IUI ด่านแรกของการรักษาภาวะมีลูกยาก เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์มากขึ้นกว่าธรรมชาติ

23 ธ.ค. 65 18:34 น. / ดู 3,857 ครั้ง / 0 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์

ในยุคปัจจุบันที่อัตราการเกิดค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ ทั้งที่มาจากการคุมกำเนิด และยังมีอีกบางส่วนที่เกิดจากการมีบุตรยาก ผู้คนในปัจจุบันมักจะต้องมีความพร้อมในหลาย ๆ ด้านก่อนไม่ว่าจะความพร้อมเรื่องการศึกษา หน้าที่การงาน สถานะการเงินก่อนจะวางแผนมีบุตร ซึ่งกว่าจะพร้อมตั้งครรภ์ก็อาจเลยช่วงที่ร่างกายเหมาะสมกับการตั้งครรภ์ไปแล้ว
ประกอบกับการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันที่ค่อนข้างหักโหม อาจทำให้สภาวะร่างกายไม่เหมาะสมต่อการตั้งครรภ์ได้เช่นกัน ปัญหาเหล่านี้จึงทำให้เกิดปัญหามีบุตรยากนั่นเอง

เมื่อเริ่มวางแผนมีบุตร แต่ลองมีเพศสัมพันธ์แบบธรรมชาติแล้วก็ไม่ตั้งครรภ์สักทีแพทย์มักจะวินิจฉัยว่าเริ่มเข้าสู่ภาวะมีลูกยาก หากพิจารณาจากอายุและการตรวจสภาพร่างกายแล้วยังไม่ถึงระดับรุนแรง แพทย์มักจะแนะนำให้ลองรักษาด้วยการทำ IUI ก่อนเป็นอย่างแรก เพราะค่าใช้จ่ายไม่สูง และเป็นวิธีที่กระบวนการรักษาง่ายไม่ซับซ้อน

แล้ว IUI ที่ว่าคืออะไร ช่วยให้ตั้งครรภ์ง่ายกว่าการมีเพศสัมพันธ์โดยธรรมชาติอย่างไร ถ้าต้องเข้ารับการรักษาแบบ IUI จะมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ไปดูคำตอบได้ในบทความนี้เลย

การฉีดยากระตุ้นไข่ IUI คืออะไร?


Intra-Uterine Insemination หรือ การทำ IUI คือการฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งในการรักษาภาวะมีบุตรยาก โดยการทำ IUI จะเป็นวิธีการทำให้เกิดการปฏิสนธิภายในร่างกายเหมือนกับการมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติเลย เพียงแต่จะมีตัวช่วยให้อสุจิและเซลล์ไข่มาเจอกันและเกิดการปฏิสนธิง่ายกว่าเดิม

โดยการมีเพศสัมพันธ์ปกติโดยที่ไม่ได้มีการคำนวณการตกไข่ใด ๆ เมื่อเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูก บางครั้งอาจเป็นช่วงจังหวะที่เซลล์ไข่ยังไม่ตกจากรังไข่ ก็ทำให้ไม่สามารถเกิดการปฏิสนธิได้เนื่องจากเซลล์ทั้งสองไม่ได้มาเจอกัน หรือบางคู่อาจมีการคำนวณการตกไข่ไว้แล้ว แต่หากสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์อาจทำให้เวลาการตกไข่คลาดเคลื่อน ก็ทำให้เซลล์ทั้งสองไม่มาเจอกันอยู่ดี

และอีกประการ การมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติไม่ได้มีการคัดเลือกเซลล์อสุจิที่แข็งแรง บางครั้งเชื้ออสุจิที่เข้าไปในโพรงมดลูกอาจไม่แข็งแรงพอและไม่สามารถว่ายไปหาเซลล์ไข่เพื่อปฏิสนธิได้ จึงไม่เกิดการตั้งครรภ์ขึ้นนั่นเอง

แต่การทำ IUI นี้จะช่วยตัดปัจจัยที่ทำให้โอกาสไม่สำเร็จในการปฏิสนธิลง โดยทั้งการกระตุ้นเซลล์ไข่ให้ตกในช่วงเวลาที่เหมาะสม และทั้งการคัดเลือกเซลล์อสุจิที่แข็งแรงจำนวนหนึ่งเพื่อมาฉีดในช่วงเวลาที่ไข่ตกอย่างพอดี การกระทำนี้จะช่วยให้เซลล์ไข่และอสุจิมาเจอกันและเกิดการปฏิสนธิได้ง่ายกว่าเดิม และมีโอกาสตั้งครรภ์สูงขึ้นกว่าวิธีธรรมชาติถึง 10-15% เลยทีเดียว

