บทสัมภาษณ์ กวินเนธ พัลโทรว์ พูดถึง โทนี่ผู้เปราะบาง ความสัมพันธ์กับคิลเลียน ใน Iron Man3
5 พ.ค. 56 19:37 น. /
ดู 1,779 ครั้ง /
2 ความเห็น /
1 ชอบจัง
/
แชร์
หนึ่งในตัวละครสำคัญต่อหนังชุด Iron Man และสำคัญต่อดทนี่ สตาร์ก ก็คือเพพเพอร์ พอตต์ ที่รับบทโดยกวินเนธ พัลโทรว์ ครับ และแฟนของหนังชุดนี้คงต้องยอมรับว่าเธอได้แสดงได้เข้าขากับโรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ อย่างมาก ตั้งแต่ภาคแรกเลย และกลายเป็นคนสำคัญคนหนึ่งของหนังภาคต่อชุดนี้ ตัวละครเพพเพอร์ พ็อตต์ ก็มีพัฒนาการมากขึ้น และได้แสดงอะไรมากขึ้นจากภาคแรก นับจากบทเลขาฯ คนสนิทที่รู้จักสตาร์กเป็นอย่างดี จนได้กลายเป็นคนสำคัญในชีวิตที่เป็นแรงจูงใจหลายอย่างของสตาร์ก ซึ่งโรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ ก็ได้พยายาทให้พัลโทรว์ได้แสดงอะไรมากขึ้นใน Iron Man 3 ครับ
พัลโทรว์แจ้งเกิดจากหนัง Shakespears In Love ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมของออสการ์ด้วย บทบาทอื่นๆที่นักดูหนังในบ้านเรารู้จักดีก็เช่นหนังรัก Great Expectation หนังเขย่าขวัญ Se7en และล่าสุดก็คือการรับบทรับเชิญในซีรี่ส์ชุด Glee ครับ
Q: ใน Marvels Iron Man 3 เราได้เจอเป็ปเปอร์ตอนไหน
A: ตอนที่เราได้เจอกับเป็ปเปอร์ใน Iron Man 3 เธอกับโทนี สตาร์คกำลังมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกัน พวกเขาใช้ชีวิตด้วยกัน เธอย้ายไปอยู่กับเขาในบ้านที่มาลิบู และเธอก็ยังคงบริหารงานสตาร์ค อินดัสทรีส์อยู่ด้วย ชีวิตของพวกเขาก็เลยผูกพันกันมากๆ แล้วตอนนี้ พวกเขาก็มีความรู้สึกสบายใจกับกันและกันมากขึ้น มันไม่ได้เป็นความสัมพันธ์แบบกึ่งๆ อย่างในภาคแรกอีกแล้ว มันเป็นอะไรที่สบายๆ ค่ะ ฉันคิดว่าคุณจะเกิดความรู้สึกที่ว่าพวกเขารู้จักกันทะลุปรุโปร่งและกำลังมีความสัมพันธ์ที่จริงจังค่ะ
Q: การได้แสดงอารมณ์รักกับโรเบิร์ตในภาพยนตร์เรื่องนี้สนุกกว่าการเกิดความตึงเครียดรึเปล่า
A: ฉันรู้สึกดีมากๆ ที่ได้เห็นความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาขึ้นในหนังสองสามภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคนี้ ฉันกับโรเบิร์ตมีความสัมพันธ์ในการทำงานที่ดีเยี่ยม และเราก็มีความสุขกับการได้ร่วมงานกัน ฉันรู้สึกดีที่ความสัมพันธ์นั้นได้แปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น เรายังคงลับฝีปากกันก็จริง แต่มันก็รุนแรงน้อยกว่าเดิมค่ะ
Q: ในภาคนี้ คุณได้สวมชุดเกราะด้วย คุณคาดคิดถึงเรื่องนี้มั้ย
