R e V i e w : ฉะแหลก ส่วนผสมเครื่องสำอางแบรนด์ดัง Part 4
7 ก.ย. 57 11:41 น. /
ดู 7,946 ครั้ง /
17 ความเห็น /
5 ชอบจัง
/
แชร์
ท้าแด่น! กลับมาแล้วๆ วันนี้ขอมาในธีมอะไรดี...ธีมครีมยอดฮิตสูตรยอดนิยมละกันเนอะ เพราะเห็นว่าซื้อง่าย ขายคล่อง คนใช้ตรึม เป็นแบรนด์ทั่วๆไปที่หาซื้อได้ตามเซเว่น เทสโก้ โลตัสทำนองนั้นนั่นแหละ ราคาไม่แพง ไม่แรงเท่าไหร่
ก่อนอื่นต้องขอสืบเนื่องไปจากกระทู้ที่แล้ว (คลิกเลย) ที่บอกว่า Ascorbyl Tetraisopalmitate ดูดซึมได้น้อย ความจริงมือพิมพ์ตัวนี้แหละ แต่สมองดันไปคิดว่าเป็น Ascorbyl Palmitate แทน ซึ่งตัวนั้นดูดซึมได้ไม่ดีจริงๆ แต่... Ascorbyl Tetraisopalmitate ตัวนี้เป็นวิตามินซีในฟอร์มเสถียรสุดๆ ชนิดที่ว่าคงประสิทธิภาพเต็มๆตั้งแต่เริ่มผลิตยันวันหมดอายุกันเลยทีเดียว รวมถึงการดูดซึมก็สูงที่สุดในบรรดาวิตามินซีในปัจจุบันแล้ว เพราะเป็นเฟสน้ำมันทำให้แทรกซึมลงผิวได้ล้ำลึกกว่าทั่วๆ ไป ฉะนั้น Oriental Princess ตัวนี้น่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิม2เท่า เพราะลำดับของ Ascorbyl Tetraisopalmitate น่าสนใจมาก อยู่ในลำดับต้นๆที่นับว่าเข้มข้นสุดยอด เพราะใช้2%ก็เป็นไวเทนนิ่งได้แล้ว และดูจากลำดับสารมีแนวโน้มว่าน่าจะใส่ที่2%ขึ้นไปด้วย
เอาล่ะมาสับกันเลยดีกว่า
Olay natural white healthy fairness day cream SPF 24
Water, Glycerin, Ethylhexyl salicylate, Niacinamide, Butyl Methoxydibenzoylmethane, Dimethicone/
Vinyl Dimethicone Crosspolymer, Dimethicone, Hydroxyethyl Acrylate/
Sodium Acryloyldimethyl Taurate Copolymer, Isopropyl Isostearate, Octocrylene, Phenylbenzimidazole Sulfonic Acid, Isohexadecane, Polyethylene, Triethanolamine, Stearyl Alcohol, Benzyl Alcohol, Panthenol, Tocopheryl Acetate, Cetyl Alcohol, Behenyl Alcohol, Sucrose Polycottonseedate, Dimethiconol, Polysorbate 60, Carbomer, Ethylparaben, Fragrance, Cetearyl Alcohol, Cetearyl Glucoside, Methylparaben, PEG-100 Stearate, Propylparaben, Disodium EDTA, Silica, Stearic Acid, Butylene Glycol, Propylene Glycol, Ammonium polyacrylate, Aloe Barbadensis Leaf Juice, Milk Lipids, Morus Alba Root Extract, Coix Lacryma-Jobi Ma-yuen Seed Extract, Ceramide 3, CI 77891, CI 19140
ตัวนี้เป็นอีกตัวของโอเลย์ที่ดังใช่ย่อย แต่เกลียดนิดๆกับบรรจุภัณฑ์แบบกระปุกเพราะมันต้องควักใช้และมันต้องเสี่ยงกับเชื้อโรคลงไปนอนจิบเอิร์ลเกรย์ในเนื้อครีม ซึ่งผลพวงต่อมาคือทำให้ต้องใช้พาราเบนเพราะเป็นสารกันเสียที่จัดการเรื่องบรรจุภัณฑ์แบบกระปุกได้ดีที่สุด ลำดับสารอันดับที่2คือกลีเซอรีน ให้ความชุ่มชื้นและกักเก็บไว้ด้วย มีบี3ซึ่งเป็นตัวชูโรงของโอเลย์จนชินตา (และชูโรงในหลายๆตัวของบริษัทเครือ P&G เช่น SK-II ด้วยเช่นกัน) สารกันแดดกันได้ครบถ้วนทั้ง UVA และ UVB เพราะมี Avobenzone (Butyl Methoxydibenzoylmethane) ซึ่งกันUVAได้ครบถ้วนทุกช่วงคลื่น แต่ไม่เสถียรเอาซะเลยทว่าสารกันแดดตัวต่อไปที่ใส่มาอย่าง Octocrylene (กันUVBได้ครบ) กลับเป็นตัวที่ช่วยเพิ่มความเสถียรให้Avobenzoneได้ ฉะนั้นเรื่องกันแดดจึงหายห่วงว่ากันครบทุกช่วงคลื่นและมีความเสถียรมากพอสมควรด้วย
