คุณค่าของความรัก ความในใจจาก ก็อต และ ริชชี่
9 มี.ค. 64 12:02 น. /
ดู 3,525 ครั้ง /
2 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
hashtag:
#ริชชี่อรเณศ #ก็อตอิทธิพัทธ์
เรียกว่าวินาทีนี้ทุกโมเมนต์ในความรักของ ก็อต ริชชี่ เป็นเรื่องราวที่น่ารักและน่าประทับใจแฟนๆ เป็นที่สุด เพราะนอกจากละมุนตาที่เห็นในสิ่งที่ทั้งคู่แสดงออกให้กันแล้ว ยังดีต่อใจในความรักความจริงใจที่ ก็อต ริชชี่ มีให้กันตลอดเวลาในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ที่ทั้งคู่ได้มาเป็นแขกรับเชิญสุดพิเศษ พร้อมเล่าเรื่องราวที่ในอดีตตั้งแต่ก่อนเข้าวงการบันเทิง จนได้มาเจอกันในฐานะเพื่อน ก่อนที่จะขยับสถานะมาเป็นแฟนกัน
ก็อต ยังพอมีเพื่อนบ้าง แต่ ริชชี่ ไม่มีเพื่อนเลย
ริชชี่ : หนูรู้สึกว่าการที่จะเป็นเพื่อนกันหรือเป็นแก๊ง เราต้องไปพักด้วยกันไปเดินห้าง หรือไปทำอะไร หนูไม่เคยไปตรงนั้นกับเพื่อนเลย เวลาให้สัมภาษณ์เราก็เลยบอกว่าไม่มีเพื่อน คือเราเรียนชั้นเดียวกัน หนูจำเพื่อน จำชื่อเพื่อนได้หมดเลยตั้งแต่อนุบาล แต่พอเข้าไปทักเพื่อนจะทำท่าตกใจเหมือนไม่รู้จักเรา ส่วนตอนกลางวันหนูจะชอบนั่งอยู่ในห้องเรียนแล้วก็นั่งทำการบ้าน เพราะคุณแม่เขาจะทำกับข้าวมาให้ ส่วนเวลาซ้อมคือจริงๆ เหมือนเวลาซ้อมแทบจะไม่ได้คุยเลยค่ะ เพราะว่าโค้ชดุมาก เขาไม่ให้คุยเวลาซ้อม เพื่อนทุกคนน่ารักกับเรามากทุกคนดีไปหมดเลย บางทีเราไม่ได้ไปไหนกับเขาบางทีเขาก็ชวนแต่ว่าเราไปไม่ได้ จนเขาเลิกชวนเพราะเขารู้ว่าเราไปด้วยไม่ได้
ทั้ง ก็อต และ ริชชี่ เป็นคนที่ต่างกันสุดขั้ว แต่พอมาได้เจอกันในส่วนของกำลังใจที่ขาดหายไป
ก็อต : ใช่ครับ ตอนนั้นเราเองก็แบบเหมือนอ่อนแอมากๆ ครับ ก็มีเขา มีคนรอบข้าง ครอบครัว ผู้จัดการ ที่คอยให้กำลังใจด้วย ณ ตอนนั้นเราก็รอผลคุณพ่อจะเป็นยังไงต่อ ซึ่งตอนนั้นก็มีความหวังเล็กๆ น้อยๆ แต่อยู่ใน ICU 4 วันแล้ว ตอนนั้นหลายความรู้สึกมาก มันหนัก มันเครียดแล้วเรื่องค่ารักษามันค่อนข้างสูงครับ แล้วตอนนั้นยังถ่ายละครอยู่ จำได้เลยถ่ายไปได้แบบไม่กี่ซีนก็ต้องมาโรงพยาบาลมาฟังผล พอไปนั่งฟังผล คุณหมอก็พูดตรงมากคือไม่ดีกับไม่ดีมากๆ ให้เราเลือกเอาเราจะเลือกแบบไหน คือปล่อยเลย กับพาคุณพ่อกลับมารักษาที่บ้านแต่แบบไม่สมบูรณ์เลยนะ ตอนนั้นคือเราก็ช็อกไปหมดเลยตอนอยู่กับหมอไม่ร้องนะ แต่พอออกจากประตูมาคือเราก็ร้องๆ เป็นชั่วโมง