ทำไมต้องตัด ซิงเกิ้ล ในเมื่อมีให้ฟังในอัลบั้มอยู่แล้ว???????
20 ม.ค. 58 14:30 น. /
ดู 1,635 ครั้ง /
4 ความเห็น /
4 ชอบจัง
/
แชร์
เห็นหลายๆคนสงสัยว่า ตัดซิงเกิลไปทำไม คืออะไร แล้วมันดียังไง ก็เลยมาเขียนบทความเพื่อไขข้อข้องใจให้ทุกๆคนได้ทราบกัน
ถ้าเอาแบบคร่าวๆย่อๆเลย ก็คือการเลือกเอาเพลงจากในอัลบั้ม มาทำการกระหน่ำโปรโมททุกช่องทาง ทั้งส่งไปยังสถานีวิทยุ แยกขายเป็นแผ่น ทำมิวสิควิดิโอเพื่อโปรโมท เพื่อกระตุ้นยอดขายนั่นเอง
ซึ่งโดยปกติเนี่ย ยอดขายซิงเกิลมักจะขึ้นเร็วกว่าอัลบั้มเสียอีก ด้วยการที่เพลงที่เลือกมาเป็นซิงเกิลมันมักจะต้องขายได้ ต้องเพราะกว่าเพลงอื่นๆ คนก็เลยเลือกที่จะตัดสินใจซื้อซิงเกิลเดี่ยวๆ มากกว่าอัลบั้มที่ซื้อมาแล้วอาจจะฟังอยู่ไม่กี่เพลง
การตัดขายซิงเกิลเนี่ยมีมาตั้งแต่สมัยยุคแผ่นเสียงแล้ว มีทั้งแผ่นขนาด 12นิ้ว และ 10นิ้วที่ตามมาทีหลัง จนถึงตอนนี้ก็มีทั้งรูปแบบแผ่น รูปแบบดิจิตอล รูปแบบแผ่นเสียงที่ยังคงมีอยู่ไม่มากนัก
สมัยแผ่นเสียงเนี่ย จะมีซิงเกิ้ลที่เรียกว่า A-side กับ B-side ด้วย คือด้าน A คือด้านที่เน้นโปรโมท ส่วนด้าน B คือเพลงที่แถมมาให้ แต่บางทีก็เพราะเหมือนกัน
และบางทีซิงเกิลสมัยนี้ก็ไม่ได้เป็นแทรคเดี่ยวๆ อาจจะเป็นซิงเกิลรีมิกซ์ที่มีมาให้ 4-5เวอร์ชั่นด้วย
*นอกจากนี้ยังมีโปรโมซิงเกิล หรือซิงเกิลที่ปล่อยออกมาให้ฟังกันเพื่อโปรโมทอัลบั้มเฉยๆ ไม่ได้โปรโมทเพลงนั้นเป็นพิเศษ
ยกตัวอย่างก็เพลง Out Of The Woods และ Welcome To New York ที่ใช้เพื่อโปรโมทอัลบั้ม 1989 แต่ไม่ได้เป็นซิงเกิลที่มีเอ็มวีแต่อย่างใด
Credit :: http://www.interstarsupdate.com/what-is-single/
อัพเดตซิงเกิ้ลที่คอนเฟิร์มแล้วในปี 2015
Ariana Grande - One Last Time (4th Single from My Everything)
Taylor Swift - Style (3rd Single from 1989)
ถ้าเอาแบบคร่าวๆย่อๆเลย ก็คือการเลือกเอาเพลงจากในอัลบั้ม มาทำการกระหน่ำโปรโมททุกช่องทาง ทั้งส่งไปยังสถานีวิทยุ แยกขายเป็นแผ่น ทำมิวสิควิดิโอเพื่อโปรโมท เพื่อกระตุ้นยอดขายนั่นเอง
ซึ่งโดยปกติเนี่ย ยอดขายซิงเกิลมักจะขึ้นเร็วกว่าอัลบั้มเสียอีก ด้วยการที่เพลงที่เลือกมาเป็นซิงเกิลมันมักจะต้องขายได้ ต้องเพราะกว่าเพลงอื่นๆ คนก็เลยเลือกที่จะตัดสินใจซื้อซิงเกิลเดี่ยวๆ มากกว่าอัลบั้มที่ซื้อมาแล้วอาจจะฟังอยู่ไม่กี่เพลง
การตัดขายซิงเกิลเนี่ยมีมาตั้งแต่สมัยยุคแผ่นเสียงแล้ว มีทั้งแผ่นขนาด 12นิ้ว และ 10นิ้วที่ตามมาทีหลัง จนถึงตอนนี้ก็มีทั้งรูปแบบแผ่น รูปแบบดิจิตอล รูปแบบแผ่นเสียงที่ยังคงมีอยู่ไม่มากนัก
สมัยแผ่นเสียงเนี่ย จะมีซิงเกิ้ลที่เรียกว่า A-side กับ B-side ด้วย คือด้าน A คือด้านที่เน้นโปรโมท ส่วนด้าน B คือเพลงที่แถมมาให้ แต่บางทีก็เพราะเหมือนกัน
และบางทีซิงเกิลสมัยนี้ก็ไม่ได้เป็นแทรคเดี่ยวๆ อาจจะเป็นซิงเกิลรีมิกซ์ที่มีมาให้ 4-5เวอร์ชั่นด้วย
*นอกจากนี้ยังมีโปรโมซิงเกิล หรือซิงเกิลที่ปล่อยออกมาให้ฟังกันเพื่อโปรโมทอัลบั้มเฉยๆ ไม่ได้โปรโมทเพลงนั้นเป็นพิเศษ
ยกตัวอย่างก็เพลง Out Of The Woods และ Welcome To New York ที่ใช้เพื่อโปรโมทอัลบั้ม 1989 แต่ไม่ได้เป็นซิงเกิลที่มีเอ็มวีแต่อย่างใด
Credit :: http://www.interstarsupdate.com/what-is-single/
อัพเดตซิงเกิ้ลที่คอนเฟิร์มแล้วในปี 2015
Ariana Grande - One Last Time (4th Single from My Everything)
Taylor Swift - Style (3rd Single from 1989)
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
เท่าที่เข้าใจ...
ของตะวันตกส่วนใหญ่จะเห็นว่า ตัด lead single ก่อนระยะนึง
พอเริ่มใกล้ปล่อยตัวบั้มเต็ม ก็จะปล่อย single นึงช่วยดันกระแสอัลบั้ม
พอบั้มขายไปสักพัก ดูกระแส ถ้าแป้ก ก็จบที่ single 2 ถ้าโอเคก่ะไปต่อ 3 4 5
ของยุ่นนี่ ปล่อย single ออกมารัวๆ 2-5 single แล้วก็ยัดลงบั้มเต็มขาย
พอบั้มเต็มขายก็ไม่ปล่อย single ละ จะปล่อยอีกได้ต้องกระแสจริงๆ ก็จะเรียกว่า re-cut single
คิดว่าประมานนี้นะ อาจผิดตรงไหนก่ะซอรี่ 5555+
ไอพี: ไม่แสดง
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google