PD‘s Note
My Magic Prophecy EP.7
จริงๆคิดว่าฉากทัพฟ้าโดนยิงน่าจะเดือด แต่กลายเป็นว่าเมื่อ“ว่าน”ปรากฏตัวนั้น เดือดกว่ามาก 😅

เส้นเรื่องความรักเมื่อมั่นคงแล้ว แน่นอนว่าเป็นเวลาของอุปสรรค การมาอยู่ที่แม่ฮ่องสอนของทัพฟ้ากับอินทุนั้นเป็นการเรียนรู้กันสองคน แต่ชีวิตจริงไม่เคยจบที่คนสองคน และมันก็ถึงเวลาที่ทั้งสองคนต้องกลับมาเผชิญหน้ากับความจริง

ฉากที่ถ่ายในตอนนี้เดือดทั้งหมด ทั้งฉากผู้ใหญ่จู่รถตกเขา ทัพฟ้าโดนยิงในงานปีใหม่ อ่อ ฉากช่วยชีวิตลุงจู่ในรถพยาบาลอีก ทีมงานกำลังจะโยกรถก็ปรากฏว่าไม่ต้องโยกจ้ะ แผ่นดินไหวของจริงมาจ้ะ วิ่งจ้ะ

งานปีใหม่คือการถ่ายทำฉากสุดท้ายของเรื่องนี้ ปิดกล้องกันไปแบบเลือดอาบเลยทีเดียว เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายทำกันเกินคิวจนเกือบตีสอง และเป็นครั้งเดียวที่จ๋าเห็นจิมหมดแรง หมดแบบหมด เพราะมันคือช่วงพีคของน้องทั้งถ่ายซีรีส์ฉากหนักๆ ซ้อมคอนเสิร์ต และทำวิจัย หมดแบบลงไปกองกับพื้นของจริง แต่ก็ผ่านกันมาได้แบบไม่ลดมาตรฐานคุณเค้าเลย

มีหลายฉากที่ซีไม่แน่ใจว่าอารมณ์ของตัวละครอินทุคืออะไร ช่วงอยู่ที่เขาใหญ่ ซีมาคุยกับจ๋าบ่อยมากว่าไม่เข้าใจอารมณ์ของซีนนี้ เพราะเอาจริงมันซับซ้อนมาก จ๋าตั้งใจแคสพี่รักกับพี่หยามาเป็นผู้ใหญ่และป้าเพียรเพราะรู้สึกว่าจะเป็นประโยชน์กับเด็กๆมาก ทั้งสองท่านคือครูสอนการแสดง จ๋าดีใจที่เห็นพี่รักกับพี่หยาเอ็นดูเด็กๆ โดยเฉพาะพี่หยากับซี ที่พอเห็นซีกังวลแล้วพี่หยาจะบอกว่า “ไม่ต้องคิด รับจากแม่พอ” แล้วก็จริง จ๋าเชื่อว่าซีได้เจอเพดานการแสดงบางอย่างและทะลุมันขึ้นไป จากฉากลุงจู่รถชน และอีกฉากที่ชัดมากจะอยู่ใน EP 8 คืนนี้ในเวอร์ชั่น uncut

คืนนี้กลับจากแม่ฮ่องสอน เราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวละคร อินทุที่แข็งแรงขึ้นและทัพฟ้าที่อ่อนโยนลง ความรักที่ดีจะส่งเราไปสู่จุดที่ดีขึ้น และเตรียมเราให้พร้อมเจออุปสรรคที่เข้ามา

ต้นกับปกป้องเริ่มเข้มข้น ฉากหลังๆนี้เซฟและฟรังเข้ามา workshop ก่อนถ่ายทุกอาทิตย์ สิ่งที่ยากของเซฟคือฉากโกรธ เพราะตัวจริงเซฟไม่เคยโกรธ ใช่จ๋าก็ถามกลับว่าคนแบบไหนวะไม่เคยโกรธ😅 ส่วนฟรังนั้นเข้าใจทุกอารมณ์ เป็นเด็กละเอียดทางอารมณ์แต่ยังใช้ร่างกายไม่เก่ง ต้องค่อยๆพาไป จ๋าเชื่อว่าทุกคนจะเห็นพัฒนาการของทั้งสองคนแบบคาตาแน่นอน เค้าจะเก่งขึ้น แต่ความสดใหม่ของทั้งสองคนจะมีอยู่ในเรื่องนี้เท่านั้น เอาไว้ให้มองกลับมาในวันหนึ่งแล้วขำว่า “กูเล่นอะไรของกูไปวะ” รอดูเด็กสองคนนี้ได้เลยค่ะ

คืนนี้น่าจะเดือด ส่วนของบุ๊ค จ๋ามาเล่าใน Note ถัดไปนะคะ มาเอนจอยแฟนเก่ากันก่อน เอาให้สุด ครับว่านหรือครับอิน เดี๋ยวเจอเลย🤣

