อยากให้อ่านเรื่องดีๆ ซึ้งๆ
20 ก.พ. 57 00:21 น. /
ดู 523 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
http://pantip.com/topic/31645217
ดูภาพประกอบได้ที่เว็ปพันทิปนะคะ จขกท.นำเนื้อเรื่องมาให้อ่านแค่นั้นค่ะ
เรื่องเล่าชีวิตผ่านภาพถ่าย
" เมื่อภรรยาของผมเป็นมะเร็ง...การต่อสู้ที่เราไม่ได้เลือก "
The Battle We Didnt Choose
ครั้งแรกที่ผมเห็นเจนนิเฟอร์ ผมรู้ว่าเธอเป็นคนเดียว..คนที่ใช่สำหรับชีวิตผม...
เหมือนกับพ่อของผม ตอนที่พ่อร้องเพลงกับน้องสาวของพ่อในช่วงฤดูหนาวปี 1951
วันนั้นพ่อผมได้พบกับแม่ผมเป็นครั้งแรก "ฉันพบเธอแล้ว"
...ค่ำคืนนั้นที่ร้านอาหารอิตาเลียนร้านโปรดของเรา ผมคุกเข่าขอเจนแต่งงาน...ถามเจนว่าจะแต่งงานกับผมมั๊ย...
ไม่ถึงหนึ่งปีต่อมาเราก็แต่งงานกันในเซ็นทรัลปาร์ค ล้อมรอบไปด้วยครอบครัวและเพื่อนๆที่รักของเรา..
คืนนั้นเราเต้นรำด้วยกันเป็นครั้งแรกในฐานะสามีและภรรยา..ด้วยเพลงที่พ่อผมเป็นผู้บรรเลงหีบเพลงขับกล่อมเราทั้งสองคน
" ผมอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งความรัก ... "
ห้าเดือนถัดมา หมอวินิจฉัยว่าเจนเป็นมะเร็งเต้านม ผมจำห้วงเวลานั้นได้ ...
เสียงสั่นเครือของเจนและความรู้สึกที่ทำเอาชาผมไปทั้งตัว... ความรู้สึกที่ยังคงฝังตรึงอยู่กับผม
ผมไม่เคยลืมเลยว่า เราสองคนมองเข้าไปในดวงตาของกันและกันและกุมมือกันไว้ "เราอยู่ด้วยกัน เราต้องไม่เป็นอะไร"...
กับความท้าทายต่างๆทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น ไม่ต้องมีคำพูดใดๆมาอธิบาย..
คืนวันหนึ่งเจนได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล...ความเจ็บปวดของเธอเกินที่จะควบคุมได้
เธอคว้าแขนผมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา..." วิธีเดียวที่ฉันจะสามารถทนกับความเจ็บปวดนี้ได้...คือเมื่อคุณมองตาฉัน..."
เรารักกันด้วยจิตวิญญาณของเราสองคน...
เจนสอนให้ฉันผมรู้จักการมีความรัก รู้จักการรับฟัง รู้จักการให้และเชื่อมั่นในตัวเองและคนอื่นๆ
ผมมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต...
ตลอดเวลากับการต่อสู้กับมะเร็งร้าย...เราโชคดีที่ได้กำลังใจอันแข็งแกร่งสนับสนุนเราทั้งสอง
แต่เป็นการยากจะทำให้คนจะเข้าใจชีวิตวันต่อวันของเรา และความยากลำบากที่เราประสบในแต่ละวันว่าเป็นเช่นไร...
เจนอยู่ในความเจ็บปวดเรื้อรังจากผลข้างเคียงของการรักษาและยาต่างๆเกือบ 4 ปี...
เมื่อเจนอายุ 39 ปี เธอเริ่มใช้วอล์คเกอร์ช่วยพยุงเดิน... เจนเข้าโรงพยาบาลสิบวันขึ้นไปเป็นเรื่องปกติ...
การไปพบหมอตลอดเวลาแล้วยังต้องต่อสู้กับบริษัทประกันสุขภาพอีกทาง..เป็นความกลัวและความวิตกกังวลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด....
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการที่จะได้รับรู้ความเป็นจริงเหล่านี้ และในบางครั้งที่เรารู้สึกว่ากำลังใจแทบไม่มี...
ทุกคนคิดว่าการรักษาจะทำให้คุณดีขึ้น เมื่อหายแล้วจะได้มีชีวิตที่จะกลับไปเป็น "ปกติ"
แต่..ไม่มีความปกติสำหรับคำว่าโรคมะเร็ง...ผู้รอดชีวิตจากมะเร็งต้องปรับความรู้สึกให้เป็นปกติในชีวิตประจำวันแต่ละวัน
มีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้ใครๆสามารถเข้าใจสิ่งที่เราต้องเผชิญในทุกๆวัน?
