ยิปโซ รับทำชั้นตาเพิ่ม เพื่อความสวยและสะดวกทำงาน

เป็นที่สังเกตว่าใบหน้าของนักแสดงและพิธีกรสาว "ยิปโซ - อริย์กันตา มหพฤกษ์พงศ์" มีความเปลี่ยนแปลง เมื่อถามไถ่เจ้าตัว งานนี้ไม่มีปิดบัง โดยเผยว่าได้ไปทำการกรีดตาเพิ่มเพื่อให้เป็นตา 2 ชั้น "ความจริงแล้วยิปมีปัญหากับเรื่องของการใช้งานของตามาตั้งนานแล้วค่ะ แล้วก็เหมือนกับพอทำแล้วมันก็สะดวกขึ้นค่ะ หนึ่งคือ 2 ข้าง ตามันลงมาไม่เท่ากันค่ะ ตา 2 ข้างปกติไม่เท่ากันอยู่แล้ว แล้วเหมือนกับลืมตาได้ไม่ถนัด ไม่เท่ากันค่ะ ข้างหนึ่งจะลืมลำบากกว่าค่ะ" ดาราสาวกล่าวว่าตอนที่ยังไม่ได้ทำชั้นตา เรียกว่าเกิดปัญหาระหว่างการทำงานบ้าง "ความจริงก็มี ถ้าเกิดถามส่วนตัวเลย จริงๆ ถามว่ามีไหม มีค่ะ เพราะว่าเวลาที่แสดงบางครั้งมันก็เสียสมาธิ เวลาที่อยู่ดีๆ ชั้นตาหายไปเลย เหมือนกับเราโฟกัสอยู่ แต่ว่าถามว่ามันเป็นปัญหาส่วนบุคคลในเชิงการทำงานไหม มันก็ส่วนบุคคลค่ะ ทางที่บ้านก็โอเคค่ะ คือเขาก็ค่อนข้างจะเคารพการตัดสินใจของเราอยู่แล้วค่ะ" ถามว่ามีความพึงพอใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แค่ไหน ยิปโซ เปรยว่า "ยิปยังไม่รู้ค่ะ เพราะว่ามันเพิ่งประมาณอาทิตย์กว่าค่ะ มันต้องรออีกสักพักเลย เพราะว่าตอนนี้มันก็ยังบวมอยู่"

เมื่อตัดสินใจที่จะทำแล้ว หวั่นต่อผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า ยิปโซ ให้ความเห็นว่า "ก็คงมีคิดบ้างค่ะ มันออกมาแล้วจะโอเคหรือเปล่า อันนี้มันเป็นเรื่องปกติของการเปลี่ยนแปลงค่ะ แต่ว่ายิปก็แค่รู้สึกว่าต่อให้ยิปไม่ไปทำอะไรมัน หน้ายิปสักวันหนึ่งมันจะเปลี่ยนอยู่แล้ว สักวันหนึ่งยิปก็ต้องแก่ สักวันหนึ่งหน้ายิปก็จะไม่มีทางเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นถ้าเกิดจะคาดหวังความเหมือนเดิมตลอดเวลาร้อยเปอร์เซ็นต์ในหน้ายิปหรือหน้าใครมันทำไม่ได้อยู่แล้ว ยิปก็เลยรู้สึกไม่คิดมาก"

นักแสดงสาวมองว่า จุดประสงค์ในการทำนอกจากเรื่องงานแล้ว ยังช่วยเรื่องของความสวยงามได้ด้วย "ยิปว่าให้ตายยังไงมันก็มี ใครๆ ก็ไม่อยากให้หน้าตัวเองน่าเกลียดค่ะ ยิปพูดตรงๆ นะคะ แต่ว่ายิปมีทั้งสองเหตุผล คือทั้งการใช้งาน แล้วก็เรื่องความสวยงามค่ะ ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วของการทำ" สาวคนนี้ไม่กลัวว่าการทำตา 2 ชั้น จะส่งผลให้ตนกลายเป็นคนเสพติดเรื่องศัลยกรรม "ไม่กลัวค่ะ ไม่กลัวเสพติดค่ะ ยิปรู้สึกว่าเหตุผลของคนที่ถ้าเกิดจะทำ แล้วทำต่อเรื่อยๆ ก็อาจจะเป็นเพราะว่าเกิดความผิดพลาดอะไรบางอย่างหรือเปล่าที่คนเขาทำกัน แต่ว่าเท่าที่ยิปดูมาตอนนี้ มันก็ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวนะคะ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปทำอีก"