R e v i e w : ซื้อครีมใช้ทำไม ในเมื่อทำเองง่ายกว่าเยอะ Part3
26 ก.ย. 57 12:19 น. /
ดู 3,351 ครั้ง /
3 ความเห็น /
2 ชอบจัง
/
แชร์
ฮี่ๆ กลับมาล้าวๆ กับกระทู้นี้ พอดีช่วงนี้ยุ่งนิดหน่อยเลยไม่ได้แวะเวียนมาเขียนให้อ่านกันเลย วันนี้มีวิธีเบสิคๆ มาฝาก รีวิวขั้นตอนการทำเอสเซนส์เติมน้ำให้ผิว (ได้แรงบันดาลใจมาจากฮาดะ ลาโบะขวดขาว) แต่เพิ่มส่วนผสมชิคๆ ลงไปอีกให้เด่นกว่าต้นตำรับ (ภาษาชาวบ้านเอิ้นก๊อปเกรดเอ)
Ingredients: Distilled Water, Betaine, Gamma Polyglutamic Acid, Glycerin, Hydrolyzed Hyaluronic Acid, Sodium Acetylated Hyaluronate, Sodium Hyaluronate, Xanthan Gum, Allantoin, Phenoxyethanol
ลงรายละเอียดส่วนผสมแต่ละตัว:
Distilled Water เป็นน้ำกลั่นเพราะสะอาดและปราศจากไอออนทั้งหลายแหล่ที่จะลงไปทำลายสารแอคทีฟ
Betaine สารมากความสามารถ ให้ความชุ่มชื้นผิวก็ได้ ลดการระคายเคือง ต่อต้านการอักเสบก็ได้ ให้ผิวแข็งแรงขึ้นด้วย (Dupont เคลมว่า Strengthens skin barrier)
Gamma Polyglutamic Acid ให้ความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก
Glycerin สารเบสิคมากๆ ทั้งกักเก็บน้ำในผิวรวมถึงดูดความชื้นจากอากาศเข้าสู่ผิว ใช้กันแพร่หลายเพราะช่วยเพิ่มความนุ่มลื่นไปด้วย
Hydrolyzed Hyaluronic Acid, Sodium Acetylated Hyaluronate, Sodium Hyaluronate Hyluronic Acid 3โมเลกุล ทั้งกักเก็บน้ำในชั้นนอกสุด และซึมลึกลงไปให้ความชุ่มชื้นในชั้นที่ลึกลงไป (แต่ก็ยังอยู่ในผิวชั้นนอกอยู่นะ)
Xanthan Gum สารให้ความหนืดจากธรรมชาติ ใส่ให้หนืดนิดๆ เวลาทาจะได้สะดวกๆ ไม่หกไหลไปหมด
Allantoin สารแก้แพ้ แก้การระคายเคือง (แป้งเด็กใช้เยอะมาก)
Phenoxyethanol สารกันเสียที่ปลอดภัย
สำหรับ%การใส่สำหรับสารแต่ละตัวขอไม่บอกละกันเนอะ เพราะแบรนด์ส่วนใหญ่ปิดเป็นความลับ เราเองก็ปิดเป็นความลำเช่นกัน อิอิ แต่ทำใช้เองก็ต้องใส่สูงสุดตามที่ผู้ผลิตเคลมอยู่แล้วล่ะ ใส่ให้สูงๆกว่าที่ขายตามท้องตลาดเข้าไปเลย จะได้เห็นผลจริง เห็นผลไว
วิธีทำ:
1. นำบีเทนและกลีเซอริน ละลายลงในน้ำ บีเทนละลายง่ายมาก ไม่ต้องคนหรือเขย่านางก็ละลายไปแล้ว ส่วนกลีเซอรินก็คนๆแป๊บเดียวก็วาร์ปหายไปกับน้ำแล้ว
2. นำตระกูลไฮยาใส่ลงไป เขย่าๆให้เข้ากัน (ขั้นตอนนี้บอกเลยว่ายุ่งยากนิดหน่อย เพราะมันละลายไม่หมด และสำคัญมาก *ไฮยารวมกันห้ามเกิน1% เพราะคุณสมบัติของมันคือดูดความชื้นลงสู่ผิว หากเกิน1%ความชื้นในอากาศจะไม่มากพอให้มันดูด มันจะหันมาดูดความชื้นจากผิวเราแทน กลายเป็นผลเสียไปเลย) จากนั้นนำไปแช่เย็น เพราะคุณสมบัติดูดน้ำจะทำให้มันเริ่มละลายในอุณหภูมิที่ต่ำลง รวมถึง Sodium Hyaluronate มีคุณสมบัติสร้างเนื้อเจลได้ในตัว ก็ทำให้น้ำไม่หนิดไป ทิ้งไว้นานๆจนละลายก็เอาออกมา
