เรื่องย่อ ละคร ช่องไทยทีวี TPBS เรื่อง "รายากูนิง"

imstranger
ไม่เป็นสมาชิก
27 ก.ค. 51 05:13 น. / ดู 4,209 ครั้ง / 3 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
เป็นเรื่องย่อของละครประวัติศาสตร์ภาคใต้ของไทย
ออกอากาศ จ - ศ  ช่อง ไทยทีวี ทีวีสาธารณะ (itvเก่า) TPBS
เวลา 18.10 น


“สุลต่านบะหดูร” หนีการทำร้ายของ “รายาบีมา”
ที่ลักลอบเข้าสู่พระราชวัง เพื่อปลงพระชนม์พระองค์ สุลต่านจึงเร่งรับสั่งให้
“เจ้าหญิงฮิเยา” พระธิดาองค์โต พาน้อง ๆ หนีที่ภัยจะมาถึงตัว
“เจ้าหญิงบีรู” (พระธิดาองค์กลาง) จึงพา “เจ้าหญิงอูงู” (พระธิดาองค์เล็ก)
เข้าไปหลบในห้องพระบรรทมของสุลต่าน

รายาบีมาไล่ตามสุลต่านบะหดูรมาทันถึงราชฐานชั้นใน สุลต่านเอาตัวเองขวาง ประตูเพื่อ ป้องกันพระธิดา แต่ถูกรายาบี มาจ้วงแทงด้วยพระแสงกริชจนสิ้นพระชนม์ เป็นจังหวะ เดียวกับที่เจ้าหญิงฮิเยาที่ประทับหลบอยู่ด้านหลัง พระบิดา ก็ได้ทรงคว้าพระแสง กริชแทง สวนออกมา ต้องพระวรกายของรายาบีมาสิ้นพระชนม์ทันทีเช่นกัน เจ้าหญิงอูงู (ในวัยเด็ก) ซึ่งขณะนั้นอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าหญิงบีรูทอดพระเนตรเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงร้องไห้จ้าด้วย ความหวาดกลัว




---------

เจ้าหญิงอูงู ตกใจผวาตื่นขึ้นมากลางที่บรรทมในเวลาเช้ามืด ถึงได้รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็น ฝันร้ายซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าของพระองค์ “เจ้าหญิงกูนิง” พระธิดาวัย 12 ชันษาตกใจตื่นด้วยเสียงร้อง ของพระมารดาและเข้ามาทูลถาม แต่เจ้าหญิงอูงูก็ทรงไม่ยอมเล่าอะไรให้พระธิดาฟัง

รุ่งอรุณ ภาพนครปัตตานีปรากฏขึ้นแก่สายตาของเจ้าหญิงอูงูและพระธิดา ในขณะเรือพระที่นั่งแล่นเข้าปากน้ำปัตตานี เจ้าหญิงกูนิงตื่นเต้นกับภาพเมืองที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ทั้งอ่าวปัตตานีที่งดงาม กำแพงบีรูที่ยิ่งใหญ่ เมื่อถึงที่เมืองปัตตานี เจ้าหญิงกูนิงได้พบกับ “ซาเดีย” สาวสวยเชื้อชาติสยาม-ปัตตานีจากบ้านปาเระที่มาคอยรอรับเสด็จอยู่ด้วย ซึ่งต่อมาซาเดียจึงได้เป็นสหายคนสนิท และเป็นล่ามประจำพระองค์

เจ้าหญิงอูงู และ เจ้าหญิงกูนิง ได้เข้าเฝ้า “รายาบีรู” กษัตริยาแห่งปัตตานีผู้เป็น พระขนิษฐาของเจ้าหญิงอูงู รายาบีรูทอดพระเนตรเห็นเจ้าหญิงกูนิงพระนัดดา มีพระสิริโฉมงดงามยิ่ง จึงมีความคิดจะยกเจ้าหญิงกูนิงให้แก่ “มุสตอฟา” หรือ “ออกญาเดโชมุสตอฟา” บุตรชายของ “สุลต่านสุลัยมาน ชาฮ์” แห่งเมืองลิกอร์ หรือนครศรีธรรมราชในสมัยนั้น ทำให้เจ้าหญิงอูงูไม่พอพระทัย แต่ก็ไม่สามารถขัด พระประสงค์ของรายาบีรูได้ ด้วยเหตุที่รายาบีรูจะยกพระธิดาของตน ให้อภิเษกกับออก ญาเดโชมุสตอฟานั้น เป็นเพราะประสงค์จะสานสัมพันธไมตรีกับทางกรุงศรีอยุธยา เจ้าหญิงอูงูพลันนึกถึงเหตุการณ์ ที่พระองค์ถูกยกให้อภิเษกสมรส



กับ “เจ้าชายเมืองปะหัง” ด้วยเหตุผลเดียวกัน การมาพำนักในพระราชฐานของเจ้าหญิงอูงูและพระธิดา ทำให้ราชสำนักซึ่งเวลานั้นอยู่ภายใต้ปกครองโดยเสนาบดี “ฮาซัน“ รู้สึกหวั่น ต่ออำนาจในอนาคตของตน จึงพยายามส่ง “ดาโอ๊ะ” ลูกชายของตนให้มาตีสนิทกับเจ้าหญิงกูนิง เพื่อหวังจะครอบครองบัลลังก์และ ราชสมบัติทั้งหมดของราชรัฐปัตตานี แต่รายาบีรูผู้มีปรีชาญาณล่วงรู้ทัน จึงได้แต่งตั้ง “อีสมาอีล” บุตรชายของ “นาโกดา สันดัง” นายเรือคนสนิท ผู้แล่นสำเภาระหว่างกรุงศรีอยุธยากับเมืองท่ามะละกา ซึ่งเป็นหลานชายของโต๊ะครู “ซูเบส” ที่ปรึกษาส่วนพระองค์ของรายาบีรู ซึ่งเป็นฝ่ายปฏิปักษ์กับฮาซัน ให้เป็นผู้ดูแลอารักขาเจ้าหญิงอูงูและพระธิดา ซึ่งเป็นการถ่วงดุลย์อำนาจในราชสำนัก สร้างความไม่พอใจให้แก่ฮาซันเป็นอันมาก

