SIAMZONE.COM

ไม่ครับ New Zealand ต่างหากที่ฉายก่อนที่ใดในโลก เขาฉายกันตอนนาทีแรกของวันที่ 31 เลย
เป็น World Preview ครับ

ผมเห็นด้วยกับคุณ sundae และคุณพีท นะครับ ภาคแรกดูสนุกกว่า แต่ภาค 2 ก็ถือว่าดูได้ครับ

ตั้งความหวังกะหนังไว้สูงนะก่อนจะได้ดู เลยมีความผิดหวังเล็กๆๆ นิดหน่อยกะเนื้อเรื่องของหนังภาคต่อนี้ ด้านเทคนิคขอชมว่าเยี่ยมอย่างที่คิด แต่เนื้อเรื่องกับการกระจายบทบาทให้กะตัวละคร ที่เพิ่มเข้ามามากมายในภาคนี้ เบาเหลือเกิน จนเห็นเป็นจุดอ่อนของหนังภาคนี้อย่างชัดเจน ดูจบแล้วคงคิดเหมือนผมคือ ทำไมฝ่ายตัวร้ายของภาคนี้ถึงมีลูกน้องที่เป็นพวกกลายพันธุ์น้อยจริงๆ คือแค่คนเดียวเอง ทั้งที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญดัดแปลงมนุษย์กลายพันธุ์ ตอนจบมีทิ้งเชื้อไว้ให้ติดตามต่ออีกแย้ว คงต้องตามต่ออีกแล้วสิ สรุปว่าดูภาคแรกมันส์กว่าแยะนะ

X2: X-Men United (ศึกมนุษย์พลังเหนือโลก 2)

ดูมาแล้วครับ X2: X-Men United หนังซัมเมอร์ ฟอร์มใหญ่ เรื่องแรกของปี 2003 สำหรับเรื่องนี้ผมตั้งความหวังไว้มากพอสมควร แต่ถึงที่สุดแล้วหนังกลับทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควรครับ ถ้าจะให้เทียบกับภาคแรก ผมว่าภาคแรกสนุกและดีกว่านะครับ

หนังเปิดเรื่อง ด้วยฉาก บุกทำเนียบขาว โดย ไนท์ครอว์เลอร์ ซึ่งฉากนี้หนังสามารถทำออกมาได้สุดยอดเหนือคำบรรยายจริงๆ เทคนิคภาพสามารถทำได้ออกมาดีมากๆ ซึ่งเป็นเหตุให้ผม มุ่งหวังที่จะได้เห็นฉากที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ตามออกมาอีกเป็นชุดๆเรื่อยๆ จนถึงจุดไคล์แมกซ์ของหนัง

แต่แล้วเนื้อเรื่องหลังจากนั้น หนังไม่สามารถมาพร้อมกับฉากที่น่าจดจำแบบนั้นได้อีก แม้กระทั้งฉากไคล์แมกซ์ของเรื่องซึ่งดูแล้วทำออกมาได้ธรรมดาเกินไป

ส่วนเนื้อเรื่องภาคนี้เล่าเรื่องได้ไม่ค่อยน่าติดตามและสนุกชวนลุ้นได้เท่าภาคแรก เนื่องจาก ภาคนี้หนังได้จับใส่ละครเข้าไปจนล้นจอ (ภาคที่แล้วคิดว่าเยอะแล้วนะครับ พอมาภาคนี้ยิ่งอัดเพิ่มเข้าไปอีก) ซึ่งทำให้หนังต้องพยายามกระจายบทให้ทั่วถึง แต่หนังก็ไม่สามารถที่จะทำในส่วนนี้ให้ดีได้ เห็นได้จากตัวละครบางตัวบางตัว แทบจะไม่มีความหมายไร้ประโยชน์กับเนื้อเรื่องไปเลย