จนสุดท้ายเราตัดสินใจว่าเรายังคงรักษากันอยู่ต่อไป ไม่ปล่อยเพราะว่าเรายังทำใจไม่ได้ อีกอย่างหนึ่งที่เครียดคือเรื่องค่ารักษา มันจะมีโครงการหนึ่งของรัฐบาลที่เขาจะช่วยเหลือผู้ป่วยแบบนี้ครับ ไม่ว่า Stroke หรือร่างกายที่เป็นฉุกเฉินภายใน 72 ชั่วโมง ซึ่งตอนนั้นเราก็มีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่งเราเคยพูดว่าเก็บไว้เผื่อครอบครัวต้องใช้ไม่คิดเลยว่าต้องใช้ มันเร็วมากๆ แต่คุณอาของผู้จัดการส่วนตัวที่เป็นคุณหมอก็แนะนำให้ยื่นเรื่องไปเผื่อช่วยได้ ซึ่งมันก็ช่วยได้
ริชชี่ : ตอนนั้นเราไม่ได้คิดว่าเขาชอบ แต่แค่รู้สึกว่าเขาพูดว่าเหมือนอยากคุยด้วยเพราะว่าเครียดมากเลย เหมือนอยากพูดอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เรื่องนี้ เขาก็จะบอกว่าเหมือนเขาคุยกับเรารู้สึกดีขึ้นหายเครียดในช่วงเวลาหนึ่ง เราช่วยเขาได้เราก็อยากช่วยเขาให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้
พอทุกอย่างผ่านพ้นไป ริชชี่ เป็นคนที่บอกเองว่าไม่ต้องโทรมาบ้างก็ได้
ก็อต : เป็นช่วงที่ละครกำลังจะปิดกล้องด้วย เขาเลยบอกเราตรงๆ ว่ายังไงไม่ต้องคุยก็ได้
ริชชี่ : เราคิดว่าถ้าเขาดีขึ้นแล้วกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้แล้ว แฮปปี้แล้ว เราก็ไม่ต้องคุยกับเขาเหมือนเดิมแล้วก็ได้ ให้เขากลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม เพราะที่ผ่านมาเขาก็มีความสุขอยู่แล้วที่ไม่ได้มีเรา เราก็รอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน พอผ่านไปก็คุยเรื่องทำงานด้วยกัน เขาอยากปรึกษาพูดเรื่องบทหลังเลิกงานค่ะ เราก็รู้สึกว่า อ๋อ เพราะมันเป็นเรื่องงานก็เลยคุยด้วยได้ พอจะจบงานแล้วหนูก็เลยไม่มีอะไรให้คุยแล้วนะ อีกอย่างหนูยังไม่ได้อยากสนิทกับใครมากขนาดนั้นด้วย แล้วเรารู้สึกนิดๆ ว่าเขาอินผิดปกติ เราก็เล่นละครมาเยอะ เราก็รู้สึกว่าเขาอาจจะยังไม่เคยเล่นละครที่คู่กับผู้หญิงอะไรจริงจัง เขาอาจจะยังไม่รู้การเล่นละครมันสนิทกันนะ บทมันอาจจะพาไปหรือเปล่า
ตอนที่ ก็อต หายๆ จางๆ ไปคิดถึงไหม
ริชชี่ : ก็มีบ้างค่ะ เราก็รู้สึกว่าเดี๋ยวเวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง คือเราเป็นคนที่ชอบคิดทุกอย่างเป็นทฤษฎีค่ะ (มนุษย์เราพอผูกพันอะไรช่วงหนึ่งแล้วพอเวลาผ่านไปเท่านี้เดี๋ยวมันก็จะลืมจะหายจะโอเค) พอเรากำลังจะเริ่มหายจะดีแล้วเขาอยู่ดีๆก็ทักมา เราก็จะแบบหือ !!
