่างอันว่างเปล่า ถ้าเราแยกขยายช่องว่างเหล่านั้นออก ให้ถ่างออกจากกันมากๆ ภายในระยะเวลาอันสั้น ก็จะทำให้สสารนั้นสลายหายไปอย่างแน่นอน
*ตามที่ไอน์สไตน์ กล่าวไว้ว่า สสารพลังงาน ไม่มีวันสูญหายเพียงแต่สามารถเปลี่ยนสภาพไปอยู่ในรูปอื่นได้
ตรงนี้แหละที่ทำให้ข้อสันนิษฐานในการทำให้เกิดมนุษย์ล่องหนหนักแน่นขึ้น เพราะมนุษย์ล่องหนจริงๆแล้วก็คือมนุษย์ที่มองไม่เห็นตัว จะต้องเป็นคนโปร่งแสง คือผ่านไปได้ โดยไม่ดูดกลืนหรือสะท้อนแสงใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว ก็จะทำให้กลายเป็นมนุษย์ล่องหนทันที
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเรื่องราวของ ควอนตัมฟิสิกส์
การทดลองของนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการล่องหน ทำเพื่อพิสูจน์ความสามารถของมนุษย์เป็นอันดับแรก เนื่องจากถือว่าเป็นเรื่องราวของการล่องหน เป็นเรื่องเหนือมนุษย์ ถ้าใครสามารถค้นคว้าได้จริงเป็นคนแรกก็นับว่าเป็นอันหนึ่ง จะต้องได้รับชื่อเสียงอย่างแน่นอน
**โดยในสภพความเป็นจริงแล้ว การล่องหนมีสองสภาพใหญ่ๆ คือ การล่องหนเพียงแค่ทำให้ร่างกายหายไปเท่านั้น คือยังยืนอยู่ที่เดิมแต่ไม่เห็นตัว อีกวิธีการนึงคือ ทำให้ร่างกายหรือสสารเกิดการย้ายสภาพจากอีกแหล่งนึงไปอีกแหล่งนึง วิธีการนั้นใช้ลาสั้นก็หมายความว่า ไม่เห็นร่างกายหรือสสารนั้นเช่นเดียวกัน
วิธีแรก คือ ร่างกายหายไปโดยที่ยังอยู่ตำแหน่งเดิมนั้น ก็จะต้องทำให้ร่างกายโปร่งต่อแสง คือไม่มีการสะท้อนแสงออกไปกระทบตาของมนุษย์คนอื่น หมายความว่า ร่างกายมนุษย์ล่องหนจะต้องดูดกลืนแสงได้หมด ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็หมายความว่า มนุษย์ล่องหนจะต้องสามารถเก็บความร้อนและแสงสว่างที่มีความเข้มสูงๆ ได้ดี
ซึ่งในสภาพความเป็นจริงก็ไม่น่าจะมีทางเป็นไปได้ กรณีนี้จึงต้องพยายามค้นหาวิธีที่ทำให้วัตถุที่ต้องการล่องหน หรือทำให้มนุษย์ล่องหนได้นั้น ทนต่อความร้อนหรือแสงแดด ที่มีความเข้มข้นสูงๆได้ดี
วิธีที่สอง คือ เป็นการทำให้ร่างกายหายจากตำแหน่งนึงไปอีกตำแหน่งนึง ในระยะเวลาอันสั้นและรวดเร็ว
ถ้าถามความเป็นไปได้แล้ว กรณีที่สองนี้มีความเป็นไปได้สูงกว่า เพราะเป็นการเคลื่อนย้ายอะตอมทั้งกลุ่มก้อน จากตำแหน่งนึงไปยังอีกตำแหน่งนึงอย่างรวดเร็ว โดยขณะที่เคลื่อนย้ายนั้นจะต้องเปลี่ยนอะตอมของสสารหรือของมนุษย์ให้ไปอยู่ในรูปแบบของพลังงาน และจะต้องมีวิธีเปลี่ยนพลังงานกลับคืนเป็นสสารที่สมบูรณ์ได้อย่างเดิม ในสภาพเดิมด้วย ไม่อย่างนั้นก็หมายความว่าทำได้ไม่สำเร็จสมบูรณ์มนุษย์ล่องห่นก็คงจะกลายเป็นมนุษย์ล่องหนตลอดไป...