#MyMagicProphecy

Norwegian diet 🐟☀️🏃🏽‍♀️🌊🌳☕️🥐

#ทริปหอยทาก
#YossieWanderlust

แซลมอนธรรมชาติที่นอร์เวย์คือแตกต่างจริงๆนะ ในฐานะคนทำอาหาร เวลามาพักที่เมืองไหนจะอยากลองเล่นกับวัตถุดิบของเมืองนั้นๆมาก

รอบนี้ได้ลองทำแซลมอน อยากรู้มากว่ามันจะต่างจากที่เรากินแค่ไหน ก็ลองเลย ปรุงน้อยๆแค่เกลือ พริกไทย evoo และแปะมะนาวฝาน เข้าเตาอบ

ชิมคำแรกร้องกรี๊ด เนื้อมันหวานในตัว มันในตัว อร่อยจัดเลย ตอนแรกจะกินชิ้นเดียว สรุปจบที่สองชิ้นไป เออ น้องแบบว่ายทวนน้ำธรรมชาติอร่อยจริงค่ะ
#ทริปหอยทาก
#YossieWanderlust #YossieBistro

“เราร้องไห้ให้กับภาพวาดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?”
📍Munch Museum ใน Oslo น่าจะเป็นที่ที่แสดงผลงานของ Edward Munch มากที่สุดที่หนึ่งในโลก แน่นอนว่าคนมาเพื่อดูภาพ The Scream ที่โคตรจะโด่งดัง จ๋าก็มาด้วยเหตุผลนั้นแหละ แต่กลับเจอกับเซอร์ไพร์สที่ไม่ได้ตั้งตัวเลย
ตอนเลี้ยวโค้งไปเจอกับภาพวาดภาพหนึ่งในมุม มันเกิดความรู้สึกที่แปลกมาก ภาพวาดสีน้ำมัน ”Sick Child“ แขวนอยู่ตรงนั้น ภาพของเด็กผู้หญิงที่ป่วยใกล้ตายนอนอยู่บนเตียง แต่คนที่ดูหมดหวังยิ่งกว่าคือผู้หญิงที่นั่งคอตกอยู่ข้างๆ สิ่งที่ทรงพลังของภาพวาดนี้สำหรับจ๋าไม่ใช่เทคนิคอะไร แต่เป็นความเข้าใจของศิลปิน ความเข้าใจว่าความสูญเสียหน้าตาเป็นยังไงและถ่ายทอดมันออกมาได้ผ่านรูปภาพที่ผ่านมานานแค่ไหนก็ยังส่งพลังงานนั้นออกมา

งานของ Munch เป็นแบบนั้น ภาพวาดจากประสบการณ์ชีวิตที่เจอมาเอง เกือบตายด้วยตัวเอง ผ่านมันมาได้ด้วยตัวเอง และถ่ายทอดออกมาด้วยเลือดเนื้อทั้งหมดของตัวเอง

อีกภาพที่ชอบไม่ใช่งานโด่งดังอะไร แต่คงโดนใจจ๋าส่วนตัว เป็นภาพวาดที่ชื่อว่า ”Wedding of the Bohemian“ ตั้งอยู่ใน exhibition ที่ชื่อว่า Alone ภาพที่เล่าถึงความเหงาผ่านภาพงานแต่งงาน

The Scream ที่โด่งดังจัดแสดงที่นี่สามเวอร์ชั่นด้วยกัน The Painting, the Drawing และ the Print
เป็นภาพวาดที่ล้ำมาก เพราะเป็นภาพวาดที่เล่าถึงอาการซึมเศร้าและแพนิกในวันที่มันไม่แพร่หลายเท่าวันนี้ด้วยซ้ำ Munch อธิบายว่าภาพนี้เกิดจากวันธรรมดาๆที่เดินอยู่บนสะพาน และอยู่ดีๆก็เหมือนได้ยินเสียงโหยหวนของสิ่งแวดล้อมรอบตัวดังขึ้นมา เขาพยายามวาดภาพ ”เสียง“ ที่ได้ยินในวันนั้น และมันกลายเป็นภาพที่คนยอมเดินทางข้ามโลกมาเพื่อได้เห็นกับตาสักครั้ง

ความเจ็บป่วย ความตาย ความรัก ความเหงาเป็นสิ่งที่ทุกคนเคยเจอแต่อธิบายไม่ถูก ไม่เคยเห็นเป็นภาพ และอธิบายให้ใครฟังไม่ง่าย ความอัจฉริยะของ Edward Munch คือการวาดความรู้สึกทั้งหมดนี้ออกมาเป็นภาพ เป็นสิ่งที่เห็นได้ แน่นอนว่ามันขึ้นอยู่ประสบการณ์ส่วนตัวของแต่ละคนด้วย ว่าภาพไหนจะซัดเราเข้าในจังหวะไหน อยู่ดีๆก็เหมือนเราได้แชร์ประสบการณ์กับใครบางคนที่บอกเราว่า “เราเข้าใจ เรารู้ว่ามันรู้สึกยังไง“