A: ในตอนจบของ Iron Man 2 มีการพูดถึงเรื่องของการให้เป็ปเปอร์ใส่ชุดเกราะ แต่มาร์เวลยังไม่พร้อมที่จะทำแบบนั้น ฉันคิดว่าในหนังสือการ์ตูน ในที่สุด เธอก็ได้สวมชุดเกราะและเธอก็มีชุดเกราะของตัวเองและฉันก็คิดว่าโรเบิร์ตสนใจการให้เป็ปเปอร์ทำอะไรมากขึ้นในหนังเรื่องนี้ และมันก็เป็นปัจจัยในการดึงฉันกลับมา ในการให้ฉันได้ทำในสิ่งที่สนุกมากขึ้น ท้าทายมากขึ้นและแตกต่างออกไป มันก็คงยังเป็นเรื่องที่ดีนะคะ แต่การเป็นเป็ปเปอร์ที่เนี้ยบทุกกระเบียดนิ้วก็คงจะอะไรที่เหมือนเดิม ซึ่งในหนังเรื่องนี้ เราจะได้พบเธอในแบบที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงค่ะ
Q: แล้วการสวมชุดเกราะนั้นเป็นเรื่องยากมากน้อยแค่ไหน
A: ฉันไม่รังเกียจการสวมชุดเกราะเลยค่ะ ฉันคิดว่ามันเบาและสบายตัวมากๆ และลูกๆ ฉันก็คิดว่าฉันเจ๋งมากด้วย พวกเขามากองถ่ายในวันที่ฉันสวมชุดเกราะ ตอนนั้น พวกเขากำลังให้ฉันลองชุดเกราะ แล้วพอลูกชายฉันเห็นฉันสวมชุดเกราะ เขาก็ทำตาโตเลย มันคุ้มค่าจริงๆ ค่ะ
Q: พวกเขาตื่นเต้นกับการได้พบโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์รึเปล่าในเมื่อตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าเขาคือไอรอน แมน
A: มันตลกดีนะคะเพราะพวกเขาไม่รู้เรื่องนี้มาตั้งนาน ตอนหนังภาคแรก ลูกชายฉันอายุแค่ขวบเดียว ดังนั้น ใน Iron Man 1 หรือ Iron Man 2 เขาก็ยังไม่รู้ประสาเท่าไหร่ แต่ในภาคนี้ เขาอายุหกขวบแล้ว และเขาก็ชื่นชอบไอรอน แมนและฮัลค์สุดๆ ฉันจำได้ถึงวันที่เขาคิดได้แล้ว่าโรเบิร์ตคือไอรอน แมนเพราะเขาชื่นชอบโรเบิร์ตมาตลอดชีวิต เขารักโรเบิร์ตค่ะ และตอนนี้ ความจริงที่ว่าโรเบิร์ตเป็นไอรอน แมนก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกเขาพิเศษขึ้นไปอีก ลูกๆ ฉันรักเขาค่ะ แต่มันตลกจริงๆ เวลาฉันนึกถึงเด็กตัวเล็กๆ ที่รู้ตัวว่าเขาเป็นเพื่อนกับไอรอน แมนน่ะค่ะ
Q: คุณต้องฟิตหุ่นแค่ไหนสำหรับ Marvels Iron Man
A: ฉันเป็นคนที่ออกกำลังกายอยู่แล้วค่ะ แต่ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันจะต้องฟิตหุ่นให้ดีเยี่ยม ดังนั้น ประมาณสองสามสัปดาห์ก่อนที่ฉันจะกลับมา ฉันก็หักโหมออกกำลังกายอย่างหนัก และฉันก็พยายามระมัดระวังเรื่องอาหาร ซึ่งฉันก็ไม่ถนัดนัก แต่ฉันก็ตั้งใจมากๆ เพราะฉันอยากให้ซีเควนซ์ตอนจบเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงและฉันก็คิดว่าถ้าผู้ชมได้เห็นฉันต่อสู้และฟิตจริงๆ มันก็จะเป็นโบนัสเพิ่มเติมให้กับหนังเรื่องนี้น่ะค่ะ
Q: ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ดูเหมือนว่าไอรอน แมนจะเปราะบางกว่าแต่ก่อนเสียอีก