ปี พ.ศ. 2157 เมื่อถึงกำหนดพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงกูนิง ออกญาเดโชมุสตอฟาได้ออกเดินทางจากลิกอร์มายังนครปัตตานี โดยครั้งนี้มี “อุสมาน” ชายหนุ่มเชื้อสายแขกเปอร์เซียซึ่งเพิ่งได้รับแต่งตั้งให้ล่ามประจำราชสำนัก แห่งกรุงศรีอยุธยาเดินทางมาด้วย การมาครั้งนี้อุสมานตั้งใจจะมาเรียนภาษามลายูกับโต๊ะครูที่นครปัตตานี ทำให้เขาได้พบและรู้จักกับซาเดียซึ่งเป็นล่ามประจำพระองค์ของเจ้าหญิงกูนิง และทั้งสองก็ได้กลายเป็นมิตรที่ดีต่อกันในเวลาต่อมา

ในงานอภิเษกสมรสที่ยิ่งใหญ่ระหว่างเจ้าหญิงกูนิง กับออกญาเดโชมุสตอฟานั้น ทางหัวเมืองต่าง ๆ ได้ส่งตัวแทน ของแต่ละรัฐมาร่วมงานด้วย ซึ่งในที่นี้ “ยังดีเปิรตูวันมูดอวันมูดอร์” เจ้าชายจากเมืองยะโฮร์ และเจ้าชาย “มูฌาดิสร์” พระอนุชาพร้อมพระมารดา ก็ได้เสด็จมาร่วมงานอภิเษกสมรสนี้ด้วย เจ้าชายยังดีเปิรตูวันมูดอรู้สึกประทับใจในสิริโฉมของเจ้าหญิงกูนิงเป็นอันมาก

ปี พ.ศ. 2167 รายาบีรูสมเด็จป้าของเจ้าหญิงกูนิงสิ้นพระชนม์ หลังราชพิธีศพ เจ้าหญิงอูงูพระมารดาของเจ้าหญิงกูนิง (ซึ่งตอนนั้นเจ้าหญิงกูนิงมีพระชนมายุ 22 ชันษา) ขึ้นครองราชย์แทน รายาอูงูปกครองประเทศโดยมีฮาซันเป็นเสนาบดีคนสำคัญ ส่วนเจ้าหญิงกูนิงและออกญาเดโชมุสตอฟาก็ช่วยราชการเมืองด้วยการดูแลด้านการค้าขาย ทำให้เจ้าหญิงทรงได้เรียนรู้การติดต่อพาณิชย์กับชาวต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะการค้าทางเรือสำเภากับฮอลันดา โดยมีนาโกดา สันดังคอยให้คำปรึกษาและช่วยเหลือดูแลจัดการธุรกิจส่วนพระองค์

ฮาซันถือโอกาสในฐานะเป็นเสนาบดีคนสนิทของรายาอูงู ทำการยุยงพระนางให้เห็นถึงความได้เปรียบเสียเปรียบของนครปัตตานี จนในที่สุด รายาอูงูจึงทรงสบโอกาสที่แผ่นดินสยามเปลี่ยนกษัตริย์ใหม่เป็นพระเจ้าปราสาททอง ตัดสินใจไม่ส่งเครื่องราชบรรณาการไปที่กรุงศรีอยุธยา พร้อมทั้งรับสั่งให้สร้างกำแพง 10 ชั้น เพื่อป้องกันเมืองให้เข้มแข็งจากศัตรูจนกระทั่งกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 2172)

ซึ่งตอนนั้นปกครองโดยพระเจ้าปราสาททองทราบเรื่องนี้ จึงได้ส่ง “ออกญาเสนาภิมุข” หรือ “ยามาดะ” เจ้าเมืองลิกอร์ ให้นำกำลังทหารมาปราบปรามนครปัตตานีผล การสู้รบปรากฏว่ากองทัพกรุงศรีอยุธยาไม่สามารถ เอาชนะนครปัตตานีได้ ออกญาเสนาภิมุขได้รับบาดเจ็บที่ขา และได้เสียชีวิตที่เมืองลิกอร์ในเวลาต่อมา



หลังเหตุการณ์สงบ ออกญาเดโชมุสตอฟาพาเจ้าหญิงกูนิงหลบความวุ่นวาย ในราชสำนักด้วยการเดินทางไปเมืองลิกอร์ พร้อมด้วยซาเดียและอุสมานล่ามประจำพระองค์ ทันทีที่มาถึงออกญาเดโชมุสตอฟา
ก็ได้รับหมายเรียกจากกรุงศรีอยุธยาให้เข้านครหลวงเพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้าปราสาททอง ออกญาเดโชมุสตอฟาเดินทางไปเข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงศรีอยุธยา โดยทิ้งเจ้าหญิงกูนิงกับล่ามทั้งสองให้อยู่ที่เมืองลิกอร์ แต่ทันทีที่ออกญาเดโชมุสตอฟาคล้อยหลังออกจากเมือง รายาอูงูได้ปรากฏตัวขึ้นและตรัสให้เจ้าหญิงกูนิงทรงทราบว่า ตอนนี้พระนางได้แต่งทัพมาจากนครปัตตานีและยกทัพเข้ายึดเมืองลิกอร์ไว้หมดแล้ว นอกจากนั้นยังได้เข้าตีเมืองพัทลุงด้วย ก่อนจะเชิญตัวเจ้าหญิงกูนิงกลับสู่นครปัตตานีเพื่อดำเนินการตามแผนขั้นต่อไป