ดับสารถัดจากนั้นไม่มีอะไรที่ดีเลยนอกจากซิลิโคนเนื้อหนัก ตัวทำละลาย ตัวประสานเนื้อครีม สารให้ความนุ่มลื่น แต่ก่อนจะเจอสารกันเสียก็มาจ๊ะเอ๋กับ Panthenol ที่เป็นสารบำรุงผิวที่ดีอีกตัวเพราะให้ความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคืองได้ รวมถึงลำดับต่อไปคือวิตามินอี ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ให้ผิวเนียนนุ่ม สารกันเสียใช้ชนิดพาราเบน(เหตุผลตามข้างบน) ซึ่งแอบไม่ชอบอยู่นิดๆ เพราะเล่นขนมาถึง3ชนิด(นับว่าเยอะมากๆ) หลังจากนั้นก็มี Butylene Glycol กับ Propylene Glycol ที่ให้และกักเก็บความชุ่มชื้น แต่ดูจากลำดับท้ายๆแล้วคิดว่าน่าจะเอามาเป็นตัวทำละลายมากกว่า มีสารสกัดว่านหางจระเข้ที่ เอ่อ...ไม่เข้มข้นเลยเพราะอยู่หลังสารกันเสีย สารสกัดรากมัลเบอร์รี่กับเซราไมด์ที่ห้องต่องแต่งตรงท้ายขอไม่นับละกันว่ามันช่วยอะไรเรื่องผิวบ้างเพราะมันน้อยจนไม่สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์อะไรได้เลย
สรุป: เดิมๆกับโอเลย์ ชูโรงด้วยบี3 หวังผลได้ด้วยเรื่องผิวแข็งแรง กระจ่างใส ลดรอยดำ รอยแดงได้บ้าง (ไม่ขาวนะ B3 ตัวเดียวยังไงก็ไม่ขาว) ต่อต้านอนุมูลอิสระร่วมกับวิตามินอี รวมถึงPanthenol ให้ความชุ่มชื้นกับลดการระคายเคืองอักเสบ (รุ่นถูกๆของโอเลย์ใส่แค่3ตัวนี้เท่านั้นแหละ แล้วเอาไปตั้งชื่อใหม่เปลี่ยนมาใส่สารตัวใหม่ที่รั้งลำดับท้ายๆแทน ทั้งที่ตัวออกฤทธิ์ก็3ตัวบนเหมือนเดิม)
Garnier Sakura White Pinkish Radiance Moisturizing Cream
Water, Glycerin, Homosalate Dimethicone, Niacinamide, Triethanol amine, Phenylbenzimidazole Sulfonic Acid, Octocrylene, Butyl Methoxydibenzoylmethane, Titanium Dioxide, Silica, PEG-100 Stearate, CI77891, Glyceryl Stearate Acrylates/ C10-30 alkyl acrylate crosspolymer, Aluminum hydroxide, Anise alcohol, Ascorbyl Glucoside, Benzyl Alcohol, Capryloyl salicylic acid, Caprylyl Glycol, Cetyl Alcohol, CI 14700, Citronellol, Dimethicone/ Vinyl Dimethicone Crosspolymer, Dimethiconol, Geraniol, Hexyl Cinnamal, Limonene
Methylisothiazolinone, Nymphaea Alba Flower Extract, Palmitic Acid
Perlite, Phenoxyethanol, Potassium cetyl phosphate, Prunus Yedoensis, Sodium Palmitoyl Proline, Stearic Acid, Tetrasodium EDTA, Fragrance