และด้วยเหตุผลนั้น ศิลปะถึงโคตรยิ่งใหญ่ ทรงพลัง และทำให้เราโงหัวไม่ขึ้นซักที
#ทริปหอยทาก
#YossieWanderlust

What needs to be done, needs to be done.
#IfYouKnowYouKnow
📍Tim Wendelboe, Oslo 🤎🐌
@timwendelboe
Iced Geisha
Cappuccino al Freddo
Double Latte
#ทริปหอยทาก
#YossieWanderlust

PD‘s Note
My Magic Prophecy EP.6: The Lover
เป็นตอนที่ว่าด้วยความรักล้วนๆ เมื่อคนสองคนตัดสินใจเปิดรับอีกคนให้เข้ามาในดินแดนที่เป็นความลับในใจ ให้ได้รับรู้เรื่องที่เราเคยร้องไห้แต่ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง ถ้ายังรับกันได้ ก็อาจจะแปลว่าความรักครั้งนี้มีความหวัง

ทุกครั้งที่ถ่ายฉากเลิฟซีน เราจะเช็คนักแสดงเสมอว่าสบายใจแค่ไหน ไปได้แค่ไหน และส่วนตัวจ๋าอยากให้ทุกคนรับรู้ถึงความรัก ความยินยอมพร้อมใจ การเปิดรับด้วยใจของคนสองคนมากกว่าจะเป็นแค่เลิฟซีนเฉยๆ ขอบคุณสตอรี่บอร์ดของพี่เอเสมอเลย เราได้นั่งคุยกันก่อน เห็นขอบเขต และถ้านักแสดงสบายใจจะไปต่อก็ไปต่อได้ เช่นฉากเก้าอี้โยก

ฉากในเต๊นท์นั้นพี่อ๊อฟมากำกับแทนหนึ่งวันพอดี เราแบ่งออกเป็นสองส่วน หน้าเต๊นท์นั้นถ่ายที่สถานที่จริง ในซีรีส์ดูสวยงาม ความจริงคือร้อนและแมงหวี่ตอมไม่หยุด ส่วนภายในเต๊นท์ถ่ายในออฟฟิศเลย เปิดแอร์เย็น สถานที่ปิดเพื่อให้นักแสดงสบายตัวที่สุด

เรื่องของต้นและปกป้องค่อยๆมีบทบาทมากขึ้น ในส่วนการแสดงสองคนตั้งใจมาก ส่วนพี่จิมก็คือช่วยอ่านบท ต่อบทถึงจะไม่มีตัวเอง ห่วงน้องที่หนึ่งจริงคนนี้

ทัพฟ้าและอินทุก้าวข้ามทุกอย่างไปแล้ว
คืนนี้จะว่าด้วยเรื่องที่เป็นธีมของซีรีส์เรื่องนี้คือคนสองคนที่เชื่อต่างกันสุดขั้ว จะอยู่ด้วยกันได้จริงหรือไม่ เป็นตอนที่ตัดยากที่สุดตอนหนึ่งของเรื่องนี้ มิติและตัวละครต่างๆหนาแน่น เป็นจุดเปลี่ยนและใช่!
มีเซอร์ไพร์ส😏

#MyMagicProphecy

Oslo Trip, Norway 🇳🇴

เราพัก Airbnb ย่าน Bjørvika ริมทะเล ย่านใหม่ใกล้ Opera House 🏙️
มี 2 ห้องนอน ครัวครบ เครื่องทำกาแฟ ห้องนั่งเล่น ทีวีใช้ Netflix ได้ และระเบียงนั่งชิล มองคอร์ตยาร์ดกับอาคารดีไซน์เท่ๆ ที่ชอบที่สุดคือสามารถเปิดหน้าประตูหน้าต่างรับลมเย็นที่สิบกว่าองศา สดชื่นได้สบาย ทำให้นอนหลับสนิท

นี่คือบ้านของเรา 6 คืนในออสโล 🏡✨

#ทริปหอยทาก
#Oslo

เที่ยวกับพี่ หนุกมั้ยไม่รู้
แต่หนูไม่หิว ไม่อดตายแน่นอน

#ทริปหอยทาก
#YossieWanderlust

Staying low in Oslo 🌧️☔️ @nattaboon

#ทริปหอยทาก
#YossieWanderlust

Stay Strong, September🫶🏼

Magical 9🔮

September Love🤍

PD‘s Notes:
My Magic Prophecy EP5
อีพีนี้ว่าด้วยการรู้ใจตัวเองและเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินหน้า อย่างที่บอกว่า Mid-Point คือ Point of No Return ของตัวละคร ยิ่งมีตัวเร่งอย่างตุลย์มา ยิ่งเร่งทุกอย่างให้ชัดเจนขึ้นไปอีก จูจู้เป็นพลังงานที่สดชื่นและมาถูกที่ถูกเวลา เป็นส่วนผสมที่ลงตัวของทั้งคอมมาดี้และดราม่า