พ.ศ.2175 ในขณะกองทัพจากกรุงศรีอยุธยาเคลื่อนมา ทางฝ่ายนครปัตตานี มีข่าวลือแพร่สะพัด มาว่าออกญาเดโชมุสตอฟาได้เสียชีวิตแล้วในระหว่างการเดินทาง ทำให้เจ้าหญิง กูนิงโศกเศร้าเป็นอันมาก รายาอูงูบังคับให้เจ้าหญิงกูนิงวัย 30 อภิเษกสมรสใหม่กับ “ยังดีเปิรตูวันมูดอ” เจ้าชายแห่งเมืองยะโฮร์ ซึ่งได้ส่งทูตมาทูลขอเจ้าหญิง ทั้งนี้เพื่อสานสัมพันธ์กับรัฐยะโฮร์ซึ่งเป็นรัฐใหญ่และคานอำนาจกับกรุงศรีอยุธยา สร้างความทุกข์พระทัยให้แก่รายากูนิงเป็นอันมาก แต่เจ้าหญิงก็ไม่สามารถ ขัดพระประสงค์ของพระมารดาได้ หากแต่ก่อนถึงวันพิธีอภิเษก ทัพของออกญาเดโชมุสตอฟาเดินทางมาถึงพอดี รายาอูงูและเจ้าชายยังดีเปิรตูวันมูดอจึงได้งดงานอภิเษกเอาไว้ก่อน รวมทั้งกำชับให้ทุกคน ในราชสำนักปกปิดมิให้เจ้าหญิงกูนิงล่วงรู้ว่าใครเป็นแม่ทัพฝ่ายกรุงศรีอยุธยา

ในที่สุด พิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงกูนิง (ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุ 30 ชันษา) กับเจ้าชายยังดีเปิรตูวันมูดอก็เกิดขึ้นจนได้ มีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะการแสดงดนตรีและระบำรำฟ้อน จากเหล่านักร้องและนางระบำราชสำนัก ซึ่งอยู่ในพระอุปถัมภ์ของรายาอูงู และในงานนี้เองที่ทำให้เจ้าชาย ยังดีเปิรตูวันมูดอได้ทรงพบกับ “นางดัง” หนึ่งในเหล่านักร้องและนางระบำ 12 คนซึ่งมาขับกล่อมเพลงถวายด้วย เจ้าชายถึงกับหลงรักนางในทันที และไม่ยอมเสด็จร่วมพระราชฐาน กับเจ้าหญิงกูนิงนับตั้งแต่เสร็จสิ้นวันอภิเษกสมรสนั้นเป็นต้นมา


พ.ศ. 2178 หลังจากศึกกับกรุงศรีอยุธยาแล้วประมาณ 18 เดือน รายาอูงูประชวร โดยเจ้าหญิงกูนิงวัย 35 ชันษา ได้ทรงดูแลพระมารดาอย่างใกล้ชิด หลังพิธีศพของรายาอูงูแล้ว เจ้าหญิงกูนิงก็ขึ้นครองราชย์เป็น “รายากูนิง” โดยขณะที่พระนางกำลังวุ่นวาย อยู่กับราชการงานเมืองนั้น พระนางยังต้องทรงรับภาระด้าน ธุรกิจการค้าทางเรือสำเภา ซึ่งเป็นกิจการส่วนพระองค์อีกด้วย กิจการก้าวหน้าเป็นอันมาก เป็นเหตุให้ พระประยูรญาติในราชสำนักและข้าราชบริพารบางฝ่ายอย่างเช่น “คาลี” เกิดจิตริษยา จึงสมคบกันเป็นกบฏหมายยึดครองตำแหน่งรายาแห่งนครปัตตานี แต่ก็ถูกอิสมาอีลผู้จงรักภักดีจับได้และนำไปประหารชีวิตหมด ยกเว้นแต่เสนาบดีฮาซันและดาโอ๊ะเท่านั้น ที่ยังสามารถลอยนวลอยู่ในราชสำนักต่อไปได้

จากความดีความชอบในการปราบกบฏ ทำให้รายากูนิงแต่งตั้งอิสมาอีลให้เป็นเสนาบดี อิสมาอีลได้จัดการระเบียบราชสำนักเสียใหม่ แต่ถึงกระนั้นเจ้าชาย ยังดีเปิรตูวันมูดอพระสวามีก็มิได้สนใจพระนาง






ที่มา :


http://www.pantip.com/cafe/chalermt.........1/A6765371.html
แก้ไขล่าสุด 19 ส.ค. 51 10:19 | เลขไอพี : 124.122.147.191

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | imstranger (ไม่เป็นสมาชิก) | 27 ก.ค. 51 05:28 น.

ตรงข้าม เจ้าชายกลับคิดที่จะเชิดชูนางดังอย่างออกนอกหน้า นางดังใช้การที่เจ้าชายยังดีเปิรตูวันมูดอหลงใหลในตัวนาง วางอุบายร่วมกับดาโอ๊ะและฮาซันคิดการใหญ่ ด้วยการขอให้เจ้าชายยกตนเป็นชายา และแยกตัวไปตั้งนครใหม่ อิสมาอีลและเหล่าเสนาบดีจึงเข้าเฝ้ารายากูนิงเพื่อขอให้พระนางมีพระราชวินิจฉัย แต่รายากูนิงกลับมอบหมายให้เป็นภารกิจของเสนาบดีในการตัดสินใจ พระนางไม่ตรัสอะไรเลยนอกจากรับสั่งให้ไว้ชีวิตเจ้าชายยังดีเปิรตูวันมูดอ เพราะถึงอย่างไรพระองค์ก็เป็นพระสวามี