ตัวดังอีกตัวของการ์นิเย่ร์ ถามว่ามันทำให้ผิวชมพูจริงไหม คำตอบคือไม่ เพราะถ้าครีมตัวไหนทำให้ผิวสีชมพูได้นั่นคือผิวบางลงและเห็นเส้นเลือด แปลว่าไม่ปลอดภัยแล้วล่ะ ตัวนี้ชูโรงด้วยซากุระว่าช่วยให้ขาวใสผิวชมพูนู่นนี่แต่ตัวออกฤทธิ์จริงๆคือลำดับที่5จ้า Niacinamide นั่นเอง คิดไม่ออกบอกเธอไว้ก่อน ถูกและดีจนใครๆก็พากันใช้ เรื่องกันแดดกันได้ครบและเสถียรเหมือนโอเลย์ข้างบน แต่แอบตงิดใจนิดหน่อยตรง Titanium Dioxide เพราะไม่รู้ว่าใช้ชนิดCoatมาแล้วหรือเปล่า เพราะถ้าไม่Coatจะกลายเป็นตัวDegrade (เพิ่มอัตราการเสื่อมสภาพ) ให้กับ Butyl Methoxydibenzoylmethane (Avobenzone) ทันที ใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่มองลงไปข้างล่างเจอ Ascorbyl Glucoside (แม้หลังB3 จะเต็มไปด้วยสารอะไรก็ไม่รู้ก่อนมาเจอตัวนี้ก็ตาม) ที่เป็นวิตามินซีฟอร์มเสถียรอีกตัว แต่ดูจากลำดับแล้วคงหวังผลเรื่องต่อต้านอนุมูลอิสระอย่างเดียว เพราะถ้าจะให้ขาวคงต้องใส่เยอะกว่านี้มากๆ (แน่นอนว่าคงได้ขายกระปุกละพันเช่นเดียวกัน) มีLHAที่ผลัดผิวและลดการอุดตันรูขุมขน ดูจากลำดับอาจไม่มากมายแต่ก็คงพอออกฤทธิ์ได้บ้างเหมือนกัน (เครือลอรีอัลใส่มาแทบทุกตัว การ์นิเย่ร์เองก็เป็นลูกหลานในเครือจึงหนีไม่พ้น) มีสารสกัดจากดอกบัวที่ห้อยท้ายๆ แต่ก็เยอะกว่าสารกันเสียอย่าง Phenoxyethanol ดีใจที่ไม่ใช้พาราเบน แล้วสารสกัดซากุระล่ะอยู่ไหน? อยู่หลังสารกันเสียจ้า เอามาชูโรงแต่ห้อยเกือบท้ายเนี่ยนะ คุณพระ!! ถ้าเคยอ่านและจำไม่ผิดเหมือนจะใช้สารสกัดจากใบซากุระแทนนะ ไม่ได้ใช้ดอกด้วย คุณหลอกดาว!
สรุป: ราคาไม่แรงมาก ใครอยากผิวใสด้วยบี3 (ซึ่งหาได้ทั่วไปในแบรนด์ตลาดล่างๆ) สามารถซื้อมาใช้ได้เพราะวิตามินซีก็นับว่าต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดีอยู่ แต่ถ้าซื้อมาเพราะหลงใหลซากุระบอกเลยว่าให้เปลี่ยนยี่ห้อด่วน! *ใช้แล้วหน้าขาววอกขึ้นทันทีแน่ๆเพราะมีทั้ง Titanium Dioxide และ SIlica ช่วยกระเจิงแสง*
PHYSIOGEL® Cream
Water, Caprylic/Capric Triglyceride, Glycerin, Pentylene Glycol, Hydrogenated lecithin, Cocos Nucifera Fruit Extract, Butyrospermum Parkii, Hydroxy Ethyl Cellulose, Squalane, Sodium carbomer, Carbomer, Xanthan Gum, Ceramide 3
นี่คือครีมสำหรับผิวแพ้ง่าย ผิวผ่านสารอันตรายอย่างแท้จริง (แม้ราคาจะแอบสูงไปบ้างก็ตาม+ตงิดใจว่าจะบอกสารมาไม่ครบถ้วน จึงขอสับตามข้อมูลที่ทางแบรนด์แจ้งแล้วกัน) สารทุกตัวที่ใช้มีอัตราการอุดตันและระคายเคืองที่ต่ำมากๆ จนเรียกได้ว่าแทบไม่แพ้กันเลยทีเดียว ใช้ Caprylic/Capric Triglyceride (น้ำมันจากผลไม้ ส่วนใหญ่ใช้จากมะพร้าว) แทน Mineral Oil ทำให้ได้ผลดีกว่าคือได้รับการบำรุงผิวและเติมความชุ่มชื้นไปด้วย ปกติน้ำมันมะพร้าวจะอุดตันง่ายมากแต่สำหรับตัวนี้ได้มีการตัดทอนโมเลกุลให้สั้นลง การอุดตันจึงเหลือ0% (ว้าวสิว้าว) มีGlycerinกับตระกูลGlycolเป็นมอยส์เจอไรซิ่งอ่อนๆ ใช้ตัวประสานน้ำมันที่อ่อนโยน มีสารสกัดจากมะพร้าวมาบำรุงผิวอีกแรง และยังมีเชียร์บัตเตอร์มาให้ด้วย ตัวนี้ที่เมืองนอกเขายกให้เป็นสุดยอดสารบำรุงผิวเลยนะ เพราะฟื้นฟูผิว ลดริ้วรอย แก้ผิวอักเสบจากการถูกเผาไหม้ได้ ให้ผิวอ่อนนุ่มด้วย รวมถึงมีสควาเลนซึ่งไม่รู้ว่าได้จากตัวไหนเพราะพบได้ทั้งในตับปลาฉลามและมะกอก แต่ที่แน่ๆก็เป็นผลดีทั้งคู่เพราะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ซ่อมแซมผิวตามกระบวนการธรรมชาติ ลดการระคายเคืองได้อีก อ้อ มีเซราไมด์มาให้ด้วยแต่อยู่ลำดับท้ายๆไม่แน่ใจว่าหวังผลได้แค่ไหน