ฉากที่เปิดใจตรงระเบียงเป็นซีนอารมณ์ซีนแรกของจิมและซี เป็นการหาการทำงานร่วมกันให้ได้ ซีตั้งใจจัดในเทคแรก พอเริ่มเข้าที่ เทคสองก็จบเลย ออกมาอย่างที่เห็น

ฉากจูบตอนท้าย ถามสิว่าเครียดกันแค่ไหน พี่เอมาพร้อมกับสตอรี่บอร์ดละเอียดยิบ มันคือฉากอารมณ์มากพอๆกับเลิฟซีน เริ่มที่เทคแรก น้องสองคนเล่นตามบอร์ด และเพิ่มในสิ่งที่เป็นตัวละคร จังหวะที่จิมจูบตาแล้วน้ำตาซีไหล ทุกคนได้แต่กลั้นกรี๊ด จบเทคแรก ทุกคนมานั่งคุยกันว่ามันขาดอะไร มันเกิดมวลอะไร อยากเล่าอะไร มันสื่อสารถึงกันและถึงคนดูมั้ย? เราส่งน้องๆกลับไปเล่นอีกเทค และขอเล่นเพื่อมุม Close-Up อีกเทค เพราะอยากให้ฉากนี้แทนความในใจของตัวละครที่ออกมาจากข้างใน เราอยากรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของอินกับทัพฟ้า มากกว่าจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งทั้งสองคนก็สื่อสารออกมาได้ชัดเจน

ส่วนคืนนี้ใน EP 6 มีดาวมากมายบนฟ้าและมีพระจันทร์ที่ยอมคายความลับบางอย่างที่ไม่เคยพูดออกมา
#MyMagicProphecy

สิงหา มัดรวม🤍
ไอจีให้ tag แค่ 20 คน นี่ว่าเกิน

📍Hikiniku To Come Thailand
Central World @hikiniku.to.come_thailand
ตอนแรกก็กะว่ารอให้คนหายเห่อกันก่อน สำหรับเจ้าเนื้อแฮมเบิร์กนี้ แต่สุดท้ายไม่จม ไม่หายเลยแม่ ก็เลยคิดว่าลุยเหอะ อยากกิน😆

จ๋าสั่งเซ็ตปกติเลย ข้าวกับเนื้อแฮมเบิร์กสามชิ้น ไม่สั่งซอสอะไรเพิ่ม แต่เครื่องเคียงสองอย่างนี่รับหมด เป็นกิมจิสดกับสลัดมันฝรั่ง

มานั่งปุ๊บก็มีน้องแนะนำว่าต้องกินยังไง ข้าวเติมได้ มีซุปมิโสะ แฮมเบิร์กสามชิ้น กินเปล่าหนึ่ง กินกับหัวไชเท้าโชยุหนึ่ง และไข่แดงดิบหนึ่ง ซอสอีกหกชนิดที่วางไว้ให้ คิดว่าไปไม่ถึงแน่ๆ😆

ชิ้นแรกวาง โอ้โห เนื้อฉ่ำมาก ย่างเก่งจัด ตะเกียบคีบนี่น้ำเนื้อหยดแหมะ กัดคำแรกก็คือดีหอม ย่างได้ on point เนื้อไม่สาก ไม่สาป นุ่มละมุนมาก กินกับข้าวคือพอดิบพอดี

คำที่สองกินกับหัวไชเท้าและโชยุ เปรี้ยวเค็มอร่อยมาก อร่อยจนกลัวว่าจะไม่ชอบคำที่สามเท่าคำนี้อ่ะ แค่กินข้าวชั้นยังไม่อยู่กับปัจจุบันเลย😓

แต่ไข่แดงสู้จ้ะ ดูความสดของไข่ มันคือสดจนหอมหวานมันไปหมดตอนเอาเนื้อป้ายแล้วเข้าปาก

ใครกลัวเลี่ยนอยากบอกว่าไม่เลี่ยน และกิมจิสดช่วยมาก ดีสุดๆ สลัดมันฝรั่งก็ดี รู้เลยว่าคัดมันฝรั่งใหม่มาทำ

จุดเด่นสำหรับจ๋าของร้อนนี้คือคุณภาพวัตถุดิบ คุณภาพรสชาติชัดเจนทั้งในข้าว ผัก ไข่ เนื้อ มันฝรั่ง วัตถุดิบที่ไม่เด้ดมันมีรสชาติเฉพาะจริงๆ แค่เอามาปรุงให้ถูกต้องและพอดี มันคืออร่อยที่สุดแล้ว

เอาล่ะลำบากต้องหาเวลาไปรับคิวอีกเพื่อซ้ำนี่แหละจ้ะ

Never underestimate the power of good conversation🤍
#MakerY

PD‘s Note
My Magic Prophecy EP4
ตอนสี่ที่ผ่านมาเหมือนการเปิดใจและปรับตัวของคนสองคนที่เริ่มหาจุดตรงกลางที่อยู่กันได้ อยู่ได้สบายเลยแหละจากที่คุณทัพฟ้าเมาทิ้งร่างขนาดนั้น และทำให้เห็นอินก็เริ่มเป็นที่พึ่งให้ทัพฟ้าได้เช่นกัน มันเปิดประตูบานเล็กๆของอินทุที่ไม่เคยเศร้าให้ใครเห็น และทัพฟ้าที่ไม่เคยพึ่งพาใคร

