วิจารณ์ House of Flying Daggers
-
yut (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 17 ส.ค. 47 17:03
ขอเสียมารยาท หน่อยนะครับ
บทความของ คุณชายวายุ ที่เขียน - ก่อนอื่นต้องบอกว่าเขียนได้ดีนะครับแต่ผมขอcomment นิดเดียวเกี่ยวกับเรื่อง hero นะครับเพราะผมเป็นคนที่ชอบเรื่องนี้มากๆ ชอบทุกอย่างเลย
ส่วนตัวแล้วผมไม่เห็นด้วยที่คุณชายวายุ บอกว่าเรื่องนี้ "hero ให้ความหมายว่า....วีรบุรุษ...คือคนที่ทรยศชาติ....หักหลังคนรัก....ล้มเลิกอุดมการณ์"
ผมกลับเข้าใจว่า jet li และหลี่เหลียงเจี๋ย คือ hero ตัวจริงเพราะทั้ง 2 เข้าใจว่าการฆ่า จินซี ไม่ใช่การแก้ปัญหา
การเป็น hero ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเก่งและสามารถบันลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่มันลึกกว่านั้น ... เราต้องพยายามเข้าใจสถานะการและทำสิ่งที่ดีที่สุดกับคนที่เราพยายามปกป้องถึงแม้นว่ามันจะขัดแย้งกับอุดมคติที่เราเคยมี
ตัวอย่างในหนังคือ - jet li สามารถบันลุเป้าหมายของเขาแล้วแต่เค้าก็เปลี่ยนใจเพราะเข้าใจว่าการฆ่า จินซี ไม่สามารถหยุดการนองเลือดได้เพราะในไม่ช้าก็ต้องมีคนคล้ายๆกันขึ้นมาแทนแล้วการฆ่าก็จะเกิดขึ้นอีก
คำตอบอยู่ที่ตัวอักษร - โลก - (ถ้าจำไม่ผิด) ถ้าต้องการให้จีนอยู่กันอย่างเป็นสุขก็คือต้องรวมประเทศให้ได้และคนทีสามารถทำได้ก็คือ จินซี ดังนั้น hero ต้องยอมเสียสละชีวิตเพื่อให้จินซีไม่เสียการปรกครอง(ไม่อาจปล่อยให้นักฆ่าลอยนวลได้) และบอกให้ จินซีปรกครองประเทศอย่างเป็นธรรมเพื่อที่จะได้ไม่มีการต่อสู้กันอีก
เหมือนกับเพลง ของเลนน่อนไง imagine there's no country นี่แหละคงจะเป็นวิธีเดียวที่จะมี world peace แต่ก็คงจะเป็นไปไม่ได้อีกเพราะก็คงต่อสู้ ฆ่าฟันแย่งกันชิงตำแหน่งผู้นำอีก ... คิดแล้วเศร้า
ขอคุณชายวายุ อีกครั้งนะครับความคิดผมผิดถูกยังไงก็ comment ได้นะครับ ยินดีรับฟัง -
คุณชายวายุ (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 16 ส.ค. 47 17:42
ผมกลับคิดว่า...เรื่องนี้ดีและมีความลงตัวมากกว่า hero นะครับ.....
ยิ่งถ้าเอาไปเทียบกับ CTHD แล้ว....(หนังจีนที่ขายวิญญาณตะวันออกกลายเป็นฝรั่งหัวทองไปแล้ว)
อั้งลี่ คือความอัปยศทางหนังบู๊เฮี๊ยบ.....และจางอี้โหม่ว คือผู้ประกาศจิตวิญญาณตะวันออกแห่งบู๊เฮี๊ยบอย่างแท้จริงครับ....
มองในแง่ของความเป็น บู๊ เฮี๊ยบ....
บู๊...คือการต่อสู้...
เฮี๊ยบ...คือคุณธรรม....
จาง อี้ โหม่ว...แสดงออกมาให้เห็นในหนังเรื่องนี้เลยว่า...
การต่อสู้ทุกฉากของเขา...มีความหมาย....