สรุป: ใครที่ผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบาง อยากได้ครีมที่อ่อนโยนให้ความชุ่มชื้นแนะนำให้ซื้อเลย แต่ใครผิวมันมากอาจไม่จำเป็น รวมถึงอยากขาวใสตัวนี้ช่วยไม่ได้แม้แต่%เดียว
Johnson's baby milk cream
Water, Mineral Oil, Glycerin, Cetyl Alcohol, Glyceryl Stearate & PEG-100 Stearate, Potassium cetyl phosphate, Dimethicone, Synthetic beeswax, Phenoxyethanol, Methyl Paraben, Ethyl Paraben, Propyl Paraben, Carbomer, Disodium EDTA, Sodium Hydroxide, Titanium Dioxide, Stearoxytrimethylsilane, Stearyl Alcohol, Fragrance, Milk Protein, Retinyl Palmitate, Tocopheryl Acetate
เป็นครีมสำหรับผิวเด็ก...ในความเข้าใจคือต้องอ่อนโยน บอบบาง แต่ตัวนี้เปล่าเลย ลำดับแรกๆมีแค่น้ำ Mineral Oilให้ความชุ่มชื้น ซิลิโคน ตัวทำละลาย กับสารให้ความชุ่มชื้นที่เบสิคมากๆ หาได้ทั่วไป ก่อนจะมาเจอกับสารกันเสียโดยที่ยังไม่เจอตัวบำรุงซักแอะ รู้สึกโอเคที่ใช้ Phenoxyethanol แต่ลำดับต่อไปที่เป็นการใส่ Paraben มาถึง3ตระกูลก็ทำให้รู้ว่ามันไม่โอเคเอาซะเลย หลายคนอาจจะเอ๊ะ แล้วตัวบำรุงที่เขาเคลมไว้ล่ะอยู่ไหน คำตอบคืออยู่หลังน้ำหอม (น้ำหอมอยู่หลัง Disodium EDTA ที่ใส่ได้ไม่เกิน 0.2% ฉะนั้นสารบำรุงน้อยกว่านี้มากแน่ๆ) ซึ่งตัวบำรุงที่ห้อยต่องแต่ง3ตัวท้ายคือ โปรตีนน้ำนม วิตามินเอที่ปลอดภัย(แต่ประสิทธิภาพก็ห่วยไปด้วย) และวิตามินอีเอาไว้ต้านอนุมูลอิสระ
สรุป: ใครจะซื้อให้ลูกให้หลานหรือซื้อใช้เองเพราะคิดว่ามันต้องอ่อนโยนบอบบางบอกเลยว่าย้อนกลับไปซื้อ Physiogel แทนดีกว่า
Shine Brightly Restoring Skin Serum
แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าเซรั่มสำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่ายของจริง เพราะลำดับเซราไมด์เข้มข้นมากๆ ช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งเสีย ผิวบอบบางแพ้ง่าย ผิวผ่านสารอันตรายเพราะช่วยเติมเซราไมด์ใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวแข็งแรง ต่อสู้กับการระคายเคืองได้เยอะขึ้น มีบี3ช่วยเสริมสร้างเซราไมด์อีกแรง กระตุ้นให้เลือดไหลเวียนจนทำให้ผิวแข็งแรงไปด้วย มีHAทั้งชนิดเคลือบผิวให้ความชุ่มชื้นกักเก็บไว้และชนิดซึมลึกลงไปเติมน้ำให้ผิวในผิวหนังที่ลึกลงไป ปราศจากพาราเบน ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีน้ำหอม
สรุป: ใครกำลังผิวระคายเคือง โดนสารอันตรายมา ผิวบอบบางไม่ไหวแล้ว ใช้ตัวนี้ได้เลยเพราะดูจากสูตรแล้วคล้ายคลึงกับ Cerave ที่นิยมใส่เซราไมด์ลงไปทุกตัว (แต่ของCeraveจะเข้มข้นน้อยกว่านี้พอสมควร)
จบไปแล้วกับการแฉและฉะสกินแคร์ในวันนี้ วันนี้เน้นอะไรที่หาซื้อง่ายและหลากหลายในเรื่องการบำรุงผิวสำหรับหลายๆคน ความจริงมันมีหลายตัวนะที่อยากเอามาฉะ เช่นครีมของสมูทอี ติดที่หาIngredientsไม่เจอนั่นแหละ บวกกับนึกไม่ออกว่าคนส่วนใหญ่นิยมใช้ตัวไหนกันมั่งเลยหามาได้เท่านี้เอง กิกิ