แต่เจ้าชายยังดีเปิรตูวันมูดอไม่รู้แผนการของคณะเสนาบดีโดย มีอิสมาอีนเป็นผู้นำ เจ้าชายยังดี เปิรตูวันมูดอจึงเรียก คณะเสนาบดี แห่งนครปัตตานีเข้าเฝ้า และรับสั่งให้ตามเสด็จยัง คฤหาสน์ของบิดานางดัง ณ ตัมบังงัน เพื่อร่วมพิธีอภิเษกกับนางดังและสถาปนานางเป็นชายา โดยที่เจ้าชายเสด็จล่วงหน้าไปก่อนพร้อมกับพระมารดาและนางดัง รวมทั้งมหาดเล็กชาว อาเจะห์พร้อมไพร่พลทหารจากนครยะโฮร์ด้วย ในขณะที่เจ้าชายยังดีเปิรตูวันมูดอ พระสวามีทรงประทับรอที่นั่น คณะเสนาบดีแห่งราชสำนักปัตตานี ที่ไม่ปรากฏกาย จวบจนราตรีผ่านพ้น เจ้าชายยังดีเปิรตูวันมูดอทราบข่าวร้ายว่า เมื่อคล้อยหลังขบวนเสด็จของพระองค์ ราชสำนักปัตตานีสั่งปิดประตูเมือง และติดตั้งปืนใหญ่รอบป้อมนคร เจ้าชายจึงรู้ว่าพระองค์ถูกหักหลังแล้ว จึงสั่งงดพิธีอภิเษกกับนางดังแล้วออกเดินทางหนีไปยังยะโฮร์ทันที

แต่แล้ว ทันทีที่เจ้าชายมูฌาดิสร์ได้ข่าวว่าเจ้าชายยังดีเปิรตูวันมูดอเสด็จออกจากที่นั่น ทางราชสำนัก แห่งนครปัตตานีเจ้าชายมูฌาดิสร์ก็เผยธาตุแท้ของตนทันที
พระองค์ได้วางแผนร่วม กับเสนาบดีฮาซันและดาโอ๊ะเพื่อยึดราชอำนาจ แต่เคราะห์ดีที่มีผู้ล่วงรู้ความลับนี้เสียก่อน จึงรีบออกจากนคร ปัตตานีไปเพื่อแจ้งเรื่องนี้ให้แก่อิสมาอีล ซึ่งกำลังตามตัวเจ้าชาย ยังดีเปิรตูวันมูดออยู่นอกเมืองให้รับทราบ อิสมาอีล และกองกำลังบุกย้อนกลับเข้านครปัตตานีเข้ามาช่วยรายากูนิง ทันเวลาพอดี ก่อนที่รายากูนิงจะถูกเจ้าชายมูฌาดิสร์ข่มเหง เกิดการต่อสู้กัน เจ้าชายมูฌาดิสร์ได้รับบาดเจ็บ เห็นท่าไม่ดี จึงรีบเสด็จหนีออกจากนครไปพร้อมฮาซันและดาโอ๊ะ


เจ้าชายยังดีเปิรตูวันมูดอพานางดังและพร้อม พระมารดาหนีขึ้นหลังช้างไป โดยมุ่งหน้าสู่ปาซีร บันดา ราฌา และในช่วงแห่งการหลบหนีนั่นเองที่ “ช้องหมูป่า” ของนางดังบังเอิญถูกคบไม้เกี่ยวหล่น ทำให้มนต์เสน่ห์ที่นางทำไว้จางหายไป เจ้าชายจึงได้ทอดพระเนตรเห็นความจริง ประกอบกับกำลังถูกกองกำลังจากนครปัตตานีไล่ล่า เจ้าชายจึงคิดว่าที่ตนประสบความเดือดร้อนเช่นนี้เป็นเพราะนางดัง เจ้าชายจึงได้ฆ่านางเพื่อหวังเอาตัวรอด และฝังศพไว้ที่เชิงเขาตาแบะฮ์ ก่อนจะหนีต่อไปพร้อมพระมารดา

รายากูนิงทราบข่าวว่าเจ้าชายพระสวามีกำลังหาทางหนีกลับยะโฮร์ จึงมีพระบัญชาไปยังเจ้าเมืองสายให้จัดเตรียมเรือพร้อมเสบียงอาหารไว้ให้เจ้าชาย พร้อมพระมารดาและประยูรญาติ เจ้าชายจึงเร่งเดินทางกลับเมืองยะโฮร์ แต่เรือพาหนะที่เจ้าเมืองสายจัดเตรียมให้นั้น ได้บรรทุกสมบัติของเจ้าชายจนเต็มลำ เมื่อเจอพายุฝนอย่างแรงจึงอับปางลงกลางทะเล และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเจ้าชายอีกเลย
หลังจากเหตุการณ์สงบ พระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยาได้ทรงทราบเรื่องราวทั้งหมด พระองค์จึงส่งคณะทูตมารื้อฟื้นความสัมพันธ์ แต่รายากูนิงตัดสินใจไม่รับไมตรีจากกรุงศรีอยุธยาในครั้งนี้


พระนางได้กล่าว “สัมพันธไมตรี เราสิ้นไปแล้ว ด้วยขาดจะต่อใหม่ก็เป็นปมอยู่เรื่อยไป ถ้าจะมีสัมพันธไมตรี เราจะไปฟื้นฟูสันติภาพกับสยามเอง ระหว่างกษัตริย์ต่อกษัตริย์ มิใช่แค่กษัตริย์กับทูต..”

[color=Blue]หลังจากที่คณะราชฑูตกลับไปกรุงศรีอยุธยา รายากูนิงจึงได้ทรงใคร่ครวญเรื่องการ ทำสัมพันธไมตรีกับราชอาณาจักรสยามอีกครั้ง พระนางได้ทรงตัดสินใจแต่งตั้งให้อิสมา อีสมาอิลเสนาบดีของพระองค์เป็นตัวแทนนำบุหงามาศ ไปถวายพระเจ้ากรุงศรีอยุธยาเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี ตั้งแต่บัดนั้น ทั้งพระเจ้าปราสาททองและรายากูนิงก็มีราชสาส์นถึงกันอยู่เสมอ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นการปรึกษากันเรื่องงานบ้านงานเมือง โดยเฉพาะเรื่องการค้าขายและเศรษฐกิจในสมัยนั้น

จนกระทั่ง พ.ศ.2184 เมื่อรายากูนิงอายุ 39 ชันษา พระนางได้รับพระราชสาสน์จากพระเจ้า ปราสาททองเกี่ยวกับการจัดการค้าของกรุงศรีอยุธยา ที่ว่าด้วยเรื่องการค้าขายแบบเงินสดงดเงินเชื่อ พระนางจึงตัดสินใจเดินทางเสด็จเยือน กรุงศรีอยุธยา เพื่อเจริญสัมพันธไมตรี รวมทั้งยุติความ ขัดแย้งทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นในยุคสมัยของพระองค์ รายากูนิงเดินทางเข้า สู่พระราชวัง พระเจ้าปราสาททอง เพื่อมอบเครื่องราชบรรณาการ (บุหงามาศ) โดยมีเสนาบดีผู้ใหญ่อยู่ใน พิธีนั้นด้วย พระเจ้าปราสาททองรับสั่งให้ดูแลรายากูนิงอย่างสมพระเกียรติยศในฐานะ “พระขนิษฐา ต่างเมือง” ซึ่งในการรับเสด็จในครั้งนี้
อัครมเหสีของพระเจ้าปราสาททองทั้งสี่พระองค์ พร้อมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ต่างก็ทรงต้อนรับรายากูนิงอย่างใกล้ชิดด้วย


พระเจ้าปราสาททองทรงโปรดที่จะสนทนาเรื่องการเมืองการปกครองกับรายากูนิง โดยเฉพาะในขณะ นั้นซึ่งกำลังมีศึกกับพม่า แต่รายากูนิงแสดงทีท่าอย่างชัดเจน ว่าพระนางจะ ไม่ก้าวก่ายกับกิจการนี้ พระเจ้าปราสาททองจึงทรงเปลี่ยนมาเจรจาเกี่ยวกับการค้าขาย นครปัตตานีที่ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นเมืองท่าสำคัญเมืองหนึ่งแทน และเมื่อเห็นพระปรีชา สามารถของรายากูนิงก็ยิ่งทำให้พระองค์ ประทับใจในตัวพระนางมากเพิ่มทวีคูณ

ความสัมพันธ์อันดีระหว่างกรุงศรีอยุธยาและนครปัตตานีในครั้งนี้ ทำให้ผู้ที่เกรงว่า จะเสียผลประโยชน์ ในเรื่องการค้าอย่างเช่น “นายยาน” (Jan) พ่อค้าชาวฮอลันดา และ “พระยามหานาวาสวัสดิ” กับพรรคพวก เริ่มคิดหาวิธีทางที่จะกลั่นแกล้งรายากูนิง แต่อิสมาอิลและออกญาเดโชมุสตอฟาก็มักจะมาช่วยพระนาง ได้ทันการณ์อยู่เสมอ ใช่แล้ว รายากูนิง ได้พบกับออกญาเดโชมุสตอฟาอดีตพระสวามีผู้ซึ่ง พระนางคิดว่าได้ตายจากไปนานแล้วอีกครั้ง รายากูนิงดีพระทัยเป็นอันมาก แต่ก็ทรงตัดสินใจไม่หวนกลับไปใช้ชีวิตกับเขาอีกแล้ว ด้วยว่าพระนางทรงสำนึกเสมอว่า หลังจากที่ออกญาเดโชมุสตอฟาจากไปแล้ว พระนางได้อภิเษกใหม่กับเจ้าชายแห่งยะโฮร์ตามรับสั่งของรายาอูงูพระมารดา ถึงแม้จะไม่มีอะไรกันดังเช่นสามีภรรยา แต่เป็นการมิสมควรที่จะทรงมีพระสวามีอีกต่อไป อีกทั้งภาระที่พระนางทรงมีต่อแผ่นดินในตอนนี้ อยู่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด ออกญาเดโชมุสตอ**อมรับในการตัดสินพระทัยของรายากูนิง พร้อมทั้งสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีตลอดไปจนกว่าลมหายใจจะหาไม่


รายากูนิงกราบทูลพระเจ้าปราสาททองเรื่องจะเสด็จกลับ โดยพระนางบอกเหตุผล เพียงว่าเพื่อกลับไปราชการงานแผ่นดิน ในวันที่รายากูนิงเสด็จกลับ พระเจ้าปราสาททอง ติดว่าราชการเรื่องไทยรบกับพม่า จึงไม่สามารถจะ ไปส่งพระนางด้วยตัวเอง จึงได้แต่ฝาก “ผ้าทอง” ไปกับออกญาเดโชมุสตอฟา ซึ่งไปไม่ทันขบวนเสด็จของพระนางที่ได้ เคลื่อนขบวนออกไปแล้ว ออกญาเดโชมุสตอฟาจึงควบม้าไปดักที่คุ้งน้ำข้างหน้าเพื่อ ถวายผ้าทองให้แด่รายากูนิง

กลันตันเกิดความขัดแย้งกลางเมืองขึ้น ซึ่งกลันตันนั้นเป็นสหพันธรัฐร่วม ของนครปัตตานีตั้งแต่ สมัยรายาบีรู รายากูนิงจึงเข้าไปช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้ง เพื่อหวังให้ยุติความขัดแย้ง ระหว่างนี้พระเจ้าปราสาททอง ได้ทรงให้คำปรึกษาและ อาสาช่วยเหลือ ด้วยการจะส่งกองกำลังไปช่วยรบ แต่รายากูนิงปฎิเสธ ด้วยพระนางคิดว่า “เป็นเรื่องภายใน ต้องจัดการด้วยตัวเอง”



สงครามระหว่างกลันตันกับนครปัตตานีในครั้งนี้ ราชาซักตีที่ 1 เจ้าเมืองกลันตันบัญชาการรบและเข้าโจม** ครปัตตานีจนได้รับชัยชนะ รายากูนิงถูกบีบบังคับทรงสละราชบัลลังก์ และอิสมาอิลเสนาบดีผู้จงรักภักดีได้นำเสด็จรายากูนิงเสด็จหนีไปทางเมืองยะโฮร์ โดยหวังว่าพระนางจะไปพำนักลี้ภัยที่เมืองยะโฮร์ ระหว่างทางอีสมาอิลต้องทำการอารักขารายากูนิงไปตลอดทางที่เต็มไปด้วยอันตราย จนในที่สุด อีสมาอีลก็ถูกทหารกองโจรของกลันตันสังหารในขณะเข้าป้องกันรายากูนิง แต่รายากูนิงทรงหนีรอดไปได้พร้อมกับซาเดียล่ามส่วนพระองค์