การเตรียมตัวของพ่อแม่ก่อนทำ IUI

เพื่อให้การทำ IUI มีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจึงสำคัญมาก ก่อนที่แพทย์จะให้เข้ารับการรักษาด้วย IUI จะมีการตรวจสุขภาพและตรวจโรคติดต่อและไม่ติดต่อทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงก่อน เช่น โรค HIV ไวรัสตับอักเสบ ซิฟิลิส ธาลัสซีเมีย หัดเยอรมัน และอื่น ๆ จากนั้นอาจมีการแนะนำการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวันและการรับประทานอาหารเสริมเพิ่มเติมด้วย

การปฏิบัติตนสำหรับฝ่ายชายก่อนทำ IUI

ก่อนจะเข้ารับการทำ IUI การเก็บเชื้ออสุจิของฝ่ายชายเพื่อให้ได้เชื้ออสุจิที่คุณภาพดีที่สุด ควรจะปฏิบัติตนดังนี้

- งดการมีเพศสัมพันธ์หรือกิจกรรมใด ๆ ที่ทำให้เกิดการหลั่งอสุจิเป็นเวลา 3-5 วันก่อนการเก็บเชื้อ เพื่อให้เชื้ออสุจิมีความเข้มข้นมาก ๆ
- พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ทำจิตใจให้สบาย ไม่เครียด
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และการสูบบุหรี่

การปฏิบัติตนสำหรับฝ่ายหญิงก่อนทำ IUI

เพื่อให้สภาวะร่างกายเหมาะสมต่อการตั้งครรภ์ที่สุด ควรจะต้องปฏิบัติตนดังนี้

- งดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการทำ IUI
- พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
- ทำจิตใจให้สบาย ไม่เครียด เพราะความเครียดส่งผลต่อระดับฮอร์โมนอย่างมาก
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และการสูบบุหรี่
- รับประทานยาฮอร์โมนที่แพทย์จ่ายให้อย่างเคร่งครัด
- หากมีการใช้ยาตัวอื่น ๆ จะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรักษา

ขั้นตอนการทำ IUI


การทำ IUI หรือการฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกมีขั้นตอนการรักษาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนเท่าไหร่นัก ดังนี้

- แพทย์จะนัดฝ่ายหญิงให้เข้ามาฉีดยากระตุ้นไข่ในช่วงวันที่ 2-3 ของรอบเดือน โดยการฉีดยากระตุ้นไข่มีจุดประสงค์เพื่อให้เซลล์ไข่โตขึ้นจนได้ขนาดที่เหมาะสมในการปฏิสนธิด้วยการทำ IUI ตัวยากระตุ้นไข่จะเป็นยาฮอร์โมน มีทั้งรูปแบบรับประทานหรือรูปแบบฉีดอาจใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือใช้ร่วมกันขึ้นอยู่กับแพทย์กำหนด

- ระหว่างนี้แพทย์ก็จะนัดเข้ามาอัตราซาวด์ดูการเจริญของไข่อยู่เรื่อย ๆ โดยอาจนัดอันตราซาวด์ตั้งแต่วันที่ 12 หลังมีประจำเดือน และหากตรวจแล้วว่าเซลล์ไข่เจริญเติบโตเต็มที่ มีความเหมาะสมในการปฏิสนธิแล้ว แพทย์ก็จะฉีดยากระตุ้นไข่ตกให้กับฝ่ายหญิง และนัดวันเข้ามาทำ IUI ต่อไป

- หลังจากฉีดยากระตุ้นไข่ตกไปแล้วประมาณ 1-2 วัน แพทย์ก็จะนัดทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงเข้ามาทำ IUI โดยแพทย์จะขอเก็บน้ำเชื้ออสุจิจากฝ่ายชาย เพื่อนำไปคัดแยกอสุจิที่มีความแข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุดจำนวนหนึ่ง และเตรียมพร้อมที่จะฉีดเข้าสู่โพรงมดลูกต่อไป

- เมื่อแพทย์เตรียมเชื้ออสุจิของฝ่ายชายเป็นที่เรียบร้อย ก็จะนำน้ำเชื้ออสุจินั้นฉีดเข้าไปในโพรงมดลูกโดยผ่านทางช่องคลอดของฝ่ายหญิง ในขั้นตอนนี้อาจรู้สึกเจ็บจากการสอดเครื่องมือเข้าไปในโพรงมดลูกบ้างเล็กน้อย แต่ไม่เป็นอันตรายใด ๆ และจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที

ทำ IUI เหมาะกับใคร?

การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการทำ IUI เป็นเพียงการเลียนแบบการมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติ เพียงแต่มีตัวช่วยให้เซลล์สืบพันธุ์มาเจอกันง่ายขึ้นเท่านั้น ดังนั้นการทำ IUI จึงเหมาะกับบุคคลต่อไปนี้

ฝ่ายชาย
- น้ำเชื้ออสุจิเข้มข้นน้อย
- เชื้ออสุจิไม่แข็งแรงพอ
- มีปัญหาการหลั่งอสุจิ

ฝ่ายหญิง
- ปากมดลูกตีบ ทำให้อสุจิเคลื่อนที่เข้าโพรงมดลูกได้ยากกว่าปกติ
- มีภาวะการตกไข่ไม่สม่ำเสมอ
- มีภาวะไข่ไม่ตกจากภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ
- ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
- ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติได้ทั้งเนื่องจากสภาพร่างกาย (กรณีแพ้น้ำเชื้อ) หรือสภาพจิตใจ
- ไม่ต้องการมีเพศสัมพันธ์แต่อยากตั้งครรรภ์

โดยผู้ที่ทำ IUI ได้จะต้องอายุน้อยกว่า 30 ปี หรืออยู่ในช่วงเจริญพันธุ์ เพราะหากเลยวัยไปแล้วมักจะมีปัญหามีบุตรยากไม่ว่าจะเกิดจากเซลล์ไข่คุณภาพแย่ลง ผนังเซลล์ไข่หนา มดลูกเสื่อมสภาพ เป็นต้น และอีกทั้งยังจำเป็นต้องมีท่อนำไข่ที่สมบูรณ์อย่างน้อย 1 ข้าง เพราะการทำ IUI ยังจำเป็นต้องใช้ท่อนำไข่อยู่

การทำ IUI ไม่เหมาะกับใคร?

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าการ IUI เป็นเพียงการเลียนแบบการมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติ หากผู้ป่วยมีความผิดปกติบางอย่างอาจไม่สามารถรักษาด้วยการทำ IUI ได้ เช่น

- ฝ่ายหญิงที่ท่อนำไข่อุดตันทั้งสองข้าง ทำให้เชื้ออสุจิไม่สามารถเคลื่อนที่ไปหาเซลล์ไข่ได้
- ฝ่ายหญิงที่มีมีพังผืดในโพรงมดลูก อุ้งเชิงกราน
- อายุมากกว่า 30 ปี เริ่มเข้าสู่วัยที่มีมีบุตรยาก
- เคยผ่านการรักษาด้วย IUI มาแล้วไม่ต่ำกว่า 3-6 รอบและไม่ประสบความสำเร็จ
- ผลการตรวจร่างกายไม่เหมาะสมกับการตั้งครรภ์ ทั้งโอกาสที่ตัวอ่อนจะมีความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือเกิดโรคใด ๆ จากพ่อแม่สู่ลูก

การดูแลตัวเองหลังทำ IUI


หลังเข้ารับการรักษาด้วยการทำ IUI แล้วควรจะต้องดูแลตนเองตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัทธ์ในการทำ IUI มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น