3. เติม Gamma Polyglutamic Acid คนให้เข้ากัน เติม Xanthan Gum (ไม่ต้องใส่เยอะ) เขย่าๆจนเป็นเนื้อเจลเหลวๆ จึงเติมสารกันเสียลงไป (สารกันเสียสำคัญมากเพราะถ้าไม่ใส่แบคทีเรียจะทำลายโมเลกุลของไฮยาจนสูญเสียความหนืด)
เท่านี้เราก็ได้เอสเซนส์เติมน้ำให้ผิวมาใช้แล้ว ส่วนผสมเลิศกว่าฮาดะ ลาโบะแถมยังใส่ใน%สูงสุดอีกต่างหาก โอ้โห... เลิศจริงๆ (Hada Labo ใส่ไฮยารวมกันไม่เกิน0.2%ด้วยซ้ำ ทำให้ใครที่ผิวแห้งมากๆอาจชุ่มชื้นไม่เพียงพอ)
ช่วงสับส่วนผสม
Water, Butylene Glycol, Glycerin, PPG-10 Methyl Glucose Ether, Disodium Succinate, Methlyparaben, Sodium Hyaluronate, Hydroxyethylcellulose, Succinic Acid, Hydrolyzed Hyaluronic Acid, Sodium Acetylated Hyaluronate
อันนี้แหละคือส่วนผสมของ Hada Labo ขวดขาว หลักๆ เลยที่จะเห็นคือ Butylene Glycol เป็นเคมีสังเคราะห์ ให้สกินฟีลที่ดีเวลาทา (แต่ประโยชน์ไม่มีเยอะนอกจากลื่นๆ) กลีเซอรินโอเคผ่านเพราะปลอดภัย ส่วนผสมอื่นๆ ก็เอาไว้ปรับ Skinfeel ให้ลื่นและรู้สึกดี ใช้พาราเบนเป็นสารกันเสีย(ตรงนี้เราตัดทิ้งแล้วใช้ชนิดปลอดภัยแทน เพราะญี่ปุ่นอนุญาตให้ใช้Parabenในเครื่องสำอางเท่านั้น) หลังสารกันเสียคือสารแอคทีฟหลัก ที่เป็นไฮยา3ชนิด คือมันมีแค่นี้จริงๆ ไม่มีอะไรมากมายเลย
จบไปแล้ว กับการรีวิวการทำสกินแคร์ใช้เอง ง่ายจัง แถมยังใส่ได้เยอะๆโดยที่เราควบคุม%สารแอคทีฟได้เองด้วย ที่สำคัญ -- ตัดและลดทอนส่วนผสมที่ไม่จำเป็นทิ้งได้หมดเลย เก๋จริงๆ
ลงรายละเอียดส่วนผสมแต่ละตัว:
Distilled Water เป็นน้ำกลั่นเพราะสะอาดและปราศจากไอออนทั้งหลายแหล่ที่จะลงไปทำลายสารแอคทีฟ
Betaine สารมากความสามารถ ให้ความชุ่มชื้นผิวก็ได้ ลดการระคายเคือง ต่อต้านการอักเสบก็ได้ ให้ผิวแข็งแรงขึ้นด้วย (Dupont เคลมว่า Strengthens skin barrier)
Gamma Polyglutamic Acid ให้ความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก
Glycerin สารเบสิคมากๆ ทั้งกักเก็บน้ำในผิวรวมถึงดูดความชื้นจากอากาศเข้าสู่ผิว ใช้กันแพร่หลายเพราะช่วยเพิ่มความนุ่มลื่นไปด้วย
Hydrolyzed Hyaluronic Acid, Sodium Acetylated Hyaluronate, Sodium Hyaluronate Hyluronic Acid 3โมเลกุล ทั้งกักเก็บน้ำในชั้นนอกสุด และซึมลึกลงไปให้ความชุ่มชื้นในชั้นที่ลึกลงไป (แต่ก็ยังอยู่ในผิวชั้นนอกอยู่นะ)
Xanthan Gum สารให้ความหนืดจากธรรมชาติ ใส่ให้หนืดนิดๆ เวลาทาจะได้สะดวกๆ ไม่หกไหลไปหมด
Allantoin สารแก้แพ้ แก้การระคายเคือง (แป้งเด็กใช้เยอะมาก)
Phenoxyethanol สารกันเสียที่ปลอดภัย
สำหรับ%การใส่สำหรับสารแต่ละตัวขอไม่บอกละกันเนอะ เพราะแบรนด์ส่วนใหญ่ปิดเป็นความลับ เราเองก็ปิดเป็นความลำเช่นกัน อิอิ แต่ทำใช้เองก็ต้องใส่สูงสุดตามที่ผู้ผลิตเคลมอยู่แล้วล่ะ ใส่ให้สูงๆกว่าที่ขายตามท้องตลาดเข้าไปเลย จะได้เห็นผลจริง เห็นผลไว