สู้เพราะเหตุใด....
สู้เพื่ออะไร....
สู้แล้วได้อะไร.....
ถ้ามองในแง่ของเฮี๊ยบ.....
จาก hero ที่แหกขนบธรรมเนียมหนังจีนในแง่ของคำว่า "วีรบุรุษ" มาแล้ว...
(วีรบุรุษ....คือคนที่สู้เพื่อชาติ...เพื่อคนรัก...เพื่ออุดมการณ์....
แต่ใน hero ให้ความหมายว่า....วีรบุรุษ...คือคนที่ทรยศชาติ....หักหลังคนรัก....ล้มเลิกอุดมการณ์)
ใน Daggers ....เฮี๊ยบของมัน...อยู่ในพื้อฐานที่สื่อถึงจิตวิญญาณของมนุษย์มากที่สุด...คือรัก...โลภ...โกรธ...กลง....
เอาเรื่องสามัญธรรมดา...ออกมาตีแผ่เป็นลักษณนิสัย ทัศนคติ และบุคลิคภาพส่วนตัว ของ 3 ตัวละคร....
ที่ต่างโกหก หลอกลวง โป้ปด และเก็บงำความลับที่บอกใครไม่ได้ไว้ด้วยกันทั้ง 3 คน....
พอมาถึงท้ายเรื่อง....เมื่อคำโกหก การหลอกลวง พุ่งเข้าหากันจากทั้ง 3 ทิศ....
เมื่อปะทะกันแล้ว...
ก็เลยกลายเป็นตอนจบที่ผมคิดว่า ทรงพลังมากๆ...ทรงพลังมากกว่า hero ด้วยซ้ำ....
SPOILER !!!!
ชายหนึ่ง "ทิ้ง" อาวุธ เพื่อ "รักษาชีวิต" หญิงที่ตนรัก
หญิงหนึ่ง "ใช้" อาวุธ เพื่อ "ปกป้องชีวิต" ชายที่ตนรัก
อีกชายหนึ่ง "ไม่ใช้" อาวุธ เพื่อ "ลงทัณท์ชีวิต" หญิงที่ตนรัก
คน 3 คน....เหตุผล 3 อย่าง....อาวุธ 3 ชิ้น......ต่างทำหน้าที่บอกเล่าถึงแก่นแท้ของจิตใจมนุษย์ได้อย่างยอดเยี่ยม....
เพราะบทสรุปท้ายที่สุด...สิ่งที่เหลืออยู่....ก็เป็นเพื่อเศษซากของการกระทำ และความรู้สึก รัก โลภ โกรธ หลง ที่ต่างได้เรียนรู้จากการกระทำของตน.....
และเป็นบทสรุปที่บอกว่า...รัก...คืออาวุธที่ทรงพลานุภาพที่สุดของมนุษย์นั่นเอง....
ประเด็นเลข 3 ของเรื่อง......
หนังเรื่องนี้.....เกี่ยวกับเลข 3 อยู่แทบจะทุกส่วนและทุกเหตุการณ์.....
รัก 3 เส้า.....คน 3 คน.....ยิ่งตอนจบ...ที่เลข 3 เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างโจ่งแจ้ง....
บทสนทนาหลายๆบท...ก็เกี่ยวข้องกับเลข 3.....
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครก็เกี่ยวกับเลข 3....
เม่ยกับจิน มีรักแท้ภายใน 3 วัน....เม่ยและเหลียว มีบุญคุณหนี้ชีวิตที่สะสมมานาน 3 ปี.....
นี่ยังไม่นับ...ตัวละครที่จะ "เอากัน" 3 ครั้ง 3 ครา...
แต่ละครั้ง..ก็ให้อารมณ์ที่แตกต่างกันไป....
การ "เอากัน" แต่ละครั้ง...ไม่จำเป็นต้องมีบทพูดอะไรเลย.....
แค่การแสดงทางสีหน้า แววตา และท่วงท่าการกระทำ....
ก็บอกถึงเรื่องราว และเหตุผลของการ "เอากัน" นั้นได้แทบจะหมดสิ้น...