ก็อต : แล้วพอหลังจากนั้นช่วงโปรโมทละครก็กลับมาเจอกันอีกรอบ เขาก็ออกจาก safe zone มากขึ้น เพราะเจอกันบ่อยมากขึ้น เขาก็จะมีเรื่องให้เราปรึกษาไปมาเรารู้สึกเหมือนเดิมอีกแล้ว เราก็เริ่มต้นที่อยากจะชัดเจนกับเขาอีกรอบ เราก็ชวนเขาหาอะไรเล่น เผื่อจะรู้สึกเขินบ้างหรือเปล่าอะไรอย่างนี้ แอบจับมือขอเล่นมือ ไลน์หากลับมาเหมือนเดิม
การที่ ก็อต พาไปกินข้าวครั้งแรกเป็นเรื่องใหญ่ของ ริชชี่ มาก
ริชชี่ : เพราะที่บ้านจะมีแอปที่สามารถเช็คได้ว่าหนูอยู่ตรงไหนแล้วแม่ก็จะดูตลอดเวลา เพราะเมื่อก่อนเขาจะรับส่งและเฝ้าเราตลอด เหมือนวันนั้นทำงานแล้วเลิกดึกเขาก็บอกว่าหิวข้าวออกไปกินข้าวกันไหม มันใกล้มาก แล้วคือหนูก็กลับไปก็ล้างหน้าเปลี่ยนชุดก่อน แล้วคุณแม่ก็จะเห็นว่าเรากลับถึงบ้านแล้ว เพราะมันจะติ๊งเวลาเราถึงบ้าน แล้วเราก็ไหลๆ ไปจากที่พัก ที่บ้านก็โทรมาแล้วหนูก็รู้สึกว่าเขินที่บ้านโทรตามตลอดเลยไม่ได้รับ พอเรารับแม่ก็ถามว่าอยู่กับใคร หนูก็ไม่กล้าพูด แม่ก็บอกว่าอยู่กับก็อตใช่ไหม เราก็ตกใจ ทำไมแม่รู้ ก็หนูไม่ได้มีเพื่อนไงแม่เขาเลยเดาไม่ยาก
แล้วจุดไหนที่เรายอมรับกับตัวเองว่า เราชอบเขาแล้ว
ริชชี่ : (ยิ้ม) เราก็รู้สึกว่าเราชอบเขาแหละ แต่แบบเพื่อนอะไรอย่างนี้ค่ะ จนมีวันหนึ่งที่ไปทำงานแล้วก็ที่เขาตัดเป็นคลิปออกมา เขาก็ไลน์มาว่าแบบได้ดูหรือยังที่เราพูดไปเราพูดจริงหมดเลย แล้วก็พิมพ์ยาวมาก นู่นนี่นั่นแบบว่า (หัวเราะ)
ก็อต : ใช่ๆ เป็นช่วงบอกความในใจครับ เราบอกเขาเราตั้งใจว่าครั้งนี้เหมือนว่าออกงานด้วยกันบ่อยๆ เจอกันบ่อยอย่างนี้ พอยิ่งมากขึ้นเราเลยตัดสินใจว่าเราจะชัดเจนขึ้น จำได้ว่าส่งไปยาวมาก แต่ก่อนส่งเราก็มานั่งคิดไตร่ตรองว่าเราจะพูดอย่างไรดีให้เขาเข้าใจ เราจะบอกเขาว่าเรามาดีนะ อย่าเพิ่งกลัวนะ ก็คิดคำ เปลี่ยนลบ ลบเปลี่ยน แล้วก็ยาวมาก ส่งให้เขา ใช่เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย
ข้อความนี้หรือเปล่าที่ ริชชี่ เอาให้ผู้จัดการดู
ริชชี่ : เรามีผู้จัดการคนเดียวกันแล้วแบบเรารู้สึกว่าเราจะเชื่อได้หรือเปล่า เราไม่แน่ใจว่าเขาจะชอบหนูจริงไหม เพราะว่าเหมือนระหว่างนั้นตอนเป็นเพื่อนกัน เขากำลังคุยกับคนนี้อยู่นะ เราก็รู้ว่าเขาเคยคุยกับใครบ้างตลอด เขาก็เล่าให้เราฟัง เราก็เลยรู้สึกว่าเขาอาจจะไม่ได้ชอบเราจริงขนาดนั้นเหมือนที่เขาพิมพ์หรือเปล่า
ริชชี่ เห็นว่า ก็อต คือ เพื่อนที่สนิทที่สุดที่เราไม่อยากสูญเสียเขาไป
ริชชี่ : หนูเคยพิมพ์บอกเขาอยู่ค่ะว่าแบบไม่อยากให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป หนูว่าถ้าวันหนึ่งหนูต้องผิดหวังหรืออกหักหรือมีความรัก หนูก็อยากให้เขาเป็นคนที่อยู่ข้างหนู เป็นเพื่อนกันไปเรื่อยๆ อยากให้เขาเจอความรักดีๆ แล้วเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่อะไรอย่างนี้ค่ะ
