วิจารณ์ Need for Speed จากเกมดังสู่หนังแข่งรถชั้นดี

Need for Speed
By Bigtum

: จากเกมดังสู่หนังแข่งรถชั้นดี

นานๆทีจะมีหนังแข่งรถฟอร์มดี กระตุ้นอะดรีนาลีนให้เดือดพล่านแบบจริงๆจังๆอย่างนี้โผล่มาซักที หลังจากที่หนังตระกูล The Fast & Furious แปรสภาพไปเป็นหนังแอ็คชั่นปล้นเงินที่ขายพาเหรดดารา จนอารมณ์หนังแข่งรถแบบภาคแรกๆเริ่มเหือดแห้งหายไป Need for Speed ก็เข้ามาเหมาะเจาะอย่างพอดิบพอดี งานนี้ต้องขอบคุณ Electronic Arts ค่ายเกมชื่อดังที่ผลิตเกมแข่งรถสุดเจ๋งนี้ออกมา ในฐานะที่เคยติดเกมนี้งอมแงม บ้าเล่นจนน็อค ถึงขั้นเอาไปเพ้อฝันว่าอยากเอาเกมนี้ไปทำเป็นหนัง ในหัวตอนนั้นคิด ทำไมหนังแข่งรถภาคต่อถึงดังอยู่แค่เรื่องเดียวนะ ถ้าเอา Need for Speed ไปทำเป็นหนังเจ๋งๆแบบ The Fast & Furious มันน่าจะดังได้หนิ แล้วในที่สุดก็มีคนเอาไปทำจริงๆ เยี่ยม! ทว่าภาพแรกของหนังที่ปรากฎออกสู่สายตาในครั้งแรก รวมทั้งทีเซอร์ ตัวอย่างอะไรต่างๆ บอกตรงๆ ว่าความคาดหวังเริ่มลดลงพร้อมกับคำถามในหัว ดาราคนนี้เป็นใคร ไม่เห็นรู้จัก? เคยเเสดงแต่ซีรีส์หรือเปล่า หนังจะเจ๊งมั้ย? ตัวอย่างก็ดูแปลกๆ ในหัวเริ่มคิดไปทางลบ สุดท้ายก็ปล่อยวางเลิกสนใจ จะถูกใจหรือไม่ถูกใจก็เอาไว้ก่อน ขอพิสูจน์แบบทั้งเรื่องแล้วค่อยมาตัดสินอีกที เเละตอนนี้ก็ได้พิสูจน์มาแล้วเรียบร้อย บอกได้เลยว่าถูกใจมากๆ เครื่องยังร้อนอยู่เลย! เรื่องบทนั้นอาจจะไม่ได้ดีเด่อะไร กับธีมสะสางปมแค้นเฉกเช่นเดียวกับในเกม แต่ฉากเปิดตัวพระเอกกับผองเพื่อน ในการปิดถนนดวลรถมัสเซิล (รถที่มีอัตราเร่งสูง) กับฟอร์ด แกรน ทอริโน่ ปี 69 สายพันธุ์อเมริกันคลาสสิค ออกมาดูดีและเท่ห์เป็นบ้า

หนังเป็นเจ้าของฉากเปิดตัวรถฟอร์ด มัสแตง เชลบี้ ที่น่าทึ่งตามมา เป็นการโชว์รถพันธุ์ม้าแกร่งที่งดงามเร้าใจจนน้ำตาแทบไหลคาจอ แถมยังมีการพรรณนาเชิดชูชื่อแคลรอล เชลบี้ ในตำนานพอหอมปากหอมคอ แล้วก็เหยียบคันเร่งไปที่โหมดเอ็กโซติค รถความเร็วสูงอย่างโคนิกเซกก์ อาร์เกร่า อาร์ ต่อทันที ก่อนจะผ่อนคันเร่งในเวลาต่อมา ทำให้หนังเริ่มมีท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น หลังเข้าไปนอนในซังเตจากความผิดที่ไม่ได้ก่อ โทบี้ มาร์แชล (แอรอน พอล) พ่อหนุ่มเท้าเทพจากเม้าท์คีสโก้ กับก๊วนเพื่อนซี้สุดบ้าระห่ำ กลับมารวมทีมกันอีกครั้งเพื่อร่วมแข่งรถใต้ดินข้ามประเทศ เป้าหมายคือพ่อเท้าผีอวดรวย ดีโน่ บรูวสเตอร์ (โดมินิค คูเปอร์) ผู้พรากชีวิตคนสำคัญของเค้าให้จากไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยวิธีการที่เเสนสกปรก

