วิจารณ์ Death Note: The Last Name
-
รักไลท์กะทัตสึยะ
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 6 ธ.ค. 49 19:55
คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น หนังต้มคนดูอ่ะ เวร ความจริงแอลตายก่อนต่างหาก แต่ทำให้เป็นว่าไลท์ตายก่อน แต่ก็ดีอ่ะ สนุกดี สะใจๆ รักไลท์ที่ซู้ด
-
ชอบทัตสึยะที่เล่นเป็นไลท์เว้ย
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 6 ธ.ค. 49 19:40
ชื่อจริงของ L คือ L Lawright น่าจะเขียนแบบนี้นะ มันอยู่ในเล่ม 13 เล่มพิเศษน้ะ
-
Pentagon
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 6 ธ.ค. 49 18:10
วิจารณ์นักแสดงในคาแรกเตอร์ตัวละครหลัก ๆ
1. ไลท์ 6.5/10 - คิดว่าแสดงได้ยังไม่ค่อยดีเท่าไร โดยเฉพาะฉาก ไคลแมกซ์ตอนจบ นักแสดง ยังแสดงอารมณ์ของ คิระ ไม่ดี รู้สึกว่า ในการ์ตูน ตอนที่ไลท์ยอมรับว่าเป็นคิระแล้วเหมือน คาแรกเตอร์ของไลท์ในตอนนั้นมันดูมีอารมณ์ของ คิระ เปี่ยมล้น ผิดกับ ในหนัง ส่วนฉากอื่น ๆก็อยู่ในขั้น ยอมรับได้
2. L 10/10 - ยังคงแสดงความเป็นคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นได้ดีเหมือนเดิม
3. มิสะ 9/10 - นักแสดงก็แสดงได้ดีมาก แต่เหมือนว่า เมื่อแสดงร่วมกับไลท์บางฉากยังดูขัด ๆ ไปบ้าง
วิจารณ์เนื้อเรื่อง
พล็อตเรื่อง 9.5/10 - ทำได้ยอดเยี่ยมมากที่สุดแล้ว แต่เนื่องจากความยากลำบากในการดัดแปลงมาจากการ์ตูนเลยทำให้เหมือนรวบรัดไปสักนิดนึง
แต่การดัดแปลงเนื้อเรื่องให้จบตามการ์ตูนทำได้เหนือความคาดหมายของผมจริง ๆ
การดำเนินเรื่อง 7.5/10 - การดำเนินเรื่องเหมือนว่าจะช้าไปสักนิด ในช่วงของตอนแรกและตอนกลางของเรื่อง มีฉากบางฉากเกินความจำเป็นหรือน่าจะไปทำฉากอื่น ๆ
- - - - - - - - - - - - - - - -
สรุป สำหรับคนที่กำลัง งง
- เดดโน้ตมี 3 เล่ม เล่มแรกมี ลุค เป็นเจ้าของ เล่มที่สองเป็นของเพื่อนของเรม ซึ่ง เรมได้เก็บมาไว้(อย่างที่หนังอธิบาย) เล่มที่สามคือของเรมเอง
เล่มของลุค ผู้มีสิทธิ์ครอบครองคือไลท์ซึ่งไลท์ยอมเสียสิทธิ์ครอบครองไป
ตอนที่ขังตัวเองโดยการใช้คำว่า "โยนทิ้ง" ในการเสียสิทธิ์ ผู้ที่เสียสิทธิ์จะลืมความทรงจำทุกอย่างเกี่ยวกับเดดโน้ต แต่ถ้าได้สัมผัสกับเดดโน้ตอีกครั้งความทรงจำทุกอย่างที่เกี่ยวกับโน้ตจะกลับมา ถึงแม้ว่าโน้ตที่สัมผัสนั้นจะเป็นโน้ตคนละเล่มกัน ซึ่งโน้ตเล่มนี้เป็นเล่มที่มิสะใช้ขุดขึ้นมา มิสะก็เช่นเดียวกันพอได้สัมผัสกับโน้ตที่เดิมทีเป็นของไลท์ ก็ได้ความทรงจำกลับมา