นับเป็นการใช้ภาษาภาพที่ชาญฉลาดอย่างหนึ่ง.....
และการที่นางเอกตายยากตายเย็น......
ถ้าใครมีสติ...ไม่เห็นว่านี่เป็นเรื่องน่าหัวเราะขบขัน....ก็จะรู้ว่า นางเอกฟื้นขึ้นมาถึง 3 ครั้ง...แต่ละครั้งก็มีเหตุผลที่แต่ต่างกัน....แต่เป้าหมายเพื่อสิ่งเดียว คือชายที่ตนรัก.....
และนี่ เป็นครั้งสำคัญ...ที่ได้พิสูจน์ว่า....
จางอี้โหม่ว...สามารถ...ทำหนังรัก 3 เส้า ธรรมดา ตลาดๆ...ให้มีอะไรที่โดดเด่น...ลุ่มลึก....น่าจดจำ...น่าประทับใจ....
ถ้ารู้จักที่จะมองลึกลงไป....ให้เห็นถึงสารที่เขาต้องการจะสื่อออกมา....
เหนือชั้นมากๆครับ....สำหรับผู้กำกับคนนี้.....
นี่ยังไม่นับประเด็นวิพากสังคมที่แทรกเข้ามาในหนังเป็นระยะๆ....ที่เข้ากับยุคสมัยและทันเหตุการณ์อย่างที่สุดด้วย.....
4 ดาวครับ....
จากใจจริง -
niny (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 14 ส.ค. 47 09:48
เยี่ยมครับ ชอบมาก
-
เเอนดี้ เลา (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 13 ส.ค. 47 23:37
ลุงจางทำเรื่องนี้ดีครับ แต่ฮีโร่ บทจะดูดีกว่านี้ครับ
แต่ยังไงก็ยังอัจฉริยะอยู่ดีครับ ลุง รักลุงจางจังเลย ลุงเป็นคนเดียวที่กล้าทำสีของหนังแบบนี้ -
นานา (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 13 ส.ค. 47 07:22
ชอบมากค่ะ เสื้อผ้าสวย ป่าไผ่คิดได้ยังไง สรุปชอบมาก ๆ สนุกค่ะ
-
ฮาโหล (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 12 ส.ค. 47 02:58
ฉากงามดี แต่ไม่อยากเอาไปเปรียบเทียบกับ Hero นะ
ส่วนเนื้อหา ดูเป็นความรักที่ดูลึกซึ้งดี น่าเห็นใจอยู่เหมือนกัน แต่ขอติหน่อย ว่าทำออกมาฮามากไปหน่อยนะ เราหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหลเลยอ่ะ ทำให้ไม่อินไปกับหนังตอนเศร้าเลย ขำมากๆ 5555 -
H (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 12 ส.ค. 47 00:51
เนื้อเรื่องอ่อนไป มันไม่เป็นเหตุ เป็นผลพอที่จะยอมรับได้นะผมว่า
ตอนตลกก็มี ตอนที่จอมยุทธทั้งหลาย เหลาไม้ไผ่อยู่นานเป็นนาทีนั้นแหละตลกมากเลย -
ssb9pal@hotmail.com (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 10 ส.ค. 47 18:13
รอคอยมานานสำหรับหนังจีนแนวนี้ ภาพรวมใช้ได้ ให้80คะแนน สำหรับนักแสดง ฉาก เครื่องแต่งกาย ฉากการต่อสู้มันส์ดี ตื่นเต้น แต่รู้สึกว่ามันไม่ค่อยสุดยอดเคล็ดวิชามากนัก อาจเป็นเพราะตัวละครเป็นแค่ตัวเล็กๆที่นำมาดำเนินเรื่อง วิทยายุทธจึงแค่พื้นๆ แต่ก็OK ไม่ติดใจอะไรมากนัก
แต่หลักๆเลยคือ เนื้อหาของเรื่องน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ เพราะต่อให้ออกแบบฉากบู๊เยี่ยมยุทธสักแค่ไหน แต่เนื้อเรื่องที่ดูง่ายเกินไป ก็คงทำได้แค่ชอบแต่จะให้ประทับใจเท่า Hidden dragon คงไม่ได้ เพราะสำหรับหนังเรื่องนี้ให้เต็ม100เลย ทั้งฉากการต่อสู้และเนื้อหาของหนัง -