รอบที่ชมเป็นระบบ IMAX 3D แม้งานทะลุจอจะมาเพียงไม่กี่ฉาก แต่การได้เห็นรถระดับซูเปอร์คาร์เจ๋งๆในแบบจอใหญ่เป็นอะไรที่น่าตื่นตามากๆ แค่บูกัตติ เวย์รอน วิทเทสส์, โคนิกเซกก์ อาร์เกร่า อาร์ และแลมโบกินี่ เอเลเมนโต้ ก็เรียกเสียง 'อื้อหือ' ได้แล้ว ใช้แต่รถระดับเทพราคาแพงหูฉี่กันทั้งนั้น ไม่บอกก็รู้ได้เลยว่างานหลังกล้องนั้นโหดสาหัสขนาดไหน แต่สปอนเซอร์ใหญ่หลายเจ้าคงจะพอใจเมื่อเห็นโมเดลของตัวเองกำลังทะยานโลดเเล่นอยู่บนจอในหนังระดับบล็อกบัสเตอร์แบบนี้ โรงหนังสั่นสะเทือนไปด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่แรงกระหึ่ม แหม มันช่างเร้าใจดีแท้

แผงหน้าปัดบอกเลขไมล์แบบในเกมที่จงใจสะท้อนอยู่บนกระจก ซีนเหินซิ่งเท่ห์ๆ "เขย่งยอดหญ้า 2 เลน" รวมไปถึงฉากหลังสวยๆของทิวทัศน์ คือแรงขับเคลื่อนชั้นยอดแบบเดียวกับในเกมที่หนังไม่ได้มองข้าม เอาใจผู้ที่ชอบถวิลหาภาพสวยๆมุมกว้างอย่างเต็มที่ กับมุมกล้องแสนเนี๊ยบ ซึ่งเป็นความพีคที่หนังเเข่งรถดีๆจะให้เราได้ซักเรื่อง ใน Initial D เราได้เห็นช็อตรถพลิกคว่ำเร็วๆชวนช็อค แต่ Need for Speed ให้เรามากกว่านั้น ด้วยมุมกล้องในห้องคนขับตอนประคองรถไม่อยู่ด้วยภาพสโลวชวนช็อคกว่าแบบสวยๆ

สำหรับแอรอน พอล จากตอนแรกที่เฉยๆ ดูไปแล้วหมอนี่ก็เล่นใช้ได้เหมือนกันนะ ทั้งฉากที่นั่งจับพวงมาลัย และฉากที่ต้องแสดงอารมณ์ผ่านแววตา ผู้กำกับสก็อตต์ วอห์น จาก Act of Valor ติวเข้มได้ดีจริงๆ ขณะที่ดาราสบทบนั้นแย่งบทขโมยซีนกันเอง โดยเฉพาะเพื่อนพระเอกที่มีทั้งบ้า ห่าม อนาจาร ลามปาม แข่งกันสร้างช่วงวีรกรรมสุดฮากันน่าดู แม้แต่รุ่นใหญ่อย่างไมเคิล คีตัน อาจจะออกแค่สั้นๆ แต่ลีลาวาทะศิลป์นั้นก็ขอจัดเต็มซะหน่อย ดนตรีประกอบที่มาแบบแอบซึ้งอยู่บ่อยๆ ทำให้หนังแข่งรถเรื่องนี้มีธีมดราม่าที่เนียนใช้ได้ แต่บอกตรงๆ เอาแค่ได้ดูฉากแข่งรถมันส์ๆก็ถือว่าคุ้มค่ามากเเล้วแหละ ห้ามพลาดกันล่ะ!

ระดับคะแนน "B"

ยังมีหนังใหม่ๆให้อ่านอีกเพียบทุกสัปดาห์ ที่นี่
https://www.facebook.com/pages/The-.........101573433344532