วิจารณ์ The Passion of the Christ
-
ไทยพุทธ (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 20 เม.ย. 47 09:33
หนังเรื่องนี้ผมว่าเหมาะกับชาวคริสต์ดู คนไทยศาสนาอื่นโดยเฉพาะชาวพุทธคงดูไม่ค่อยเข้าใจ เพราะไม่รู้ที่ไปที่มา เลยดูแล้วไม่ซึ้งและไม่เข้าถึงอารมณ์ ถ้าอยากรู้เรื่องคงต้องศึกษาที่ไปที่มา ฉะนั้นผมคิดว่าหนังเรื่องนี้คงทำเงินยากในประเทศไทย เพราะชาวคริสต์ในไทยมีไม่มาก
-
คนบาปที่พระองค์ไม่เคยเกลียดชัง (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 20 เม.ย. 47 09:09
ดูหนังเรื่องนี้แล้วค่ะ เนื้อหาสาระดีมากค่ะ (ไม่ใช้คำว่าสนุกนะคะ) ถึงแม้จะเป็นภาพยนตร์ก็ตามแต่สามารถสื่อได้ดีมากๆ ยิ่งช่วงที่ดูเป็นช่วงที่เป็นเทศกาลปัสกาช่วงวันศุกร์ศักดิ์ยิ่งรู้สึกว่าเข้าถึงพระมหาทรมานมากยิ่งขึ้น ยอมรับเลยว่าได้ดูแล้วร้องไห้เลย อยากให้ทุกคนที่สนใจและตั้งใจไปดูกันเพราะเป็นอะไรที่ดีมากๆๆและอยากจะบอกนะคะว่าพระเยซูเจ้าไม่ได้มีกิเลสนะคะพระองค์ไม่ได้กลัวความเจ็บและความตาย เพราะพระองค์เองรู้ว่าพระองค์ต้องเจออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจะเรียกว่ากิเลสในใจไม่ได้ค่ะ แต่เราเข้าใจค่ะว่าคุณรู้สึกดีค่ะ แล้วก็ตรงพระโพธิสัตย์ด้วยนะคะเรายินดีค่ะที่คุณชื่นชมหนังเรื่องนี้
-
คริสเตียนคนหนึ่ง (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 20 เม.ย. 47 09:00
ได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว ไม่ชอบเลย เพราะเลือดเต็มจอไปหมด คิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผู้สร้าง และต้องการทำเงินมากกว่า เพราะ 1 ชั่วโมงเต็ม ๆ มีแต่ฉากการทำร้ายพระเยซู ซึ่งจริง ๆ แล้ว ควรให้อะไรที่มากกว่านี้ ในความคิดเห็นของตัวเองแล้ว รู้สึกเสียดายเงินมากกว่า และไม่คิดจะพาเพื่อนที่ไม่เป็นคริสเตียนเข้าดูหนังเรื่องนี้เด็ดขาด
ผลจากหนังเรื่องนี้ ทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิด ไม่ว่าจะเป็นยิว หรือชาวโรม ในอิตาลีปัจจุบัน อย่าไปดูเลย เสียดายตังส์ อ่านพระคัมภีร์ได้อะไรกว่าเยอะเลย -
churit (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 19 เม.ย. 47 10:14
เมื่อวานตั้งใจจะไปดูที่สกาลาเหมือนกัน
ปรากฏว่าทางโรงหนังบอกว่า บริษัทเขายกเลิก
รู้พิเศษ วันอาทิตย์ทั้ง ๓ รอบไป
เจอคนบ่นเซ็ง คอตกกลับมาหลายคนเหมือนกัน
คราวหน้าคราวหลัง
จะประกาศฉายหนังรอบพิเศษอะไร
ทางบริษัทควรมีความรับผิดชอบในคำพูดมากกว่านี้ด้วยนะครับ -
เก็บตกอันที่2 (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 17 เม.ย. 47 02:27
อ่านเก็บตกอันที่ 1 ก่อนนะครับ แล้วค่อยอ่านเก็บตกอันที่ 2
เก็บมาจากบอร์ดลานสนทนาธรรม
ความคิดเห็นที่ 32 : (แทมแทมคริสตชน) อ้างอิง |
เรียน มิตรทุกท่านด้วยความรัก
