“วิถีแบบไทยๆ"กับคำตอบว่าทำไมประเทศไทยถึงล้าหลัง

11 มี.ค. 57 17:45 น. / ดู 2,376 ครั้ง / 12 ความเห็น / 12 ชอบจัง / แชร์
“วิถีแบบไทยๆ” กับคำตอบว่าทำไมความคิดใหม่ๆ ถึงเกิดขึ้นได้ยากบนแผ่นดินนี้
ข้อความข้างต้นฟังดูแล้วอาจแทงใจดำ แต่นี่คือความจริงที่คนไทยกำลังเผชิญหน้าอยู่ (และไม่มีใครกล้าที่จะออกมาบอก)

หัวข้อนี้ผมได้มาจากการไปฟังเสวนา “Very Thai: Cultural Filter” โดย Philip Cornwel-Smith ผู้เขียน “Very Thai” หนังสือที่ว่าด้วยวัฒนธรรม “แบบไทยๆ” ที่เราเองก็ไม่เคยสงสัย หาความหมาย หรือ ตั้งคำถามกับพวกมันมาก่อน เช่น การเอาทิชชู่สีชมพูมาห่อช้อนส้อม หรือ ทำไมไฮโซต้องตีกระบัง

จากความรู้ที่ได้รับตลอดเกือบสองชั่วโมงจากหนึ่งในคนที่มองสังคมไทยแบบถึงกึ๋นที่สุด
ประโยคที่ผมฟังแล้วถึงกับต้องหยิบสมุดมาจดในทันที (และเป็นที่มาของ blog นี้) คือ


Foreign Designers of ‘Thai Style’ were more Freedom
นักออกแบบชาวต่างชาติมีอิสระมากกว่า (คนไทย) ในการเล่นกับ ‘ความเป็นไทย’


และ ตัวอย่างที่เขายกมาก็ล้วนแต่คนที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยทั้งสิ้น เช่น
จิม ทอมป์สัน เจ้าพ่อแห่งไหมไทย หรือ จิโร เอนโดะ ศิลปินเลือดปลาดิบที่กำลังมาแรง เป็นต้น

หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมถึงเป็นแบบนี้
เพราะเขาเป็นคนต่างชาติ? เพราะเขารู้จักคนมากกว่า? เพราะเขาดังอยู่แล้ว? ฯลฯ
จริงๆ แล้ว คำตอบที่เราค้นหาอยู่ในสไลด์แผ่นที่อยู่ก่อนหน้านี้




Deconstruct = Discrete?
การล้มแนวคิดเดิมแล้วสร้างใหม่ = การลบหลู่?


และตัวอย่างที่เขายกมาก็ล้วนแต่เป็น “ความเป็นไทยแท้” ที่ทำให้ไอเดีย แนวคิด หรือผลงานบางอย่างในไทยไม่อาจเกิดได้ (หรือตายไปด้วยความน่าเสียดาย)
ทีนี้เราลองมาดูกันทีละหัวข้อกัน

1. ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ – ไม่เชื่อไม่ว่าแต่อย่ามายุ่ง
ผี / ขอหวย / ไสยศาสตร์ / น้ำมนต์ / เกจิ / GT200 / ฯลฯ
คนที่เชื่อในสิ่งเหล่านี้ ต่างก็เชื่ออย่างสุดใจ และพร้อมเป็นกำแพงที่คอยกั้นคนที่อยากจะเข้าไปพิสูจน์อย่างสุดชีวิต
ทั้งๆ ที่ทำในความเป็นจริง (และที่ทำกันอยู่ทั่วโลก)​ คือการ “ไม่เชื่อต้องลบหลู่”
เพื่อที่จะได้เห็นกันชัดๆ ว่า แนวคิดที่มีอยู่แต่เดิมนี้มีข้อบกพร่องตรงไหน หรือ สามารถนำมาต่อยอด ตีความใหม่ หรือ แตกย่อยออกมาเพิ่มเติมตรงไหนได้บ้าง


2. ไม่มีการกระตุ้นให้ตั้งคำถาม (โดยเฉพาะกับคนที่อยู่ในขั้นเหนือกว่า)
ลองนึกภาพว่า ถ้ามีเด็กไทยคนหนึ่งยกมือถามครูในวิชาสังคมว่า
“ไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร แล้วที่ไทยแพ้พม่านี่นับไหมครับ?”
แล้วห้องเรียนจะเป็นอย่างไร (และ ชะตากรรมของเด็กคนนี้จะเป็นแบบไหน)