แบกมาเยอะเลยเหรอ? คำถามง่ายๆแต่กลายเป็นกุญแจที่ไขไปซะลึกเชียว

การถ่ายทำสนุกสนาน ฉากเมายอมรับว่าต้องดูดเสียงหัวเราะของแก๊งกำกับออก เพราะหัวเราะดังมาก ไม่นึกว่าพี่จิมจะปล่อยเบอร์นั้นและเล่นต่อเนื่องได้เป๊ะ และคารวะซีที่รับได้ทุกอย่างโดยไม่หลุดเลยซักแอะ ความทุ่มเทของครูรักที่หนูกลัวว่าหัวจะแตกมากค่ะ😅 ในห้องตัดแทบจะตีกันตายว่าจะเอาอะไรไว้ สุดท้ายต้องยอมเพื่อเซฟหน้าพี่พระเอกไว้บ้าง แต่ทีมเบื้องหลังก็เอาไปปล่อยใน bts อยู่ดี นี่มันทำงานเป็นทีมประดุจมิจที่แท้😆

EP 5 คืนนี้ พูดสั้นๆว่าจะพลาดตอนไหนก็ได้(ไม่ได้) แต่ห้ามพลาดตอนนี้ ใครยังไม่สมัครดู Uncut ให้ไวเลย เดี๋ยวหาว่าไม่เตือน 😏 มาเอาใจช่วยสารวัตรต้นและคุณหมอปกป้องด้วยค่ะ😆

#MyMagicProphecy

ใน 24 ชั่วโมง
การจราจรเอาไปแล้ว 12 นอน 8
เหลือให้นี่ทำงานแค่ 4 แหละ
ติดอะไร๊?!?

One week flies by and I'm only half-conscious😅

PD‘s Note:
My Magic Prophecy EP3

ตอนสามเป็นตอนที่จ๋าชอบมากที่สุดตอนหนึ่งในเรื่องนี้ มันคือไคลแม็กซ์ของความสัมพันธ์ ถ้าตัวละครก้าวข้ามจุดนี้ไม่ได้เรื่องจบเลย ความสัมพันธ์ไม่เกิด

ทำไมอินถึงพัง เพราะเก็บมานานและไม่เคยได้แชร์กับใคร ไม่เคยยอมให้ใครกอดปลอบ ไม่เคยยอมให้ใครเห็นน้ำตา ไม่เคยยอมให้ใครเข้ามาในพื้นที่ของตัวเอง

ทำไมทัพฟ้าน้ำตาไหล? เอาจริงตกใจเหมือนกันตอนเห็นน้ำตาหยดนั้น ไม่นึกว่าจิมมี่จะพาทัพฟ้าไปแตะจุดนั้นได้ ฉากทะเลาะกันกับฉากที่ทัพฟ้าเดินออกจากบ้าน ถ่ายห่างกันเป็นเดือนเลย แต่พอเล่าให้พี่จิมฟัง ก็คือต่อได้ทันที จากท้ายฉากทะเลาะกัน สิ่งที่สัมผัสได้คือความโกรธ โกรธจนน้ำตาไหลอ่ะ ชีวิตจริงเราไปแตะจุดนั้นกันน้อยมาก พอได้เห็นในการแสดงแล้วมันสะใจ🤣 โกรธแต่ก็แคร์ เล่นยากจังวะ

ฉากที่อินร้องไห้ในห้องน้ำ ซีไปดีพมาก น่าจะดีพสุด เพราะเป็นซีนอารมณ์ซีนแรกของอินทุในการถ่ายทำ และปมของอินทุคือจุดอ่อนของซี นั่นคือเรื่องครอบครัว ดีใจที่ฉากนี้จบด้วยการที่ได้รับการกอดปลอดจากพี่จิม พี่เอิร์ธ editor รับลูกด้วยการ debut เพลงคู่เข้าไปเลย ทั้งๆที่ตามแผนคือจะปล่อยใน EP.4 แต่เวลาเจอจังหวะที่เรื่องมันเล่าทุกอย่างด้วยตัวเองจนคนทำงานปฏิเสธไม่ได้อ่ะ มันสะใจ มันคือ Magic Moment ที่เราโคตรชอบ