รายากูนิงทรงเศร้าโศกเสียพระราชหฤทัยที่ไม่สามารถรักษานครไว้ได้ แม้จะทำการป้องกัน อย่างเต็มกำลัง อีกทั้งยังสูญเสียอีสมาอินเสนาบดีคนสนิท ผู้จงรักภักดีของพระนางไปอีก จนทำให้ พระนางทรงพระประชวร และต้องหยุดพัก ที่เมืองปังกาลันดาตู เพราะทรงเดินทางต่อไปไม่ไหว

พระเจ้าประสาททองทรงได้รับข่าวว่า นครปัตตานีแตกแล้ว แต่รายากูนิงทรงหนีออกจากเมืองไปได้ ไม่มีใครพบเห็นพระนางว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ นำความเศร้าโศกมาสู่พระองค์เป็นอันมาก

อาการประชวรของรายากูนิงทรุดหนักมาก และในที่สุดพระนางก็สิ้นพระชนม์ ณ เมืองแห่งนี้ในขณะดวงอาทิตย์กำลังจะขึ้นที่ขอบฟ้าริมทะเล ก่อนสิ้นพระชนม์ พระนางทรงขอร้องให้ซาเดียหันพระพักตร์ของพระนาง ไปทางกรุงศรีอยุธยา พระนางตรัสถึงพระเจ้าปราสาททอง ก่อนจะหันพระพักตร์ไปทางนครเมกกะ และตรัสถึงอัลลอฮจนกระทั่ง สิ้นลมปราณ พระศพของพระนางถูกฝังไว้ที่ ณ หมู่บ้านปันจอร์ที่กลายเป็นที่ประทับชั่วนิรันดร์ก่อนสิ้นพระชนม์



แก้ไขล่าสุด 27 ก.ค. 51 05:44 | ไอพี: ไม่แสดง

#2 | imstranger (ไม่เป็นสมาชิก) | 27 ก.ค. 51 05:33 น.



---------







ผู้แสดง “รายากูนิง”
นครปัตตานี

1. รายากูนิง รายาองค์ที่ 9 แห่งศรีวังษาวงศ์ นครปัตตานี หญิงสาวที่ภายนอกสวยงาม อ่อนหวานเป็นที่ชวนหลงใหลแก่บุรุษผู้พบเห็น แต่ภายในใจกลับเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ยึดมั่นในศาสนาและประเพณี มีความซื่อสัตย์ พยายามที่จะทำให้รัฐปัตตานีเจริญรุ่งเรือง ด้วยแนวทางการค้าขายและการทูต มิใช่การทำสงคราม
แสดงโดย นิกัลยา ดุลยา (ยา)

2. รายาอูงู รายาองค์ที่ 8 แห่งศรีวังษาวงศ์ นครปัตตานี พระมารดาของรายากูนิง ภายนอกเป็นคนนิ่งสงบ ใบหน้าที่ฉาบด้วยความเยือกเย็นสุขุม ไม่เคยมีใครรู้ว่าในใจพระองค์คิดอย่างไร รายาอูงูไม่เคยเห็นด้วยกับวิธีการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศใด ๆ โดยเฉพาะกรุงศรีอยุธยา
แสดงโดย สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสริฐ (น้ำฝน)

3. รายาบีรู รายาองค์ที่ 7 แห่งศรีวังษาวงศ์ นครปัตตานี เป็นคนมั่นใจและบุคลิกภาพดี แต่ก็เป็นคนหวาดระแวงไม่ไว้ใจคนง่าย เป็นคนที่มีหัวการค้า มนุษย์สัมพันธ์ดี ชาญฉลาดและเด็ดขาด มองการณ์ไกล เป็นผู้คิดค้นการส่งบุหงามาศสานไมตรี เป็นผู้ยึดแนวทางรักสงบแต่ยามรบก็ไม่ขลาด รวมทั้งเป็นผู้ที่สอนและถ่ายทอดแนวทางการปกครองแบบสันติ โดยใช้วิธีการทางการค้าและการทูตให้กับรายากูนิง
แสดงโดย จิระวดี อิศรางกูร (อ้อย)

4. ซาเดีย ล่ามหญิงของเจ้าหญิงกูนิง อยู่ที่หมู่บ้านปาเระ เป็นสาวชาวสยาม-ปัตตานี ซึ่งสามารถพูดได้ทั้งไทยและมลายู เป็นทั้งล่ามและคนสนิทของรายากูนิง
แสดงโดย มาริออน อัลโฟล์เลอร์ (แหม่ม)

5. อิสมาอีล ลูกชายของนาโกดา สันดัง นายเรือ และหลานของโต๊ะครูซูเบส เขาเป็นสหายคนสนิทที่สุดของรายากูนิง เป็นมือขวาคอยดูและทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะปกป้องชื่อเสียงและเกียรติยศของรายากูนิง ทั้งที่รายากูนิงรู้และไม่รู้ ชอบและเชี่ยวชาญเรื่องการยุทธ์เป็นพิเศษ เป็นปฏิปักษ์กับมูฌาดีสและดาโอ๊ะลูกชาย ถึงแม้ทั้งคู่จะเคยเป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เด็กก็ตาม
แสดงโดย ชาติชาย งามสรรพ์ (เก่ง)


6. นางดัง นักร้องที่มีความมักใหญ่ใฝ่สูง ทะเยอทะยาน จิตใจชั่วช้าสามานย์ ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ เกลียดรายากูนิงมาตลอด และต้องการเอาชนะ เธออพยพพลัดถิ่นเข้ามาที่ดินแดนปัตตานี ในฐานะนางรำมะโย่งในราชสำนัก เข้ามารับใช้บ้านฮาซัน จนแอบเป็นชู้สวาทของดาโอ๊ะอยู่อย่างลับ ๆ ก่อนจะผละจากเขามาและพบกับเจ้าชายยะโฮร์ ( แท้จริงแล้วดาโอ๊ะจงใจใช้หล่อนเป็นนางนกต่อ )
แสดงโดย ทัศนวลัย องอาจสิทธิชัย (ฮาน่า)