ผมคิดว่าคำถามที่สร้างสรรค์มีคุณค่ามากกว่าคำตอบตามตำราอยู่หลายเท่านัก
เพราะการตั้งคำถามที่ดีจะก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนกันระหว่างผู้ถาม และ ผู้ถูกถาม อย่างเอนกอนันต์
แต่บรรยากาศเหล่านี้กลับถูกปิดกั้นด้วยแนวคิดแปลกๆ ทำนองว่า จะรู้ไปทำไม / น่ารำคาญ / เด็กอวดฉลาด / ปีนเกลียว และอื่นๆ อีกมากมายจากคนที่อยู่ในระดับสูงกว่า
ระบบแบบนี้ทำให้เด็กไทยเริ่มขี้เกียจที่จะถาม ขี้เกียจที่จะกล้าคิดแหวกแนว
เพราะไม่อยากแส่หาเรื่องให้เป็นที่เหม็นขี้หน้าของอาจารย์ (และผู้รู้ในแขนงอื่นๆ ) เสียเปล่าๆ
และแน่นอนว่า ไอเดียดีๆ ก็อาจจะตายไปพร้อมกับใจอันห่อเหี่ยวของคนๆ นั้น


3. ความอาวุโสเป็นใหญ่เหนือกว่าความสวยงามและวิธีการ
รู้จัก พิเชษฐ กลั่นชื่น ไหมครับ?
ในสายตาชาวโลก เขาคือศิลปิน นักเต้นโขนที่คนทั่วโลกปรบมือชื่นชม
ในสายตาของกรมศิลปากรและคนโขนของไทย เขาคือคนทำลายศิลปะโขน และ ไม่มีใครยอมรับเป็นพวก
เพราะ พิเชษฐนำโขนที่ถือว่าเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของไทยมาแยกส่วนและตีความใหม่
เช่น การแสดงโขนขาวดำ หรือ การแสดงโขนที่ตัดทอนความสวยงามของชุดเพื่อเน้นที่ท่วงท่าการรำโดยการสวมแค่หัวโขน และ กางเกงใน!

พิเชษฐ เป็นหนึ่งในคนที่ Philips ยกตัวอย่างในการเสวนาครั้งนี้
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในแวดวงศิลปะ (และอีกหลากหลายวงการ)​ ของบ้านเรา คือ
‘ความงดงามหรือคุณค่าในชิ้นงาน คือ สิ่งที่ศิลปินอาวุโสเห็นชอบแล้วว่าดี’
แทนที่เราจะอนุรักษ์วัฒนธรรมโดยการนำลงมาต่อยอดและให้ทุกคนเข้าถึง
แต่เรากลับเลือกการนำมันไปเก็บไว้บนหิ้ง เพราะแปะป้ายว่า “ห้ามจับโดยเด็ดขาด”

ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่หลายๆ คนจึงเลือกช่องทางเผยแพร่ผลงานของตัวเองโดย “การส่งไปเมืองนอก”​ เป็นตัวเลือกแรก เพราะมั่นใจว่า ถ้าโลกยอมรับ คนในประเทศไทยถึงจะยอมรับ (แม้ว่าตอนแรกจะด่าซะสาดเสียเทเสียก็ตาม)


4. ‘เรื่องบางเรื่อง’ คนธรรมดาห้ามแตะ
เคยเห็นภาพนี้ไหมครับ

“ภิกษุสันดานกา” ภาพนี้เคยเป็นข่าวโด่งดัง มีพระสงฆ์หลายรูปออกมาต่อต้านให้นำภาพนี้ออกจากการแสดงโชว์ เพราะ ทำให้หมิ่นศาสนาพุทธ ดูหมิ่นสถาบันสงฆ์ เป็นการบอกว่าพระสงฆ์มีพฤติกรรมลุ่มหลงในไสยศาสตร์ดั่งพฤติกรรมของพระในภาพ

ทั้งๆ ที่ภาพนี้ชนะเลิศอันดับ 1 เหรียญทองประเภทจิตรกรรม จากการประกวดผลงานศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 53 ประจำปี 2550 และ ที่มาของภาพนี้ก็ยกมาจากในพระไตรปิฎกเองด้วยซ้ำ!