ก็อต : เขาจะพูดกับผมแบบนี้ประจำ แต่ว่ามุมมองผมก็คือถ้ารักกัน มันสามารถเป็นได้ทุกอย่าง เพื่อนก็ได้ อยากให้เป็นโหมดไหนผมเป็นได้หมดเลย คนรักกันไม่จำเป็นต้องหวานตลอดเวลา ไม่จำเป็นว่านี่คือแฟนนะต้องแบบนี้ อย่างผมเริ่มเข้าหาเขาด้วยการเป็นเพื่อนเพราะว่าผมอยากให้เขาชิน อยากให้เขาซึมๆความเป็นผมเข้าไป เพราะผมจะมีมุมมองความรักประมาณนี้ครับ ซึ่งทุกวันที่เราอยู่ด้วยกัน หมายถึงว่าพอเริ่มเปิดตัวว่าคบกัน เราก็ยังมีความเป็นเพื่อนกัน ยังมีความเป็นแบบเหมือนเมื่อก่อน ความรักให้กันเราก็มี
ข้อความนั้นคือข้อความขอเป็นแฟนไหม
ก็อต : ยังครับ
ริชชี่ : เขาแค่พิมพ์ว่าชอบนะ คุณไม่ต้องกลัวเรานะ ทุกอย่างเหมือนเดิมเลย
แล้ววันไหนที่โอเคเป็นแฟนกันแล้วนะ
ริชชี่ : ไม่มีวันที่พูดแบบนั้น (ที่บอกว่าเป็นแฟนกันนะ)
ก็อต : เหมือนกับว่าระหว่างทางที่เราเริ่มเปิด เขาเปิดแล้ว เราเริ่มต้นความสัมพันธ์อีกครั้งหนึ่งครับ เขาถามตลอดว่าแบบนี้คืออะไร มันคือแฟนหรือเปล่า เราก็จะพูดแบบเขินๆ เราไม่ได้พูดตรงไปตรงมา เราจะเน้นเป็นการกระทำมากกว่าให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำเนี่ย เราไม่ได้ทำแบบนี้กับคนทั่วไป หรือกับเพื่อนนะ แล้วก็จะมาพูดอีกทีคือตอนลงรูปเลย
ริชชี่ ก็ได้คุยกับ พี่โน๊ต ผู้จัดการ พร้อมไหมที่จะเสี่ยง
ริชชี่ : ที่ผ่านมาจริงๆ หนูอยู่คนเดียวได้นะ หนูชอบการอยู่คนเดียว หนูอยู่คนเดียวมาตลอด มันแฮปปี้มาก หนูมีความสุขกับพี่สาวทุกคน ทุกคนรักหนู แล้วหนูก็ไม่มั่นใจว่าถ้าแบบเขาเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนแล้วมันจะโอเคไหม แล้วคือหนูไม่อยากเป็นแฟนเก่าใคร หนูไม่อยากเป็นแฟนแล้วก็เลิก วันหนึ่งหนูจะกลายเป็นคนแปลกหน้ากับเขา พี่โน๊ตก็บอกว่าไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าทุกวันนี้ที่ผ่านมาเวลาที่ริชชี่ปฏิเสธตลอด ริชชี่เสียใจไหม หนูรู้สึกว่าเราชอบคิดว่าปฏิเสธดีกว่า เสียใจแหละแต่ไม่อยากเสียใจมากกว่านี้ ถ้าทุกอย่างมันแย่แล้วต้องเลิกกันแบบนั้นคงเสียใจกว่า เคยดูในโทรทัศน์มามันดูเฮิร์ตมากเลย
กระแสตอบรับของแฟนคลับเป็นยังไงบ้าง
ก็อต : ตอนแรกเราสองคนก็ต้องบอกว่าเราก็กล้าๆ กลัวๆ นะครับ มันจะเป็นยังไงถ้าเปิดตัว แต่สุดท้ายมันมีคนที่ชื่นชอบอยู่แล้วเขาชอบตั้งแต่ที่เราเล่นละคร แล้วไปออกรายการเขาเชียร์ตลอดเพราะเขามองว่าเราเข้ากัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีครับ ที่เรารักกันหมายถึงว่าเรามีความรักให้กันแล้วมีคนชอบ มันไม่มีอะไรที่ดีไปกว่านี้แล้ว ก็ดีใจครับ
อยากบอกอะไรกัน ณ วันนี้