7. โต๊ะครูซูเบส เฒ่าชราผู้ปราดเปรื่องรอบรู้ เสนาบดีฝ่ายดีเมืองปัตตานี ชายชราทำหน้าที่คอยดูแลให้คำปรึกษาแก่รายากูนิง เขาสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์มาตั้งแต่สมัยกษัตริยาฮิเยา
แสดงโดย ชุมพร เทพพิทักษ์

8. ฮาซัน เสนาบดีใจโฉดที่คอยเสี้ยมให้รายาอูงูขัดแย้งกับรายาบีรู และยังยุให้ทำสงครามกับกรุงศรีอยุธยาเพื่อขยายความยิ่งใหญ่ แก่หง่อม อยากให้ดาโอ๊ะลูกชายขึ้นครองราชย์ อดีตเคยร่วมทัพเพื่อขยายอาณานิคมของราตูอูงูจนส่งผลให้เขาต้องมีแผลเป็นรอยบากที่กลางหน้าย้ำความทรงจำเกลียดชัง
แสดงโดย เวนซ์ ฟอลโคเนอร์

9. ดาโอ๊ะ ลูกชายของฮาซัน เสนาบดีฝ่ายชั่ว เป็นคนสนิทตามเจ้าชายยะโฮร์ ขี้ประจบสอพลอ วันๆไม่ทำอะไร เอาแต่ประสบและชื่นชมเจ้าชายยะโฮร์ ลับหลังขี้นินทาและทำอะไรไม่แน่จริง เก่งแต่ปาก เขาเลือกเข้ามาถือหางเนื่องจากต้องการเป็นสุลต่านดาโอ๊ะ ครอบครองผืนดินที่ใดใดก็ตาม พวกหมาลอบกัด เมื่อถึงคราวออกโรงเค้าให้เจ้าชายยะโฮร์ออกแทน แต่เมื่อถึงคราวดีเขารับเองหมด อดีตเคยเป็นเพื่อนกับอิสมาอิล แต่พออิสมาอิลรู้ว่าเขาเป็นพวกมักใหญ่ใฝ่สูงจึงกลายเป็นเหตุให้เกลียดเข้าไส้
แสดงโดย ธรรมลักษณ์ ตระกูลโชคดี (เอฟ)

10. นาโกดา สันดัง หรือ “พ่อค้าแห่งองค์ราชินี” อดีตเป็นนายเรือผู้มีความสามารถและชื่อเสียง แล่นเรือค้าขายติดต่อกับเมืองท่าต่าง ๆ ในอ่าวไทย ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา ลิกอร์ (นครศรีธรรมราช) ปัตตานีและมะละกาอยู่เป็นประจำ ทำหน้าที่เป็นทั้งที่ปรึกษาการค้าขายและคอยดูแลจัดการผลประโยชน์ทางการค้าทุกอย่างของรายากูนิง มีความจงรักภักดีต่อราชวงศ์สูง
แสดงโดย ชัย ขุนศรีรักษา (ทองขาว ภัทรโชคชัย)


กรุงศรีอยุธยา

1. พระเจ้าปราสาททอง กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ผู้มีความกล้าหาญเด็ดขาด มีลูกล่อลูกชนและชาญฉลาด มักมีนิสัยชอบทำกรุ้มกริ่มกับสาวสวย
แสดงโดย วรวุฒิ นิยมทรัพย์ (โอ๊ต)

2. ออกญาเดโชมุสตอฟา หนุ่มใหญ่เจ้าเล่ห์เจ้ากล ไม่นิยมจริงจังกับผู้ใดนาน สิ่งเดียวที่เป็นข้อดีคือเขามีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และบ้านเมืองอย่างที่สุด ไม่ชอบให้ใครหยามศักดิ์ศรี เป็นคนไม่มีความอดทน แม้แต่เรื่องของครอบครัวของรายากูนิงที่ตนแต่งงานเข้าไปร่วมชีวิตด้วย จุดศูนย์กลางชีวิตเขาคืองานและตัวของเขาเอง
แสดงโดย รัตนบัลลังก์ โตสวัสดิ์ (เอ)

3. อุสมาน ล่ามชายของพระเจ้าปราสาททอง รูปร่างหล่อ สูงใหญ่ เชื้อสายแขกเปอร์เซีย เข้ามาถวายการเป็นล่ามให้กับพระเจ้าปราสาททอง เขาแอบรักกับซาเดียเมื่อตอนเดินทางมาเรียนภาษามลายูกับโต๊ะครูที่ปัตตานี (พระเจ้าประสาททองสั่งให้เขามาพร้อมออกญาเดโชมุสตอฟาที่มาแต่งงาน) เขาเป็นเพื่อนสนิทกับอิสมาอีล
แสดงโดย พัฒนะ พันธ์เทวะ (อ๋อง)

4. ยาน ( Jan ) ฝรั่งชาวฮอลันดาผู้ซึ่งเบื้องหน้าทำเป็นมิตรกับอยุธยา แท้จริงกับเป็นบ่างคอยยุยงให้อาณาจักรปัตตานีกับกรุงศรีอยุธยาให้ขัดแย้งกันทางการค้าและผลประโยชน์ เพื่อที่ตนเองจะได้ผูกขาดทั้งการค้าและสิทธิในเมืองท่าแต่เพียงผู้เดียว
แสดงโดย เคน สทรุทเคอร์