ก่อนอื่นใดทั้งหมดผมขอขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างมากที่ได้ให้ความสำคัญกับการนำเสนอเรื่องราวขององค์พระเยซูเจ้า ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรแด่ทุกท่านในความรักอันบริสุทธิ์ และขอเดชะพระจิตเจ้าทรงนำให้มิตรที่รักทุกท่านได้เข้าใจในธรรมอันล้ำลึกนี้ด้วยเทอญ
ผมเป็นคริสตชนคาทอลิก และยังไม่มีโอกาสได้ชมภาพยนตร์ในการจัดฉายรอบปฐมทัศน์ที่โรงภาพยนตร์สกาล่า เพราะติดตามข่าวไม่ทัน แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าฉายเมืองไทย วันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2547 เป็นวันแรก จึงขออนุญาติแจ้งนำข่าวมายังผู้ที่สนใจครับ
ดังอย่างที่มิตรหลายท่านบอกกระทู้นี่ค่อนข้างหวาดเสียว แต่ก็เป็นเพียงแค่เปลือกของชื่อ แต่เมื่อดูเนื้อใน ก็เกิดความเปรมปรี ที่ชาวพุทธ มิตรที่รักทุกท่านชื่นชมในภารกิจขององค์พระเยซูเจ้า อย่างมากมาย ก่อให้เกิดความชื่นชมในหมู่คริสตชนเป็นอย่างยิ่ง
หลายๆ ข้อคำตอบ ผมได้อ่านแล้วอยากเพียงเติมเต็มให้ชัดในทางประเด็นดังนี้ครับ
1. สำหรับผู้เขียน ซึ่งได้เขียนอธิบายดังนี้ว่า
พระเยซูทรงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า หนึ่งในหมู่เพื่อนของพระองค์คือยูดาสจะทรยศพระองค์และนำความตายมาสู่พระองค์ ซึ่งได้ใช้คำว่าเพื่อนนั้น ไม่ได้เป็นการผิดแต่อย่างใด เพียงแต่ผมขอขยายความว่า ยูดาส อิสคาริโอท และ เปโตร หรือ ปีเตอร์ นั้น คือ อัครสาวก 12 องค์แรก ที่พระเยซูทรงได้ตั้งขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรักขององค์พระเยซูเจ้า ในมโนภาพของคนทั่วไปนั้น จะมีภาพอยู่ว่า เปโตรนั้นเป็นสาวก ซึ่งหากใช้คำว่าเพื่อนนั้น เป็นการบ่งให้ชัดถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ในทางสัมพันธภาพระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ แต่ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลนั้น ใช้คำว่า สาวก เพื่อแสดงให้เห็นภาพว่า เป็นสัมพันธภาพทั้ง 2 อย่าง คือ
1. ระหว่างพระเจ้า(ในสภาพมนุษย์ของพระเยซูเจ้า)กับมนุษย์
2. ความเป็นเพื่อน ซึ่งในการร่วมรับประทานอาหารครั้งสุดท้าย พระองค์ทรงร่วมเสวยด้วยอย่างไม่ถือเกียรติ หรือ แม้แต่กระทั่งการไม่รังเกียจหญิงโสเภณี ( แต่พระองค์ทรงเกลียดบาปในตัวของหญิงคนนั้น )
การที่ขยายความเช่นนี้ เพื่อให้ชาวพุทธ เมื่ออ่านคำว่า เพื่อน ในที่นี่แล้ว จักได้เพิ่มมโนภาพอีกภาพหนึ่งเพื่อเติมเต็มให้ชัดขึ้น ครับ
2. พระองค์ทรงต่อสู้อย่างหนักกับกิเลสในใจของพระองค์นั่นคือความกลัวในสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพระองค์ ในข้อความนี้ เมื่ออ่านแล้วอาจนึกมโนภาพเทียบกับ กิเลส ในคนทั่วๆ ไป ในการนำเสนอภาพยนตร์มีฉากที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน ในฐานความเข้าใจของผู้อื่นก็อาจมีกรอบความเข้าใจ ทำให้เกิดมโนภาพนึกถึงสภาพความเจ็บปวดของมนุษย์ ซึ่งปนมาด้วยความกลัวเจ็บ กลัวตาย และยอมกระทำการใด ๆ เพื่อหยุดความเจ็บปวดนั้น ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ นะครับในสภาพของมนุษย์ตามธรรมชาติกำเนิด
