เด่นคุณ ช่วยผู้อื่นเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้สร้างกระแส

นักแสดงน้องใหม่อย่าง "อ้วน - เด่นคุณ งามเนตร" กลายเป็นที่ชื่นชมของผู้คนเมื่อครั้งไปช่วยอพยพประชาชน ในเหตุการณ์ไฟไหม้บริเวณหัวจักรของรถไฟขบวนหนึ่ง โดยเจ้าตัวพูดถึงเรื่องนี้ว่า "มันก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ ไม่ค่อยมีอะไร แค่ไฟไหม้หัวจักร ไม่ใช่เหตุการณ์บึ้มๆ บั้มๆ อะไร มันไม่ใช่มีอะไรที่น่าตกใจครับ แค่คนเดินออกมา แต่ที่น่าตกใจคือมีคนอายุมาก คนวัยชรา แล้วก็มีคนที่ช่วยตัวเองไม่ได้ คนวัยชราเป็นหอบหืด ขาบวม ตกบันไดอย่างนี้ครับ ก็ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ พวกกองถ่ายละคร ดอกไม้ใต้เมฆ ก็ร่วมแรงร่วมใจกันไปช่วยเหลือคุณป้าเขา เพื่อที่จะไปที่ที่ปลอดภัยอย่างนี้ครับ" ดาราหนุ่มยังเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟังอีกว่า "ไปถ่ายละครครับ เรื่อง ดอกไม้ใต้เมฆ ผมถ่ายที่โบกี้สุดท้ายด้วยซ้ำครับ ตอนนั้นผมไปหาซื้อปิ้งไก่กินครับตามสไตล์ผม ก็เดินไปปั๊บเห็นคนวิ่งออกมา ก็เลยส่องดู ไฟไหม้นี่หว่า คุณป้าเขาก็เดินกันออกมา แล้วก็เหตุการณ์ที่เห็นว่าภาพผมอุ้มใช่ไหมครับ ไม่ใช่ว่าผมอุ้มเขาตั้งแต่หัวโบกี้แรกมาสุดท้ายนะฮะ คือตอนนั้นเหมือนป้าเขาเป็นคนตกบันไดมา แล้วมันต้องข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งซึ่งเดินช้าแน่ แต่อีกคนหนึ่งด้านหลังเป็นหอบหืด ตอนนั้นป้าคนที่ปวดขามาก่อน ไม่รู้จะทำยังไง คนเป็นหอบหืดก็จะตาย ก็เลยอุ้มวิ่งแล้วกัน เอาไปไว้ที่ร่มก่อน แล้วกลับมาดูแลอีกคนหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเป็นซูเปอร์แมนอุ้มคนวิ่ง ไม่ขนาดนั้นฮะ"

หลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพ เด่นคุณ กำลังช่วยเหลือผู้คนออกไปนั้น ก็มีคนพูดถึงอย่างมาก แต่เจ้าตัวมองว่าเป็นเรื่องปกติ "ผมคิดว่าเป็นเรื่องปกตินะ ผมไม่ได้ เย้ มีข่าวดีแล้วอะไรอย่างนี้ แต่เพียงแค่ว่าวันหนึ่งออกจากบ้านไปเจอคุณลุงขายลูกชิ้นปิ้งหน้าบ้านที่คุยกันปกติ เขาบอกว่าทำไม ได้ข่าวนะ ไปดูหน้าหนึ่งเลยนะ ยามหน้าหมู่บ้านก็ชม เจอคนขายกับข้าวเขาก็ทักทาย ก็อ๋อ ครับๆ จริงๆ มันไม่ได้เหตุการณ์ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนั้น แค่เป็นเรื่องปกติที่คนเรา คนไทยเราเห็นอย่างนี้ก็ต้องช่วยอยู่แล้ว มันไม่แปลกครับผม"

เด่นคุณ กล่าวว่าไม่ได้ทำเพื่อต้องการสร้างกระแสให้ตัวเอง "ผมบอกเลยว่าไม่ได้อะไรอยู่แล้ว มันเป็นเหตุการณ์ปกติ มันไม่ได้มีอะไรครับ แต่เพียงแค่เพื่อนถ่ายรูปไว้ในจังหวะนั้นพอดี เหมือนเพื่อนถ่ายรูปไว้ แต่เราก็กลับมาปั๊บ อ้าวเป็นข่าวแล้วเหรอ ก็มารอให้สัมภาษณ์ ก็อย่างนี้ไป ไม่ได้คิดว่าจะเป็นข่าวใหญ่โต ไม่เคยคิด แล้วก็ถึงมองในแง่ลบก็ไม่เป็นไร ถึงมองในแง่บวกก็ปล่อยปกติ แต่เพียงแค่ว่าคนมองในแง่บวกอาจจะเห็นว่า เออเนี่ยเขาทำนะ เราก็ทำได้ พอเริ่มทำ ทุกคนก็ช่วยกันทำ ผมก็อยากให้สิ่งที่ผมทำ แล้วมีภาพออกไปให้เห็นว่าเป็นตัวอย่างที่ดีนะ ช่วยเหลือกัน คือคนก็ต้องช่วยเหลือกันน่ะครับ ถ้าคนเดินทางจะรู้ คนที่ชอบเดินทางบ่อยๆ จะรู้"