การล่องหนจากตำแหน่งนึงไปอีกตำแหน่งนึง น่าจะมีประโยชน์ของมนุษย์ มากกว่าคือ ถ้าเราสามารถเปลี่ยนตำแหน่ง โดยการล่องหนได้จริง เราก็จะสามารถไปไหนต่อไหนได้โดยไม่ต้องพึ่งยานพาหนะใดๆซึ่งในอดีตหรือในนิยายของไทยก็เคยมีมาแล้ว อาทิ หนุมานสามารถไปไหนต่อไหนได้โดยการลัดนิ้วมือเดียวเท่านั้น...
การลัดนิ้วมือเดียวของหนุมาน แท้จริงแล้วก็คือ การล่องหนดีๆนี้เอง
*การล่องหน เป็นความคิดของมนุษย์ในแง่ ของความเป็นสากล ทุกชาติล้วนเคยมีคนคิดถึงเรื่องมนุษย์ล่องหนมาแล้วทั้งสิ้นแต่อาจซ่อนอยู่ใน แฟนตาซี บทละคร นิยายวิทยาศาสตร์ ในแง่ใดแง่นึงเท่านั้น
--------- ไว้อ่านต่อพาร์ท 2 นะฮะ
---------
บทความนี้ จขกท.พิมพ์เองเมื่อยข้อมือมากหากคำใดตกหล่นขออภัยด้วยฮะ
++ขอบคุณเนื้อหาจากหนังสือ วิทยาศาสตร์นอกมิติพลิกปูมเรื่องลึกลับ++
สุดท้ายนี้เม้นกันหน่อยนะฮะ
xxxฝากxxx
>>เรื่องลึกลับ<<วิทยาศาสตร์นอกมิติ ตอน ร่างเพลิง part 1-2
http://www.siamzone.com/board/view.php?sid=2541696
>>เรื่องลึกลับ<<วิทยาศาสตร์นอกมิติ ตอน โลกคู่ขนาน part 1-2
http://www.siamzone.com/board/view.php?sid=2545254
ปล.ขอขอบคุณทุกคอมเม้นที่สร้างกำลังใจดีๆนะฮะซึ้งจริงๆ ขอบคุณจากใจ
เห็นยาวๆแบบนี้อย่าพึ่งขี้เกียจอ่าน อ่านดูซักนิดแล้วจะอึ้ง
เรื่องราวมนุษย์ล่องหนในนิยายวิทยาศาสตร์ เริ่มต้นที่เรื่อง in visible man ของ เอช.จี.เวลล์ เป็นเรื่องของมนุษย์คนนึงที่กินสารเคมีเข้าไป พร้อมกับโดนอาบรังสีทำให้เซลล์ของร่างกายเปลี่ยนแปลงไป คนอื่นมองไม่เห็นตัว ผลสุดท้ายก็กลายเป็นมนษย์ล่องหนได้จริงๆ
เมื่อมองทฤษฏีความเป็นจริงว่า โดยความจริงแล้ว การเป็นมนุษย์ ล่องหน นั้นมีสิทธิ์ เป็นไปได้จริงหรือไม่ ต้องขอตอบว่า เป็นไปได้จริง เนื่องจากตามทฤษฏีฟิสิกส์ยุคใหม่ของ อัลเบิร์ด ไอน์สไตน์นั้น ทำให้ความเป็นไปได้ในการทำให้มนุษย์ล่องหนเพิ่มสูงขึ้น การค้นพบอนุภาคอิเลคตรอนและโปรตรอนภายในอตอมก็เป็นหลักฐานอย่างนึงว่า ภายในอะตอมเต็มไปด้วยช่องว่างอันว่างเปล่า ถ้าเราแยกขยายช่องว่างเหล่านั้นออก ให้ถ่างออกจากกันมากๆ ภายในระยะเวลาอันสั้น ก็จะทำให้สสารนั้นสลายหายไปอย่างแน่นอน
*ตามที่ไอน์สไตน์ กล่าวไว้ว่า สสารพลังงาน ไม่มีวันสูญหายเพียงแต่สามารถเปลี่ยนสภาพไปอยู่ในรูปอื่นได้
