วิจารณ์ Her ความรักประดิษฐ์ ที่ถูกจริตกับคนขี้เหงา

31 ม.ค. 57 18:04 น. / ดู 3,269 ครั้ง / 1 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
Her
By Bigtum

: ความรักประดิษฐ์ ที่ถูกจริตกับคนขี้เหงา
  แสงไฟของเมืองที่มองผ่านลอดเเว่นในแต่ละค่ำคืนถูกอาบฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนเรื่องราวเก่าก่อนที่ทำใจยากจะลืมเลือน แววตาที่แสนเศร้าของชายหนุ่มชอบที่จะออกสำรวจผู้คนที่ผ่านไปมาตรงหน้า แล้วครุ่นคิดอย่างอ่อนโยนว่าพวกเค้าเป็นแบบนั้นได้ยังไง อย่างไรก็ดีด้วยฐานะตำเเหน่งหน้าที่การงานที่ทำอยู่ ได้เปิดโอกาสให้เค้าได้ใช้จินตนาการอันนุ่มนวลอย่างเต็มที่ งานร่างจดหมายส่งให้คนอื่นนั้น อาจต้องใช้ลีลาภาษาศิลป์ที่งดงาม เพื่อให้คนอ่านแล้วมีความสุข แต่ชีวิตของชายที่ชื่อ ธีโอดอร์ ทวอมบลี (วาคีน ฟีนิกซ์) หาได้งดงามอย่างนั้นไม่

ภายหลังที่แยกกันอยู่กับภรรยา แคธรีน (รูนี่ย์ มาร่า) มาเป็นปี ชายผู้นี้ใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยความเหงา เอาแต่นอนเฝ้าหวนถึงอดีตอันแสนสุขที่เคยทำร่วมกัน การระบายออกอย่างการหาคู่แชทกับสาว Sex phone ดูเหมือนจะไม่เวิร์ค พอๆกับการเล่นเกมคอนโซลสามมิติที่นับวันมันยิ่งสบถหยาบขึ้นทุกที ในที่สุดธีโอดอร์ก็พบหนทางใหม่ด้วยการเริ่มสานสัมพันธ์กับโอเอส หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของตัวเองที่ชื่อ ซาแมนธา (ให้เสียงโดย สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน) เธอผู้มีแค่ 'เสียง' ไร้ซึ่งตัวตนให้จับต้องได้ ฟังดูน่าตลกใช่มั้ย แต่จะบอกว่ามันฉลาดมากๆ

ระบบสุดล้ำแสนอัจริยะอันนี้ มันทำให้เราเเทบไม่ต้องกระดิกนิ้วทำอะไรเลย ใช้การสั่งงานผ่านเสียงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น อ่านอีเมล์ นัดประชุม ค้นหาเส้นทาง ฝากข้อความต่างๆ แต่นั่นมันก็แค่ฟีเจอร์เด็กๆ ความสามารถมันเยอะกว่านั้นอีก มันพูดคุยโต้ตอบกับเราได้ทุกเรื่อง รับฟัง ให้คำปรึกษา รู้สถานะอารมณ์ของเราผ่านทางน้ำเสียง ดีใจไปกับเรา เสียใจไปกับเรา แม้จะไม่มีตัวตนแต่มันเรียนรู้โลกได้เร็วผ่านทางกล้องที่เราพกติดตัว ล้ำมาก ก็เหมือนกับพวกหนังแอนดรอยด์ทั้งหลาย ซึ่งในที่สุดมันก็มีหัวใจ ...และมีความรัก

เพราะงั้นแล้วบทสรุปเรื่องราวของนายธีโอดอร์กับความรักที่ต่อซาเเมนธา (เสียง) ในครั้งนี้ จึงไม่ยากเกินคาดเดา แต่ทว่ามันช่างแสนประทับใจ และได้มุมมองอะไรใหม่ๆจากความรักที่แสนเจ็บปวดรวดร้าวหนนี้ หนทางแห่งความสุขที่หนังสื่อออกมา ราวกับจะบอกว่ามันไม่สามารถจับต้องได้นั้นแท้จริงแล้วมันคืออะไรกัน ต้องมองให้ลึกแค่ไหนจึงจะเข้าใจ อันนี้คิดว่าแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนนะ หนังเปิดกว้างทางความคิดอย่างเต็มที่ ตามแต่เจตนารมณ์ของผู้ชมที่คิดต่างกัน แต่ที่รู้ๆดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึงเจ้า 'siri' ในไอโฟนจังเลย (เวอร์ชั่นฉลาดกว่าคน) หรือสไปค์ โจนซ์ ผู้กำกับเค้าจะได้ไอเดียมาจากตรงนี้กันนะ

แม้ว่า 'วาคีน ฟีนิกซ์' จะไม่มีชื่อเข้าชิงออสการ์นำชายจากบทนี้ แต่การเเสดงออกถึงความว้าเหว่ผ่านเเววตาท่าทางนั้นประจักษ์ชัดแล้วว่า 'ยอดเยี่ยม' เป็นธรรมชาติมากขนาดไหน บุคลิกที่เป็นภาพจำจากหนัง Walk the Line หรือ The Master ที่ผู้เขียนชื่นชอบ นั้นลืมไปได้เลย คอสตูมของหนัง Her จัดแจงเปลี่ยนให้ใหม่หมด ทั้งเสื้อผ้าที่สีวรรณะสดกว่าชาวบ้านเค้า กางเกงเอวสูง แว่นตา และหนวดเสือ แค่นี้ก็เนิร์ดพอแล้วสำหรับบทธีโอดอร์ผู้รอความหวัง ขณะที่กลุ่มนักเเสดงหญิงในเรื่องนี้น่าประทับใจมาก พวกเธอดูดีมีเสน่ห์ทุกคน 'รูนี่ย์ มาร่า' สลัดมาดสาวพั๊งค์ใน The Girl with the Dragon Tattoo ซะจนเราลืม เป็นสาวป.โท ที่สวย เก่ง ฉลาด หญิงในฝันของชายหนุ่มเลย ขาวโอโม่ดีจริงๆ