คือใครอธิบายในกรณีนี้ครับว่า พระเยซูกำเนิดขึ้นโดยเดชะพระจิตเจ้า ซึ่งไม่ได้เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้เพราะถือสภาพเป็นพระเจ้า โดยตรรกะแล้ว การมีสภาพเหนือธรรมชาติ จึงจะสามารถควมคุบธรรมชาติได้ ดังนั้น พระเยซูจึงกำเนิดขึ้นโดยสภาวะเหนือธรรมชาติดังที่มิตรทั้งหลายพอทราบ เมื่อเจริญวัยจนถึงสิ้นพระชนม์ ผมไม่อาจบ่งบอกได้ว่า พระองค์มีกิเลสหรือไม่ ถ้ามีมากน้อยอบ่างไร แต่หากยึดเอาพระคัมภีร์แล้ว พระองค์มีสภาพความเป็นมนุษย์ ( กาย ) เท่านั้น แต่ ( จิต ) ความคิด สติ ปัญญานั้น มีสภาวะของพระเจ้าอยู่ โดยมีเดชะพระจิตเจ้าทรงอยู่ร่วมกับพระธรรมชาติกายมนุษย์ของพระเยซูเจ้า ดังนั้นกายก็ให้เป็นไปตามธรรมชาติมนุษย์ แต่จิตนั้นทรงแยกออกมาต่างหาก
แต่เหตุเพราะจิตอยู่ในกาย ในสภาวะนั้น ความเจ็บปวดนั้น ก็คือความเจ็บปวด แต่ความกลัว นั้น พระคัมภีร์ไม่ได้กล่าวถึง แต่มีหลายข้อความที่กล่าวชัดว่า พระเยซูไม่มีความกลัวที่จะต้องเผชิญสิ่งเหล่านี้ ในมุมมองของคริสตชน พระเจ้าซึ่งมีสภาวะที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็น ไม่สามารถได้ยิน หากจะต้องพูดคุยกันได้แล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมาในรูปกายมนุษย์ ประเด็นนี้เป็นความเชื่อของคริตชนที่มีต่อภาวะเหนือธรรมชาติเพื่อเข้ามาในธรรมชาติครับ ดังนั้น ข้อความที่ยกมาในที่นี้ จึงยกมาเพื่อขยายความถึงนัยะของความเชื่อคริสตชนที่ซ่อนอยู่เพื่อความชัดเจนขึ้นครับครับ
3. สำหรับความคิดเห็นที่ 1 ข้อความ อยากแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมจากคุณแช่อิ่ม ว่าผมก็เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระโพธิสัตว์ ผู้บำเพ็ญบารมีให้พุทธภูมิเต็มเช่นเดียวกัน แต่ก็ขอเพิ่มเติมให้เพื่อนชาวคริสต์ที่อาจมาอ่านพบได้เข้าใจว่า นี่ไม่ใช่การพยายามกลืนพระเยซูให้เป็นชาวพุทธ เป็นพระโพธิสัตว์แบบชาวพุทธ ครับผมข้อความเช่นนี้ ผมไม่ได้ถือหรอกครับ ซึ่งเป็นความเชื่อถือและมีนัยะ ตามแต่ละบุคคลจะเข้าใจและมองต่างกันครับ ประเด็นนี้ก็อยากให้ มิตรทุกท่านผู้ที่ร่วมในหระมหาทรมานขององค์พระเยซูเจ้าทุกท่าน ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์จะทรงพระกรุณาผล ดังใน วิวรณ์ 22:12 เถิดครับ
ครับ ผมก็ขอขยายความเติมเต็มในประเด็นมุมมองตรงนี้ และใคร่ขอให้องค์ความรักสถิตอยู่กับมิตรทุกท่าน และเติมเต็มในความรักนั้นให้บังเกิดผลในชีวิตที่เต็มไปด้วยพระพร และบทสรุปนั้น ภาพยนตร์ก็ยังเป็นภาพยนตร์ ซึ่งสื่อสารได้ไม่ครบทั้งหมด เป็นดั่งวงกลมที่เห็นเพียงด้านเดียว ดังเช่นนั้น ความรักนั้นก็มีบริบูรณ์ในองค์พระเยซูเจ้า ซึ่งจะต้องใช้ชีวิตสัมผัส หาใช่ภาพยนตร์เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวไม่ แต่หากคุณประโยชน์ของหนังเรื่องนี้จะทำให้ มิตรหลายท่านได้รู้จักภารกิจของพระเยซูเจ้ามากขึ้น ก็เป็นสิ่งที่น่ายินดียิ่ง และแก่นแท้ที่นอกเหนือ จากหนังแล้ว พระเยซูคือองค์ของความรัก นั่นเองครับ