ก็อต : ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรยาวๆ แล้ว เพราะว่าพูดไปเยอะแล้ว ก็อยากจะบอกว่าเดินไปด้วยกันไปได้ไกลนะ จับมือกันไปแล้วก็ไปสู่ในสิ่งที่เราหวังด้วยกันทั้งคู่ เขามีความฝันตลอด ซึ่งผมเองก็มีความฝัน เราก็จะจับมือกันไปทำความฝันให้สำเร็จแล้วก็ใช้ชีวิตกันให้ดีที่สุด แล้วก็สร้างสรรค์ผลงานดีๆ ออกมาให้แฟนๆได้รับชมด้วย
ริชชี่ : ดีใจที่ได้รู้จักเขาค่ะ แล้วก็รู้สึกว่าดี ขอบคุณที่เขาอดทนรอ เราคิดมาตลอดเลยว่าถ้าเราไม่ได้เจอคนแบบนี้ ไม่ได้เป็นแบบที่เขาเป็น เราก็ไม่อยากมีแฟน ไม่ได้อยากมีใคร เราแฮปปี้อยู่แล้ว แต่พอมีคนหนึ่งที่เขาเป็นแบบนี้จนเรารู้สึกว่านอกจากอยู่คนเดียวแล้วเราก็รู้สึกว่าอยากมีเขาในชีวิตด้วย
#ก็อตอิทธิพัทธ์ #ริชชี่อรเณศ
ริชชี่ : หนูรู้สึกว่าการที่จะเป็นเพื่อนกันหรือเป็นแก๊ง เราต้องไปพักด้วยกันไปเดินห้าง หรือไปทำอะไร หนูไม่เคยไปตรงนั้นกับเพื่อนเลย เวลาให้สัมภาษณ์เราก็เลยบอกว่าไม่มีเพื่อน คือเราเรียนชั้นเดียวกัน หนูจำเพื่อน จำชื่อเพื่อนได้หมดเลยตั้งแต่อนุบาล แต่พอเข้าไปทักเพื่อนจะทำท่าตกใจเหมือนไม่รู้จักเรา ส่วนตอนกลางวันหนูจะชอบนั่งอยู่ในห้องเรียนแล้วก็นั่งทำการบ้าน เพราะคุณแม่เขาจะทำกับข้าวมาให้ ส่วนเวลาซ้อมคือจริงๆ เหมือนเวลาซ้อมแทบจะไม่ได้คุยเลยค่ะ เพราะว่าโค้ชดุมาก เขาไม่ให้คุยเวลาซ้อม เพื่อนทุกคนน่ารักกับเรามากทุกคนดีไปหมดเลย บางทีเราไม่ได้ไปไหนกับเขาบางทีเขาก็ชวนแต่ว่าเราไปไม่ได้ จนเขาเลิกชวนเพราะเขารู้ว่าเราไปด้วยไม่ได้
ทั้ง ก็อต และ ริชชี่ เป็นคนที่ต่างกันสุดขั้ว แต่พอมาได้เจอกันในส่วนของกำลังใจที่ขาดหายไป
ก็อต : ใช่ครับ ตอนนั้นเราเองก็แบบเหมือนอ่อนแอมากๆ ครับ ก็มีเขา มีคนรอบข้าง ครอบครัว ผู้จัดการ ที่คอยให้กำลังใจด้วย ณ ตอนนั้นเราก็รอผลคุณพ่อจะเป็นยังไงต่อ ซึ่งตอนนั้นก็มีความหวังเล็กๆ น้อยๆ แต่อยู่ใน ICU 4 วันแล้ว ตอนนั้นหลายความรู้สึกมาก มันหนัก มันเครียดแล้วเรื่องค่ารักษามันค่อนข้างสูงครับ แล้วตอนนั้นยังถ่ายละครอยู่ จำได้เลยถ่ายไปได้แบบไม่กี่ซีนก็ต้องมาโรงพยาบาลมาฟังผล พอไปนั่งฟังผล คุณหมอก็พูดตรงมากคือไม่ดีกับไม่ดีมากๆ ให้เราเลือกเอาเราจะเลือกแบบไหน คือปล่อยเลย กับพาคุณพ่อกลับมารักษาที่บ้านแต่แบบไม่สมบูรณ์เลยนะ ตอนนั้นคือเราก็ช็อกไปหมดเลยตอนอยู่กับหมอไม่ร้องนะ แต่พอออกจากประตูมาคือเราก็ร้องๆ เป็นชั่วโมง จนสุดท้ายเราตัดสินใจว่าเรายังคงรักษากันอยู่ต่อไป ไม่ปล่อยเพราะว่าเรายังทำใจไม่ได้ อีกอย่างหนึ่งที่เครียดคือเรื่องค่ารักษา มันจะมีโครงการหนึ่งของรัฐบาลที่เขาจะช่วยเหลือผู้ป่วยแบบนี้ครับ ไม่ว่า Stroke หรือร่างกายที่เป็นฉุกเฉินภายใน 72 ชั่วโมง ซึ่งตอนนั้นเราก็มีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่งเราเคยพูดว่าเก็บไว้เผื่อครอบครัวต้องใช้ไม่คิดเลยว่าต้องใช้ มันเร็วมากๆ แต่คุณอาของผู้จัดการส่วนตัวที่เป็นคุณหมอก็แนะนำให้ยื่นเรื่องไปเผื่อช่วยได้ ซึ่งมันก็ช่วยได้
