Review หวนคืนสู่วัย 20 ต้นๆ อีกครั้งด้วยฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด!

เชื่อว่าสิ่งที่สาวๆ หลายคนเริ่มกังวลเมื่ออายุเข้าสู่เลข 3 ก็คงหนีไม่พ้นความสวยความงามที่เริ่มจะร่วงโรยไปตามกาลเวลา
โดยเฉพาะใต้ตาเนี่ยเป็นอะไรที่ห้ามกันยากจริงๆ ค่ะทุกคน นิวเองเป็นคนที่หน้าตาดูสดชื่น สดใสมาโดยตลอด
เรียกได้ว่าชีวิตแทบไม่ต้องโบกคอนซีลเลอร์เลยด้วยซ้ำ แต่พอเข้าสู่วัย 30 อะไรๆ
มันก็เริ่มไม่เหมือนเดิม อยู่ดีๆ ใต้ตาก็โทรมหนักจนคอนซีลเลอร์กลายเป็นอวัยวะที่ 33 ไปซะได้
จึงตัดสินใจว่านาทีนี้ฟิลเลอร์ต้องเข้าแล้วละค่ะ มาดูกันดีกว่าว่าฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยชีวิตนิวเอาไว้ขนาดไหน โกๆ อย่างที่บอกไปว่าปัญหาของนิวก็คือใต้ตาที่ทั้งลึก โบ๋ แถมยังดำคล้ำเหมือนคนอดหลับอดนอน
ไม่ว่าจะพยายามแต่งหน้ากลบยังไงมันก็ช่วยไม่ค่อยได้เท่าไหร่
ยิ่งคนทักก็ยิ่งรู้สึกว่าต้องทำอะไรซักอย่างให้ใต้ตาพวกนี้มันหายไป ดังนั้นนิวก็เลยตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ค่ะ

จากที่นิวเคยได้ยินมา การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่เสี่ยงพอสมควร ต่อให้ใช้ฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อแพงๆ
แต่ถ้าความผิดพลาดมันก็เกิดขึ้นได้ค่ะ เพราะใต้ตาเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดเส้นประสาทอยู่เยอะ
ถ้าหมอไม่เก่งจริงแล้วฉีดไปเข้าเส้นพวกนี้ ก็อาจจะเสี่ยงบวมเป็นก้อน หรืออาจจะตาบอดเลยก็ได้
ดังนั้นก่อนฉีดนิวก็ได้ศึกษาข้อมูลละเอียดมากๆ ทั้งถามเพื่อน ทั้งดูรีวิวมากมาย จนมาเจอคลินิกที่โอเค น่าเชื่อถือ
คุณหมอมีรางวัลการันตีดูมีประสบการณ์ นิวจึงตัดสินใจทำฟิลเลอร์ที่ DSK Clinic สาขา stadium one ค่ะ

จากการปรึกษากับคุณหมอ คุณหมอก็ได้วิเคราะห์ใบหน้านิวโดยละเอียดค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นชั้นผิวชั้นกระดูกต่างๆ บนใบหน้า เรียกได้ว่าประเมินเคสบายเคสกันเลยทีเดียว
ซึ่งคุณหมอก็มองเห็นว่าปัญหาใต้ตาคล้ำของนิวเกิดขึ้นจากกระดูกหน้าแก้มที่เริ่มสลายไปตามกาลเวลา
ทำให้กระดูกใต้ตามันยุบตาม เกิดเป็นร่องใต้ตาที่ดูลึกโหล ดังนั้นวิธีแก้คือการเติมกระดูกหน้าแก้มก่อนด้วยฟิลเลอร์เนื้อหนัก
เพื่อให้บริเวณฐานมันเต็มตื้นขึ้นมา หลังจากนั้นค่อยมาเติมใต้ตาอีกที เท่านี้ใต้ตาก็จะดูสดชื่นสดใสขึ้นมาแล้วค่ะ
ซึ่งการที่เติมทีละชั้นแบบนี้โดยเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อต่างกัน จะทำให้ผลลัพธ์ดูธรรมชาติ ไม่ออกมาโหนกๆ นูนๆ
หรือยิ้มแล้วเป็นก้อนๆ เหมือนที่เคยเห็นหลายคนเป็น ซึ่งตรงนี้ถือว่าว้าวมากค่ะ เอาจริงๆ
เราก็พึ่งรู้ว่าการฉีดฟิลเลอร์มันมีอะไรมากกว่าที่คิดนะเนี่ย
การจะฉีดให้ดูธรรมชาติดูละมุนมันจะต้องวิเคราะห์เคส
ต้องวางแผนว่าจะฉีดชั้นไหน ฉีดยังไง ฉีดยี่ห้ออะไร
คือต้องแม่นยำต้องเป๊ะจริงถึงจะออกมาดูสวยดูปัง คุณหมอเขาบอกว่าอยากให้ฉีดน้อยๆ แต่ออกมาสวยมากค่ะ 5555