ซึ่ง L ได้ติดตั้งกล้องไว้ที่ห้องมิซะ จึงได้เห็นว่า มิซะกำลังเขียนโน้ต อย่างที่ L บอกคือ L ให้วาตาริ "สลับเป็นของปลอมและลงข่าวเท็จโดยคนที่มิซะเขียนชื่อลงในโน้ตออกข่าวไว้ให้ตายทุกคน" แต่ความจริงแล้ว คนที่เขียนหลังจากที่มิซะกลับมาวันแรก ไม่มีใครตาย เพราะโน้ตโดนสลับในวันที่สองที่มิซะกลับมา
เล่มของเพือนเรม มิซะมีสิทธิ์ครอบครองแต่ได้มอบให้ไลท์ และไลท์ได้มอบให้เรมไปให้กับคน ๆ หนึ่งนั่นก็คือ ทาคาดะ หลังจากทาคาดะถูกจับได้ โน้ตเล่มนี้ก็ถูกระงับใช้ ไว้ที่กรมสืบสวน
เล่มของเรม เขียนชื่อของ L และ วาตาริ
อันที่จริง L เห็นลุคตั้งแต่ที่เขียนชื่อตัวเองลงในสมุดแล้ว เพราะสมุดที่ L เขียนชื่อตัวเองเป็นของลุค แต่ในหนังเค้าไม่ได้แสดงออกเพราะถ้าแสดงออกมามันก็จะไม่สนุก - - และไม่แน่นอนด้วยว่า คนในทีมสืบสวนทุกคนอาจจะเห็นลุคด้วยแล้วก็ได้ แต่ไม่มีใครพูดหรือแสดงออกมาเพราะถ้าทำแบบนั้นหนังมันก็จะไม่สนุก -
10
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 6 ธ.ค. 49 15:53
Death Note 2 แสดงเราได้เห็นอีกครั้งว่า ตัวละครในหนังที่ครอบครองสมุดเล่มนี้ ล้วนเป็นตัวแทนมนุษย์ที่ใช้ Death Note เพื่อตอบสนองกิเลส หรือ แรงขับภายในของตัวเอง(Id / drive) หากไม่ใช้มันเพื่อปกป้องตัวเอง เพื่อคนที่ตัวเองรัก ก็เป็น การทำลายคนที่ตัวเองเกลียดชัง
ไลท์ ... ดูน่าจะเป็นบุคคลที่เหมาะกับการเป็นเจ้าของ Death Note ด้วยความเป็นคนฉลาด มีอุดมการณ์ที่ชัดเจนว่าจะใช้พิพากษาคนผิด Death Note สำหรับไลท์ มีไว้เพื่อสร้างโลกในอุดมคติ ก่อนที่เราจะเห็นเขาใช้มันเพื่อทำลายคนอื่นที่เป็นคนธรรมดา เพียงเพื่อไม่ให้คนอื่นเปิดโปงตัวเขาได้ ไลท์ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า สิ่งที่เขาทำไม่ใช่การเสียสละเพื่อสร้างโลก แต่คือ สัญชาตญาณของมนุษย์ที่ทำเพื่อปกป้องตัวเอง
มิสะ ไอดอลสาว ... มีอดีตที่บอบช้ำ จนดูเหมือนว่า เธอน่าจะนำ Death Note มาเพื่อปกป้องผดุงความยุติธรรม แต่เมื่อเธอครอบครองโน้ต เธอกลับใช้เพื่อคนที่ตัวเองรัก เธอทำได้ทุกอย่าง เพียงเพื่อให้ไลท์พอใจ ซึ่งนั่นก็คือ มนุษย์ที่ทำเพื่อเติมเต็มความรักที่โหยหาและขาดหายไป(sexual drive)
คิโยมิ ทาคาดะ นักข่าว ... ที่ดูเหมือนมีหลักการ และ ไม่คิดใช้ร่างกายเข้าแลกกับตำแหน่งหน้าที่ เมื่อเธอได้ครอบครอง Death Note เธอก็ไม่ได้ใช้กำจัดคนชั่วเพียงอย่างเดียว เมื่อเธอถูกเหยียดหยามถึงขีดสุด เธอก็พร้อมที่จะใช้เพื่อกำจัดคนที่เธอเกลียดชัง ซึ่งนั่นก็คือมนุษย์ที่ยังมีความแค้นความอาฆาตและความรุนแรง(aggressive drive) สุดท้ายเธอก็ไม่ต่างจากไลท์ที่ใช้ฆ่าใครก็ได้ เหมือนผักปลาอย่าง นายตำรวจที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เพียงเพื่อปกป้องตัวเอง