จบฉากนี้จำได้ว่าจ๋าพูดกับทั้งสองคนว่าคุณสองคนคือพาร์ตเนอร์ทางการแสดงที่โคตรดีเลย และนี่เป็นครั้งแรกของจ๋าที่ต้องสั่งสลับฉาก เพื่อให้ซีไปนอนพักก่อน😅 หมดจริง ให้นอนก่อนค่อยมาถ่ายฉากซ่อมเก้าอี้กันต่อ ซึ่งตอนถ่ายมันดีแบบไม่ต้องตัดอะไรเลย
ขอบคุณเพจ react ทุกเพจ คนดูทุกคนที่ตีความกันได้สะใจมากค่ะ🫶🏼
EP.4 เกียมหมอนจ้ะ มันคือการปรับตัวหากัน และรอดูการแสดงที่พี่จิมเคยบอกว่ามันคือตัวเค้าในมุมที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็น ได้เห็นแน่คืนนี้ และการแสดงหน้าเหม็นเบื่อของซีในหลายร้อยรูปแบบ เจอแน่

ส่วนตัวละครอื่นๆน่าจะพูดถึงได้มากขึ้นในตอนหน้านะคะ🤍
#MyMagicProphecy

Last Sunday🤍

ขอให้ปิดเสียงก่อนเลื่อนดูคลิปที่สอง😅

ดีใจสุดๆก็เรื่องนึง เกียดแอ้คติ้งวรินทรก็อีกเรื่องนึงนะ🤣รู้ก่อนแล้วทำมาเป็น🤣

ดีใจกับทั้งสองคนน้า รอเลี้ยงหลานค่ะ

แม่เราสวยป่ะ? 🤍 @yuchat1515

PD‘s Note
My Magic Prophecy Ep2

ตอนที่ผ่านมาคือการเปิดแผลใจของอินทุให้กับคนที่ไม่คิดว่าจะสามารถเปิดได้ แต่อยู่ดีๆก็กลายเป็นทัพฟ้าที่ได้เห็นแผลนี้ของอินอย่างชัดเจนเป็นคนแรก อาจจะเพราะความห่วงใยที่ขัดกับคำพูดของทัพฟ้าที่ส่งมาเรื่อยๆ หรืออาจจะเพราะได้ผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาหมาดๆ

จ๋าชอบที่คุณดวินทร์ ผู้เขียนนิยายเรื่องนี้เขียนไว้ว่าอินทุคือความเปราะบางก้อนใหญ่ที่พยายามแอบซ่อนไว้ วันนี้มีคนมากระเทาะความเปราะบางนั้นออกแล้ว วันนี้น่าจะได้รู้กันว่า เมื่อแผลเปิด แล้วอินจะยอมให้หมอทัพฟ้ารักษาแผลนั้นต่อหรือไม่

สำหรับคืนนี้คือการปรับตัวครั้งใหญ่ของอินโทรเวิร์ดตัวพ่อที่แม้แต่เพื่อนสนิทยังไม่ค่อยจะยอมให้เข้าบ้านด้วยซ้ำ แต่วันนี้มีคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ด้วยกัน แถมเป็นพื้นที่ที่เก็บความทรงจำและความเจ็บปวดทุกอย่างของอินเอาไว้

คืนนี้มีฉากที่เราตัดสินใจส่งจิมมี่กับซีไปหาครูร่ม @romumbrellala เพื่อทำความเข้าใจกับอารมณ์ทั้งหมดและหาทางถ่ายทอดมันออกมา

เราถ่ายฉากนี้กันตั้งแต่คิวแรก วันที่ 4 หลังจากเปิดกล้อง จ๋าเรียกฉากคืนนี้ว่าฉากซื้อใจกัน เพราะวันที่ถ่ายทั้งทีมและนักแสดงยังไม่รู้จักกันดีมากนัก หลังจากถ่ายฉากคืนนี้จบ มีการซื้อใจกันเงียบๆ หลังเลิกกอง พี่แอ้ม @anyama ที่ถือกล้องคอยเก็บภาพนิ่งพูดกับจ๋าว่า “เราจะส่งน้องไปให้สุดเลยนะพี่จ๋า เด็กต้องได้”
ทีมที่ได้ดู EP 3 ไปแล้ว ได้คำสรุปมาว่า “มีความสุข” คืนนี้มามีความสุขไปด้วยกันค่ะ #MyMagicProphecy

นี่คือการดู Phantom of the Opera ครั้งที่สาม และบอกเลยว่านี่คือแคสที่ดีที่สุดและโปรดักชั่นดีสุด เป็นครั้งแรกที่น้ำตาไหลตอนดู น่าจะเพราะเข้าใจสารจากสิ่งที่นักแสดงเล่าให้ฟังจริง ผ่านการร้องที่โคตรทรงพลัง คือกลับไปฟังเพลงจากเวอร์ชั่นก่อนๆยากเลยอ่ะ นักแสดงเซ็ตนี้ร้องโหดมาก ทั้งๆที่จะเหมือนเอาแอคติ้งนำด้วยซ้ำ

เอาดี Phantom เท่จัดเลย สูงมาก หุ่นคือถูกต้อง มันมีความกึ่งคนกึ่งปีศาจ แต่พอต้องแสดงความเป็นมนุษย์ออกมาคือเปราะบางมาก ส่วนคริสตินคือเสียงแบบแม่เอ๊ย เอามาจากไหนก๊อน แล้วคอสตูมและ Lighting รอบนี้เด็ดขาดมาก ชอบ Chandelier อันนี้ที่หนึ่ง และไม่เจอโชว์ที่มี Standing Ovation มานาน สำหรับคนบันเทิง สิ่งนี้วิเศษที่สุด