บ้านเรายกเรื่องศาสนาพุทธเป็นเรื่องที่ห้ามแตะต้อง
ถ้าใครเข้าไปวิพากย์วิจารณ์(แม้ว่าจะเป็นเจตนาดี) ก็จะโดนตราหน้าว่าเป็นคนชั่ว คนบาป คนไร้ศาสนาโดยทันที
ทั้งๆ ที่เราต่างก็เห็นกันอยู่ตำตาว่าตอนนี้หนึ่งในสถาบันของประเทศเรานั้นเละตุ้มเป๊ะกันมากขนาดไหน
‘ข้อห้าม’ ประมาณนี้ก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคในการสร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่ๆ ในประเทศนี้เช่นกัน

(ตัวอย่างที่น่าสนใจในหัวข้อนี้ที่ Philips ยกมา คือ
การเปรียบเทียบระหว่าง พระพุทธรูปบนชุดว่ายน้ำของฝรั่ง กับ หุ่นฮิตเลอร์ในร้านขายเสื้อยืดของไทย – เรื่องบางอย่างที่เราเห็นว่าธรรมดา อาจจะเป็นเรื่องที่เซ็นสิทีฟกับอีกคนหนึ่ง)


พอฟังสไลด์หน้านี้จบ ผมก็ได้แต่ขำแห้งๆ ในใจ
เพราะผมเอง เป็นคนไทยที่มานั่งฟังฝรั่งมาอธิบายเรื่องวัฒนธรรมไทยๆ
โดยไม่โดนคนรอบข้างถากถางว่า “จะอยากรู้ไปทำไม” หรือ “**บ้าหรือเปล่า” หรือ “ลบหลู่ความเชื่อทำไม”

เพราะว่าเขาไม่ได้ติดอยู่ในบ่วงสี่ข้อที่กล่าวมาข้างต้น
เพราะว่าเขาเป็น นักออกแบบชาวต่างชาติที่มีอิสระมากกว่า (คนไทย) ในการเล่นกับ ‘ความเป็นไทย’



ขอบคุณข้อมูลจาก http://geekjuggler.wordpress.com/2014/03/10/deconstruct-is-descrete/นะคะ
แก้ไขล่าสุด 11 มี.ค. 57 18:31 | เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | Katherina...Petrova | 11 มี.ค. 57 18:19 น.

ที่เห็นได้ชัดๆ นี่ก็คือระบบโรงเรียนเลยนะ ง่ายๆ คือถ้าคิดต่างจากครูจะถือว่าผิดหมด

ไอพี: ไม่แสดง

#2 | คุณหญิงนฤมล | 11 มี.ค. 57 18:31 น.

#1 ใช่ค่ะ โรงเรียนคือตัวแปรหนึ่งที่สำคัญเพราะเด็กส่วนใหญ่อยู่โรงเรียนมากกว่าบ้าน

อีกประเด็นที่ดิฉันเห็นด้วยอย่างมากคือ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เพราะประโยคนี้จะคอยสกัดไม่ให้เราคิดต่างออกไปอย่างเด็ดขาด หรือคิดต่างก็อย่าแสดงออกมาเพราะคนส่วนใหญ่ไม่ชอบ อะไรแบบนี้อะค่ะ

ไอพี: ไม่แสดง

#3 | เครอ้อน.ยูเระชิ'' | 11 มี.ค. 57 20:44 น.

เข้ามากดชอบจังเพราะ

'ไม่เชื่ออย่าลบหลู่'

ทุกวันนี้เราแทบจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้โดยอิสระไม่ได้เลย
ทั้งๆที่บางทีมันก็มีเหตุผลชัดเจนว่าเรื่องนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้
แต่คนรอบตัวเราก็ยังปักใจเชื่อ แล้วด่าที่เราคิดต่างอีก

ไอพี: ไม่แสดง

#4 | อฟอฮป. | 12 มี.ค. 57 08:27 น.

เราก็เป็นคนหนึ่งที่คิดต่างนะ คืออย่างเรื่องศาสนางี้
คุยกับเพื่อนที่คิดต่างเหมือนกันได้ทั้งวัน555555555
มันกอยู่ที่อะไรหลายๆอย่างอะนะ คนเราไม่เหมือนกันทุกอย่างหรอก

ไอพี: ไม่แสดง

#5 | ตัวส้ม'' | 12 มี.ค. 57 12:32 น.

เปลี่ยน ไทยยยย มันยากเกินไป เปลี่ยนประเทศใหม่ง่ายกว่ามั้ยเธอ

พูดไปแล้วห่อเหี่ยว ที่เกิดมาในสังคมแบบนี้จังเลยครับ ชนาดประเทศเพื่อนบ้านเดี๋ยวนี้ก็จะเจริญกว่าไทยแล้ว ตอนนี้อะไรก็ไม่พัฒนาไปอยู่ลาวกันเถอะ 555555555

แก้ไขล่าสุด 12 มี.ค. 57 12:34 | ไอพี: ไม่แสดง

#6 | `Fgh_12525.~ | 13 มี.ค. 57 13:07 น.