จากคุณ : แทมแทมคริสตชน [ ตอบ: 16 เม.ย. 47 - 19:22 ] | | | -
เก็บตกอันที่ 1 (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 17 เม.ย. 47 02:25
The passion of Christ: กิเลสของพระเยซู
เนื้อความ : (แช่อิ่ม) อ้างอิง |
เมื่ออาทิตย์ก่อนมีหนังเกี่ยวกับการยอมถูกทรมารของพระเยซูเข้าฉายที่ประเทศอังกฤษ เป็นประสบการณ์ดูหนังที่แปลกมาก เพราะหลังจากหนังจบก็มีแต่ความเงียบและทุกคนเดินออกจากโรงอย่างสงบ พอออกมาฝรั่งตาน้ำข้าวก็ตาแดงก่ำน้ำตาคลอกันเป็นแถว ไม่เว้นแม้กระทั้งตัวผู้เขียนเองถึงแม้ว่าจะเป็นชาวพุทธก็ตาม และเป็นที่น่าขันก็คือเพื่อนชาวพุทธที่ไปด้วย ร้องไห้อาการหนักกว่าฝรั่งเสียอีก เอาเป็นว่าคงไม่เล่าเรื่องทั้งหมด เพราะเดี๋ยวถ้าเกิดหนังเรื่องนี้ได้มาฉายในเมืองไทย จะพากันดูไม่สนุกเสียเปล่าๆ
พระเยซูทรงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า หนึ่งในหมู่เพื่อนของพระองค์คือยูดาสจะทรยศพระองค์และนำความตายมาสู่พระองค์ และยังทรงรู้อีกว่าเพื่อนของพระองค์ (ปีเตอร์) ที่เคยสาบานว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขและยอมตายถวายชีวิตจะปฏิเสธในวันที่พระองค์ถูกจับทรมาน และเมื่อวันที่พระองค์จะต้องถูกจับได้มาถึง พระองค์ทรงต่อสู้อย่างหนักกับกิเลสในใจของพระองค์นั่นคือความกลัวในสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพระองค์ จนในที่สุดพระองค์ก็ทรงชนะความกลัวอันนั้นลงได้ จึงยอมให้ทหารจับพระองค์ไป พวกนักบวชยิวใส่ร้ายพระเยซูว่า เป็นผู้แอบอ้างว่าเป็นพระเมไซยา จึงจับตัวพระเยซูไปให้ทหารโรมันประหารชีวิต แต่เนื่องจาก เจ้าเมืองโรมันทราบว่าพระเยซูไม่ใช่บุคคลธรรมดา พยายามไม่ฆ่าพระเยซู แต่ก็โดนหมู่ประชาชนที่บ้าคลั่งเนื่องจากโดนปลุดระดมจากนักบวช กดดันให้ประหารชีวิตพระเยซู เจ้าเมืองโรมันก็จับพระเยซูไป ทรมาน เพื่อให้ประชาชนเห็นใจ จะได้ไว้ชีวิตพระเยซู
ในฉากทรมานนี้ ยาวนานมาก และ เรียกได้ว่าเลือดท่วมจอ แรกๆทหารเอาไม้หวายเฆี่ยน ผู้เขียนก็ยังพอทน หลังๆ พอทหารเริ่มเปลี่ยนเอาเครื่องทรมานที่โหดร้ายกว่ามาใช้ ผู้เขียนดูหนังไป ก็ เริ่มน้ำตาไหล ความเจ็บปวดที่หนังถ่ายทอดออกมาเริ่มถูกซึมซับเข้าไปในจิตใจ ตลอดเวลาที่พระเยซูทนรับความเจ็บปวดจากการทรมานแต่ละครั้ง นอกเหนือจากการต่อสู้ทนกับความเจ็บปวดทางกายแล้ว พระองค์ก็ยังทรงต่อสู้กับกิเลสในใจของพระองค์นั่นคือความอ่อนแอและการปฏิเสธสิ่งที่พระองค์นับถือ ไปด้วยพร้อมๆกัน ความเจ็บปวดทางกายที่เพิ่มขึ้นจากเครื่องทรมานแต่ละประเภทไปกระตุ้นเร่งให้ความอดทนและการยอมรับพระเจ้าใจจิตใจของพระองค์ให้ลดน้อยถอยลงไป และ จากจุดนั้น จนไปถึง การที่พระองค์ถูกตรึงกางเขน พระองค์ดูเสมือนเป็นผู้แพ้ในสายตาของ นักบวชชาวยิวที่ใส่ร้าย แต่สิ่งที่พระองค์ชนะนั้นคือกิเลสในใจของพระองค์ พระองค์ตายโดยไม่โกรธแม้กระทั้งคนที่ทำร้ายพระองค์ แถมยังอวยพรให้เสียอีก
