Stand by Me Doraemon (2014) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz
7 ม.ค. 58 00:05 น. /
ดู 742 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
Stand by Me Doraemon ( 2014 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz
"การนำการ์ตูนสองมิติที่อยู่ในความทรงจำของคนทั่วโลกมาปรับให้เข้ากับโลกภาพยนตร์แบบสามมิติได้อย่างยอดเยี่ยมเสมือนฝันคือสิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จมากที่สุด"
ถ้าหากพูดถึงการ์ตูนซักเรื่องหนึ่งที่อยู่ในความทรงจำของคนทั่วโลกมาเป็นระยะเวลาอันยาวนานและไม่ว่าเราจะเติบโตไปตามการเวลาซักเท่าไร ก็ไม่เคยที่จะลืมไปได้เลย ก็ต้องหนีไม่พ้นการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง โดราเอมอน ของ ฟูจิโอะ เอฟ ฟูจิโกะ อย่างแน่นอน
ยิ่งโดยเฉพาะคนไทยหลายๆท่าน(รวมถึงตัวผู้เขียนเอง)ที่เรียกได้ว่าน่าจะผูกพันธ์กับการ์ตูนเรื่องนี้เป็นพิเศษจากการเติบโตมากับการ์ตูนเรื่องนี้ ตั้งแต่อ่านการ์ตูนแบบเล่มจนถึงดูการ์ตูนที่ฉายตามช่องทีวีช่วงเช้า นี้ยังไม่นับโดราเอมอนฉบับโรงภาพยนตร์อีกมากมายหลายเรื่องที่ก็น่าจดจำไม่แพ้กับตัวการ์ตูนต้นฉบับและปัจจุบันนี้ก็ยังมีการนำภาพยนตร์ฉบับเก่ากลับมาปรับปรุงกราฟฟิคและนำมาฉายอยู่เรื่อยๆ อย่างเรื่องล่าสุดก็คือ "โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ โนบิตะบุกดินแดนมหัศจรรย์ เปโกะกับห้าสหายนักสำรวจ" ที่เพิ่งจะเข้าฉายในประเทศไทยไปในช่วงตุลาคมปีที่แล้วนี้เอง
สำหรับตัวผู้เขียนเองแล้ว สิ่งที่รู้สึกน่าเป็นห่วงที่สุดในการสร้างภาพยนตร์ Stand by Me Doraemon ก็คือการตัดสินใจในการสร้างออกมาเป็นอนิเมชั่นรูปแบบสามมิติแทนที่จะเป็นแค่สองมิติแบบโดราเอมอนฉบับโรงภาพยนตร์ที่เคยทำมาก่อนหน้านี้แล้ว นี้เป็นการตัดสินใจที่เรียกได้ว่าเสี่ยงพอสมควร เพราะถ้าหากสร้างออกมาไม่ดี เช่นการเคลื่อนไหวและอารมณ์ของตัวละครแปลกประหลาดไป งานนี้ก็คงจะไม่มีใครอยากจดจำภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแน่แท้
แต่พอผู้เขียนได้ชมตัวภาพยนตร์เพียงไม่กี่นาที จุดที่น่าเป็นห่วงจุดนี้ก็หายไปทันที เพราะว่านอกจาก Stand by Me Doraemon จะสร้างอนิเมชั่นโดราเอมอนแบบสามมิติได้อย่างลื่นไหลและยอดเยี่ยมเสมือนตัวละครหลุดออกมาจากโลกโดราเอมอนจริงๆแล้ว พวกเขาก็ยังนำข้อได้เปรียบของอนิเมชั่นสามมิตินั้นก็คือมุมมองอันกว้างขวางมาใช้ในฉากต่างๆในภาพยนตร์ได้อย่างดีเยี่ยม นี้ยังไม่นับถึงสีสันอันสดใสและการออกแบบฉากต่างๆที่น่ามองของทีมงานจนเรียกได้ว่าผู้เขียนไม่เคยเห็นโลกการ์ตูนโดราเอมอนในแบบนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าบางฉากบางตอนอาจจะแอบใส่โฆษณาแฝงเยอะไปหน่อยก็ตาม