พูดตรงๆว่าก่อนมาแอบไม่ตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะเคยดูแล้ว แต่พอโน้ต 6-7 ตัวนั้นขึ้น เหมือนจุดไฟ การได้ดูงานคลาสสิกมันมีผลกับใจเหมือนกัน โดยเฉพาะถ้าใครเป็นศิลปินและนักแสดง อยากให้เปิดใจดูซักครั้งนะคะ มันสอนให้เราเข้าใจศาสตร์บางอย่างและได้รู้สึกมันจริงๆ ตอนจบแล้วจ๋าเจอน้องๆนักแสดงที่ได้ดูครั้งแรกเดินน้ำตาเอ่อๆกันแล้วเข้าใจมาก บางอย่างมันโดนเปิดออกแล้วจริงๆ

โปรดักชั่นระดับโลกมาอยู่หน้าบ้านแล้ว ไปดูเถอะ มีถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนะคะ รัชดาลัยนี่เองเท๊ออออ

#PhantomOfTheOpera

Race Note
📍ออกตัวก่อนว่าหลังจากไปแข่งว่ายวิ่งที่สิงคโปร์เมื่อเดือนมกราแล้วก็ไม่ได้ซ้อมอีกเลย😅 ชีวิตเข้าสู่โหมดผู้จัดอย่างเข้มข้น แต่โค้ชบอกให้ไปวิ่ง 10K เอ๊าก็ไป ให้มันเป็นภาระของโค้ช เรามันตัวปัญหาอยู่แล้ว

📍ถึงระยองสองทุ่มครึ่ง เข้าห้องเย็นกับโค้ชก่อน โค้ชบอกแผนว่าตื่นตีสามแล้วกินเลย ขนมปัง กาแฟ Electrolyte ดื่มน้ำให้เยอะแล้วเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ก่อนวิ่งกินเจลหนึ่งซอง เกลือเม็ดหนึ่ง จิบน้ำเรื่อยๆ กลับตัวครึ่งทางเติมเจลและเกลือ เจอสตเชั่นน้ำให้แวะ ต้องแวะทุกอัน ดื่มไม่ดื่มไม่สน แต่แวะก่อน แผนมีแค่นี้

📍กลับมาห้อง จัดของให้ครบ แล้วกินยานอนสี่ทุ่ม ตีสามตื่น ผีบ้า และทันทีที่หนมปังตกถึงท้อง เหมือนได้ยินเสียงกระเพาะด่าสวนมาว่าอิชิบหาย ใครเค้ากินอาหารเวลานี้ ด่ามันกลับด้วยการกินต่อ อัดกาแฟ อัดวิตามิน อาบน้ำแต่งตัวแล้วไปค่ะ
เช้านี้ไม่ร้อนมากแต่ไม่เย็น ปล่อยตัวก็วิ่งไป วิ่ง 10K รอบที่แล้วโค้ชขอ 1 ชมโมง 10 นาที รอบนี้โค้ชไม่ขออะไร คงรู้ว่ามากไป
และจากอาการแพนิคเมื่อตอนไปแข่งแล้วเจอคนเยอะๆที่สิงคโปร์ รอบนี้ตัดสินใจใส่หูฟังไว้ข้างนึง ตัดเสียง อยู่กะตัวเอง Playlist รวมๆ แต่บอกกะตัวเองว่าถ้าเพลงแม่บียอนเซ่ขึ้น กุจะสับ

📍ห้ากิโลแรกอย่างดี โคตรดี อยู่กับตัวเอง เคาะๆไป 7.5 พอเริ่มไป 7.2 ผ่อนลง เจอซุ้มน้ำแรกก็เข้าตามคำสั่ง จิบหยิ่งๆพอ

📍จุดอ่อนของจ๋าคือกิโลที่ 6 เพราะส่วนใหญ่วิ่งแค่ 5K พอเข้าหกจะหยุดเดิน ก็เลยตั้งไว้ว่าจะผ่านหกให้ได้ มาถึงจุดกลับตัวสวยๆห้าโล ยังสบายอยู่

อากาศเริ่มร้อนอ้าว เจอซุ้มน้ำเริ่มเอามาลูบตัว

📍ความรุงรังจะเกิดละ ควักเจลมากินก่อน กินหมดหาถังขยะไม่เจออีก กะระยะจะกินเกลือผิดอีก หันซ้ายหันขวาจนเริ่มเวียนหัว เลยจะควักยาดมมาดม ควักขึ้นมาเป็นลิปสติก เอ๊าอีเปรต แต่ไหนๆละ กุเติมปากก่อนก็ได้ พอดีผ่านเข้ากิโลที่เจ็ด เจอโค้ชอีกครั้งที่หน้าโรงแรม โค้ชตะโกนว่า “รอดแล้วๆ”