สิ่งที่มีค่าและเป็นสิ่งสำคัญที่ผมได้รับจากการถ่ายภาพเหล่านี้คือความไว้ใจกัน ความเคารพต่อกันและความซื่อสัตย์ต่อกันและกัน
เจนนิเฟอร์ไว้ใจผม เธอรู้ว่าผมไม่มีทางถ่ายรูปที่ไม่เหมาะสม ความเชื่อใจทำให้เจนเปิดเผยชีวิตผ่านภาพถ่ายโดยไม่มีอะไรปิดบัง..
เราได้ยินข่าวโรคมะเร็งรายวัน ผมหวังว่าภาพถ่ายเหล่านี้จะมีประโยชน์บ้าง...
กล้องถ่ายภาพทำให้ผมมีหนทางหลีกหนีจากโลกของความจริง..คนที่ผมรักที่สุดในชีวิตกำลังจะตายอยู่ตรงหน้า
ไม่มีอะไรที่ผมจะสามารถหยุดยั้งมันได้เลย ถ้าปราศจากภาพถ่ายเหล่านี้ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะทำยังไงกับชีวิตที่ไม่มีเจน
ผมบอกทุกคนว่า..เมื่อมีโอกาสอย่าลืมเก็บภาพถ่ายชีวิตไว้ เทคโนโลยีสมัยนี้ทำให้การถ่ายภาพง่ายและสะดวกต่อทุกคน
เมื่อคุณพบผู้ป่วยโรคมะเร็ง ถามพวกเค้าบ้างว่าเป็นอย่างไร..ได้โปรดรับฟังและเข้าใจความรู้สึกลึกๆของพวกเค้า
ให้ความเอาใจใส่และแคร์ความรู้สึกพวกเค้า พร้อมกับแสดงถึงความห่วงใยจากใจทุกๆคน...
ภาพถ่ายของผม..เผยให้เห็นชีวิตประจำวันที่ต้องเผชิญหน้ากับโรคมะเร็ง จากบนใบหน้าของภรรยาผม...
ภาพที่แสดงถึงความท้าทาย, ความยากลำบาก, ความกลัว, ความโศกเศร้าและความเหงาที่เราต้องเผชิญขณะที่เจนต่อสู้กับโรคนี้
ที่สำคัญที่สุดของทั้งปวงคือ ภาพที่แสดงความรักของเรา...ภาพที่เป็นเราทั้งสองคน...
Love every morsel of the people in your life. Jennifer Merendino
ขอขอบคุณที่มาภาพ / เรื่องราว
www.google.com, www.mywifesfightwithbreastcancer.com, www.youtube.com
www.dailymail.co.uk, www.cnn.com, www.petapixel.com
จขกท.ซึ้งค่ะ
เรื่องเล่าชีวิตผ่านภาพถ่าย
" เมื่อภรรยาของผมเป็นมะเร็ง...การต่อสู้ที่เราไม่ได้เลือก "
The Battle We Didnt Choose
ครั้งแรกที่ผมเห็นเจนนิเฟอร์ ผมรู้ว่าเธอเป็นคนเดียว..คนที่ใช่สำหรับชีวิตผม...
เหมือนกับพ่อของผม ตอนที่พ่อร้องเพลงกับน้องสาวของพ่อในช่วงฤดูหนาวปี 1951
วันนั้นพ่อผมได้พบกับแม่ผมเป็นครั้งแรก "ฉันพบเธอแล้ว"
...ค่ำคืนนั้นที่ร้านอาหารอิตาเลียนร้านโปรดของเรา ผมคุกเข่าขอเจนแต่งงาน...ถามเจนว่าจะแต่งงานกับผมมั๊ย...
ไม่ถึงหนึ่งปีต่อมาเราก็แต่งงานกันในเซ็นทรัลปาร์ค ล้อมรอบไปด้วยครอบครัวและเพื่อนๆที่รักของเรา..
คืนนั้นเราเต้นรำด้วยกันเป็นครั้งแรกในฐานะสามีและภรรยา..ด้วยเพลงที่พ่อผมเป็นผู้บรรเลงหีบเพลงขับกล่อมเราทั้งสองคน
" ผมอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งความรัก ... "
ห้าเดือนถัดมา หมอวินิจฉัยว่าเจนเป็นมะเร็งเต้านม ผมจำห้วงเวลานั้นได้ ...
เสียงสั่นเครือของเจนและความรู้สึกที่ทำเอาชาผมไปทั้งตัว... ความรู้สึกที่ยังคงฝังตรึงอยู่กับผม
ผมไม่เคยลืมเลยว่า เราสองคนมองเข้าไปในดวงตาของกันและกันและกุมมือกันไว้ "เราอยู่ด้วยกัน เราต้องไม่เป็นอะไร"...
กับความท้าทายต่างๆทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น ไม่ต้องมีคำพูดใดๆมาอธิบาย..
คืนวันหนึ่งเจนได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล...ความเจ็บปวดของเธอเกินที่จะควบคุมได้
เธอคว้าแขนผมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา..." วิธีเดียวที่ฉันจะสามารถทนกับความเจ็บปวดนี้ได้...คือเมื่อคุณมองตาฉัน..."