แทนที่ Death Note จะช่วยสร้างโลกในอุดมคติตามที่ไลท์ฝัน แต่มันกลับกลายเป็นการสร้างโลกใบใหม่ ที่ ผู้คนไม่เห็นคุณค่าของชีวิตคนอื่น Death Note กลายเป็นเครื่องมือที่มนุษย์ใช้เพื่อตอบสนองกิเลสของตัวเอง (ไลท์ทำเพื่อตอบสนองความอยาก มิสะทำเพื่อให้ได้ความรัก คิโยมิทำเพื่อแก้แค้น)
... Death Note ในการ์ตูน ภาคแรกจบลงอย่างทำร้ายจิตใจผู้อ่านหลายคน ซึ่งผิดวิสัยการ์ตูนทั่วไปในการให้ ตัวละครฝ่ายธรรมะต้องตายจากไปและปล่อยให้ฝ่ายอธรรมครองเมือง เป็นการทำให้คนอ่านต้องใจหายครั้งที่สองเมื่อได้เห็น L ตกเก้าอี้โดยไม่มีทีท่าจะลุกขึ้นมาใหม่ หลังจากที่ อ.โอบาตะ คนวาด เคยทำให้คนดูต้องอึ้งกิมกี่ไปทีนึงแล้วที่ปล่อยให้ ซาอิ จาก ฮิคารุ เซียนโกะ หายไปแบบไม่ย้อนกลับมา
แล้วอาจารย์ก็เริ่มต้นต่อภาคสองที่บางคนว่ากันว่า เขียนต่อเนื่องด้วยเหตุผลทางการตลาด พร้อมเปิดตัวละคร Mello กับ Near สองผู้สืบทอดเจตนารมย์จาก L ที่ต้องต่อกรกับ ไลท์ ซึ่งก้าวไกลไปถึงระดับโลกแล้ว เนื้อหาในภาคสองขยายวงกว้างลามไปถึงสหรัฐอเมริกา แต่ ปรากฎว่า ยิ่งขยายวงของเนื้อเรื่องกว้างมากไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ เนื้อหาสนุกน้อยลงเท่านั้น การขับเคี่ยวทางเชาว์ปัญญาเริ่มซับซ้อนมากขึ้น หลายตอนเริ่มปริ่มๆจะออกทะเล และ เริ่มมีตัวหนังสือยุ่บยั่บจนทำให้ขี้เกียจอ่าน
ตัวละคร M กับ N แม้จะเก่งจะเท่เพียงใด แม้จะออกแบบบุคลิกให้มีความแปลกแตกต่างอย่างเป็นตัวของตัวเอง แต่ คาแรกเตอร์ของตัวละครก็ไม่แข็งแรงพอจะมาแทนที่ L ได้
ก่อนที่ในที่สุด อ.จะปิดฉาก Death Note อย่างสมบูรณ์แบบในภาคสองนี้ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าก็ยังมีคนอ่านที่ไม่พอใจในตอนจบนี้อยู่ดี ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็เป็นผลมาจากความสามารถของผู้เขียนเองด้วย ที่สามารถ สร้างตัวละครสองฟากฝั่งให้คนดูเอาใจช่วยได้พอๆกัน และ ทำให้ตัวละครที่ควรจะเป็นผู้ร้าย กลับกลายเป็นตัวละครเอกที่คนอ่านไม่อยากให้แพ้หรือตายจาก
ดังนั้น จุดที่น่าหนักใจที่สุด ของ หนังภาคนี้ ไม่ใช่ว่า จะดำเนินเรื่องอย่างไร แต่จะเลือกจบอย่างไร จึงจะหาทางออกได้น่าพึงพอใจมากที่สุด