A: ฉันคิดว่าสาเหตุที่โทนี สตาร์คเป็นฮีโรที่ได้รับความนิยมสูงขนาดนี้ก็เพราะความเปราบางของเขานี่แหละค่ะ ฉันคิดว่าในภาคสอง เขาอยู่ในภาวะที่เปราะบางที่สุด ในภาคแรก เขาล้วงลึกไปในความเปราะบางของตัวเองและเขาก็เจอมัน และเขาก็พบความเป็นมนุษย์ของตัวเอง และในหนังเรื่องนี้ คุณจะได้เห็นเขาสติแตกจริงๆ เขาเจอกับยุคมืดในชีวิตของเขา แต่ฉันก็คิดว่าในหนังเรื่องนี้ เขาพยายามที่จะทำความเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร เขาอยากจะเป็นใครและทิศทางที่เขาอยากจะเดินไป โรเบิร์ตถ่ายทอดความรู้สึกนั้นออกมาได้อย่างงดงาม เขาเป็นนักแสดงที่สามารถถ่ายทอดหลายสิ่งหลายอย่างออกมาได้พร้อมๆ กัน และการได้เห็นสิ่งนั้นก็เป็นเรื่องวิเศษสุดค่ะ
ฉากที่เขาส่งไอรอน แมนปลอมไปหาเป็ปเปอร์เพื่อแสร้งว่านั่นคือตัวเขาอาจจะเป็นนิสัยดั้งเดิมของผู้ชายที่ว่า ฉันไม่อยากจะรับมือกับแฟนตัวเอง แต่ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ว่าตัวโทนีไม่อยากจะทำตัวสนิทสนม มันมีกำแพงกั้นระหว่างเป็ปเปอร์และโทนีที่ตัวเขาเองไม่อยากจะข้ามไป ฉันคิดว่าเขารู้สึกเจ็บปวดหากจะต้องเทใจให้กับเธอทั้งหมดเพราะมันมีอะไรหลายอย่างในนั้นและเขาก็ยังคงพิจารณาอยู่ว่าจะรับมือกับมันได้ยังไงน่ะค่ะ
Q: คุณและแฟฟโรมีฉากเยี่ยมๆ ด้วยกันหลายฉากในภาคนี้ การร่วมงานกับเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง
A: ฉันตื่นเต้นมากที่จอนกลับมาค่ะ มันออกจะแปลกหน่อยๆ เพราะฉันเคยชินกับการที่เขานั่งเก้าอี้ผู้กำกับ และตอนแรก ฉันก็รู้สึกแปลกที่มีเขาอยู่ในกองถ่าย แต่ต้องฟังคนอื่นบอกฉันว่าต้องทำอะไรน่ะค่ะ แต่จอนสำคัญต่อแฟรนไชส์นี้มาก เขาเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของมาร์เวล มันเจ๋งมากที่เขากลับมารับบทแฮปปี้ โฮแกนและมาร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ ฉันรู้สึกดีจริงๆ ที่มีเขาอยู่ด้วยค่ะ ฉันจินตนาการไม่ออกเลยถึงการอยู่ในกองถ่าย Iron Man โดยไม่มีเขาน่ะค่ะ
Q: คุณคิดว่าทำไม Iron Man ถึงดูเหมือนจะเป็นเสาหลักสำหรับภาพยนตร์มาร์เวลและเป็นเรื่องที่ผู้ชมหวนกลับไปหาเสมอล่ะ