ตรงนี้แหละที่ทำให้ข้อสันนิษฐานในการทำให้เกิดมนุษย์ล่องหนหนักแน่นขึ้น เพราะมนุษย์ล่องหนจริงๆแล้วก็คือมนุษย์ที่มองไม่เห็นตัว จะต้องเป็นคนโปร่งแสง คือผ่านไปได้ โดยไม่ดูดกลืนหรือสะท้อนแสงใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว ก็จะทำให้กลายเป็นมนุษย์ล่องหนทันที
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเรื่องราวของ ควอนตัมฟิสิกส์
การทดลองของนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการล่องหน ทำเพื่อพิสูจน์ความสามารถของมนุษย์เป็นอันดับแรก เนื่องจากถือว่าเป็นเรื่องราวของการล่องหน เป็นเรื่องเหนือมนุษย์ ถ้าใครสามารถค้นคว้าได้จริงเป็นคนแรกก็นับว่าเป็นอันหนึ่ง จะต้องได้รับชื่อเสียงอย่างแน่นอน
**โดยในสภพความเป็นจริงแล้ว การล่องหนมีสองสภาพใหญ่ๆ คือ การล่องหนเพียงแค่ทำให้ร่างกายหายไปเท่านั้น คือยังยืนอยู่ที่เดิมแต่ไม่เห็นตัว อีกวิธีการนึงคือ ทำให้ร่างกายหรือสสารเกิดการย้ายสภาพจากอีกแหล่งนึงไปอีกแหล่งนึง วิธีการนั้นใช้ลาสั้นก็หมายความว่า ไม่เห็นร่างกายหรือสสารนั้นเช่นเดียวกัน
วิธีแรก คือ ร่างกายหายไปโดยที่ยังอยู่ตำแหน่งเดิมนั้น ก็จะต้องทำให้ร่างกายโปร่งต่อแสง คือไม่มีการสะท้อนแสงออกไปกระทบตาของมนุษย์คนอื่น หมายความว่า ร่างกายมนุษย์ล่องหนจะต้องดูดกลืนแสงได้หมด ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็หมายความว่า มนุษย์ล่องหนจะต้องสามารถเก็บความร้อนและแสงสว่างที่มีความเข้มสูงๆ ได้ดี
ซึ่งในสภาพความเป็นจริงก็ไม่น่าจะมีทางเป็นไปได้ กรณีนี้จึงต้องพยายามค้นหาวิธีที่ทำให้วัตถุที่ต้องการล่องหน หรือทำให้มนุษย์ล่องหนได้นั้น ทนต่อความร้อนหรือแสงแดด ที่มีความเข้มข้นสูงๆได้ดี
วิธีที่สอง คือ เป็นการทำให้ร่างกายหายจากตำแหน่งนึงไปอีกตำแหน่งนึง ในระยะเวลาอันสั้นและรวดเร็ว
ถ้าถามความเป็นไปได้แล้ว กรณีที่สองนี้มีความเป็นไปได้สูงกว่า เพราะเป็นการเคลื่อนย้ายอะตอมทั้งกลุ่มก้อน จากตำแหน่งนึงไปยังอีกตำแหน่งนึงอย่างรวดเร็ว โดยขณะที่เคลื่อนย้ายนั้นจะต้องเปลี่ยนอะตอมของสสารหรือของมนุษย์ให้ไปอยู่ในรูปแบบของพลังงาน และจะต้องมีวิธีเปลี่ยนพลังงานกลับคืนเป็นสสารที่สมบูรณ์ได้อย่างเดิม ในสภาพเดิมด้วย ไม่อย่างนั้นก็หมายความว่าทำได้ไม่สำเร็จสมบูรณ์มนุษย์ล่องห่นก็คงจะกลายเป็นมนุษย์ล่องหนตลอดไป...
