SIAMZONE.COM

เอฟ. ดับเบิ้ลยู. เมอร์นัว (จอห์น มัลโควิช) กำลังสร้างภาพยนตร์เรื่อง Nosferatu ในยุโรปตะวันออก เขาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่มุ่งมั่นสร้างผลงานที่สมจริงเป็นที่สุดให้ได้ เมื่อมุ่งมั่นเช่นนั้น เมอร์นัว จึงตัดสินใจว่าจ้าง แวมไพร์ จริงๆ ชื่อ แม็กซ์ เชร็ค (วิลเล็ม เดย์โฟร์) มานำแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้

เมอร์นัวอธิบายเพื่อนร่วมงานในกองถ่ายทำภาพยนตร์ถึงบุคลิกแปลกๆ ของ เชร็ค ว่า เชร็ค เป็นนักแสดงเลือดใหม่ เป็นนักแสดงตามธรรมชาติ และเป็นลูกศิษย์ที่ Stanislavsky เคี่ยวเข็ญพร่ำสอนมาเองกับมือ ถ้า เชร็ค สวมวิญญาณนำแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างถึงใจ เมอร์นัว และสามารถควบคุมแรงปรารถนาของเขาไว้ได้จนกว่าจะปิดกล้องแล้ว เชร็ค จะได้ค่าจ้างชิ้นงามเป็นต้นคอสวยของ เกร็ตต้า (แคทเธอรีน แม็คคอร์แม็ค) นักแสดงนำสาวของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย

เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า เชร็ค อาจจะเผลอไปบ้าง หรือไม่ก็อาจจะลืมตัวแสดงความปรารถนากระหายเลือดออกมาบ่อยครั้ง อย่างในช่วงคืนแรกของการถ่ายทำภาพยนตร์ วูลฟ์กัง มูลเลอร์ (โรแนน วิลเบิร์ต) ตากล้องของกองถ่ายล้มป่วยอย่างลึกลับ และทรุดหนักลงจน เมอร์นัว ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลในกรุงเบอร์ลิน และต้องหาคนมาเป็นตากล้องแทน

ช่วงที่พักการถ่ายทำ อัลบิ้น กรัว (อูโด้ เคียร์) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ และ เฮนริค กาลีน (จอห์น กิลเล็ต) คนเขียนบทภาพยนตร์ก็ตั้งวงร่ำสุรากันแล้ว เชร็ค เข้ามาร่วมด้วย ทั้งคู่เก็บความสงสัยในบุคลิกของ เชร็ค ไม่อยู่จึงเอ่ยปากถามว่าไปเรียนการแสดงมาจากไหน เชร็ค ก็ตอบว่า มันอยู่ในสายเลือด หนำซ้ำยังคุยฟุ้งอีกด้วยว่า ภรรยาของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่ทุกวันนี้เธอก็ยังเวียนวนมาหาเขาทุกค่ำคืน ซึ่งนั่นทำให้เขายังชีพได้มาจนถึงทุกวันนี้

เมื่อผู้กำกับภาพยนตร์กลับมากองถ่ายพร้อมกับตากล้องคนใหม่ชื่อ ฟริทซ์ แว็กเนอร์ (แครี่ เอลเวส) เชร็ค ก็บั่นทอนเพื่อนร่วมงานในกองถ่ายอย่างเงียบๆ ต่อไป กาลีน เริ่มตระหนักถึงที่มาที่ไปของ การแสดงอย่างเป็นธรรมชาติ ของ เชร็ค แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว – เขากลายเป็นเจ้าชายนิทราตาม มูลเลอร์ ไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ

แล้ว เมอร์นัว ก็เริ่มสะพรึงกับพฤติกรรมของ เชร็ค เสียจนต้องเปิดเผยความจริงกับเพื่อนร่วมกองถ่ายทำภาพยนตร์ว่า เชร็ค คืออะไร แต่พวกเขาติดอยู่บนเกาะที่ไม่อาจหลบหนีไปได้ จึงได้แต่หวังว่าจะเอาชีวิตรอดไปจนกว่าจะปิดกล้อง และสังเวย เกร็ตต้า ให้กับ เชร็ค ไปตามสัญญา

ในระหว่างการถ่ายทำฉากสุดท้าย เมอร์นัว ฉีดมอร์ฟีนให้กับ เกร็ตต้า เขาร่วมมือกับ แว็กเนอร์ ถ่วงเวลาในการถ่ายทำเพื่อรั้งตัว เชร็ค ให้อยู่ในฉากจนกว่าพระอาทิตย์ขึ้น แต่ เชร็ค กลับรอไม่ไหวอดใจไม่อยู่ เขากัดต้นคอของ เกร็ตต้า และได้รับฤทธิ์ยาของมอร์ฟีนที่อยู่ในเลือดของเธอจนสลบไปแทบจะในทันที

เมื่อตื่นขึ้นก็เห็นว่า เพื่อนร่วมกองถ่ายกำลังพยายามนำร่างของเขาไปโดนแสงแดด แต่ เชร็ค ก็เตรียมแผนปิดประตูทางออกและกั้นแสดงอาทิตย์ไว้พร้อมก่อนหน้านั้นแล้ว ด้วยความโมโหสุดขีดคลั่ง เชร็ค จึงสังหาร แว็กเนอร์ เป็นรายแรก จากนั้นก็ถึงคราวสังหารผู้อำนวยการสร้าง กรัว, แล้วไปลงเอยที่ เกร็ตต้า

ในสถานการณ์เช่นนั้น เมอร์นัว ทำอะไรไม่ถูกจึงจับกล้องขึ้นมาเก็บภาพเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ด้วยความหวังว่า อนุชนรุ่นหลังจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในจังหวะที่ เชร็ค จะขย้ำ เกร็ตต้า นั่นเองที่ กาลีน และเพื่อนร่วมกองถ่ายที่เหลือเปิดประตูผางเข้ามา แสงอาทิตย์ทำให้ แวมไพร์ สลายตัวหายไปในทันที

เมอร์นัว ถ่ายทำฉากสุดท้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ได้ และเป็นฉากที่สมจริงสุด ๆ สมความตั้งใจ – แวมไพร์ตัวจริงถูกแสงอาทิตย์เผาไหม้จนสลายตัวไป ช่างเป็นสุดยอดผลงานการสร้างภาพยนตร์จริงๆ