เอาล่ะมาสับกันเลยดีกว่า
Olay natural white healthy fairness day cream SPF 24
Water, Glycerin, Ethylhexyl salicylate, Niacinamide, Butyl Methoxydibenzoylmethane, Dimethicone/
Vinyl Dimethicone Crosspolymer, Dimethicone, Hydroxyethyl Acrylate/
Sodium Acryloyldimethyl Taurate Copolymer, Isopropyl Isostearate, Octocrylene, Phenylbenzimidazole Sulfonic Acid, Isohexadecane, Polyethylene, Triethanolamine, Stearyl Alcohol, Benzyl Alcohol, Panthenol, Tocopheryl Acetate, Cetyl Alcohol, Behenyl Alcohol, Sucrose Polycottonseedate, Dimethiconol, Polysorbate 60, Carbomer, Ethylparaben, Fragrance, Cetearyl Alcohol, Cetearyl Glucoside, Methylparaben, PEG-100 Stearate, Propylparaben, Disodium EDTA, Silica, Stearic Acid, Butylene Glycol, Propylene Glycol, Ammonium polyacrylate, Aloe Barbadensis Leaf Juice, Milk Lipids, Morus Alba Root Extract, Coix Lacryma-Jobi Ma-yuen Seed Extract, Ceramide 3, CI 77891, CI 19140
ตัวนี้เป็นอีกตัวของโอเลย์ที่ดังใช่ย่อย แต่เกลียดนิดๆกับบรรจุภัณฑ์แบบกระปุกเพราะมันต้องควักใช้และมันต้องเสี่ยงกับเชื้อโรคลงไปนอนจิบเอิร์ลเกรย์ในเนื้อครีม ซึ่งผลพวงต่อมาคือทำให้ต้องใช้พาราเบนเพราะเป็นสารกันเสียที่จัดการเรื่องบรรจุภัณฑ์แบบกระปุกได้ดีที่สุด ลำดับสารอันดับที่2คือกลีเซอรีน ให้ความชุ่มชื้นและกักเก็บไว้ด้วย มีบี3ซึ่งเป็นตัวชูโรงของโอเลย์จนชินตา (และชูโรงในหลายๆตัวของบริษัทเครือ P&G เช่น SK-II ด้วยเช่นกัน) สารกันแดดกันได้ครบถ้วนทั้ง UVA และ UVB เพราะมี Avobenzone (Butyl Methoxydibenzoylmethane) ซึ่งกันUVAได้ครบถ้วนทุกช่วงคลื่น แต่ไม่เสถียรเอาซะเลยทว่าสารกันแดดตัวต่อไปที่ใส่มาอย่าง Octocrylene (กันUVBได้ครบ) กลับเป็นตัวที่ช่วยเพิ่มความเสถียรให้Avobenzoneได้ ฉะนั้นเรื่องกันแดดจึงหายห่วงว่ากันครบทุกช่วงคลื่นและมีความเสถียรมากพอสมควรด้วย
ดับสารถัดจากนั้นไม่มีอะไรที่ดีเลยนอกจากซิลิโคนเนื้อหนัก ตัวทำละลาย ตัวประสานเนื้อครีม สารให้ความนุ่มลื่น แต่ก่อนจะเจอสารกันเสียก็มาจ๊ะเอ๋กับ Panthenol ที่เป็นสารบำรุงผิวที่ดีอีกตัวเพราะให้ความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคืองได้ รวมถึงลำดับต่อไปคือวิตามินอี ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ให้ผิวเนียนนุ่ม สารกันเสียใช้ชนิดพาราเบน(เหตุผลตามข้างบน) ซึ่งแอบไม่ชอบอยู่นิดๆ เพราะเล่นขนมาถึง3ชนิด(นับว่าเยอะมากๆ) หลังจากนั้นก็มี Butylene Glycol กับ Propylene Glycol ที่ให้และกักเก็บความชุ่มชื้น แต่ดูจากลำดับท้ายๆแล้วคิดว่าน่าจะเอามาเป็นตัวทำละลายมากกว่า มีสารสกัดว่านหางจระเข้ที่ เอ่อ...ไม่เข้มข้นเลยเพราะอยู่หลังสารกันเสีย สารสกัดรากมัลเบอร์รี่กับเซราไมด์ที่ห้องต่องแต่งตรงท้ายขอไม่นับละกันว่ามันช่วยอะไรเรื่องผิวบ้างเพราะมันน้อยจนไม่สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์อะไรได้เลย