5. พระยามหานาวาสวัสดิ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายไทยผู้ถือหางฮอลันดา ทำหน้าที่ดูแลการค้าขายทางเรือในพระราชอาณาจักร และไม่เห็นด้วยกับการที่พระเจ้าประสาททองเจริญสัมพันธไมตรีกับรายากูนิง เพราะเกรงว่าตนจะเสียผลประโยชน์ จึงพยายามหาทางกลั่นแกล้งรายากูนิงกับผู้ตามเสด็จในขณะที่พระนางเสด็จเยือนกรุงศรีอยุธยา
แสดงโดย สรนันท์ ร เอกวัฒน์

6. ออกญาเสนาภิมุข หรือ ยามาดะ ขุนนางชาวญี่ปุ่นที่รับราชการอยู่ในกรุงศรีอยุธยา ถูกพระเจ้าปราสาททองซึ่งเคยเป็นเพื่อนสนิทส่งมาปกครองเมืองลิกอร์ หรือนครศรีธรรมราช
แสดงโดย ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม (เป๊บ)

7. อัครราชเทวี สตรีผู้เพียบพร้อมและเหมาะสมแก่การคู่ครองราชบัลลังก์ ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนโยน เมตตา ลึก ๆ แล้วเป็นคนฉลาด ชอบสอดส่องสายตาดูความเคลื่อนไหวของผู้คนทั้งนอกกำแพงวังหรือแม้แต่ในวังเอง เมื่อรู้ก็มักจะนิ่งเฉยหากเรื่องนั้น ๆ ไม่กระทบกับราชบัลลังก์หรือความร่มเย็นต่อราชอาณาจักร เมื่อเห็นรายากุนิงก้าวเข้ามาในอยุธยา พระนางรู้สึกถูกโฉลกในแววตาฉลาดอีกทั้งยังสงสารที่สาวน้อยไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องรัก
แสดงโดย ชาลิสา บุญครองทรัพย์ (หมิง)

8. ราชเทวีของพระเจ้าปราสาททององค์ที่ 1 ท่าทางท่วงท่าดูสุขุม สง่า ฉลาด น่าเกรงขาม แต่แท้จริงภายในกลับเป็นคนขี้อิจฉา ไม่ชอบให้ใครได้ดีกว่าตน เมื่ออยู่ต่อหน้าสาธารณะชนก็มักจะแสร้งทำเป็นดีงาม แต่ลับหลังกลับเป็นคนร้ายกาจ เมื่อเจอรายากูนิง พระนางเกลียดหล่อนจับใจด้วยความสาวและสวย
แสดงโดย ศิริพิชญ์ วิมลโนช (กีต้าร์)

9. ราชเทวีของพระเจ้าปราสาททององค์ที่ 2 เป็นคนไม่มั่นใจในตนเอง หูเบา เชื่อคนง่ายและตื่นตูม นิยมทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่อยู่เสมอ เหตุเนื่องจากพระองค์มีสิริโฉมไม่งดงามเหมือนคนอื่น ๆ ( บิดาถวายขึ้นรับใช้ แต่ด้วยความสูงศักดิ์ของตำแหน่งทางตระกูลฝ่ายบิดาพระนาง พระเจ้าประสาททองจึงยกพระนางให้ครองตำแหน่งราชเทวีคนที่ 2) จึงเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจวาสนาหน้าตาตนเอง เลยนิยมคอยสั่งให้คนสนิทกลั่นแกล้งคนที่พระนางอิจฉา ไม่ชอบหน้า
แสดงโดย จารุวรรณ สุนันท์

10. พระสนมของพระเจ้าปราสาททององค์ที่ 3 เป็นสนมสาวสวยรูป่างดีเยี่ยมที่ถูกยกให้ขึ้นตำแหน่งสำคัญด้วยจุดเด่นทั้งหมดที่เธอมี ยิ่งถูกยกฐานันดรขึ้นสูงเพียงไรความเอาแต่ใจตัวเองก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นตามลำดับ เมื่อไม่สมปรารถนา ความเอาแต่ใจพลันทำให้พระนางเปลี่ยนเป็นคนโหดร้ายทันที ชอบยุแยงตะแคงรั่วไปทั่วนคร
แสดงโดย ณัฐชา วิทยากาศ (นัท)



ยะโฮร์

1. ยังดีเปิรตูวันมูดอ เจ้าชายแห่งยะโฮห์ ชายหนุ่มเจ้าสำราญ เจ้าชู้ แต่เป็นคนปากดี และสามารถเอาตัวรอดได้ มักใหญ่ใฝ่สูง ต้องการครอบครองดินแดนในแหลมมลายู ยอมทำทุกอย่างได้ เพื่อเอาตัวรอด
แสดงโดย อุเทน คชน่วม

2. เจ้าชายมูฌาดีส พระอนุชาของเจ้าชายยะโฮร์ ภายนอกเป็นชายหนุ่มที่แสนดี แต่ภายในเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาพี่ชายของตนมาตลอด ต้องการแย่งชิงและครอบครองทุกอย่างของพี่ชาย เพื่อจะได้ขึ้นสู่การเป็นกษัตริย์ ทำได้แม้แต่ข่มเหงสตรีเพศเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ
แสดงโดย กนิษฐ์ นรคง

3. อินตัน พระมารดาเจ้าชาย มเหสีม่ายแห่งเมืองยะโฮร์ เธอเป็นคนวิตกจริต มักตามใจลูก และ
คอยเอออออุ้มโอ๋ลูกเป็นที่สุด จุดศูนย์กลางชีวิตหลัง**ตายอยู่ที่ลูกชายทั้งสองที่เธอเชื่อว่าพวกเขาแสนดี วิเศษกว่าคนใดใด มองลูกเป็นทางบวกไม่มีวันเลวร้ายได้ เมื่อท้ายสุดที่รู้ว่าลูก ๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด เธอจึงเสียสติ กลายเป็นคนวิกลจริตไป
แสดงโดย กรองทอง รัชตะวรรณ (ปู)


วันนี้รายากูนิง จะถูกปลงประชนม์แล้ว  สงสารๆ 

เมื่อรู้ว่าเป็นละครประวัติศาสตร์ที่ทำมาจากเรื่องจริงๆ  คิดๆ แล้วสงสารรายากูนิงจริงๆ

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google