A: ฉันคิดว่าเหตุผลที่ Iron Man ประสบความสำเร็จเหลือเกินก็เพราะมันเป็นเรื่องคลาสสิกตามแบบฉบับของคนที่มีทั้งความมืดและแสงสว่างตัว และนั่นก็เป็นเรื่องราวของเราทุกคนด้วย เราพยายามจะทำความเข้าใจกับทั้งสองแง่มุมของตัวเราและทุกส่วนของตัวเราเสมอ และมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับไอรอน แมนที่รวมคุณสมบัติทั้งหมดนั้นและนั่นคือสิ่งที่เราต้องการจะทำ การยอมรับด้านมืดของตัวเองและทำให้ด้านสว่างของเราสว่างไสวขึ้น โรเบิร์ตเป็นคนมีเสน่ห์และตลกอย่างเหลือเชื่อ และฉันก็คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเป็ปเปอร์และโทนีเป็นหัวใจสำหรับของหนังเรื่องนี้เสมอค่ะ ผู้ชมชื่นชอบการได้เห็นความสัมพันธ์ของพวกเขา หลายคนพูดถึง Marvels The Avengers ว่า ฉันดีใจจังที่เป็ปเปอร์อยู่ใน The Avengers ด้วย มันทำให้หนังเรื่องนั้นมีศูนย์กลางค่ะ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ฉากเดียวก็ตาม ฉันคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเป็ปเปอร์และโทนีก็เป็นสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริง มันตั้งอยู่บนความจริงเสมอและมันก็ตลก เต็มไปด้วยความรักและเฉียบคมเสมอ มันเป็นความสัมพันธ์จริงๆ ค่ะ ฉันคิดว่าคนอยากเห็นอะไรแบบนั้นและพวกเขาก็อยากเห็นผู้หญิงที่ทั้งรักและสนับสนุนคนรักของเธอแต่ก็คอยเตือนสติเขาอยู่เรื่อยๆ ด้วย มันเป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักจริงๆ ค่ะ
Q: แล้วความสัมพันธ์ระหว่างคิลเลียนและเป็ปเปอร์ล่ะ
A: ไอเดียคือเป็ปเปอร์และคิลเลียนรู้จักกันมาก่อน เธอบอกว่าเธอเคยทำงานกับเขานานมาแล้วและเขาก็จีบเธอ แต่เธอไม่สนใจ เขาก็เลยยังเก็บความรู้สึกที่มีต่อเธอเอาไว้เสมอ และมันก็กลายเป็นส่วนที่ซับซ้อนมากๆ ในพล็อตเรื่อง เขารักเป็ปเปอร์ข้างเดียว และมันก็เป็นแรงจูงใจให้เขาทำในสิ่งที่น่ากลัวมากๆ ค่ะ
Q: ภาคสามนี้จะแตกต่างจากสองภาคแรก คุณคิดว่าภาคนี้จะออกมาเป็นยังไงบ้าง
A: ฉันอยากจะดูหนังเรื่องนี้จริงๆ ค่ะ เพราะฉันรู้สึกว่าตอนเริ่มต้นและตอนจบของมันเป็นอะไรที่ท้าทาย แตกต่างและน่าสนใจจริงๆ และฉันก็คิดว่าเราได้ปูพื้นมาได้ดีสำหรับเรื่องนั้น ในตอนจบของภาคแรก โทนี สตาร์คพูดว่า ผมคือไอรอน แมน ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง เพราะปกติแล้ว เรื่องนั้นจะถูกทิ้งให้เป็นปริศนา หนังมักจะจบในแบบที่คาดไม่ถึง และฉันก็คิดว่าหนังเรื่องนี้จบอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ และมันก็มีเรื่องอบอุ่นหัวใจด้วย มันเป็นเรื่องของการค้นพบตัวเองและสิ่งที่สำคัญจริงๆ และแน่นอนค่ะว่ามันถูกถ่ายทอดออกมาพร้อมกับระเบิดเปรี้ยงปร้าง แอ็กชัน และความตื่นเต้น เพียงแต่มันมีความอบอุ่นหัวใจอยู่เบื้องหลังทั้งหมดนั้นด้วยค่ะ
jediyuth
แก้ไขล่าสุด 5 พ.ค. 56 19:39 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google