ริชชี่ : ตอนนั้นเราไม่ได้คิดว่าเขาชอบ แต่แค่รู้สึกว่าเขาพูดว่าเหมือนอยากคุยด้วยเพราะว่าเครียดมากเลย เหมือนอยากพูดอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เรื่องนี้ เขาก็จะบอกว่าเหมือนเขาคุยกับเรารู้สึกดีขึ้นหายเครียดในช่วงเวลาหนึ่ง เราช่วยเขาได้เราก็อยากช่วยเขาให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้
พอทุกอย่างผ่านพ้นไป ริชชี่ เป็นคนที่บอกเองว่าไม่ต้องโทรมาบ้างก็ได้
ก็อต : เป็นช่วงที่ละครกำลังจะปิดกล้องด้วย เขาเลยบอกเราตรงๆ ว่ายังไงไม่ต้องคุยก็ได้
ริชชี่ : เราคิดว่าถ้าเขาดีขึ้นแล้วกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้แล้ว แฮปปี้แล้ว เราก็ไม่ต้องคุยกับเขาเหมือนเดิมแล้วก็ได้ ให้เขากลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม เพราะที่ผ่านมาเขาก็มีความสุขอยู่แล้วที่ไม่ได้มีเรา เราก็รอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน พอผ่านไปก็คุยเรื่องทำงานด้วยกัน เขาอยากปรึกษาพูดเรื่องบทหลังเลิกงานค่ะ เราก็รู้สึกว่า อ๋อ เพราะมันเป็นเรื่องงานก็เลยคุยด้วยได้ พอจะจบงานแล้วหนูก็เลยไม่มีอะไรให้คุยแล้วนะ อีกอย่างหนูยังไม่ได้อยากสนิทกับใครมากขนาดนั้นด้วย แล้วเรารู้สึกนิดๆ ว่าเขาอินผิดปกติ เราก็เล่นละครมาเยอะ เราก็รู้สึกว่าเขาอาจจะยังไม่เคยเล่นละครที่คู่กับผู้หญิงอะไรจริงจัง เขาอาจจะยังไม่รู้การเล่นละครมันสนิทกันนะ บทมันอาจจะพาไปหรือเปล่า
ตอนที่ ก็อต หายๆ จางๆ ไปคิดถึงไหม
ริชชี่ : ก็มีบ้างค่ะ เราก็รู้สึกว่าเดี๋ยวเวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง คือเราเป็นคนที่ชอบคิดทุกอย่างเป็นทฤษฎีค่ะ (มนุษย์เราพอผูกพันอะไรช่วงหนึ่งแล้วพอเวลาผ่านไปเท่านี้เดี๋ยวมันก็จะลืมจะหายจะโอเค) พอเรากำลังจะเริ่มหายจะดีแล้วเขาอยู่ดีๆก็ทักมา เราก็จะแบบหือ !!
ก็อต : แล้วพอหลังจากนั้นช่วงโปรโมทละครก็กลับมาเจอกันอีกรอบ เขาก็ออกจาก safe zone มากขึ้น เพราะเจอกันบ่อยมากขึ้น เขาก็จะมีเรื่องให้เราปรึกษาไปมาเรารู้สึกเหมือนเดิมอีกแล้ว เราก็เริ่มต้นที่อยากจะชัดเจนกับเขาอีกรอบ เราก็ชวนเขาหาอะไรเล่น เผื่อจะรู้สึกเขินบ้างหรือเปล่าอะไรอย่างนี้ แอบจับมือขอเล่นมือ ไลน์หากลับมาเหมือนเดิม
การที่ ก็อต พาไปกินข้าวครั้งแรกเป็นเรื่องใหญ่ของ ริชชี่ มาก