'เอมี่ อดัมส์' ในบทเพื่อนสมัยมหา'ลัยของพระเอก นิสัยน่ารักสุดๆ ขนาดมาพร้อมกับผมหยิกม้วนเซอร์ๆก็ยังดูสวยได้อีก คนอะไรยิ่งแก่ยิ่งดูดี 'โอลิเวีย ไวลด์' เรื่องความเซ็กซี่ของเธอนั้นคงไม่ต้องบรรยาย แต่ที่เด็ดสุดคือ 'สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน' รู้ว่าเป็นเสียงเธอเลยเผลอนึกหน้าตามไปด้วยตลอดทั้งเรื่อง แทนที่จะได้ใช้จินตนาการเองเหมือนพระเอก ซึ่งเหมือนจะเป็นจุดด้อยของหนังนะ แต่ดันเผลออิน และคล้อยตามไปกับเสียงเธออย่างน่าประหลาดซะงั้น กลายเป็นจุดดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนเสียง 'คริสเตน วิก' (The Secret Life of Walter Mitty) ในบทสาวเซ็กซี่ขยี้แมวนั้น ขอบอกว่าฮามากๆ

สิ่งที่เป็นจุดเด่นของ Her ที่แตกต่างจากหนังรักทั่วไป ก็คงจะหนีไม่พ้นไอเดียเลิศๆของหนัง ถือเป็นการผสานแนวคิดเอาความคลาสสิคมาผสมกับสิ่งล้ำๆให้ออกมาดูดี แบล็คกราวน์ของหนังคือเมืองเเอลเอ แต่เป็นเเอลเอที่มีตึกสูงระฟ้าราวกับอยู่เมืองเซี่ยงไฮ้ของจีน เข้าใจจับเอาสองวัฒนธรรมมาผสมกัน รวมทั้งเจ้าอุปกรณ์ไฮเทคไร้สายที่พระเอกพกพาติดกระเป๋าเสื้อไปทุกที่ (เอาไว้คุยกับซาแมนธา) มีหน้าจอทัชสกรีน มีกล้องเหมือนโทรศัพท์มือถือ พับได้เหมือนกรอบรูป ผสานการดีไซน์ที่ครบองค์ดีจริงๆ คือ ล้ำ คลาสสิค และคลายเหงา (รูปทรงเหมือนกล่องใส่บุหรี่)

คำคมเด็ดๆจากหนังที่ชอบคือ 'การตกหลุมรักคือรูปแบบหนึ่งของการเสียสติที่สังคมยอมรับ' อันนี้เก็ต เพราะตัวเองก็เคยเป็น การเพ้อฝัน ปรุงแต่ง ใส่นู่นนี่ลงไปในจินตนาการมากมาย ก็เพื่อทำให้ความรักงดงาม หากแม้ชีวิตจริงจะไม่ได้สวยหรูอย่างที่อยากให้เป็น เเต่เพื่อคนๆหนึ่งที่เรารักหมดใจ ก็อยากให้เค้าอยู่เคียงข้างกับเราไปตลอด ทว่าในช่วงที่หูตากำลังบอดเพราะความรัก ธีโอดอร์ ได้เงยหน้าขึ้นมามองผู้คนอีกครั้งผ่านกรอบแว่นอันเดิมแล้วได้พบความจริงว่า บางทีผู้คนเหล่านั้นอาจกำลังตกอยู่ในสถาวะแบบเดียวกับตนก็เป็นได้ สภาวะที่ปลีกตัวออกมาจากสังคม เพื่อมาอยู่ในภวังค์ของพวกอุปกรณ์ที่เรากำลังก้มหน้าก้มตาจิ้มกันอยู่ทุกวันเนี่ย

ระดับคะเเนน "A-"

ปล. ดีใจที่เพลง "The Moon Song" ได้เข้าชิงเพลงยอดเยี่ยมกะเค้า เนื้อหามันดูเหงา เศร้า เข้ากับหนังดี แถมยังได้ 'คาเรน โอ' นักร้องนำจากวง Yeah Yeah Yeahs ที่เคยเย้วๆตอนวัยรุ่น มาร้องเพลงประกอบด้วย เย้!

ยังมีรีวิวเรื่องอื่นๆให้อ่านอีกเพียบ All is Lost, Paranormal Activity: The Marked Ones, กาลครั้งหนึ่ง...จนวันนี้, สีเรียงเซียนโต๊ด และ Firestorm ที่ https://m.facebook.com/profile.php?id=101573433344532
แก้ไขล่าสุด 2 ก.พ. 57 19:29 | เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | MTH.Channel | 31 ม.ค. 57 23:56 น.

ผมเห็นแวว Spike Jonze จาก Where the Wild Things Are (2009) ว่าหนังแกมีความแนวและมุมภาพของกล้อง แสง สี สวยงามมากๆ อีกทั้งเพลงประกอบก็โดนใจจริงๆ ซึ่งค่อนข้างดึงดูดผมเป็นพิเศษเลยหนังของแกเนี่ย แม้ผมจะไม่ได้ชอบเรื่องที่กล่าวมานักหลังดูจบ แต่เรื่อง Her ก็เป็นอะไรที่อยากดูมากๆเรื่องนึงเพราะ Trailer ที่ทำให้ขนลุกขนพอง (ส่วนตัวชอบหนังที่มีความครีเอทิฟ ความแนว ความฉีกเป็นทุนอยู่แล้ว) 

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google