สรุป: เดิมๆกับโอเลย์ ชูโรงด้วยบี3 หวังผลได้ด้วยเรื่องผิวแข็งแรง กระจ่างใส ลดรอยดำ รอยแดงได้บ้าง (ไม่ขาวนะ B3 ตัวเดียวยังไงก็ไม่ขาว) ต่อต้านอนุมูลอิสระร่วมกับวิตามินอี รวมถึงPanthenol ให้ความชุ่มชื้นกับลดการระคายเคืองอักเสบ (รุ่นถูกๆของโอเลย์ใส่แค่3ตัวนี้เท่านั้นแหละ แล้วเอาไปตั้งชื่อใหม่เปลี่ยนมาใส่สารตัวใหม่ที่รั้งลำดับท้ายๆแทน ทั้งที่ตัวออกฤทธิ์ก็3ตัวบนเหมือนเดิม)
Garnier Sakura White Pinkish Radiance Moisturizing Cream
Water, Glycerin, Homosalate Dimethicone, Niacinamide, Triethanol amine, Phenylbenzimidazole Sulfonic Acid, Octocrylene, Butyl Methoxydibenzoylmethane, Titanium Dioxide, Silica, PEG-100 Stearate, CI77891, Glyceryl Stearate Acrylates/ C10-30 alkyl acrylate crosspolymer, Aluminum hydroxide, Anise alcohol, Ascorbyl Glucoside, Benzyl Alcohol, Capryloyl salicylic acid, Caprylyl Glycol, Cetyl Alcohol, CI 14700, Citronellol, Dimethicone/ Vinyl Dimethicone Crosspolymer, Dimethiconol, Geraniol, Hexyl Cinnamal, Limonene
Methylisothiazolinone, Nymphaea Alba Flower Extract, Palmitic Acid
Perlite, Phenoxyethanol, Potassium cetyl phosphate, Prunus Yedoensis, Sodium Palmitoyl Proline, Stearic Acid, Tetrasodium EDTA, Fragrance
ตัวดังอีกตัวของการ์นิเย่ร์ ถามว่ามันทำให้ผิวชมพูจริงไหม คำตอบคือไม่ เพราะถ้าครีมตัวไหนทำให้ผิวสีชมพูได้นั่นคือผิวบางลงและเห็นเส้นเลือด แปลว่าไม่ปลอดภัยแล้วล่ะ ตัวนี้ชูโรงด้วยซากุระว่าช่วยให้ขาวใสผิวชมพูนู่นนี่แต่ตัวออกฤทธิ์จริงๆคือลำดับที่5จ้า Niacinamide นั่นเอง คิดไม่ออกบอกเธอไว้ก่อน ถูกและดีจนใครๆก็พากันใช้ เรื่องกันแดดกันได้ครบและเสถียรเหมือนโอเลย์ข้างบน แต่แอบตงิดใจนิดหน่อยตรง Titanium Dioxide เพราะไม่รู้ว่าใช้ชนิดCoatมาแล้วหรือเปล่า เพราะถ้าไม่Coatจะกลายเป็นตัวDegrade (เพิ่มอัตราการเสื่อมสภาพ) ให้กับ Butyl Methoxydibenzoylmethane (Avobenzone) ทันที ใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่มองลงไปข้างล่างเจอ Ascorbyl Glucoside (แม้หลังB3 จะเต็มไปด้วยสารอะไรก็ไม่รู้ก่อนมาเจอตัวนี้ก็ตาม) ที่เป็นวิตามินซีฟอร์มเสถียรอีกตัว แต่ดูจากลำดับแล้วคงหวังผลเรื่องต่อต้านอนุมูลอิสระอย่างเดียว เพราะถ้าจะให้ขาวคงต้องใส่เยอะกว่านี้มากๆ (แน่นอนว่าคงได้ขายกระปุกละพันเช่นเดียวกัน) มีLHAที่ผลัดผิวและลดการอุดตันรูขุมขน ดูจากลำดับอาจไม่มากมายแต่ก็คงพอออกฤทธิ์ได้บ้างเหมือนกัน (เครือลอรีอัลใส่มาแทบทุกตัว การ์นิเย่ร์เองก็เป็นลูกหลานในเครือจึงหนีไม่พ้น) มีสารสกัดจากดอกบัวที่ห้อยท้ายๆ แต่ก็เยอะกว่าสารกันเสียอย่าง Phenoxyethanol ดีใจที่ไม่ใช้พาราเบน แล้วสารสกัดซากุระล่ะอยู่ไหน? อยู่หลังสารกันเสียจ้า เอามาชูโรงแต่ห้อยเกือบท้ายเนี่ยนะ คุณพระ!! ถ้าเคยอ่านและจำไม่ผิดเหมือนจะใช้สารสกัดจากใบซากุระแทนนะ ไม่ได้ใช้ดอกด้วย คุณหลอกดาว!