หากจะจบแบบการ์ตูนเพื่อเปิดทางไว้ภาคต่อ ก็เกิดคำถามว่า หนังจะสามารถดัดแปลงภาคสองของการ์ตูนออกมาได้หรือเปล่า เพราะภาคหนึ่งว่ายากแล้ว การสร้างภาคสองที่เป็น Death Note ระดับเวทีโลกเชื่อได้เลยว่ายิ่งยากกว่าแสนสาหัสและมีแววจะเลอะเทอะได้ง่ายๆ หรือ หนังตอนนี้จะปิดฉากจบแค่ภาคแรก ซึ่ง หากให้ L รอด แฟนๆไลท์คงงอนน่าดู แต่ หากให้ ไลท์รอด ผู้หลักผู้ใหญ่หรือใครอีกหลายคน(รวมทั้งผมที่เป็นผู้น้อย)ก็อาจจะไม่ชอบใจ ที่หนังเชิดชูแนวคิด ศาลเตี้ย
และนี่คือส่วนที่ต้องชม ผู้กำกับที่ทำหน้าที่เขียนบทในภาคสองนี้ ที่จัดการรวบรัดทั้งสองภาคในการ์ตูนมารวมกันและดัดแปลงผสมผสานปิดฉาก Death Note ได้อย่างสวยงาม เป็นการประนีประนอมการ์ตูนกับหนัง ประนีประนอมแฟนๆของ ไลท์ กับ L ให้มาหาจุดตรงกลางได้อย่างลงตัว
...เนื้อหาของภาคสองดำเนินเรื่องต่อเนื่องมาจากภาคแรก ที่จบค้างไว้ว่า มิสะ กำลังจะโดนทำร้าย และ แน่นอนว่า เป็นการเปิดตัว เรม กับ Death note เล่มสอง ซึ่งหากใครไม่ได้ดูภาคแรกมาก่อนก็อาจงงเล็กน้อยแต่พอเข้าใจได้ เพราะหนังก็จะตามมาด้วยเกริ่นเรื่องไว้อยู่พอสมควร
มิสะ ก้าวเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นในภาคนี้ ในฐานะคนรักของไลท์ และ ในฐานะ คิระ หมายเลข 2 นอกจากนี้ หนังยังเปิดตัวละครสำคัญอีกหนึ่งคน ที่ผสมผสานตัวละครจากการ์ตูนทั้งสองภาคไว้ในคนเดียว นั่นคือ นักข่าวสาว คิโยมิ ทาคาดะ ซึ่ง จัดได้ว่า เป็นตัวละครสำคัญที่ดัดแปลงจากต้นฉบับได้เข้าท่า เพราะ ช่วยให้หนังมีเอกภาพต่างไปจากการ์ตูน เช่นเดียวกับ ตัวละคร ชิโอริ แฟนของไลท์ในภาคแรก
ในภาคนี้ หนังเปิดเรื่องด้วยการเล่าต่อจากภาคแรกแล้วก็ค่อยๆไล่ไปตามเนื้อหาการ์ตูนของภาคแรกเป็นหลัก นั่นคือ มี คิระ หมายเลข 2 ต่อมา ทั้งไลท์และมิสะถูกจับ ตามไปสู่การพิสูจน์เพื่อหาคิระตัวจริง ก่อนที่ ทั้ง ไลท์ และ L จะวางแผนที่คิดว่า เฉียบคมที่สุด ในการที่จะจัดการกับอีกฝ่าย
และแม้ว่า ทั้ง ไลท์ กับ L จะเหมือนกันตรงที่เป็นคนฉลาด ชอบเอาชนะ ในแผนการของแต่ละฝ่ายนี้เอง เราจะยิ่งเห็นตัวตนที่แตกต่างของตัวละครสองคนนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น
L ทุ่มเทให้กับการสืบสวน แต่ก็ไม่ยอมที่จะปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องมาเดือดร้อน แม้เขาจะกังขากับกฎ 13 วันจนเปรยว่าจะใช้นักโทษประหารมาทดสอบ ซึ่ง จะว่าไปก็ดูพอยอมรับได้ เพราะ นักโทษประหารก็คือ คนที่รอวันตาย แต่ ท้ายที่สุด เขาเองก็เป็นคนที่ไม่คิดจะเอาชนะใครโดยต้องใช้ชีวิตคนอื่นเป็นสะพานให้ก้าวไปถึงเป้าหมาย สำหรับ L ชีวิตของคนไม่ว่าจะเป็นใคร จะใกล้ตายหรือไม่ ล้วนมีคุณค่าเท่าเทียมกัน