ริชชี่ : เพราะที่บ้านจะมีแอปที่สามารถเช็คได้ว่าหนูอยู่ตรงไหนแล้วแม่ก็จะดูตลอดเวลา เพราะเมื่อก่อนเขาจะรับส่งและเฝ้าเราตลอด เหมือนวันนั้นทำงานแล้วเลิกดึกเขาก็บอกว่าหิวข้าวออกไปกินข้าวกันไหม มันใกล้มาก แล้วคือหนูก็กลับไปก็ล้างหน้าเปลี่ยนชุดก่อน แล้วคุณแม่ก็จะเห็นว่าเรากลับถึงบ้านแล้ว เพราะมันจะติ๊งเวลาเราถึงบ้าน แล้วเราก็ไหลๆ ไปจากที่พัก ที่บ้านก็โทรมาแล้วหนูก็รู้สึกว่าเขินที่บ้านโทรตามตลอดเลยไม่ได้รับ พอเรารับแม่ก็ถามว่าอยู่กับใคร หนูก็ไม่กล้าพูด แม่ก็บอกว่าอยู่กับก็อตใช่ไหม เราก็ตกใจ ทำไมแม่รู้ ก็หนูไม่ได้มีเพื่อนไงแม่เขาเลยเดาไม่ยาก
แล้วจุดไหนที่เรายอมรับกับตัวเองว่า เราชอบเขาแล้ว
ริชชี่ : (ยิ้ม) เราก็รู้สึกว่าเราชอบเขาแหละ แต่แบบเพื่อนอะไรอย่างนี้ค่ะ จนมีวันหนึ่งที่ไปทำงานแล้วก็ที่เขาตัดเป็นคลิปออกมา เขาก็ไลน์มาว่าแบบได้ดูหรือยังที่เราพูดไปเราพูดจริงหมดเลย แล้วก็พิมพ์ยาวมาก นู่นนี่นั่นแบบว่า (หัวเราะ)
ก็อต : ใช่ๆ เป็นช่วงบอกความในใจครับ เราบอกเขาเราตั้งใจว่าครั้งนี้เหมือนว่าออกงานด้วยกันบ่อยๆ เจอกันบ่อยอย่างนี้ พอยิ่งมากขึ้นเราเลยตัดสินใจว่าเราจะชัดเจนขึ้น จำได้ว่าส่งไปยาวมาก แต่ก่อนส่งเราก็มานั่งคิดไตร่ตรองว่าเราจะพูดอย่างไรดีให้เขาเข้าใจ เราจะบอกเขาว่าเรามาดีนะ อย่าเพิ่งกลัวนะ ก็คิดคำ เปลี่ยนลบ ลบเปลี่ยน แล้วก็ยาวมาก ส่งให้เขา ใช่เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย
ข้อความนี้หรือเปล่าที่ ริชชี่ เอาให้ผู้จัดการดู
ริชชี่ : เรามีผู้จัดการคนเดียวกันแล้วแบบเรารู้สึกว่าเราจะเชื่อได้หรือเปล่า เราไม่แน่ใจว่าเขาจะชอบหนูจริงไหม เพราะว่าเหมือนระหว่างนั้นตอนเป็นเพื่อนกัน เขากำลังคุยกับคนนี้อยู่นะ เราก็รู้ว่าเขาเคยคุยกับใครบ้างตลอด เขาก็เล่าให้เราฟัง เราก็เลยรู้สึกว่าเขาอาจจะไม่ได้ชอบเราจริงขนาดนั้นเหมือนที่เขาพิมพ์หรือเปล่า
ริชชี่ เห็นว่า ก็อต คือ เพื่อนที่สนิทที่สุดที่เราไม่อยากสูญเสียเขาไป
ริชชี่ : หนูเคยพิมพ์บอกเขาอยู่ค่ะว่าแบบไม่อยากให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป หนูว่าถ้าวันหนึ่งหนูต้องผิดหวังหรืออกหักหรือมีความรัก หนูก็อยากให้เขาเป็นคนที่อยู่ข้างหนู เป็นเพื่อนกันไปเรื่อยๆ อยากให้เขาเจอความรักดีๆ แล้วเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่อะไรอย่างนี้ค่ะ
ก็อต : เขาจะพูดกับผมแบบนี้ประจำ แต่ว่ามุมมองผมก็คือถ้ารักกัน มันสามารถเป็นได้ทุกอย่าง เพื่อนก็ได้ อยากให้เป็นโหมดไหนผมเป็นได้หมดเลย คนรักกันไม่จำเป็นต้องหวานตลอดเวลา ไม่จำเป็นว่านี่คือแฟนนะต้องแบบนี้ อย่างผมเริ่มเข้าหาเขาด้วยการเป็นเพื่อนเพราะว่าผมอยากให้เขาชิน อยากให้เขาซึมๆความเป็นผมเข้าไป เพราะผมจะมีมุมมองความรักประมาณนี้ครับ ซึ่งทุกวันที่เราอยู่ด้วยกัน หมายถึงว่าพอเริ่มเปิดตัวว่าคบกัน เราก็ยังมีความเป็นเพื่อนกัน ยังมีความเป็นแบบเหมือนเมื่อก่อน ความรักให้กันเราก็มี
ข้อความนั้นคือข้อความขอเป็นแฟนไหม
ก็อต : ยังครับ
ริชชี่ : เขาแค่พิมพ์ว่าชอบนะ คุณไม่ต้องกลัวเรานะ ทุกอย่างเหมือนเดิมเลย
