SIAMZONE.COM

ส่วนตัวแล้วก็สนุกดีครับ แต่ต้องยอมรับว่าสู้ 3 ภาคแรกไม่ใด้จริงๆ

ส่วนตัวไม่ปลื้มเรื่องนี้เลยครับ
ก่อนชม The Bourne Legacy ผมรวบรวมดูหนังทั้งหมดในตระกูล Bourne
เพื่อเตรียมความพร้อมกับ Legacy
แต่กลับกลายเป็นว่า แม้ Legacy จะมีความเชื่อมโยงกับไตรภาคอยู่บ้าง
แต่ข้อมูลต่างๆเหมือนถูก ยัดเยียด เข้ามาในหนัง เพียงเพื่อใช้เครดิตของไตรภาคมาโปรโมต Legacy เท่านั้น
หนังมาพร้อมกับข้อมูลที่พอถูไถไปได้และพลอตเรื่องที่หลวมพอสมควร
หาก Legacy ไม่มีเครดิตของไตรภาคของ Bourne แล้วล่ะก็
มันก็เหมือนหนังแอ๊คชั่นทริลเลอร์ที่ขาดความน่าสนใจเรื่องหนึ่งเท่านั้นเอง
เข้าใจอยู่ว่า หนังพยายามจะเปิดเป็นเหมือน series เรื่องใหม่ คล้ายๆภาคแยกคู่ขนานไปกลับไตรภาค Bourne
แต่ด้วยความที่ข้อมูลและบทมันไม่แข็งพอ ทำให้หนังขาดพลังไปหมด

เสียดายการแสดงของสองพระนางเหมือนกัน เพราะทั้งคู่แสดงดี มีพลัง
แต่บทที่อ่อนปวกเปียกของหนัง มันช่างทำให้คนดูไม่มีอารมณ์ร่วมเลยจริงๆ

อ้าว จบแล้วเหรอ ?? (มันส์ค้าง)

หนังชุด The Bourne ที่ผ่านมาทั้งสามภาค เป็นที่ชื่นชอบและถูกใจคอหนังอย่างไรนั้นคงไม่ต้องบรรยายมาก ก็แน่ล่ะ ไม่งั้นคงไม่มีภาคใหม่ตามมาอีกอย่างนี้หรอก The Bourne Legacy เป็นเรื่องราวที่คู่ขนานไปกับ The Bourne Ultimatum เพราะโครงการลับของซีไอเอนั้นมีอยู่หลายโครงการ โครงการที่ชื่อ "เทรดสโตน" ที่ถูก เจสัน บอร์น เปิดโปงนั้นยังไม่ทันจะแก้ปัญหาเสร็จด้วยซ้ำ อีกโครงการหนึ่งอย่าง "เอาท์คัม" ก็กำลังจะถูกสั่งปิด สายลับที่สมัครเข้าโครงการนี้ด้วยตัวเองอย่าง แอรอน ครอส (เจเรมี่ เรนเนอร์) กำลังหลบหนี เพราะได้ล่วงรู้ความลับของโครงการมากเกินไป ครอสเป็นผู้ชายที่ฉลาด และได้ทดลองทำอะไรบางอย่าง? กับ "ยา" ที่โครงการจัดให้สายลับหน่วยปฎิบัติการต้องกินมัน แน่นอนว่าเค้าถูกสั่งเก็บ แต่ก็หนีรอดมาได้โดยที่ซีไอเอคิดว่าจัดการเค้าได้แล้ว�

ครอสได้เจอกับนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อ มาร์ตา (ราเชล ไวซ์) เธอเองก็ถูกโครงการสั่งเก็บ แม้ว่าเธอจะสามารถผลิตยาให้โครงการได้ก็ตามที เพราะซีไอเอไม่อยากให้เรื่องรั่วไหล จึงออกตามล่า ทั้งคู่หลบหนีไปไกลถึง มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อปฎิบัติภารกิจเป้าหมายบางอย่าง? ขณะเดียวกันซีไอเอจะจัดการกับพวกเค้ายังไงนั้น? ก็ต้องไปติดตามเอง เกริ่นนำมามากเกินไปกว่านี้เดี๋ยวจะหาว่าสปอยล์�

