
การเดินทางมากับ CHANEL ครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้งค่ะ
ถามว่าแตกต่างยังไง? ก็แตกต่างตรงที่เราได้เข้าไปดูการทำงานจากจุดเริ่มต้น ได้เข้าใจที่มาที่ไปว่ากว่าจะมาเป็นผลิตภัณฑ์สักชิ้น CHANEL เค้าไม่ได้ทำกันเล่นๆ แล้วแค่แปะยี่ห้อ CHANEL ลงไปเป็นอันว่าสวยหรูแล้วขายได้ แต่เค้าใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน โดยเฉพาะขั้นตอนในการเลือกคัดเอาสารสกัดต่างๆ ที่จะมาเป็นส่วนประกอบของสกินแคร์ในทุกไลน์นั้นไม่ธรรมดาเลยค่ะ
CHANEL เด่นตรงที่มี Open Sky Lab อยู่หลายที่ เพื่อเก็บเกี่ยวและทำการวิจัยพัฒนาส่วนส่วนประกอบหลักๆ ที่ใช้ในสกินแคร์ของ CHANEL เช่น Camillia farm ใน Gaujacq สำหรับไลน์ No.1 de CHANEL และ Hydra หรือ Vanilla ใน Madagasgar สำหรับ Sublimage เป็นต้น นอกจากนั้นยังมี lab กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ทั่วโลกเพื่อวิเคราะห์ความต้องการของคนในแต่ละประเทศแต่ละทวีปว่าผิวมีความต้องการที่แตกต่างกันอย่างไร เพื่อให้สามารถสร้างสรรผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับทุกคนได้
อีกส่วนนึงที่น่าทึ่งมากๆคือส่วนที่เค้าเรียกว่า The Art of The Blend และ Sensorial Experiance ค่ะ คือถ้าเราจะใช้ CHANEL ทั้งที นอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่ดีแล้ว เราก็อยากได้ความรู้สึกที่ดีเวลาใช้ด้วยถูกมั้ยคะ ทาง CHANEL จึงใส่ใจในเรื่องของการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อสัมผัสที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกสภาพผิว กลิ่นของผลิตภัณฑ์ก็ต้องดีด้วย เค้าถึงขั้นมีเครื่องมือวัดความรู้สึกในการใช้เลยนะ ตามรูปที่เห็นว่าเค้าเอาเครื่องมือมาติดที่หัวโมเมแล้ววัดเลยว่าตอนที่ได้สัมผัสเนื้อครีม ได้ดมกลิ่น ได้ปาดลิปสติกแล้วเรารู้สึกยังไง ซึ่งมัน amazing มากค่ะ นี่ละมั้งที่เป็นสาเหตุให้ใครๆก็หลงรักผลิตภัณฑ์ของ CHANEL แบบไม่รู้ตัว
@chanel.beauty
#CHANELINTEGRATIVEBEAUTY