อ๊าฟเตอร์ช็อคหลังรัฐประหาร

เสียงตูมสนั่น 2 ครั้งติดที่เกิดขึ้นรอบห้างพารากอน ในช่วงค่ำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถูกยืนยันแล้วว่านั่นคือระเบิดชนิดแสวงเครื่อง ซึ่งบรรจุอยู่ในแป๊บเหล็ก ซึ่งตำรวจกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี พบหลักฐานเป็นเศษตะปูความยาว 1 นิ้วครึ่ง จำนวนมาก และ ท่อเหล็กมีสภาพฉีกขาด โชคดีที่ว่า ระเบิดทั้ง 2 ลูกมีแรงดันต่ำ และช่วงเวลาเกิดเหตุนั้น มีผู้คนไม่พลุกพล่านเท่าไหร่นัก จึงไม่มีรายงานการบาดเจ็บ  ความรุนแรงที่เกิดขึ้นใจกลางเมืองหลวง กลับมาปะทุขึ้น หลังสภาพความขัดแย้งทางการเมือง เงียบหายไปเกือบ 8 เดือน นับจากวันประกาศรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป้าหมายหลักของคสช. ประกาศแน่วแน่ว่า ต้องทำด้วย 2 สิ่ง คือละลายสีเสื้อที่เป็นต้นเหตุการแบ่งแยกทางการเมือง โดยวิธีการปลุกระดมมวลชน กับ 2 แก้ปัญหาความยากจน

แต่ปฏิกิริยาล่าสุดของรัฐบาล โดยพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความคิดเห็นส่วนตัวในพิธีการวางพวสงมาลารำลึกวันทหารผ่านศึกว่า อย่าเพิ่งโยงเข้าปัญหาทางการเมือง ซึ่งทั้งหมด มอบให้ตำรวจเป็นฝ่ายสืบสวนข้อเท็จจริง ด้านพลตำรวจโท ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็เปิดเผยความคืบหน้าแล้วว่า จากที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุไม่นาน พบชายต้องสงสัย 2 ราย สูงประมาณ 170 เซ็นติเมตร สวมหมวก ใส่เสื้อสีขาว กางเกงขายาว สวมรองเท้าหุ้มส้น หิ้วถุงพลาสติกคล้ายกันเดินผ่านกล้องแล้วแยกกันไปคนละทาง สอดคล้องกับการพบร่องรอยจากเหตุระเบิดทั้ง 2 จุดที่มีระยะไม่ห่างกัน โดยจะมีการออกหมายจับทั้งคู่ เพื่อตามหาตัวมาสอบสวน


นี่อาจเรียกว่าเป็นอาฟเตอร์ช็อกหลังการรัฐประหาร โดยที่ผ่านมา ในช่วงต้อนรับปีใหม่ 2550 ยุครัฐบาล พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งเป็นรัฐบาลที่เกิดจากการรัฐประหาร ก็เกิดเหตุการวางระเบิด พร้อมกัน 9 จุด ใจกลางกรุงเทพเช่นกัน และครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ จนรัฐบาลต้องประกาศยกเลิกงานรื่นเริงต้อนรับปีใหม่แบบทันควัน ซึ่งครั้งนั้นทางการไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่า ใครอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจากฝ่ายที่เสียประโยชน์ทางการเมือง หรือว่ากลุ่มก่อความไม่สงบชายแดนภาคใต้ แต่ก็มีผลวิเคราะห์จากตำรวจอีโอดีว่าลักษณะการก่อเหตุคล้ายกับการวางระเบิดป่วนเมืองในช่วงชุมนุมทางการเมืองปี 53

เมื่อดูจากรูปแบบของเหตุทั้งหมดนี้ พอจะเดาได้ว่า เป็นระเบิดที่ไม่ได้มุ่งการสังหารให้เกิดความสูญเสีย แต่เลือกที่จะวางในพื้นที่เศรษฐกิจของกรุงเทพ เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือด้านการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง โดยทางตำรวจมั่นใจว่า เมื่อกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพผู้ต้องสงสัยเหตุครั้งนี้ไว้ได้ ก็จะตามหาตัวได้ในอีกไม่นาน


https://www.youtube.com/watch?v=Nnbitwhcxjg