ไลท์ ทุ่มเทให้กับการกำจัด L และ ก็ยินดีที่จะกำจัดคนใกล้ชิดได้ง่ายดายเหมือนเด็ดใบไม้ใบหญ้า หากเขาคิดว่าจำเป็น จนอาจทำให้ใครต่อใครพาลคิดสงสัยว่าทำไม คนอย่างไลท์ทำไมเปลี่ยนแปลงจากตอนต้นได้ถึงเพียงนี้ บางที ไลท์อาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย จากที่เคยเขียนถึงใน blog ที่แล้วไว้ว่า ด้วยบุคลิกของคนที่มี IQ ล้นปรี่ แต่มี MQ ที่ตกต่ำขาดศีลธรรมในใจ จนเป็นบุคลิกภาพแบบต่อต้านสังคม (Antisocial personality disorder) คนอย่างไลท์อาจเดินเฉียดชนเราในสังคมโดยที่เราดูไม่ออก
เพราะหากคบกันแค่เปลือก คนกลุ่มนี้จะอยู่ภายใต้บุคลิก นุ่มนวล ชวนให้ประทับใจ แววร้ายจะฉายออกมาก็ต่อเมื่อ ผลประโยชน์ของตัวเองถูกเบียดบัง หรือ เมื่อจำเป็นต้องเอาตัวรอด หรือ จำเป็นต้องหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง คนกลุ่มนี้ก็จะฉายแววออกมาให้เห็นได้ทันที และ วิธีการที่ใช้เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองของไลท์ ก็คือ การอ้างเหตุผลที่สวยงามชวนให้คล้อยตาม (rationalization) ซึ่งมักเป็นวิธีของคนเลวที่ฉลาดมักใช้อยู่เสมอ เช่น ไลท์อ้างการเสียสละเพื่อสร้างโลกใบใหม่ ทั้งที่ความจริง สิ่งที่เขาทำไม่ใช่ การเสียสละแต่คือการฆาตกรรม
เรียกได้ว่า ไลท์ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา โดยไม่คำนึงถึงคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นใครสำคัญกับตัวเองแค่ไหนก็ตาม และเราจะได้เห็นว่า ลุค เอง ก็เป็นตัวละครที่เหมือนกระจกส่องมิตินี้ของไลท์
ตัวละครทั้งลุค และ ไลท์ คือ ตัวละครที่ไม่แคร์ชีวิตใคร ทุกสิ่งที่ทำไปเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง ( ความทะยานอยากของไลท์ และ ความสนุกของลุค) กระจกบานนี้ของไลท์ส่องให้ไลท์เองก็ได้บทเรียนอันเจ็บแสบจากลุค อันเป็นบทเรียนที่ตัวเองทำกับคนอื่นมาตลอด นั่นคือ การไม่เคยเห็นชีวิตคนอื่นอยู่ในสายตานอกจากความต้องการของตัวเอง
....ถึงแม้ว่า ตากล้องในหนังจะน่าชื่นชมที่ดูช่างขยันถ่ายแต่ขาอ่อนของมิสะ กับ คิโยมิ บ่อยครั้งเหลือเกิน แต่ที่ชื่นชมมากกว่าคือ คนออกแบบเสื้อผ้าหน้าผมให้กับ มิสะ จนทำให้เธอ เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่เหมือนเดินออกมาจากหน้ากระดาษในการ์ตูนอย่างไม่ผิดเพี้ยน (เหมือนกับลุค ในภาคแรก ผิดกับ เรม ที่ดูออกจะเหลี่ยมๆไปหน่อย)
ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ฝ่ายคอสตูมของมิสะ เป็นคนเดียวกับ คนจัดหาหน้ากากให้ L ในภาคนี้หรือเปล่า ถ้าใช่ ก็น่าปรบมือให้ทีเดียว เพราะหน้ากากของ L ก็ขำขโมยซีนอย่างมาก จนทำให้คนดูจดจำสิ่งนี้เป็นลำดับต้นๆเมื่อคนพูดถึงหนังภาคนี้
...สำหรับตัวหนังแล้ว หากวัดกันภาคต่อภาค ภาคสองอาจมีดีตรงสามารถขมวดปมตอนจบได้อย่างกระชับและลงตัวกว่าที่คิดไว้ แต่ อารมณ์ของหนังนั้น หลายฉากในภาคแรก ทำได้จริงจัง เข้มข้นหนักแน่น และ ชวนติดตามได้มากกว่า ทั้งที่รู้อยู่ก่อนแล้วว่า เนื้อหาจะดำเนินไปในทิศทางใด และ บางฉากยังทำออกมาได้กดดันและน่ากลัวเสียด้วยซ้ำ แต่ในภาคนี้ดูเบาๆไปเรื่อยๆ จนทำให้หลายฉากที่น่าจะดีได้มากกว่านี้ดำเนินไปอย่างแกนๆตามบทที่กำหนดไว้
โดยเฉพาะฉากจบ ที่ตัวบทเขียนไว้อย่างดีกับการขมวดการ์ตูนสองภาคแล้วดัดแปลงมา แต่ มันกลับดูขาดพลัง มันยืดเยื้อในบางตอนที่เจตนาจับคำพูดยัดปากตัวละครเพื่อสอนเรื่องถูก-ผิด และ ในขณะเดียวกัน มันก็รวบรัดตัดความเกินในบางช่วงจนคนดูตามไม่ทัน เช่น การเฉลยทริกที่ L จัดการไลท์ แถมที่แย่ยิ่งกว่า คือ สีหน้าตัวละครในฉากสำคัญนี้ดูไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะ พ่อของไลท์ ยิ่งทำให้ฉากนี้ดูแบนราบไร้มิติไปตามตัวละคร จะว่าไปแล้ว สีหน้าตัวละครในการ์ตูนยังจะดูมีอารมณ์มากกว่าเสียด้วยซ้ำ
รูปแบบการเล่าเรื่องของทั้งสองภาคนี้ก่อให้เกิดปัญหาเล็กๆเหมือนกัน อันไม่รู้ว่ามาจากตัวผู้กำกับ หรือ มาจากตัวผมเองที่อ่านหนังสือมาก่อนแล้ว นั่นคือ หนังสร้างความน่าติดตามในฉากเปิดเรื่อง ก่อนที่จะรู้สึกว่าหนังมันอืดๆยืดๆอยู่พักใหญ่ในช่วงกลางไปจนท้าย ก่อนจะมาเข้มข้นอีกทีตอนปิดเรื่อง -
11
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 6 ธ.ค. 49 15:51
สิ่งที่ชอบ
1.การดัดแปลงจากการ์ตูนมาเป็นหนังสือ ... กับตัวหนังสือที่ยึกยือเยอะแยะไปหมด กับการต่อสู้ที่เป็นแอคชั่นทางความคิด หนังสามารถดัดแปลงให้มาเป็นภาพได้อย่างลงตัว และ ที่ยอดเยี่ยมของภาคนี้ คือ การผสมผสานเรื่องราวทั้งสองภาค ดึงบางส่วนมา และ ตัดบางส่วนทิ้ง ได้อย่างพอดิบพอดี ตัวละครใหม่ที่สร้างมาก็ทำให้หนังกระชับขึ้น และ ที่สำคัญ ยังคงธีมหรือแนวคิดหลักจากการ์ตูนได้ครบถ้วน
2.ตอนจบ ... ฉลาดในการเลือกทางออกให้กับตอนจบของหนัง
3.หน้ากากของ L และ คิโยมิ ทาคาดะ ... อันแรกขำ ส่วนคนหลัง เอ่อ
สิ่งที่ไม่ชอบ
