อุปนิสัยการพูดส่วนตัวของผู้หญิงและผู้ชาย และมุมมองที่แตกต่างกัน....
3. ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เกิดว่า ต้องเป็นเพศที่เข้มแข็งและต้องเป็นฝ่ายที่จะต้องปกป้องผู้หญิง และจะคิดเอาเองว่า การปกป้องของผู้หญิง คือ การปกป้องแบบเด็กๆๆ ดังนั้นทำให้ ผู้ชาย ปฏิเสธความพยายามของผู้หญิงในการปกป้องพวกเขา เพียงเพราะว่า พวกเขาไม่อยากถูกปฏิบัติเหมือนเด็กๆ
4. ผู้ชายชอบทำตัวให้มีจุดเด่น มีผู้แพ้ และมีผู้ชนะ ชอบพูดจาโอ้อวดความสามารถของตัวเองต่อเพื่อนผู้ชายด้วยกันในกลุ่ม แต่สำหรับผู้หญิงชอบให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะกับผู้หญิงด้วยกัน เพื่อที่จะได้รับการยอมรับ
5. ผู้ชายชอบที่จะแก้ปัญหา แต่ผู้หญิงชอบความเห็นอกเห็นใจมากกว่าที่จะแก้ปัญหา ดังนั้นผู้ชายมักจะมีอาการหงุดหงิด เมือเขาพยายามที่จะช่วยแก้ปัญหาของผู้หญิง แต่ผู้หญิงมักจะปฏิเสธวิธีแก้ปัญหาของเขาแล้วเปลี่ยนเป็น คำขอบคุณแทน
6. ผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีความสุขทั้งการรับและการให้ความช่วยเหลือ แต่ผู้ชายส่วนใหญ่จะมีความสุขในบทบาทของการให้ข้อมูลและให้ความช่วยเหลือ แต่จะไม่ชอบกับสิ่งที่ตรงกันข้าม
7. ผู้ชายชายส่วนมากจะมีความรู้สึกผ่อนคลายในการพูด โดยเฉพาะในที่สาธารณะ แต่ในขณะที่ผู้หญิงจะรู้สึกผ่อนคลายในการพูดในที่ส่วนตัว
8. ผู้ชายมักจะกล่าวหาผู้หญิงว่า เป็นเพศที่พูดมาก จู้จี้จุกจี้ ขี้บ่น และไม่ชอบที่จะพูดในสิ่งที่ต้องการออกมาตรงๆ แต่ผู้ชายมักจะลืมไปว่า ที่ผู้หญิงต้องทำแบบนั้นเพียงเพื่อ ต้องการการมีส่วนร่วม และอยากให้ฝ่ายชายแสดงความเข้าใจ และเห็นอกเห็นใจเธอบ้าง
9. ผู้หญิงจะเป็นเพศที่ละเอียดอ่อนกับคำพูด ชอบคำพูดที่ช่วยปลอบโยนจิตใจ แต่ผู้ชายเป็นเพศทที่ไม่ชอบอ้อมค้อม พูดจาตรงไปตรงมาตามความคิดของตัวเองว่าควรที่จะพูดไปแบบนี้แบบนั้น และไม่ได้คิดใสใจในคำพูดของตัวเองที่ออกไปมากนัก
10. ผู้หญิงและผู้ชายนั้นมีวิธีการพูดที่แตกต่างกันในเรื่องเดียวกัน และมีความปรารถณาที่ดีที่จะช่วยแก้ปัญหาต่างๆให้กันและกัน แต่การแสดงออกทางคำพูดจะไม่เหมือนกัน โดยผู้หญิงมักจะใช้ความรู้สึกในการอธิบาย แต่ผู้ชายมักจะใช้หลักการและเหตุผลในการอธิบาย
11. การที่ผู้ชายบางครั้งเงียบ ไม่ยอมพูดนั้น เป็นเพราะเขาคิดว่า ถ้าหากพูดออกไปแล้วจะเป็นการทำร้ายผู้หญิงให้เสียใจและเจ็บปวดจากคำพูดของเขา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้หญิงจะเจ็บปวดจากการทีผู้ชายไม่ยอมพูดและเงียบเฉยมากกว่าการที่เขาจะพูดออกมาเสียอีก
12. ผู้หญิงและผู้ชายชอบที่จะนินทาเหมือนกัน แต่สำหรับผู้ชายนั้น การนินทา มักจะคิดว่าเป็นเรืองของการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็นกัน และให้ความสำคัญกับเรืองที่ว่า พวกเพื่อนๆเขาจะให้ความเคารพเขาหรือไม่ สำหรับผู้หญิง การนินทา คือการสร้างความสัมพันธ์กับคนในกลุ่ม และใช้ตอกย้ำว่า พวกเขามีค่านิยมและมีทัศนะทางโลกแบบเดียวกันจีงอยู่ร่วมกันได้
13. ผู้ชายมักจะมองผู้หญิงอยู่ในฐานะด้อยกว่าเสมอในการพูดคุย เนืองจากผู้หญิงไม่ชอบที่จะส่งถ่ายข้อมูลที่ได้รับรู้มาให้คนอื่นๆฟัง แต่จะชอบที่จะเป็นผู้ฟังมากกว่า ถึงแม้ว่าเรื่องที่ผู้ชายเล่าจะเป็นเรื่องที่ไร้สาระก็ตาม แต่ในทางกลับกัน เมื่อผู้หญิงเป็นฝ่ายพูดบ้าง ผู้หญิงมักจะเกิดอาการแหวดระแวงคิดว่าสิ่งที่เธอพูดไปนั้น ผู้ชายไม่ได้ตั้งใจฟังในสิ่งที่เธอพูดเลย
14. ผู้ชายชอบเล่าเรื่องตลก และจะจดจำเรื่องตลกที่เขาได้ยินได้เห็นมา แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่จดจำ เพราะเรื่องตลกทั้งหลายไม่ใช้สิ่งที่พวกเธอชอบสะสมเอาไว้คุยกับเพื่อนๆของเธอ