- ในช่วงวันแรก ๆ หลังทำ IUI ฝ่ายหญิงควรจะขยับตัวให้น้อยที่สุด เพื่อให้เชื้ออสุจิว่ายไปหาเซลล์ไข่ได้ดีขึ้น และเพราะเหตุนี้จึงห้ามมีเพศสัมพันธ์หลังทำ IUI เพราะอาจไปรบกวนการปฏิสนธิและการฝังตัวของตัวอ่อนได้
- หลีกเลี่ยงการแช่อ่างหรือว่ายน้ำ ป้องกันความเสี่ยงการติดเชื้อ
- ให้พักผ่อนให้เพียงพอ และทำจิตใจให้สบาย หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดความเครียด
- หลังพ้นช่วง 2-3 วันแรกสามารถทำกิจกรรมใด ๆ ได้ตามปกติ
- หากหลัง IUI ท้องอืดมาก เป็นเรื่องที่อาจพบได้เป็นปกติ ผู้ป่วยสามารถรับประทานไข่ขาวลดอาการท้องอืดได้
- หากรู้สึกเจ็บบริเวณช่องคลอดหลังทำ IUI หรือมีเลือดออกให้รีบเข้าพบแพทย์ทันที
- สามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้หลังทำ IUI ไปแล้วประมาณ 2 อาทิตย์สามารถตรวจได้ด้วยตนเองหรือมาที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจการตั้งครรภ์ก็ได้

การทำ IUI ราคาเท่าไหร่

การทำ IUI มีขั้นตอนการรักษาไม่ยุ่งยาก และใช้เครื่องมืออุปกรณ์ค่อนข้างน้อย จึงทำให้ค่าใช้จ่ายการทำ IUI ไม่สูงมาก ราว 10,000-30,000 บาทเท่านั้น ขึ้นอยู่กับสถานพยาบาล

รีวิวทํา IUI ที่ไหน ดี

จะเห็นได้ว่ามีคลีนิกหรือโรงพยาบาลที่มีศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากอยู่มากมาย แล้วควรจะไปรักษาที่ไหนดีสามารถพิจารณาจากเกณฑ์ดังต่อไปนี้

- สถานพยาบาลนั้นจะต้องมีแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญด้านการรักษาภาวะมีบุตรยาก และมีประสบการณ์สูง
- สถานพยาบาลนั้นจะต้องสะอาด ได้มาตรฐาน เพราะหากสถานพยาบาลนั้นไม่สะอาดก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อหลังการรักษาได้
- เจ้าหน้าที่ควรจะมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาภาวะมีบุตรยาก เพื่อบริการและให้ความรู้เบื้องต้นกับผู้ป่วยได้
- สถานพยาบาลนั้นควรจะต้องเดินทางสะดวกหรือใกล้บ้าน เพราะหากเกิดปัญหาก็จะสามารถเข้าปรึกษาหรือเข้ารักษากับแพทย์ได้ทันที

Q&A รวมคำถามที่คนสงสัยเกี่ยวกับการทำเด็กหลอดแก้ว

การทำ IUI สามารถเลือกเพศลูกได้ไหม

การทำ IUI ไม่สามารถเลือกเพศลูกได้ เพราะการทำ IUI เป็นเพียงการเลียนแบบการมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติ และยังมีการปฏิสนธิด้วยวิธีธรรมชาติอยู่ ทำให้ไม่สามารถทราบเพศหรือเลือกเพศตัวอ่อนได้ และอีกทั้งตามกฎหมายประเทศไทย การผสมเทียมวิธีใดก็ตามก็ไม่อนุญาตให้มีการเลือกเพศตัวอ่อนได้

การทำ iui โอกาสสําเร็จมากน้อยขนาดไหน

การทำ IUI จะเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้สูงกว่าการมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติประมาณ 10-15% แต่หากเทียบโอกาสสำเร็จการตั้งครรภ์กับวิธีผสมเทียบแบบอื่น ๆ การทำ IUI จะให้โอกาสสำเร็จต่ำที่สุด

หลังทำ iui แล้ว ตรวจตั้งครรภ์กี่วัน

ช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการตรวจการตั้งครรภ์คือช่วงหลัง IUI 14 วัน หากตรวจผลก่อนช่วงเวลานี้อาจเกิดความคลาดเคลื่อนได้

สรุป

การทำ IUI เป็นวิธีการรักษาภาวะมีบุตรยากวิธีหนึ่งที่ทำได้ง่ายที่สุด มีขั้นตอนการรักษาที่ไม่ซับซ้อน โดยจะเหมาะกับผู้ที่ยังอยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ที่ยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะมีลูกยากอย่างเต็มตัว และมีท่อนำไข่ที่ยังสมบูรณ์อยู่ เพราะการทำ IUI เป็นเพียงการช่วยให้เซลล์สืบพันธุ์ได้มาเจอกันง่ายขึ้นเท่านั้น
เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google