1.ฉากจบ ... หนังผูกเรื่องตอนจบไว้อย่างดี แต่ ฉากนี้กลับดู เฉยๆ ไปเสียได้ ผู้กำกับไม่สามารถถ่ายทอดฉากไคลแมกซ็ได้เข้มข้นหรือมีพลัง บางช่วงก็เยิ่นเย้อ บางตอนก็รวบรัด แถม ตัวละครก็หน้าตายด้านไร้อารมณ์
สรุป ... เป็นการดัดแปลงการ์ตูนที่สร้างยากโคตรเรื่องหนึ่งให้มาเป็นหนังสองภาคได้อย่างน่าพึงใจ ใครได้ดูภาคแรกไม่ต้องลังเลใจไปดูต่อภาคสอง ใครไม่เคยดูภาคแรกไปดูภาคสองทำการบ้านก่อนซะหน่อยก็ดูรู้เรื่อง เป็นหนังที่สร้างจากการ์ตูนได้ดี ชนิดที่ว่า คนอ่านการ์ตูนน่าจะพอใจ และ คนไม่เคยอ่านการ์ตูนก็น่าจะสนุกไปกับหนังโดยอาจงงเล็กน้อยตามไม่ทัน ซึ่งหนังสือการ์ตูนก็รอตอบทุกคำถามไว้แล้ว -
Lovelove -:- L -:-
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 6 ธ.ค. 49 14:37
ไปดูมาแล้ว หนุกมาก ๆ เลย
รักแอลสุด ๆ >o< -
แพรพลอย
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 6 ธ.ค. 49 13:56
อ่ะนะตอนแรกก็งงๆอ่ะ แต่นะก็หนุกดี
ชอบแอลมากมายก่ายกองด้วยอ่ะ
ชอบตอนที่แอลใส่หน้ากากอ่ะขำสุดๆ
ดูสองรอบ ไม่เบื่ออ่ะ สุดยอด -
* Nan_A *
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 6 ธ.ค. 49 11:17
ภาค 2 ไม่ค่อยหนุกเท่าไหร่ ผูกเรื่องไม่ค่อยดีอะค่ะ เเต่ถือว่าคุ้มเพราะ เเอล น่ารักฮ่าๆ
-
Death Note: The Last Name
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 6 ธ.ค. 49 06:40
คำถามของคุณ ZZZ ถามว่า
ไม่เข้าใจว่า ถ้า death note ที่ มิสะขุดขึ้นมาเปงของปลอม
แล้วทำไมพอ มิสะจับหนังสือแล้ว ความจำก้อกลับมา
แล้วก้อเหง ลุ๊ค ด้วยอะ
ไลท์ก้อเหมือนกัน พอจับหนังสือก้อเหงลุ๊ค
ตอบ มันคงเป็นความผิดพลาดของหนังน่ะครับ
ถ้าลองมาเรียงลำดับแล้ว
สมุดNote เล่มที่ 1 ถูก ยมทูตเรม เขียนชื่อ L และ วาตาริ ข้อนี้ของจริง +++ ตัดข้อสงสัยไปได้เลย +++(เป็นสมุดโน๊ตที่เรมเป็นเจ้าของ ถ้าไม่ขัดเรื่องจับ Note แล้วได้ความทรงจำมาทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น Note เล่มของยมทูตตัวไหน )
สมุดNote เล่มที่ 2 ถ้าเรามาย้อนมาตอนที่มิสะขุดNote จะเป็นของจริงครับ (เป็นสมุดของลุคที่หน้าปกเขียนว่า Death Note) แต่ตอนนั้นเอง ถ้าสันนิษฐานว่า Note โดนสลับตอนไหนสักตอนแต่ไม่มีฉากฉายให้ดู (หนังคงยังฉายไม่ได้ เพราะเขาจะเฉลยตอนหลังว่า ได้แอบติดกล่องดูมิสะหลังจากได้ Note จึงหาโอกาสสลับก่อนที่จะเริ่มแผนที่ให้พ่อไลท์เอา Note ของจริงๆไป ทดลอง(แต่ก็นะ ผมลืมตรงนี้น่ะไม่รู้ว่าเขาได้ติดกล้องดูมิสะ หรือ L มันคิดออกนะ ว่ามิสะมันจะไปขุด ถ้ารู้มันจะรู้ตอนไหนว่ามิสะจะไปขุด(ใครรู้บอกที!!!))