เท่านั้นแหละ แรงหมดจ้ะ หมดที่เจ็ดโลพอดีที่ซ้อมมาเป๊ะ อากาศเริ่มร้อน ความชื้นเริ่มมา มือเริ่มเย็นเหมือนจะเป็นลม เจอซุ้มน้ำ ทีนี้ชั้นเอาแก้วน้ำแข็งสาดหน้าไปเลยจ้ะ

500 เมตรสุดท้ายวัดใจ วิ่งเคาะไปที่เพส 6 ให้มันจบๆ มาถึงอุโมงค์พ่นน้ำ 300 เมตรก่อนเข้าเส้นชัย ละอองน้ำกับผมไร้น้ำหนักของชั้น สภาพเข้าเส้นชัยกุมอมเป็นวุ้นเป็ด!!

สุดท้ายก็จบ 10K ที่ 1 ชั่วโมง 18 นาที ก็โอเคแหละ

สิ่งที่ได้จากงานนี้คือต้องซ้อมจ้ะ แค่นั้นเลย คิดว่าโค้ชให้มาวิ่งเพื่อเรียกสติเราแหละ

เป้าหมายของปีนี้คือ Half เดือนตุลาที่ญี่ปุ่น แปลว่าอีกสองเดือน เอาดีๆ ใครซ้อมทันก่อน

แต่ใช่ มันคือปัญหาของโค้ชแหละ

July หลายๆคน 🌈🫶🏼🤍🔮✨

PD‘s Note✨
My Magic Prophecy EP 1:
Wheel of Fortune
เป็นการตั้งคำถามกับ theme เรื่องว่า
“เราจะตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบได้มั้ย โดยเฉพาะกับคนที่มีความเชื่อตรงข้ามกับเรา?“ ทัพฟ้ากับอินทุไม่มีอะไรเหมือนกันซักอย่างเลย ทั้งความเชื่อและวิถีชีวิต
ทัพฟ้าผู้เพียบพร้อม แต่มีภาระที่แบกไว้และมีปมในใจที่ไม่เคยแสดงออก อินทุที่โดดเดี่ยว และปฏิเสธความรักเพราะกลัวการจากลา

สุดท้าย โลกก็เหวี่ยงให้มาเจอกันอยู่ดี อินที่จะเห็นนิมิตของคนที่สัมผัสตัวหรือสบตา แต่จะฝันเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นของคนสำคัญเท่านั้น ได้แต่สงสัยว่าทำไมพี่ชายเพื่อนถึงมาอยู่ในฝันของเขาได้ ส่วนทัพฟ้าก็เริ่มรู้สึกว่าเค้าน่าจะอยู่ในอันตรายตามที่อินทำนายไว้ ทั้งๆที่ไม่เคยเชื่อหมอดูมาก่อน

มันหลายชั้นมากจริงๆ ขอบคุณพี่เอ ผกก และจิมมี่กับซีที่ทำให้มันชัดเจน ทั้งกฏกติกา รักแรกพบ และอาชีพที่แตกต่างกันของทั้งสองคน ซีตั้งใจมากกับการฝึกมือตัวเองให้เป็นหมอดูไพ่ และจิมมี่ก็ไม่ปล่อยผ่านอะไรเลยในส่วนอาชีพหมอ งานอารมณ์ก็เช่นกัน จ๋าชอบความละเอียดในมิติอารมณ์ของน้องสองคนมาก และมันจะชัดขึ้นเรื่อยๆในตอนต่อๆไป

ตอนหนึ่งผ่านไปแล้ว ตอนสองคืนนี้มีฉากสำคัญฉากหนึ่งที่ทั้งจิมมี่ ซี พี่เอและจ๋าทำงานด้วยกันหนักมาก ทั้งตีความและหาสมดุลย์ว่าเราจะเล่นฉากนี้กันยังไง เราดันฉากนี้มาเรื่อยๆ จนแน่ใจว่าทั้งจิมมี่และซีกินทัพฟ้าและอินทุเข้าไปแล้วจริงๆ ถึงได้ตัดสินใจถ่าย อย่าถามว่าพี่เอิร์ธตัดไปกี่ดราฟต์กว่าจะลงตัว อยากให้ดูค่ะ
#MyMagicProphecy

ซ้อมเท่าไหร่ ได้เท่านั้น
ร่างกายโคตรตรงไปตรงมา
....
ผิดกับสีหน้าและปากไปมาก
ขอบคุณค่ะ

ลงช้าไปหนึ่งวัน แต่ข้อมูลถูกต้องที่ 13 ปีนะ😆
ความทรงจำของงานแต่งงานตัวเองคือพี่เปิ้ลพูดแค่ “อาฟเตอร์ปาร์ตี้!!!” และ 25% ของแขกที่มาโดนหามออกไป🤣

ขอบคุณที่เก็บน้องมาเลี้ยงนะคะ @nattaboon