โจ สะกิดต่อมคอเพลงบลูส์ร็อกกับคอนเสิร์ตครั้งแรกในไทย
นักร้อง นักแต่งเพลง และนักกีตาร์ชาวอเมริกัน "โจ บอนามัสซา" (Joe Bonamassa) ผู้ที่ชื่นชอบและมีชื่อเสียงในการเล่นดนตรีแนวบลูส์ร็อกมาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรก เพื่ออวดความสามารถทางดนตรีในคอนเสิร์ต "Joe Bonamassa Live in Bangkok" เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2555 ณ สยามภาวลัย รอยัล แกรนด์ เธียเตอร์
งานนี้เต็มไปด้วยคอเพลงทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่ต่างก็เดินทางมาให้กำลังใจ โจ กันอย่างคับคั่ง สัญญาณแห่งความสนุกเริ่มขึ้นเมื่อ โจ เดินขึ้นเวทีมาพร้อมกับกีตาร์โปร่งคู่ใจ ก่อนจะเปิดการแสดงด้วยเพลง "Palm Trees Helicopters and Gasoline" ซึ่งได้รับเสียงปรบมือต้อนรับจากผู้ชมไปทั่ว ต่อด้วย 2 เพลงจากอัลบั้มเดี่ยวล่าสุด "Driving Towards The Daylight" ได้แก่ "Dislocated Boy" และ "Driving Towards The Daylight" แล้วปิดท้ายช่วงอะคูสติกในเพลงเร็ว "Woke Up Dreaming"
จากนั้นเข้าสู่ช่วงความมันแบบจัดเต็มเมื่อนักกีตาร์หนุ่มเปลี่ยนจากกีตาร์โปร่งมาสะพายกีตาร์ไฟฟ้า พร้อมบรรเลงเพลงจังหวะปานกลาง "Slow Train" เรียกน้ำย่อยคอเพลงกันก่อน แล้วเชื่อมต่อด้วย "Dust Bowl" เพลงร็อกผสมกลิ่นอายของบลูส์เล็กๆ ที่มีเสียงเดี่ยวกีตาร์บาดอารมณ์ ตามด้วยเพลงเร็ว "Who's Been Talking" และ "Midnight Blues" เพลงช้าที่มีเสียงกีตาร์หวานๆ ตราตรึงให้ผู้ชมเคลิบเคลิ้มไปกับบทเพลง
พักจังหวะทางเสียงดนตรีกันเล็กน้อยด้วยถ้อยคำของ โจ ที่กล่าวทักทายกับคนดูว่า "สวัสดีครับ วันนี้ผมบอกแม่ผมว่ามาแสดงคอนเสิร์ตที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก ซึ่งแม่ดูจะเป็นห่วงผมเหมือนกัน เพราะตัวผมเองก็ไม่ค่อยรู้จักอะไรเกี่ยวกับเมืองนี้มากเท่าไร แต่คืนนี้ผมอยากจะขอบคุณทุกคนมากๆ ที่มาชมคอนเสิร์ต และขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นด้วยครับ"
ก่อนนักร้องหนุ่มจะขนเพลงร็อก อาทิ "The Ballad of John Henry" "Song of Yesterday" "Look Over Yonders Wall" "Blues Deluxe" และ "Young Man Blues" เติมความมันแบบไม่ยั้งให้คอเพลงได้โยกกันต่อ
ในช่วงสุดท้ายของคอนเสิร์ต โจ ได้นำเพลงร็อกช้าๆ อย่าง "Django" และ "Mountain Time" มาขับร้องเพื่อเป็นการปิดฉากการแสดงของเขา ดูเหมือนว่าความสุขและความสนุกจะจบลงแล้ว เมื่อดวงไฟค่อยๆ ดับลงจนมืดสนิท แต่แฟนเพลงยังไม่ไปไหน ต่างส่งเสียงเรียกชื่อ โจ พร้อมปรบมือดังสนั่น สักพักเจ้าตัวได้กลับขึ้นเวทีอีกครั้งในเพลงคุ้นหู "Sloe Gin" ก่อนจะอำลาคอเพลงด้วย "Just Got Paid"