สรุป: ราคาไม่แรงมาก ใครอยากผิวใสด้วยบี3 (ซึ่งหาได้ทั่วไปในแบรนด์ตลาดล่างๆ) สามารถซื้อมาใช้ได้เพราะวิตามินซีก็นับว่าต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดีอยู่ แต่ถ้าซื้อมาเพราะหลงใหลซากุระบอกเลยว่าให้เปลี่ยนยี่ห้อด่วน! *ใช้แล้วหน้าขาววอกขึ้นทันทีแน่ๆเพราะมีทั้ง Titanium Dioxide และ SIlica ช่วยกระเจิงแสง*
PHYSIOGEL® Cream
Water, Caprylic/Capric Triglyceride, Glycerin, Pentylene Glycol, Hydrogenated lecithin, Cocos Nucifera Fruit Extract, Butyrospermum Parkii, Hydroxy Ethyl Cellulose, Squalane, Sodium carbomer, Carbomer, Xanthan Gum, Ceramide 3
นี่คือครีมสำหรับผิวแพ้ง่าย ผิวผ่านสารอันตรายอย่างแท้จริง (แม้ราคาจะแอบสูงไปบ้างก็ตาม+ตงิดใจว่าจะบอกสารมาไม่ครบถ้วน จึงขอสับตามข้อมูลที่ทางแบรนด์แจ้งแล้วกัน) สารทุกตัวที่ใช้มีอัตราการอุดตันและระคายเคืองที่ต่ำมากๆ จนเรียกได้ว่าแทบไม่แพ้กันเลยทีเดียว ใช้ Caprylic/Capric Triglyceride (น้ำมันจากผลไม้ ส่วนใหญ่ใช้จากมะพร้าว) แทน Mineral Oil ทำให้ได้ผลดีกว่าคือได้รับการบำรุงผิวและเติมความชุ่มชื้นไปด้วย ปกติน้ำมันมะพร้าวจะอุดตันง่ายมากแต่สำหรับตัวนี้ได้มีการตัดทอนโมเลกุลให้สั้นลง การอุดตันจึงเหลือ0% (ว้าวสิว้าว) มีGlycerinกับตระกูลGlycolเป็นมอยส์เจอไรซิ่งอ่อนๆ ใช้ตัวประสานน้ำมันที่อ่อนโยน มีสารสกัดจากมะพร้าวมาบำรุงผิวอีกแรง และยังมีเชียร์บัตเตอร์มาให้ด้วย ตัวนี้ที่เมืองนอกเขายกให้เป็นสุดยอดสารบำรุงผิวเลยนะ เพราะฟื้นฟูผิว ลดริ้วรอย แก้ผิวอักเสบจากการถูกเผาไหม้ได้ ให้ผิวอ่อนนุ่มด้วย รวมถึงมีสควาเลนซึ่งไม่รู้ว่าได้จากตัวไหนเพราะพบได้ทั้งในตับปลาฉลามและมะกอก แต่ที่แน่ๆก็เป็นผลดีทั้งคู่เพราะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ซ่อมแซมผิวตามกระบวนการธรรมชาติ ลดการระคายเคืองได้อีก อ้อ มีเซราไมด์มาให้ด้วยแต่อยู่ลำดับท้ายๆไม่แน่ใจว่าหวังผลได้แค่ไหน
สรุป: ใครที่ผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบาง อยากได้ครีมที่อ่อนโยนให้ความชุ่มชื้นแนะนำให้ซื้อเลย แต่ใครผิวมันมากอาจไม่จำเป็น รวมถึงอยากขาวใสตัวนี้ช่วยไม่ได้แม้แต่%เดียว
Johnson's baby milk cream
Water, Mineral Oil, Glycerin, Cetyl Alcohol, Glyceryl Stearate & PEG-100 Stearate, Potassium cetyl phosphate, Dimethicone, Synthetic beeswax, Phenoxyethanol, Methyl Paraben, Ethyl Paraben, Propyl Paraben, Carbomer, Disodium EDTA, Sodium Hydroxide, Titanium Dioxide, Stearoxytrimethylsilane, Stearyl Alcohol, Fragrance, Milk Protein, Retinyl Palmitate, Tocopheryl Acetate