เรารักกันด้วยจิตวิญญาณของเราสองคน...
เจนสอนให้ฉันผมรู้จักการมีความรัก รู้จักการรับฟัง รู้จักการให้และเชื่อมั่นในตัวเองและคนอื่นๆ
ผมมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต...
ตลอดเวลากับการต่อสู้กับมะเร็งร้าย...เราโชคดีที่ได้กำลังใจอันแข็งแกร่งสนับสนุนเราทั้งสอง
แต่เป็นการยากจะทำให้คนจะเข้าใจชีวิตวันต่อวันของเรา และความยากลำบากที่เราประสบในแต่ละวันว่าเป็นเช่นไร...
เจนอยู่ในความเจ็บปวดเรื้อรังจากผลข้างเคียงของการรักษาและยาต่างๆเกือบ 4 ปี...
เมื่อเจนอายุ 39 ปี เธอเริ่มใช้วอล์คเกอร์ช่วยพยุงเดิน... เจนเข้าโรงพยาบาลสิบวันขึ้นไปเป็นเรื่องปกติ...
การไปพบหมอตลอดเวลาแล้วยังต้องต่อสู้กับบริษัทประกันสุขภาพอีกทาง..เป็นความกลัวและความวิตกกังวลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด....
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการที่จะได้รับรู้ความเป็นจริงเหล่านี้ และในบางครั้งที่เรารู้สึกว่ากำลังใจแทบไม่มี...
ทุกคนคิดว่าการรักษาจะทำให้คุณดีขึ้น เมื่อหายแล้วจะได้มีชีวิตที่จะกลับไปเป็น "ปกติ"
แต่..ไม่มีความปกติสำหรับคำว่าโรคมะเร็ง...ผู้รอดชีวิตจากมะเร็งต้องปรับความรู้สึกให้เป็นปกติในชีวิตประจำวันแต่ละวัน
มีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้ใครๆสามารถเข้าใจสิ่งที่เราต้องเผชิญในทุกๆวัน?
สิ่งที่มีค่าและเป็นสิ่งสำคัญที่ผมได้รับจากการถ่ายภาพเหล่านี้คือความไว้ใจกัน ความเคารพต่อกันและความซื่อสัตย์ต่อกันและกัน
เจนนิเฟอร์ไว้ใจผม เธอรู้ว่าผมไม่มีทางถ่ายรูปที่ไม่เหมาะสม ความเชื่อใจทำให้เจนเปิดเผยชีวิตผ่านภาพถ่ายโดยไม่มีอะไรปิดบัง..
เราได้ยินข่าวโรคมะเร็งรายวัน ผมหวังว่าภาพถ่ายเหล่านี้จะมีประโยชน์บ้าง...
กล้องถ่ายภาพทำให้ผมมีหนทางหลีกหนีจากโลกของความจริง..คนที่ผมรักที่สุดในชีวิตกำลังจะตายอยู่ตรงหน้า
ไม่มีอะไรที่ผมจะสามารถหยุดยั้งมันได้เลย ถ้าปราศจากภาพถ่ายเหล่านี้ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะทำยังไงกับชีวิตที่ไม่มีเจน
ผมบอกทุกคนว่า..เมื่อมีโอกาสอย่าลืมเก็บภาพถ่ายชีวิตไว้ เทคโนโลยีสมัยนี้ทำให้การถ่ายภาพง่ายและสะดวกต่อทุกคน
เมื่อคุณพบผู้ป่วยโรคมะเร็ง ถามพวกเค้าบ้างว่าเป็นอย่างไร..ได้โปรดรับฟังและเข้าใจความรู้สึกลึกๆของพวกเค้า
ให้ความเอาใจใส่และแคร์ความรู้สึกพวกเค้า พร้อมกับแสดงถึงความห่วงใยจากใจทุกๆคน...
ภาพถ่ายของผม..เผยให้เห็นชีวิตประจำวันที่ต้องเผชิญหน้ากับโรคมะเร็ง จากบนใบหน้าของภรรยาผม...
ภาพที่แสดงถึงความท้าทาย, ความยากลำบาก, ความกลัว, ความโศกเศร้าและความเหงาที่เราต้องเผชิญขณะที่เจนต่อสู้กับโรคนี้
ที่สำคัญที่สุดของทั้งปวงคือ ภาพที่แสดงความรักของเรา...ภาพที่เป็นเราทั้งสองคน...
Love every morsel of the people in your life. Jennifer Merendino
ขอขอบคุณที่มาภาพ / เรื่องราว
www.google.com, www.mywifesfightwithbreastcancer.com, www.youtube.com
www.dailymail.co.uk, www.cnn.com, www.petapixel.com
จขกท.ซึ้งค่ะ
แก้ไขล่าสุด 20 ก.พ. 57 00:26 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google