การที่หนังมีตัวละครมากเกินไปทำให้ การดำเนินเรื่องทำได้ยากมากขึ้น เนื่องจากหนังต้องพยายามคิดฉากโน้นฉากนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะสามารถจับใส่ ตัวละครเข้าไปให้ได้มากที่สุดเท่าจะเป็นไปได้ จนหนังลืมนึกถึงความสัมพันธ์ของเนื้อเรื่อง และ ระยะเวลาของหนัง ซึ่งทำให้หนังออกมายาวถึง 135 นาที และกลายเป็นการสร้างความน่าเบื่อ แบบไม่ได้ตั้งใจ

ในส่วนของตัวละครในภาคนี้คิดว่า ไม่มีใครเด่นไปกว่ากันมากนัก แต่หนังเน้นดำเนินเรื่องไปพร้อมกับตัวละคร อย่าง วูลฟ์เวอรีน เป็นสำคัญ ซะมากกว่า เห็นได้จากบทของ วูลฟ์เวอรีน บทเป็นบทที่ดูลึกที่สุดในภาคนี้อีกเช่นเคย(เหมือนภาคแรก) ส่วนตัวละครที่ผมชอบในภาคนี้ ผมยกให้กับ ไนท์ครอว์เลอร์ ผู้สามารถย้ายตนเองจากที่หนึ่ง ไปสู่อีกที่หนึ่ง กับฉากเปิดเรื่องที่ถือว่าสุดยอดจริงๆ

สรุปแล้ว X2: X-Men United เป็นหนังฟอร์มใหญ่ที่ผมดูแล้วค่อนข้างจะผิดหวังพอสมควร แต่หนังไม่ถึงกับขั้นแย่อะไรมากนัก ถือว่าดูได้เรื่อยๆเพลินๆได้บ้างครับ และคิดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับโปรแกรมหนังที่เข้าฉายในช่วงนี้ด้วยกัน(1 พค.)

สำหรับ X2: X-Men United ผมให้ C ครับ ไม่ดีและไม่แย่จนเกินไป

สนุกมาก สนุกกว่าภาคแรกอีก

ประเทศไทยไม่ใช่เป็นประเทศแรกที่ฉาย x-men ก่อนอเมริกา ประเทศสิงคโปร์ต่างหากที่ฉายก่อนใครในโลก

โห่ ! แม็คนีโต้ไม่ให้เราสู้อีก...แย้ว ตัวเราตั้งใหญ่ ภาค1เซเบอร์ทูสก็ได้เล่นแล้ว...ภาค2ก็ไม่ได้เล่นอีก...เมื่อไหร่จะได้สู้ จ๋อย ! ต้องรอภาค3อีก แย้วววววววววววๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

จริงๆแล้วเราไม่ได้เป็นแฟนการ์ตูนหรือหนังสือการ์ตูน X-MEN เลย แค่รู้จัก X-MEN จากเกม แต่พอได้มาดูหนัง X-MEN ก็ทำให้เรากลายเป็นคนบ้าคลั่ง X-MEN ขั้นโคม่าอย่างแรง! แต่ยังไงเราก็เป็นแฟนหนัง X-MEN มากกว่าที่เป็นการ์ตูน

ชอบหนังเรื่องนี้มากที่สุดในโลกเลย เมื่อปี 2000 ที่ได้ดูภาคแรกก็ไม่คิดว่าจะมีภาค 2 แต่พอได้ข่าวว่าถ่ายทำภาค 2 ไปเสร็จแล้วเมื่อสิ้นปี2002 ก็ตั้งตารอคอยที่จะดูมาตลอดเลย และได้ข่าวแว่วๆมาว่าเขากำลังเตรียมที่จะทำภาค 3 อีกด้วย ถ้าเขาทำจริง พวกแฟนๆหนัง x เอ้ย! X -MEN อย่างพวกเราก็คงจะได้ดูภาค 3 กันในปี 2005 (อดทนหน่อยนะจ๊ะ)

เป็นเรื่องแรกของปีนี้ที่ตั้งตารอคอย ด้วยความอยากดู เพราะคิดถึงวงแขนอันล่ำบึ้กของวูฟเวอร์ลินมาก