หลังจากนั้นก็ได้เวลาขึ้นเขียงกันค่าา ก่อนที่จะทำหัตถการคุณหมอก็ได้นำกล่องฟิลเลอร์ที่ภายในมีตัวเข็มมาให้เราดู
เพื่อให้แน่ใจว่าใช้ยาแท้แน่นอน ระหว่างฉีดคุณหมอก็อธิบายเป็นระยะค่ะว่าตอนนี้กำลังฉีดบริเวณไหนอยู่
กำลังใช้ฟิลเลอร์ตัวไหน ทำให้เรารู้สึกมั่นใจตลอดระยะเวลาการฉีด ใช้ไปทั้งสิ้น 2 cc ค่ะ
ถามว่าเจ็บมั้ย ก็มีนิดนึง แต่คุณหมอมือเบา และฉีดแบบโปรมากๆ ดังนั้นจึงออกมาราบรื่น หมดห่วงค่ะ

หลังฉีดทันที ใต้ตาจะมีรอยช้ำๆ นิดหน่อย ซึ่งพอตื่นมาวันต่อไปก็หายแล้วค่ะ
ความรู้สึกคือปกติมาก ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรอยู่จนรำคาญใจ พอส่องกระจกดูก็เห็นว่าใต้ตาเต็มขึ้นมาจริงๆ ค่ะ
อาจจะยังดูนูนๆ บวมอยู่บ้าง แต่อาการเหล่านี้หายไปภายในอาทิตย์เดียว
ระหว่างนี้คุณหมอก็แนะนำให้ใช้ชีวิตได้ตามปกติเลย
อาจจะงดแอลกอฮอล์หรืออาหารหมักดองซักพักเพื่อลดอาการบวมนะคะ



และนี่คือใต้ตาของเราหลังจากฟิลเลอร์เข้าที่ค่ะ (2 สัปดาห์) สวยงามและดูเป็นธรรมชาติสุดๆ
ไม่มีความโหนกๆ ปูดๆ เลย น้องเนียนเรียบไปกับผิว และทำให้ใบหน้าโดยรวมของนิวดูละมุนมากเลยค่ะ
ที่ชอบคือแม้แต่เวลาที่ยิ้มหรือขยับใบหน้า เราคลำแล้วก็ยังไม่เจอฟิลเลอร์เลย
มันกลืนไปกับเนื้อเหมือนเกิดมาสวยพระเจ้าสร้าง 5555
ต้องขอบคุณคุณหมอที่ใส่ใจ วางแผนละเอียด วิเคราะห์เก่งฝุดๆ ทำให้เราเลิกกลัวฟิลเลอร์ไปเลยค่ะ

ถ้าใครสนใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานิวแนะนำที่ DSK เลยค่ะ คุณหมอเป็นกันเองและใส่ใจมากๆ
ออกแบบการฉีดให้เข้ากับรูปหน้าและปัญหาของแต่ละคน แล้วก็สามารถปรับตามความต้องการของเราได้ค่ะ
ที่สำคัญคือความปลอดภัย นิวมองว่าการฉีดฟิลเลอร์เนี่ยเสี่ยงมาก ยิ่งใต้ตาก็ยิ่งเสี่ยงกว่าบริเวณอื่น
ดังนั้นแนะนำให้เลือกคลินิกที่ไว้ใจได้ และคุณหมอที่มีฝีมือนะคะ จะได้ออกมาสวยถูกใจเพื่อนๆ ค่า

ใครมีคำถาม หรืออยากแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตา คอมเม้นท์ทิ้งเอาไว้ได้เลยน้า
เดี๋ยวนิวจะเข้ามาตอบค่ะ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