เป็นครีมสำหรับผิวเด็ก...ในความเข้าใจคือต้องอ่อนโยน บอบบาง แต่ตัวนี้เปล่าเลย ลำดับแรกๆมีแค่น้ำ Mineral Oilให้ความชุ่มชื้น ซิลิโคน ตัวทำละลาย กับสารให้ความชุ่มชื้นที่เบสิคมากๆ หาได้ทั่วไป ก่อนจะมาเจอกับสารกันเสียโดยที่ยังไม่เจอตัวบำรุงซักแอะ รู้สึกโอเคที่ใช้ Phenoxyethanol แต่ลำดับต่อไปที่เป็นการใส่ Paraben มาถึง3ตระกูลก็ทำให้รู้ว่ามันไม่โอเคเอาซะเลย หลายคนอาจจะเอ๊ะ แล้วตัวบำรุงที่เขาเคลมไว้ล่ะอยู่ไหน คำตอบคืออยู่หลังน้ำหอม (น้ำหอมอยู่หลัง Disodium EDTA ที่ใส่ได้ไม่เกิน 0.2% ฉะนั้นสารบำรุงน้อยกว่านี้มากแน่ๆ) ซึ่งตัวบำรุงที่ห้อยต่องแต่ง3ตัวท้ายคือ โปรตีนน้ำนม วิตามินเอที่ปลอดภัย(แต่ประสิทธิภาพก็ห่วยไปด้วย) และวิตามินอีเอาไว้ต้านอนุมูลอิสระ
สรุป: ใครจะซื้อให้ลูกให้หลานหรือซื้อใช้เองเพราะคิดว่ามันต้องอ่อนโยนบอบบางบอกเลยว่าย้อนกลับไปซื้อ Physiogel แทนดีกว่า
Shine Brightly Restoring Skin Serum
แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าเซรั่มสำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่ายของจริง เพราะลำดับเซราไมด์เข้มข้นมากๆ ช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งเสีย ผิวบอบบางแพ้ง่าย ผิวผ่านสารอันตรายเพราะช่วยเติมเซราไมด์ใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวแข็งแรง ต่อสู้กับการระคายเคืองได้เยอะขึ้น มีบี3ช่วยเสริมสร้างเซราไมด์อีกแรง กระตุ้นให้เลือดไหลเวียนจนทำให้ผิวแข็งแรงไปด้วย มีHAทั้งชนิดเคลือบผิวให้ความชุ่มชื้นกักเก็บไว้และชนิดซึมลึกลงไปเติมน้ำให้ผิวในผิวหนังที่ลึกลงไป ปราศจากพาราเบน ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีน้ำหอม
สรุป: ใครกำลังผิวระคายเคือง โดนสารอันตรายมา ผิวบอบบางไม่ไหวแล้ว ใช้ตัวนี้ได้เลยเพราะดูจากสูตรแล้วคล้ายคลึงกับ Cerave ที่นิยมใส่เซราไมด์ลงไปทุกตัว (แต่ของCeraveจะเข้มข้นน้อยกว่านี้พอสมควร)
จบไปแล้วกับการแฉและฉะสกินแคร์ในวันนี้ วันนี้เน้นอะไรที่หาซื้อง่ายและหลากหลายในเรื่องการบำรุงผิวสำหรับหลายๆคน ความจริงมันมีหลายตัวนะที่อยากเอามาฉะ เช่นครีมของสมูทอี ติดที่หาIngredientsไม่เจอนั่นแหละ บวกกับนึกไม่ออกว่าคนส่วนใหญ่นิยมใช้ตัวไหนกันมั่งเลยหามาได้เท่านี้เอง กิกิ
แก้ไขล่าสุด 4 มิ.ย. 58 22:44 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ส่วนตัวใช้ร่วมกับ serum ตัวนี้คะ
เพราะรู้สึกว่าใช้คู่กันตื่นมาหน้าขาวฟูแบบ ไม่ค้องใช้ครีมพอกหน้าขาวอะคะ แถมโอนโยนทั้งคู่
ใช้ตั้งแต่ท้อง ส่วน physiogel ทาให้เด็กด้วยคะ
แฟนเปน sebderm ใช้2 ตัวนี้ก็ดีขึ้นคะ ร่วมกับ เปลี่ยนไปใช้ปลอกหมอนกันไรฝุ่น
ปล. ส่วนประกอบเซรั่มอยุ่ที่กล่องครีมอะคะ ต้องไปดูในเพจ หรือเวปคะ
เพจ: Vanilaskin Shop
Google search : vanilaskinshop
ไอพี: ไม่แสดง
| โดย iPhone
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google