fan club (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 10 ส.ค. 47 17:53
ชอบ takeshi and andy lau มานานมากแล้วค่ะ โดยเฉพาะ takeshi เนื้อเรื่องโดยรวมดีค่ะ หักมุมดี คาดเดาไม่ถูกสมเป็นฝีมือของผู้กำกับ ไม่ผิดหวัง ฉากสวยงามทุกฉาก อลังการมากค่ะ สำนักโคมเขียว+ป่าไผ่ กะป่าอะไรไม่รู้ที่มีต้นไม้เปลือกสีดำขาว เมื่อเห็นเสื้อผ้าก็ต้องร้อง wow ไม่เสียดายเงิน คุ้มค่าที่ได้ดู (เอาใจลุ้น takeshi อยู่ตั้งนาน) แต่เรื่องนี้หลิวเต๋อหัว ทำไมบทไม่หนักแน่นเท่าที่ควรนะ
-
james (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 10 ส.ค. 47 12:48
ผมเป็นแฟนหนังหนังจีนมานาน โดยเฉพาะหลิวเต๋อหัว...ผมเองมีสะสมหนังของเฮียหลิวมากว่า 90 เรื่อง และก็ดูหนังมาก็หลายเรื่อง ก็คิดว่าหนังเรื่องนี้ของเฮียหลิวยังดูเกร็งนะ....เพราะอาจจะดูไม่ถนัดกับหนังกำลังภายในก็เป็นได้ แต่ว่าอยากติเรื่องการพากษ์เสียงไทยมากกว่า ซึ่งผมได้ดูทั้งที่เป็นบรรยายไทย และเสียงพากษ์ไทยแล้วอารมณ์กันคนละอย่างเลยเรียกว่าสู้กันไม่ได้ แต่ว่าตัวของหนังก็ทำออกมาดีใช่ได้ที่เดียว...แต่ที่น่าเสียดายคือเรื่องนี้จะมีเหมยเยี่ยนฟางแสดงด้วยแต่ว่าไม่ได้เห็นหน้า ...หลายคนอาจจะไม่ได้สังเกตว่าคนที่เล่นเป็นต้าเจี้ยที่ใช้มีดบินปักหลังหลิวเต๋อหัวคือเหมยเยี่ยนฟาง
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
The Nunเข้าฉายปี 2006 แสดง Belen Blanco, Anita Briem, Cristina Piaget
Fullmetal Alchemistเข้าฉายปี 2006 แสดง Romi Pak, Rie Kugimiya, Megumi Toyoguchi
Duelistเข้าฉายปี 2006 แสดง Ha Ji-won, Ahn Sung-kee, Kang Dong-won
เกร็ดภาพยนตร์
- Insidious: Chapter 3 - เป็นผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของ ลีห์ วานเนลล์ โดย ลีห์ เคยรับหน้าที่เขียนบท Insidious (2010) และ Insidious: Chapter 2 (2013) มาก่อน และยังรับหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย อ่านต่อ»
- The Loft - แมตเธียส โชนาร์ตส์ เคยรับบท ฟิลิป ใน Loft (2008) ภาพยนตร์ฉบับดั้งเดิมของประเทศเบลเยียม และคราวนี้แมตเธียสยังเป็นนักแสดงจากภาพยนตร์ต้นฉบับเพียงคนเดียวที่กลับมารับบทเดิมในภาพยนตร์ฉบับฮอลลีวูดด้วย อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
อ้าย..คนหล่อลวง
เรื่องราวของ ทาวเวอร์ (ณเดชน์ คูกิมิยะ) นักต้มตุ๋นศูนย์การรับเข้า และ การโทรออก-ภายในสํานักงาน สุดแพรวพราว ที่ดันพลาดท่...อ่านต่อ»