ในด้านของตัวบทภาพยนตร์เองต้องพูดก่อนเลยว่าถ้าหากเป็นแฟนโดเรมอนอยู่แล้ว ก็น่าจะเคยได้ผ่านหูผ่านตาบทบางส่วนมาบ้างแล้วอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นถ้าหากท่านหวังที่จะได้ชมบทอันแปลกใหม่ก็คงจะมีผิดหวังกันบ้าง แต่นั้นก็ดูจะไม่ได้ทำให้ตัวภาพยนตร์น่าติดตามน้อยลงเลย ส่วนหนึ่งก็มาจากความฉลาดในการสับเปลี่ยนเป้าหมายของตัวละครไปมา จนเสมือนเราผจญภัยไปกับสองตัวละครหลักถึงแม้ว่าเป้าหมายอาจจะเป็นที่เดิมๆแต่ก็ยังน่าทึ่งอยู่ดี
ในด้านของการเล่าเรื่องโดยส่วนใหญ่ผู้กำกับทั้งสองคนคือ ทาคาชิ ยามาซากิ กับ ริวอิชิ ยากิ ก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีแล้ว แต่ผู้เขียนรู้สึกติดใจกับการตัดสินใจในการเล่าเรื่องบางส่วนของพวกเขาอยู่เหมือนกัน
โดยเฉพาะในช่วงที่ภาพยนตร์กำลังตัดเข้าสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ของโนบิตะกับโดเรมอนด้วยสถานการ์ต่างๆเช่นโนบิตะโดนแกล้งบ้าง โนบิตะสอบตกบ้าง ฉากเหล่านี้เหมือนแทบจะถูกกดปุ่มข้ามไปอย่างรวดเร็วด้วยการเล่าเรื่องที่เร็วพอสมควรจนแทบจะไม่ได้ซึมซับถึงความสัมพันธ์ของสองตัวละครนี้ซักเท่าที่ควร ซึ่งก็พอที่จะเข้าใจได้ถ้าหากทั้งสองผู้กำกับตั้งเป้าเอาไว้แล้วว่า Stand by Me Doraemon จะเป็นภาพยนตร์ที่แฟนๆการ์ตูนมาชมกัน จึงไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายถึงความสัมพันธ์ของสองตัวละครหลักอะไรมากมาย
แต่ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ผู้เขียนก็ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงจำเป็นจะต้องเล่าเรื่องการพบเจอกันครั้งแรกของสองตัวละครหลักในตอนต้นเรื่องด้วย เพราะในเมื่อตั้งความคิดเอาไว้แล้วว่าผู้ที่มาชมภาพยนตร์จะเป็นแฟนๆการ์ตูนซึ่งก็คงจะรู้เนื้อเรื่องทะลุปรุโปร่งอยู่แล้ว และถ้าหากจะเริ่มแบบเดียวกับฉบับภาพยนตร์สองมิติที่สองตัวละครอยู่ด้วยกันมาซักพักแล้วก็ไม่ได้แปลกประหลาดอะไรสำหรับแฟนการ์ตูน ถึงแม้ว่าจะมีการใส่ปมขัดแย้งและเหตุของเรื่องเข้ามาให้ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยฉากๆนี้ แต่ผู้เขียนก็ยังรู้สึกว่าฉากนี้ถูกใส่มาเพื่อคนที่ไม่เคยรู้จักการ์ตูนเรื่องนี้มาก่อนเลย เพื่อเป็นการแนะนำตัวละครสองตัวนี้เสียมากกว่าเสมือนจับปลาสองมือจนทำให้สับสนว่าจะเอาตัวไหนกันแน่ ยังไม่รวมถึงช่วงคลี่คลายปมปัญหาในช่วงตอนท้ายเรื่องที่ให้ความรู้สึกเร่งรีบมากเกินไปจนทำให้ไม่รู้สึกทรงพลังเท่าที่ควรก็เป็นอีกสิ่งที่น่าเสียดายเช่นกัน
ในท้ายที่สุด Stand by Me Doraemon ก็เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเนรมิตโลกของโดราเอมอนในแบบที่ผู้เขียนไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน โดยเฉพาะการนำจุดเด่นของอนิเมชั่นสามมิติมาใช้ได้อย่างยอดเยี่ยมแต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นโดราเอมอนที่เราคุ้นเคย ถึงแม้ว่าตัวภาพยนตร์อาจจะขับเคลื่อนไปพบหลุมระหว่างทางอย่างเช่นการเล่าเรื่องอยู่บ้าง แต่นี้ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่แฟนๆการ์ตูนโดราเอมอนทุกคนหรือแม้กระทั่งบุคคลทั่วไปไม่ควรพลาดอย่างแน่นอน
Final Score : [ B + ] & [ Must See Badge ]