มันก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้วัฒนธรรมไทยสูญหายนะ
เพราะว่าเราไม่การผสมผสานกับวัฒนธรรมในชีวิตประจำวัน
วัฒนธรรมดั้งเดิมก็ยิ่งไม่ค่อยได้ใช้อยู่แล้ว ถ้าไม่ผสมผสาน
เราว่ามันหายไปหมดแน่ๆเลย... 

_________

ความเห็นส่วนตัว 

ไอพี: ไม่แสดง

#7 | จัส. | 14 มี.ค. 57 00:17 น.

เรื่องศาสนาถ้าลองไปถามศาสนาอื่นที่อยู่ในไทยนะคะ
จะได้ความเห็นส่วนมากว่าเบื่อมาก (เราคริสต์นะ)
คือเรื่องของพุทธเรายุ่งเราแตะไม่ได้ แต่กับศาสนาอื่นชาวพุทธบางคนกลับด่าเสียดสี
อย่างเพื่อนเรามันก็จะล้อเราว่า เยซุ เยซู เยซู พระเจ้าบ้าง ล้อบ้างว่าพระเจ้าเป็นพ่อมึ  งหรอ มึ  งไม่แบกกางเขนหรอ
แล้วคือแบบลองเราล้อว่ามัน พระพุทธเจ้า ล้อมันว่าทำไมไม่จริงจังกับศีล 5 บ้างละ จะเป็นยังไง
คือเราไม่ได้ว่านะคะ แต่บางเรื่องถ้ามันเป็นเรื่องจริงก็ยอมรับกันหน่อยก็ได้

ปอลอ. เรื่องนี้เราเคยพูดกับครูสังคมจนได้ ติดใบเกรดมาแล้ว

ไอพี: ไม่แสดง

#8 | สัปเหร่อ | 14 มี.ค. 57 02:01 น.

แค่รู้จักตั้งคำถามมันก็เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างแล้วล่ะ แล้วอื่นๆมันจะตามมาเอง ว่าเราควรเชื่อขนบ ประเพณี หรือสิ่งที่ถูกสอนมาแค่ไหน ไม่ใช่ว่า ทำมานาน มีมานานจะถูกต้องเสมอไป + ระบบรัฐไม่เน้นหนักเรื่องการศึกษาที่เท่าเทียมกัน เขาว่าประชากรฉลาดมักปกครองยาก อ่ะ ก็ว่ากันไป นอกจากเท่าเทียมแล้ว ก็ต้องปรับปรุงให้มันเหมาะสมด้วย ควรจะมีวิชาที่เป็นริเบอรัลมากขึ้น สนับสนุนให้มีห้องสมุดทั้งเอกชนและรัฐบาลอย่างทั่วถึง

จริงๆแล้วถ้าคนไทยสนใจปรัชญา(ที่ไม่ใช่ศาสนา)มากกว่านี้อาจจะดีก็ได้นะ

แก้ไขล่าสุด 14 มี.ค. 57 02:02 | ไอพี: ไม่แสดง

#9 | `ควอนดารัตน์ | 16 มี.ค. 57 16:55 น.

โอ้ย ชอบบบอันนี้ บางทีก็ปลงจริงๆ
"ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่หลายๆ คนจึงเลือกช่องทางเผยแพร่ผลงานของตัวเองโดย “การส่งไปเมืองนอก”​ เป็นตัวเลือกแรก เพราะมั่นใจว่า ถ้าโลกยอมรับ คนในประเทศไทยถึงจะยอมรับ (แม้ว่าตอนแรกจะด่าซะสาดเสียเทเสียก็ตาม)"

ไอพี: ไม่แสดง

#10 | คู่รัก'ตอปะตัก | 21 มี.ค. 57 23:04 น.

เรื่องความเป็นไทย ความดีงามนี่พูดสามเดือนก็ไม่จบ  เอาง่ายๆ แค่เรื่อง ปัญหาท้องในวัยเรียน  ก็บอกมากแล้วถึงปัญหาที่ว่าเกี่ยวกับ "วิถีไทย"  ขอบคุณจขกท.ที่ตั้งกระทู้ดีๆแบบนี้ค่ะ

ไอพี: ไม่แสดง

#11 | `มิสซิส | 30 มี.ค. 57 17:00 น.

ชอบกระทู้นี้มากกกก

ไอพี: ไม่แสดง

#12 | {shSherr}. | 30 มี.ค. 57 17:29 น.

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ก็เหมือนกับการบอกว่า อยู่ในกะลาของเธอต่อไป ... 

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google