
#doyoulikebrahms
ซีรี่ส์ที่อึดอัดตั้งแต่ตอน1-15
แล้วมาหายใจออกตอนที่16
อึดอัดอังๆไปหมดทั้งนิสัยตัวละคร การแสดง ทรงผมนางเอกพระเอกที่ตรงแด่ว ม้วนแปลกๆความยาวผิดธรรมชาติ ทุกอย่างดูเหมือน “ว่าไม่ได้ แต่ก็ไม่สบายตัว”
ระหว่างทางใจฉันจะดิ้น
ทั้งอยากลองดูต่อเพราะยังพอมีความhonestวับๆแวมๆออกมาจากการแสดงสีหน้าของพระเอกสลับกับไม่โอเคเลยกับความมุบมิบของตัวละครนางเอก
จะซีนเศร้าซีนกดดันซีนมีความรักมากมากก็มีความสุขไม่สุดสักอย่าง
ถ้าไม่อดทนดูถึงตอนสุดท้ายอาจไม่ได้หายใจ
แต่
ดูจนจบเพิ่งรู้ว่าเรื่องนี้พาเราไปผ่านเรื่องจริงของชีวิตมากๆว่า phase บางเฟสของชีวิตมันคือความหน่วง ความบีบคั้นเนืองๆที่ใช้เวลาในการcrack เหมือนน้ำที่รอเดือดช้าๆ ทำไมไม่100องศาสักที
และจุดคลี่คลาย จุดปลดแอก หรือเติบโตของตัวละครและชีวิตจริงของใครหลายๆคน
มันไม่ได้มาใน ‘เวลาที่เราคิดว่าควรจะมาได้แล้ว’
(ในละครก็ตีไปสักเลยกลางๆหรือตอน 12-13 ชีวิตจริงก็วัยกลางคน)
การปลดล็อคมันมาเมื่อถึงเวลา เมื่อเราเรียนรู้พอแล้ว
เมื่อเรายินดีที่จะจบจากใจ กับสภาพแวดล้อมหรือนิสัยในตัวเองที่เราไม่อยากจะมีไว้หรือจมอยู่กับมัน
ทุกอย่างใช้เวลา คนดูยังต้องอดทนรอไปพร้อมๆกับตัวละคร
และในเรื่องเป็นเรื่องดนตรีด้วย คือเรื่องเวลาอีก
การฝึกฝน ฝึกซ้อม ต่อให้ไม่มีรางวัลระหว่างทาง
ทนต่อแรงกดดัน และให้เวลามากมากมากมากมากมาก
และสุดท้ายคือเมื่อพยายามทำเต็มที่แล้ว เรียนผิดแล้ว
คือปล่อย ปล่อยผิดทิ้ง แล้วพอประสบการณ์ทั้งหมดที่สั่งสมมามาบวกร่วมกับการปล่อยวางผลลัพธ์
Top formจะเกิดขึ้นเองจากสภาวะที่เราไม่ต้องการอะไรจากสิ่งที่ทำอีกแล้ว
คนอื่นว่าไงไม่รู้แต่ นี่คือสิ่งที่ฉันได้จากการดูเรื่องนี้ค่ะ แชร์ได้