การล่องหนจากตำแหน่งนึงไปอีกตำแหน่งนึง น่าจะมีประโยชน์ของมนุษย์ มากกว่าคือ ถ้าเราสามารถเปลี่ยนตำแหน่ง โดยการล่องหนได้จริง เราก็จะสามารถไปไหนต่อไหนได้โดยไม่ต้องพึ่งยานพาหนะใดๆซึ่งในอดีตหรือในนิยายของไทยก็เคยมีมาแล้ว อาทิ หนุมานสามารถไปไหนต่อไหนได้โดยการลัดนิ้วมือเดียวเท่านั้น...
การลัดนิ้วมือเดียวของหนุมาน แท้จริงแล้วก็คือ การล่องหนดีๆนี้เอง
*การล่องหน เป็นความคิดของมนุษย์ในแง่ ของความเป็นสากล ทุกชาติล้วนเคยมีคนคิดถึงเรื่องมนุษย์ล่องหนมาแล้วทั้งสิ้นแต่อาจซ่อนอยู่ใน แฟนตาซี บทละคร นิยายวิทยาศาสตร์ ในแง่ใดแง่นึงเท่านั้น
--------- ไว้อ่านต่อพาร์ท 2 นะฮะ
---------
บทความนี้ จขกท.พิมพ์เองเมื่อยข้อมือมากหากคำใดตกหล่นขออภัยด้วยฮะ
++ขอบคุณเนื้อหาจากหนังสือ วิทยาศาสตร์นอกมิติพลิกปูมเรื่องลึกลับ++
สุดท้ายนี้เม้นกันหน่อยนะฮะ
xxxฝากxxx
>>เรื่องลึกลับ<<วิทยาศาสตร์นอกมิติ ตอน ร่างเพลิง part 1-2
http://www.siamzone.com/board/view.php?sid=2541696
>>เรื่องลึกลับ<<วิทยาศาสตร์นอกมิติ ตอน โลกคู่ขนาน part 1-2
http://www.siamzone.com/board/view.php?sid=2545254
ปล.ขอขอบคุณทุกคอมเม้นที่สร้างกำลังใจดีๆนะฮะซึ้งจริงๆ ขอบคุณจากใจ
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
# เข้าใจว่าวิธีที่สองเหมือนพวก jumper ?
เราเข้าใจถูกไหมหว่า ?
- รอพาร์ทสองเหมือนเดิมคะ จขกท. XD
ไอพี: ไม่แสดง
อะตอมมันเกี่ยวไรกับร่างกายมนุษย์อะ
คือหน่วยที่เล็กที่สุด ของสสารครับ =___=
แก้ไขล่าสุด 10 ก.ย. 54 10:36 | ไอพี: ไม่แสดง
ตอนแรกคิดว่าวิธีที่หนึ่งน่าจะง่ายกว่าวิธีที่สองอีก
ทำให้นึกถึงแฮรี่พอตเตอร์ตอนใช้ผงฟลูเย หายแว๊บไป
ไอพี: ไม่แสดง
#8 ก็ร่างกายเราประกอบด้วยเซลล์
แล้วเซลล์ก็ประกอบไปด้วย
โปรตอน นิวตรอน และ อิเล็กตรอน
ซึ่งรวมกันเป้นหนึ่ง อะตอมค่า ~
แก้ไขล่าสุด 13 ก.ย. 54 12:22 | ไอพี: ไม่แสดง
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google