จากนั้น มิสะก็ได้พกมายังที่ๆ L กับ ไลท์ อยู่ แล้ว ไลท์ไปหยิบก็เห็นลุค (ถ้าเห็นลุค การสุนนิษฐานข้างต้นก็ผิด แสดงว่า Note ไม่ได้มีการสลับเลย ถ้าเป้นเช่นนั้นโนตนั้นเป็นของจริง) ++++ โนตปริศนา ++++
สมุดNote เล่มที่ 3 จะเป็นรูป Death Note หน้าปกสมุดเพราะต้องให้เหมือนกับ เล่มที่มิสะขุด (แต่ผมยังบอกไม่ได้ว่าจริงหรือปลอม ถ้าสมุด Note เล่มที่ 2 ยังแก้ไขปริศนาไม่ได้)
จะอยู่ในช่วงที่พ่อไลท์จะเอาไปทดลอง (จะเกิดปัญหาอีกอย่าง คือว่า ตอนที่เราดูกันจะสมุดNote มันเป็น Death Note หน้าปกได้ยังไร ทั้งที่มันได้มาจาก คิระคนที่ 3 มันก็ต้องเป็นของเรม จริงไหม... หน้าปกก็ต้องเปงตัวหนังสืออื่นไม่ใช่คำว่า Death Note)
(สรุปเล่มที่ 3 คือ มี 2 กรณี
กรณีที่ 1 ตอนเอาไปเปงของเรม เพราะจะได้ของที่มิสะขุดจะมีมาได้ยังไงทั้งๆที่มี Note แค่เล่มเดียวที่ได้จากคิระคนที่ 3)
กรณีที่ 2 ถ้าเป็นของที่มิสะขุดที่โดนแลกเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ จะต้องมี Death Note หน้าปก ซึ่งการที่เอาสมุด Note นั้นมาใส่กล่องจาเอาสมุดไปทดลองให้ไลท์ดูเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนั้นไลท์ก็อยู่ด้วยเพราะจะมีฉากอยู่กับ L 2ต่อ2 (นอกจากจะเอาสมุดใส่กล่องโดยที่ไม่ให้ไลท์เห็น)
สรุปคือ ถ้าตรงกับกรณีที่ 1 ตอนเอาไปจะเป็นของเรม พอตอนกลับดันเปงของลุ๊คซึ่งมี Death Note เขียนไว้หน้าปก
เอาละขอจบก่อน ของสรุปละกันถ้าจะเขียนอีกจะยาวกว่านี้
1.ตอนที่เรมเอาไปเขียนชื่อ L กับ วาตาริ จะเอาไปได้อย่างไร เรนมีNote ด้วยหรอ ซึ่งกล่องที่นำไปทดลองก็ต้องเป็นของเรม ที่ได้จากคิระคนที่ 3
สรุปคือ เป็นความผิดพลาดของหนังที่มันซับซ้อนจนงง -
ying
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 5 ธ.ค. 49 23:49
ถ้าเคยอ่านที่เป็นหนังสือการ์ตูนมาก่อนอย่างเราหลายคนก็รู้สึกแย่นิดๆนะ เพราะดูเรื่องจะพยายามบีบให้จบจนเนื้อหาเพี้ยนจากหนังสือไปมากเลย ถ้าไม่ยึดติดก็ถือว่าใช้ได้ล่ะ แอลดูเนียนมากๆเลยนะ น่ารักดี
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
วันนี้ในอดีต
American Hustleเข้าฉายปี 2013
แสดง Christian Bale, Bradley Cooper, Jennifer Lawrence
Homefrontเข้าฉายปี 2013
แสดง Jason Statham, James Franco, Kate Bosworth
The Singing Detectiveเข้าฉายปี 2003
แสดง Robert Downey Jr., Robin Wright Penn, Mel Gibson
เกร็ดภาพยนตร์
- The Finest Hours - คริส ไพน์ นักแสดงบท เบอร์นี และ อีริก บานา ผู้รับบท แดเนียล เคยแสดง Star Trek (2009) ร่วมกันมาก่อน อ่านต่อ»
- Exposed - จี มาลิก ลินตัน ผู้กำกับและผู้เขียนบทภาพยนตร์ ต่อสู้เพื่อให้ชื่อของเขาถูกถอดออกจากภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะฉบับดั้งเดิมที่เขาตั้งใจสร้างคือภาพยนตร์ที่พูดภาษาสเปน 70 เปอร์เซ็นต์ เกี่ยวกับการสังหารคนหมู่มาก การใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการใช้กำลังทำร้ายเด็กและผู้หญิง โดยมี อิซาเบล ที่แสดงโดย อานา เด อาร์มาส เป็นตัวละครนำเรื่อง แต่ภายหลังกลับถูกตัดต่อให้กลายเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับตำรวจสืบสวน กัลบัน ที่รับบทโดย คีนู รีฟส์ ซึ่งเดิมถูกวางไว้เป็นนักแสดงสมทบ สุดท้ายชื่อผู้กำกับได้เปลี่ยนเป็นชื่อ ดีแคลน เดล ซึ่งเป็นชื่อสมมติแทน อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
The Invisible Man
ซซิเลีย แคสส์ (เอลิซาเบธ มอสส์) คือหญิงสาวที่มีความสัมพันธ์กับนักวิทยาศาสตร์ที่ทั้งร่ำรวยและฉลาดล้ำเลิศ แต่ความสัมพันธ์...อ่านต่อ»