
จากที่เคยดู The Phantom of the Opera มามากกว่า 50 ครั้งในชีวิตในช่วงเวลาเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา ผมกล้ายืนยันว่านี่เป็น Phantom เวอร์ชั่นที่ดีที่สุดเวอร์ชั่นหนึ่งที่เคยดูมาเลย เพราะครั้งนี้ถือเป็น Phantom ที่เราได้รับ emotional impact มากที่สุด หลายครั้งที่ดูเรื่องนี้ไม่ค่อยได้เสียน้ำตาเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้เป็นการดู Phantom ที่อยู่ดีๆน้ำตามันก็ไหลออกมา จะบอกว่ามากที่สุดก็ว่าได้ ตอนแรกก็นึกว่าตัวเอง emotional อยู่คนเดียว หรือ emotional เกินเหตุ แต่พอละครจบหลายๆคนมากที่เคยดู Phantom มาแล้วก็พูดแบบเดียวกัน นี่เป็น Phantom ที่เราเสียน้ำตาให้เยอะที่สุด This is one of the best Phantoms, if not the best, I’d ever seen.
สิ่งที่เป็นจุดเด่นที่สุดของการแสดงครั้งนี้คือเหล่านักแสดงครับ Phantom เป็น musical ที่เต็มไปด้วยเพลงที่โคตรเพราะ melody ติดหูอย่างที่สุด หลายๆครั้งถ้าคนแสดงเพลินไปกับท่วงทำนอง (คือแค่ร้องเพราะๆ) มันมีสิทธิ์มากที่เราจะไม่ได้ยินเนื้อร้อง ความหมาย และไม่สามารถสัมผัสถึงอารมณ์ของเพลง เพราะทำนองที่เพราะ (มาก) มันจะ take over เสียจนเราไม่ได้ยินอย่างอื่น แต่สำหรับ Phantom เวอร์ชั่นนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้น เขาเน้นการ acting through singing อย่างแท้จริง มันคือการแสดงที่มีการตีความในตัวละครผ่านการร้อง มันคือสุดยอดของการ balance ระหว่างการแสดงกับการร้อง เราจึงสามารถรับรู้ถึงอารมณ์ของตัวละครต่างๆได้เป็นอย่างดี รับรู้ถึงจุดมุ่งหมาย ความต้องการ ความขัดแย้ง และอารมณ์ต่างๆของเขาในทุกๆจุด ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้ทำให้เพลงเพราะน้อยลงไปเลย เพราะมันก็ยังโคตรเพราะมากๆ มากแบบมากๆๆ
ผมได้นำความนี้ไปชื่นชมกับทีมที่ดูแลเรื่องเพลง เรื่องของการ balance การร้องและการแสดง เขาบอกว่า Thank you for noticing เวอร์ชั่นนี้เขาตั้งใจกับสิ่งนี้มากครับ
ปีที่แล้วผมก็เพิ่งไปดู The Phantom of the Opera ที่ London มาอีกครั้ง ต้องบอกว่า Phantom ที่เมืองไทยครั้งนี้ดีกว่าเยอะครับ!!! มาดูกันนะครับ แสดงถึง 31 สิงหาคมนี้เท่านั้น ที่ #เมืองไทยรัชดาลัยเธียเตอร์