ติดตามบทวิจารณ์ใหม่ๆในอนาคต และอัพเดทข่าวหรือตัวอย่างวงการภาพยนตร์/เกมได้ที่แฟนเพจเลยครับผม
https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
http://fallsdownz.blogspot.com/
ถ้าหากพูดถึงการ์ตูนซักเรื่องหนึ่งที่อยู่ในความทรงจำของคนทั่วโลกมาเป็นระยะเวลาอันยาวนานและไม่ว่าเราจะเติบโตไปตามการเวลาซักเท่าไร ก็ไม่เคยที่จะลืมไปได้เลย ก็ต้องหนีไม่พ้นการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง โดราเอมอน ของ ฟูจิโอะ เอฟ ฟูจิโกะ อย่างแน่นอน
ยิ่งโดยเฉพาะคนไทยหลายๆท่าน(รวมถึงตัวผู้เขียนเอง)ที่เรียกได้ว่าน่าจะผูกพันธ์กับการ์ตูนเรื่องนี้เป็นพิเศษจากการเติบโตมากับการ์ตูนเรื่องนี้ ตั้งแต่อ่านการ์ตูนแบบเล่มจนถึงดูการ์ตูนที่ฉายตามช่องทีวีช่วงเช้า นี้ยังไม่นับโดราเอมอนฉบับโรงภาพยนตร์อีกมากมายหลายเรื่องที่ก็น่าจดจำไม่แพ้กับตัวการ์ตูนต้นฉบับและปัจจุบันนี้ก็ยังมีการนำภาพยนตร์ฉบับเก่ากลับมาปรับปรุงกราฟฟิคและนำมาฉายอยู่เรื่อยๆ อย่างเรื่องล่าสุดก็คือ "โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ โนบิตะบุกดินแดนมหัศจรรย์ เปโกะกับห้าสหายนักสำรวจ" ที่เพิ่งจะเข้าฉายในประเทศไทยไปในช่วงตุลาคมปีที่แล้วนี้เอง
สำหรับตัวผู้เขียนเองแล้ว สิ่งที่รู้สึกน่าเป็นห่วงที่สุดในการสร้างภาพยนตร์ Stand by Me Doraemon ก็คือการตัดสินใจในการสร้างออกมาเป็นอนิเมชั่นรูปแบบสามมิติแทนที่จะเป็นแค่สองมิติแบบโดราเอมอนฉบับโรงภาพยนตร์ที่เคยทำมาก่อนหน้านี้แล้ว นี้เป็นการตัดสินใจที่เรียกได้ว่าเสี่ยงพอสมควร เพราะถ้าหากสร้างออกมาไม่ดี เช่นการเคลื่อนไหวและอารมณ์ของตัวละครแปลกประหลาดไป งานนี้ก็คงจะไม่มีใครอยากจดจำภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแน่แท้
แต่พอผู้เขียนได้ชมตัวภาพยนตร์เพียงไม่กี่นาที จุดที่น่าเป็นห่วงจุดนี้ก็หายไปทันที เพราะว่านอกจาก Stand by Me Doraemon จะสร้างอนิเมชั่นโดราเอมอนแบบสามมิติได้อย่างลื่นไหลและยอดเยี่ยมเสมือนตัวละครหลุดออกมาจากโลกโดราเอมอนจริงๆแล้ว พวกเขาก็ยังนำข้อได้เปรียบของอนิเมชั่นสามมิตินั้นก็คือมุมมองอันกว้างขวางมาใช้ในฉากต่างๆในภาพยนตร์ได้อย่างดีเยี่ยม นี้ยังไม่นับถึงสีสันอันสดใสและการออกแบบฉากต่างๆที่น่ามองของทีมงานจนเรียกได้ว่าผู้เขียนไม่เคยเห็นโลกการ์ตูนโดราเอมอนในแบบนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าบางฉากบางตอนอาจจะแอบใส่โฆษณาแฝงเยอะไปหน่อยก็ตาม
ในด้านของตัวบทภาพยนตร์เองต้องพูดก่อนเลยว่าถ้าหากเป็นแฟนโดเรมอนอยู่แล้ว ก็น่าจะเคยได้ผ่านหูผ่านตาบทบางส่วนมาบ้างแล้วอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นถ้าหากท่านหวังที่จะได้ชมบทอันแปลกใหม่ก็คงจะมีผิดหวังกันบ้าง แต่นั้นก็ดูจะไม่ได้ทำให้ตัวภาพยนตร์น่าติดตามน้อยลงเลย ส่วนหนึ่งก็มาจากความฉลาดในการสับเปลี่ยนเป้าหมายของตัวละครไปมา จนเสมือนเราผจญภัยไปกับสองตัวละครหลักถึงแม้ว่าเป้าหมายอาจจะเป็นที่เดิมๆแต่ก็ยังน่าทึ่งอยู่ดี