15. โดยปกติแล้วผู้หญิงไม่ชอบการต่อสู้ทะเลาะวิวาท แต่พวกเธอจะชอบพูดลับหลังแทนการต่อสู้แบบซึ้งๆหน้า แต่สำหรับผู้ชายจะชอบการต่อสู้ทะเลาะวิวาทกันอย่างเปิดเผย ดังนั้นจึงทำให้บางครั้ง ผู้ชายและผู้หญิงเมื่อเกิดปัญหาร่วมกัน จีงพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง
16. โดยปกติแล้วการเล่าเรื่องของผู้หญิงนั้นมักจะเกียวกับเรื่องสังคม ความปรองดองกัน ความผูกพันระหว่างเพื่อน ครอบครัว การพบคนรัก เรืองราวของคนแปลกหน้าที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเธอ แต่สำหรับผู้ชาย การเล่าเรื่อง จะเป็นในรูปแบบ ของกีฬา การเมือง หน้าที่การงานและการแข่งขันทางสังคมเสียมากกว่า
17. การพูดขัดจังหวะในการสนทนาของผู้หญิงและผู้ชายนั้นไม่เหมือนกัน ผู้ชายมองการสนทนาเป็นการแข่งขัน พวกเขาจะพยายามทำตัวเหมือนกับไม่เห็นด้วยในสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามพูดและจะพูดแทรกขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนหัวข้อในการสนทนาให้เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ แต่สำหรับผู้หญิง พวกเธอไม่ชอบที่จะเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนาไปในทิศทางที่เธอต้องการ ทั้งนี้เพราะว่าพวกเธอรู้สึกเกรงใจผู้พูดและเป็นผู้ฟังที่ดี จนบางครั้งทำให้ผู้ชายมองว่าผู้ผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ ไม่สู้เพือความต้องการของตัวเอง
18. ผู้หญิงชอบอยู่กันเป็นกลุ่ม และจะมีอะไรๆที่คล้ายกันในกลุ่มไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความนิยมชมชอบ และ มักจะช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกันตลอด ซึ่งทำให้ผู้ชายจะไม่ค่อยชอบสังคมแบบนี้เท่าไหร่ เพราะคิดว่ามันเป็นสังคมที่น่ากลัว และน่าอึดอัด ต้องคอยทำตามกฎระเบียบในกลุ่มเกือบทุกอย่าง ไม่มีความเป็นอิสระ
สรุป... ถ้าผู้หญิงและผู้ชายต่างฝ่ายต่างเรียนรู้สไตล์ของกันและกัน ผู้ชายเรียนรู้ที่จะยอมรับการสนับสนุน และความต้องการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันของผู้หญิง ผู้หญิงเรียนรู้ที่จะยอมรับกับการชอบใช้อำนาจเหนือผู้อื่นของผู้ชาย ทั้งผู้หญิงและผู้ชายก็จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้โดยไม่เกิดความขัดแย้ง...
เครดิต : เด็กดี
ซ้ำขออภัย อยากให้ลบบอกนะคะ
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ขอฝากบอกผู้ชายอย่างหนึ่ง - ใครที่ปากแข็ง กลัวเสียหน้่า ขี้โม้ชอบอวด
เลิกทำเหอะ!, แล้วแบบว่า 3 อย่างนี้มารวมอยู่ในคนๆ เดียวกัน โอ้กล้วยฉาบ ลูกขอลากราบนมัสการ
( เคยคบคนนี้แบบแหละ ทำให้เราไม่อยากคบใครอีกเลย เบื่อปู้จาย )
ยุ่งยากจริง ๆ ทั้งหญิงและชาย เราว่าของอย่างนี้ต้องใช้ความเข้าใจในการศึกษาแล้วล่ะ เพราะต่อให้อ่านยังไงถ้าไม่มีประสบการณ์ อ่านไปก็เท่านั้น
11. การที่ผู้ชายบางครั้งเงียบ ไม่ยอมพูดนั้น เป็นเพราะเขาคิดว่า ถ้าหากพูดออกไปแล้วจะเป็นการทำร้ายผู้หญิงให้เสียใจและเจ็บปวดจากคำพูดของเขา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้หญิงจะเจ็บปวดจากการทีผู้ชายไม่ยอมพูดและเงียบเฉยมากกว่าการที่เขาจะพูดออกมาเสียอีก
ปัญหาโลกแตก -_-
11. การที่ผู้ชายบางครั้งเงียบ ไม่ยอมพูดนั้น เป็นเพราะเขาคิดว่า ถ้าหากพูดออกไปแล้วจะเป็นการทำร้ายผู้หญิงให้เสียใจและเจ็บปวดจากคำพูดของเขา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้หญิงจะเจ็บปวดจากการทีผู้ชายไม่ยอมพูดและเงียบเฉยมากกว่าการที่เขาจะพูดออกมาเสียอีก
ข้อนี้ตรงสุดๆเลย
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google