คนเรามักหยิบเอาเศษข้อมูลเล็กๆ จากชีวิตของผู้อื่น
มาแสดงราวกับว่ารู้จักทั้งหมด
นี่เป็นความเสแสร้งที่หลายคนทำจนเคยชิน
แต่ไม่ค่อยมีใครยอมรับกับตัวเองว่ากำลังทำอยู่
ลองคิดเล่น ๆ ว่า
ถ้าหากดีดนิ้วหนึ่งครั้ง
แล้วคนที่ตัดสินจากเศษข้อมูลเหล่านี้หายไป
โลกคงเหลือผู้คนไม่มากนัก
นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมตั้งคำถามว่า—
อะไรทำให้มนุษย์เชื่อสิ่งที่ได้ยิน
มากกว่าสิ่งที่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง?
มนุษย์โง่ขนาดนั้นจริงหรือ?
หรือมีบางอย่างในตัวเรา ที่กดสวิตช์ให้มองผิวหน้า
แล้วสรุปทั้งความจริงจากเพียงเศษเสี้ยวเดียว?
และคำตอบที่ผมได้ก็คือ
มนุษย์ไม่ได้เชื่อสิ่งที่เป็นจริง
มนุษย์เชื่อสิ่งที่ถูกย้ำซ้ำๆ
สมองของเราเห็น “ความคุ้นชิน”
เป็นสัญญาณของ “ความจริง”
ทั้งที่มันอาจไม่ใช่อะไรใกล้เคียงเลยด้วยซ้ำ
แต่ถ้าความคุ้นชินเหล่านั้น
เกิดขึ้นโดยไม่เคยใช้สติ
มนุษย์ก็จะเลิกใช้สติในเรื่องนั้นไปเรื่อยๆ
ทำซ้ำโดยอัตโนมัติ
เหมือนเครื่องจักรที่ตั้งโปรแกรมผิดไปตั้งแต่แรก
ในทางกลับกัน
ถ้าความคุ้นชินนั้น
มีช่องว่างเพียงเล็กน้อยให้สติได้เข้าไปแตะ
บางที…
สตินั้นอาจเติบโตขึ้นจนทำให้เรามองเห็น
สิ่งที่เป็นตัวเองอย่างแท้จริง
ไม่ใช่สิ่งที่ถูกเล่าให้เชื่อมาเป็นสิบปี
และเมื่อมองเห็นตัวเองได้
อาการเสแสร้ง
อาการตัดสิน
อาการหลงเชื่อสิ่งที่ไม่ได้รู้จริง
ก็จะค่อยๆ หายไปเอง
เหมือนเงาที่สลายไปเมื่อมีแสงสว่างเพียงพอ