ในด้านของการเล่าเรื่องโดยส่วนใหญ่ผู้กำกับทั้งสองคนคือ ทาคาชิ ยามาซากิ กับ ริวอิชิ ยากิ ก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีแล้ว แต่ผู้เขียนรู้สึกติดใจกับการตัดสินใจในการเล่าเรื่องบางส่วนของพวกเขาอยู่เหมือนกัน
โดยเฉพาะในช่วงที่ภาพยนตร์กำลังตัดเข้าสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ของโนบิตะกับโดเรมอนด้วยสถานการ์ต่างๆเช่นโนบิตะโดนแกล้งบ้าง โนบิตะสอบตกบ้าง ฉากเหล่านี้เหมือนแทบจะถูกกดปุ่มข้ามไปอย่างรวดเร็วด้วยการเล่าเรื่องที่เร็วพอสมควรจนแทบจะไม่ได้ซึมซับถึงความสัมพันธ์ของสองตัวละครนี้ซักเท่าที่ควร ซึ่งก็พอที่จะเข้าใจได้ถ้าหากทั้งสองผู้กำกับตั้งเป้าเอาไว้แล้วว่า Stand by Me Doraemon จะเป็นภาพยนตร์ที่แฟนๆการ์ตูนมาชมกัน จึงไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายถึงความสัมพันธ์ของสองตัวละครหลักอะไรมากมาย
แต่ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ผู้เขียนก็ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงจำเป็นจะต้องเล่าเรื่องการพบเจอกันครั้งแรกของสองตัวละครหลักในตอนต้นเรื่องด้วย เพราะในเมื่อตั้งความคิดเอาไว้แล้วว่าผู้ที่มาชมภาพยนตร์จะเป็นแฟนๆการ์ตูนซึ่งก็คงจะรู้เนื้อเรื่องทะลุปรุโปร่งอยู่แล้ว และถ้าหากจะเริ่มแบบเดียวกับฉบับภาพยนตร์สองมิติที่สองตัวละครอยู่ด้วยกันมาซักพักแล้วก็ไม่ได้แปลกประหลาดอะไรสำหรับแฟนการ์ตูน ถึงแม้ว่าจะมีการใส่ปมขัดแย้งและเหตุของเรื่องเข้ามาให้ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยฉากๆนี้ แต่ผู้เขียนก็ยังรู้สึกว่าฉากนี้ถูกใส่มาเพื่อคนที่ไม่เคยรู้จักการ์ตูนเรื่องนี้มาก่อนเลย เพื่อเป็นการแนะนำตัวละครสองตัวนี้เสียมากกว่าเสมือนจับปลาสองมือจนทำให้สับสนว่าจะเอาตัวไหนกันแน่ ยังไม่รวมถึงช่วงคลี่คลายปมปัญหาในช่วงตอนท้ายเรื่องที่ให้ความรู้สึกเร่งรีบมากเกินไปจนทำให้ไม่รู้สึกทรงพลังเท่าที่ควรก็เป็นอีกสิ่งที่น่าเสียดายเช่นกัน
ในท้ายที่สุด Stand by Me Doraemon ก็เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเนรมิตโลกของโดราเอมอนในแบบที่ผู้เขียนไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน โดยเฉพาะการนำจุดเด่นของอนิเมชั่นสามมิติมาใช้ได้อย่างยอดเยี่ยมแต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นโดราเอมอนที่เราคุ้นเคย ถึงแม้ว่าตัวภาพยนตร์อาจจะขับเคลื่อนไปพบหลุมระหว่างทางอย่างเช่นการเล่าเรื่องอยู่บ้าง แต่นี้ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่แฟนๆการ์ตูนโดราเอมอนทุกคนหรือแม้กระทั่งบุคคลทั่วไปไม่ควรพลาดอย่างแน่นอน
Final Score : [ B + ] & [ Must See Badge ]
ติดตามบทวิจารณ์ใหม่ๆในอนาคต และอัพเดทข่าวหรือตัวอย่างวงการภาพยนตร์/เกมได้ที่แฟนเพจเลยครับผม
https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
http://fallsdownz.blogspot.com/
แก้ไขล่าสุด 7 ม.ค. 58 00:05 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google