วิธีทำ:
1. นำบีเทนและกลีเซอริน ละลายลงในน้ำ บีเทนละลายง่ายมาก ไม่ต้องคนหรือเขย่านางก็ละลายไปแล้ว ส่วนกลีเซอรินก็คนๆแป๊บเดียวก็วาร์ปหายไปกับน้ำแล้ว
2. นำตระกูลไฮยาใส่ลงไป เขย่าๆให้เข้ากัน (ขั้นตอนนี้บอกเลยว่ายุ่งยากนิดหน่อย เพราะมันละลายไม่หมด และสำคัญมาก *ไฮยารวมกันห้ามเกิน1% เพราะคุณสมบัติของมันคือดูดความชื้นลงสู่ผิว หากเกิน1%ความชื้นในอากาศจะไม่มากพอให้มันดูด มันจะหันมาดูดความชื้นจากผิวเราแทน กลายเป็นผลเสียไปเลย) จากนั้นนำไปแช่เย็น เพราะคุณสมบัติดูดน้ำจะทำให้มันเริ่มละลายในอุณหภูมิที่ต่ำลง รวมถึง Sodium Hyaluronate มีคุณสมบัติสร้างเนื้อเจลได้ในตัว ก็ทำให้น้ำไม่หนิดไป ทิ้งไว้นานๆจนละลายก็เอาออกมา
3. เติม Gamma Polyglutamic Acid คนให้เข้ากัน เติม Xanthan Gum (ไม่ต้องใส่เยอะ) เขย่าๆจนเป็นเนื้อเจลเหลวๆ จึงเติมสารกันเสียลงไป (สารกันเสียสำคัญมากเพราะถ้าไม่ใส่แบคทีเรียจะทำลายโมเลกุลของไฮยาจนสูญเสียความหนืด)
เท่านี้เราก็ได้เอสเซนส์เติมน้ำให้ผิวมาใช้แล้ว ส่วนผสมเลิศกว่าฮาดะ ลาโบะแถมยังใส่ใน%สูงสุดอีกต่างหาก โอ้โห... เลิศจริงๆ (Hada Labo ใส่ไฮยารวมกันไม่เกิน0.2%ด้วยซ้ำ ทำให้ใครที่ผิวแห้งมากๆอาจชุ่มชื้นไม่เพียงพอ)
ช่วงสับส่วนผสม
Water, Butylene Glycol, Glycerin, PPG-10 Methyl Glucose Ether, Disodium Succinate, Methlyparaben, Sodium Hyaluronate, Hydroxyethylcellulose, Succinic Acid, Hydrolyzed Hyaluronic Acid, Sodium Acetylated Hyaluronate
อันนี้แหละคือส่วนผสมของ Hada Labo ขวดขาว หลักๆ เลยที่จะเห็นคือ Butylene Glycol เป็นเคมีสังเคราะห์ ให้สกินฟีลที่ดีเวลาทา (แต่ประโยชน์ไม่มีเยอะนอกจากลื่นๆ) กลีเซอรินโอเคผ่านเพราะปลอดภัย ส่วนผสมอื่นๆ ก็เอาไว้ปรับ Skinfeel ให้ลื่นและรู้สึกดี ใช้พาราเบนเป็นสารกันเสีย(ตรงนี้เราตัดทิ้งแล้วใช้ชนิดปลอดภัยแทน เพราะญี่ปุ่นอนุญาตให้ใช้Parabenในเครื่องสำอางเท่านั้น) หลังสารกันเสียคือสารแอคทีฟหลัก ที่เป็นไฮยา3ชนิด คือมันมีแค่นี้จริงๆ ไม่มีอะไรมากมายเลย
จบไปแล้ว กับการรีวิวการทำสกินแคร์ใช้เอง ง่ายจัง แถมยังใส่ได้เยอะๆโดยที่เราควบคุม%สารแอคทีฟได้เองด้วย ที่สำคัญ -- ตัดและลดทอนส่วนผสมที่ไม่จำเป็นทิ้งได้หมดเลย เก๋จริงๆ
แก้ไขล่าสุด 4 มิ.ย. 58 22:43 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
http://www.watchlakorn.in/Sponge%E0.........557-video-60648
ลองดูนะ สารพาราเบนมันอันตรายนะเธอววว
แก้ไขล่าสุด 26 ก.ย. 57 17:32 | ไอพี: ไม่แสดง
คห. 2
ใช่แล้ววว สารพาราเบนมีงานวิจัยแย้งกันไปมา สรุปไม่ได้เสียที แต่เราเลือกที่จะเลี่ยงได้โดยไม่ใช้ เมื่อผสมทำเองก็เลี่ยงพาราเบนได้และเลือกใช้ Phenoxyethanol ที่ปลอดภัยแทน
ไอพี: ไม่แสดง
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google