ในขณะที่ผู้เขียนดูหนังในช่วงทรมานนั้น น้ำตาก็ไหลออกมา เพราะช่วงแรกก็มีอารมณ์ร่วมไปกับหนังแบบถึงใจเลยทีเดียวจึงทำร้องไห้ ทันใดนั้นก็มีความรู้ตัวเกิดขึ้น ว่า สังขารทั้งปวงที่ปรุงอยู่ข้างหน้านั่นไม่เที่ยง เวทนาที่เกิดอยู่ข้างในก็ไม่เที่ยง ผู้เขียนจึงหยุดร้อง และดูหนังต่อด้วยความรู้ตัวที่เพิ่มขึ้น เมื่อหนังจบ ผู้เขียนจึงออกมาด้วยน้ำตาแห่งความชื่นชมมากกว่าน้ำตาแห่งความสงสาร
สุดท้ายผู้เขียนจึงมาคิดว่า พระเยซูก็เป็นบุคคลที่น่ายกย่อง เพราะได้บำเพ็ญบารมีตามทางเดินของพระโพธิสัตว์โดยแท้ หากพวกเราศรัทธาในพระพุทธองค์ เหมือนกับที่พระเยซูเชื่อในพระเจ้า สู้กับกิเลสของกิเลสโดยไม่หวั่นแม้ความตายหรือความทุกข์ทรมาณ พวกเราก็คงได้บรรลุมรรคผลนิพพานแน่นอน -
ผู้ประกาศข่าวดี (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 16 เม.ย. 47 19:21
อยากให้ทุกคนลองไปดูกันนะครับเป็นหนังที่สามารถเปลี่ยนชีวิตของใครบางคนได้เลย ดูได้ทุกเพศทุกวัย แต่เด็ก ๆ อาจต้องเอาพ่อแม่ไปด้วยนะครับจะได้อธิบายได้ ส่วนคนอื่นก็ให้ดูด้วยแล้วคิดตามด้วยนะครับจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนแน่นอน........
-
God is a DJ (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 14 เม.ย. 47 17:02
เรื่องนี้กระแสแรงมาก มีวิพากษ์วิจารณ์กันมาก (ในด้านลบ) ก่อนเข้าโรงฉายในอเมริกา แต่ผลกับออกมาดีเกินความคาดหมาย แหม น่าดูน่ะเนี่ย ยิ่งทำรายได้ถล่มทลายอย่างนี้ หนังคงดีน่าดูแน่นอน อยู่ในอันดับ ท็อป ไฟว์ บ็อก อ็อฟฟิต มาตั้งหลายสัปดาห์ ถ้าเข้าโรงฉายดูแน่
-
benz (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 14 เม.ย. 47 13:51
อยากดูมาก เป็นคนคริสต์ไม่น่าบังคับเรดหนังเลย(อายุไม่ถึง 18)
T-T T-T T-T T-T T-T T-T -
note (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 14 เม.ย. 47 13:42
ภาพยนตร์เรื่องนี้ดีมาก สามารถสื่อออกมาตรงกับเนื้อหาในพระคัมภีร์ อย่างดีเยี่ยม ถึงแม้บางฉากจะมีเนื้อหาที่รุนแรงไปบ้าง ก็เพื่อสื่อถึงความรักที่องค์พระเยซูมีต่อมวลมนุษย์ ดังนั้นหากไปดูหนังเรื่องนี้เพราะอยากเห็นแต่ฉากชวนสยอง ก็คงจะไม่สนุกอะไร....ถ้าอยากจะดูหนังเรื่องนี้อย่างทราบซึ้ง ถึงอารมณ์น่าจะลองไปอ่านพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ และจะดูหนังเรื่องนี้อย่างเข้าใจ
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
วันนี้ในอดีต
เฟรนด์ชิพ เธอกับฉันเข้าฉายปี 2008 แสดง มาริโอ้ เมาเร่อ, อภิญญา สกุลเจริญสุข, เจตริน วรรธนะสิน
Begin Againเข้าฉายปี 2014 แสดง Keira Knightley, Mark Ruffalo, Adam Levine
Asylumเข้าฉายปี 2008 แสดง Mark Rolston, Carolina Garcia, Sarah Roemer
เกร็ดภาพยนตร์
เปิดกรุภาพยนตร์
Septet : The Story Of Hong Kong
เรื่องราวอิงประวัติศาสตร์บนรอยต่อของเกาะฮ่องกงตั้งแต่ยุคปี 1950 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันไล่มาตั้งแต่
The Practice - จากก...อ่านต่อ»