The Bourne Legacy ที่ได้มือเขียนบทหนัง Bourne ที่ผ่านมาทั้งสามภาคอย่าง โทนี่ กิลรอย มานั่งแท่นผู้กำกับเองนั้นหายห่วงไปเลยเรื่องบท เพราะหนังมีรายละเอียดใหม่ๆที่ถูกใส่เข้ามาอย่างสอดคล้องให้ควบคู่ไปกับภาค เจสัน บอร์น ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ในขณะที่ฉากแอ็คชั่นที่แม้จะมาเป็นช่วงๆ ไม่เยอะ แต่เมื่อถึงฉากนั้นก็คุ้มค่า ซึ่งแอ็คชั่นไล่ล่าชุดใหญ่จะอยู่ที่ฟิลิปปินส์ และมีฉากที่มาถ่ายทำที่ภูเก็ตบ้านเราด้วย ส่วนจะเป็นฉากไหนนั้น เห็นแล้วก็จะร้อง "อ๋อ" เอง�

นิยายชุด Bourne ที่แต่งโดย โรเบิร์ต ลัดลัม ผู้ล่วงลับ ได้มาอยู่ในมือที่เก่งกาจอย่าง โทนี่ กิลรอย แล้ว นี่เป็นหนังที่ฉีกรูปแบบเก่าๆของสายลับอย่าง เจมส์ บอนด์ 007 ที่ต้องใส่สูท แต่งตัวเนี๊ยบหรูออกไปจากความคิด เพราะว่าพอหนังเรื่อง The Bourne Identity ออกฉายในปี 2002 กลายเป็นว่าหลังจากนั้น เราก็ได้เห็น 007 มาในมาดใหม่ ดิบขึ้น ดุเดือดขึ้น และมีเลือดเนื้อใน Casino Royale ของ แดเนี่ยล เคร็ก ออกตามมาทันที

The Bourne Legacy จัดว่าเป็นหนังสนุกอีกเรื่องของสัปดาห์นี้ อย่างน้อยนี่ก็ไม่ใช่หนังที่ขายแต่ฉากแอ็คชั่นอย่างเดียว เพราะบทค่อนข้างดี อย่าเรียกว่าเป็นการสานต่อเลย เรียกว่าเป็นการไปทำความรู้จักอีกโครงการหนึ่งควบขนานไปกับ The Bourne Ultimatum เพราะงั้นแล้วข้อเสียก็คือ คนที่ไม่ได้ดูภาคก่อนๆก็อาจจะงงๆในช่วงแรกๆของหนัง หรืออาจตามไม่ทันในบางช่วงบางตอน�

เจเรมี่ เรนเนอร์ ถือสอบผ่านกับบทสายลับที่ต้องหน้าเครียดตลอดทั้งเรื่อง เรเชล ไวซ์ ในบทคุณหมอสายลับทำได้ดีในฉากแอ็คชั่น มีฉากที่เธอต้องจัดการกับศัตรูตัวฉกาจในตอนท้าย สะใจมากๆฉากนั้น? ต้องดูเอง ส่วนสไตล์การต่อสู้ของครอส ก็คล้ายๆกับของ เจสัน บอร์น คือสู้ด้วยมือเปล่า ซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้แบบโบราณ ที่โต้ตอบในระยะประชิด มีอันตราย และมีประสิทธิภาพได้ผลสูง อาศัยการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การต่อสู้แบบนี้เรียกว่า "กาลี" ซึ่งมาจากฟิลิปปินส์ ปัจจุบันการต่อสู้ที่เป็นที่รู้จักในวงแคบๆนี้ ได้ถูกใช้ในหนังอย่างแพร่หลาย เช่น Taken, Hanna, Quantum of Solace และอีกหลายเรื่อง รวมถึงหนัง Bourne ภาคนี้และภาคก่อนๆด้วย ที่สุดแล้วโครงการสายลับของซีไอเอที่ยังเหลืออะไรต่อมิอะไรให้เล่นได้อีกเยอะนี้ ถ้าจะมีภาคต่อตามมาอีกก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะถ้าเจสัน บอร์น ของแมตต์ เดมอน ได้มาเจอกับ แอรอน ครอส ของเจเรมี่ เรนเนอร์ และร่วมมือกันเอาโต้กลับซีไอเอเมื่อไหร่ ก็คงจะน่าสนุกอยู่ไม่น้อย