แล้ววันไหนที่โอเคเป็นแฟนกันแล้วนะ
ริชชี่ : ไม่มีวันที่พูดแบบนั้น (ที่บอกว่าเป็นแฟนกันนะ)
ก็อต : เหมือนกับว่าระหว่างทางที่เราเริ่มเปิด เขาเปิดแล้ว เราเริ่มต้นความสัมพันธ์อีกครั้งหนึ่งครับ เขาถามตลอดว่าแบบนี้คืออะไร มันคือแฟนหรือเปล่า เราก็จะพูดแบบเขินๆ เราไม่ได้พูดตรงไปตรงมา เราจะเน้นเป็นการกระทำมากกว่าให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำเนี่ย เราไม่ได้ทำแบบนี้กับคนทั่วไป หรือกับเพื่อนนะ แล้วก็จะมาพูดอีกทีคือตอนลงรูปเลย
ริชชี่ ก็ได้คุยกับ พี่โน๊ต ผู้จัดการ พร้อมไหมที่จะเสี่ยง
ริชชี่ : ที่ผ่านมาจริงๆ หนูอยู่คนเดียวได้นะ หนูชอบการอยู่คนเดียว หนูอยู่คนเดียวมาตลอด มันแฮปปี้มาก หนูมีความสุขกับพี่สาวทุกคน ทุกคนรักหนู แล้วหนูก็ไม่มั่นใจว่าถ้าแบบเขาเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนแล้วมันจะโอเคไหม แล้วคือหนูไม่อยากเป็นแฟนเก่าใคร หนูไม่อยากเป็นแฟนแล้วก็เลิก วันหนึ่งหนูจะกลายเป็นคนแปลกหน้ากับเขา พี่โน๊ตก็บอกว่าไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าทุกวันนี้ที่ผ่านมาเวลาที่ริชชี่ปฏิเสธตลอด ริชชี่เสียใจไหม หนูรู้สึกว่าเราชอบคิดว่าปฏิเสธดีกว่า เสียใจแหละแต่ไม่อยากเสียใจมากกว่านี้ ถ้าทุกอย่างมันแย่แล้วต้องเลิกกันแบบนั้นคงเสียใจกว่า เคยดูในโทรทัศน์มามันดูเฮิร์ตมากเลย
กระแสตอบรับของแฟนคลับเป็นยังไงบ้าง
ก็อต : ตอนแรกเราสองคนก็ต้องบอกว่าเราก็กล้าๆ กลัวๆ นะครับ มันจะเป็นยังไงถ้าเปิดตัว แต่สุดท้ายมันมีคนที่ชื่นชอบอยู่แล้วเขาชอบตั้งแต่ที่เราเล่นละคร แล้วไปออกรายการเขาเชียร์ตลอดเพราะเขามองว่าเราเข้ากัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีครับ ที่เรารักกันหมายถึงว่าเรามีความรักให้กันแล้วมีคนชอบ มันไม่มีอะไรที่ดีไปกว่านี้แล้ว ก็ดีใจครับ
อยากบอกอะไรกัน ณ วันนี้
ก็อต : ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรยาวๆ แล้ว เพราะว่าพูดไปเยอะแล้ว ก็อยากจะบอกว่าเดินไปด้วยกันไปได้ไกลนะ จับมือกันไปแล้วก็ไปสู่ในสิ่งที่เราหวังด้วยกันทั้งคู่ เขามีความฝันตลอด ซึ่งผมเองก็มีความฝัน เราก็จะจับมือกันไปทำความฝันให้สำเร็จแล้วก็ใช้ชีวิตกันให้ดีที่สุด แล้วก็สร้างสรรค์ผลงานดีๆ ออกมาให้แฟนๆได้รับชมด้วย
ริชชี่ : ดีใจที่ได้รู้จักเขาค่ะ แล้วก็รู้สึกว่าดี ขอบคุณที่เขาอดทนรอ เราคิดมาตลอดเลยว่าถ้าเราไม่ได้เจอคนแบบนี้ ไม่ได้เป็นแบบที่เขาเป็น เราก็ไม่อยากมีแฟน ไม่ได้อยากมีใคร เราแฮปปี้อยู่แล้ว แต่พอมีคนหนึ่งที่เขาเป็นแบบนี้จนเรารู้สึกว่านอกจากอยู่คนเดียวแล้วเราก็รู้สึกว่าอยากมีเขาในชีวิตด้วย
#ก็อตอิทธิพัทธ์ #ริชชี่อรเณศ
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google