เกร็ดน่ารู้จาก Sorority Row

เกร็ดน่ารู้
  • ดัดแปลงจาก The House of Sorority Row (1983) ผลงานชิ้นแรกของผู้กำกับ มาร์ก รอสแมน ซึ่งเป็นภาพยนตร์สยองขวัญทุนต่ำที่ทำรายได้มากกว่าทุนสร้าง 10 เท่า ทำให้ผู้กำกับ มาร์ก นักแสดง ฮาร์บีย์ เจน โคแซก และผู้กำกับภาพ ทิม เซอร์สเตดต์ โด่งดังมากขึ้นนับจากนั้น นอกจากนี้ยังเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน เลือกไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์ของเขาเมื่อปี 1996
  • จุดเริ่มต้นของการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ ผู้อำนวยการสร้าง ดาร์ริน โฮเลนเดอร์ คิดจะนำ The House of Sorority Row (1983) ที่ เอิร์ฟ โฮเลนเดอร์ คุณพ่อของเขาเคยซื้อลิขสิทธิ์ไปจัดจำหน่ายทั่วโลกมาสร้างใหม่อีกครั้ง เขาจึงเสนอความคิดนี้กับผู้อำนวยการสร้าง ไมก์ คาร์ซ
  • เมื่อผู้อำนวยการสร้าง ไมก์ คาร์ซ ได้ยินว่าจะมีการนำ The House of Sorority Row (1983) ของผู้กำกับ มาร์ก รอสแมน มาสร้างใหม่ เขาก็รู้สึกสนใจทันที เพราะเขาเป็นเพื่อนกับ มาร์ก และเคยเป็นผู้อำนวยการสร้างให้ภาพยนตร์ที่ฉายทางโทรทัศน์ที่ มาร์ก เป็นผู้กำกับเรื่อง Model Behavior (2000)
  • ผู้อำนวยการสร้าง ไมก์ คาร์ซ เลือก จอช สโตลเบิร์ก ที่เขาเคยร่วมงานด้วยจาก Good Luck Chuck (2007) และ พีต โกลด์ฟิงเกอร์ เข้ามาช่วยกันเขียนบทภาพยนตร์โดยอ้างอิงจากภาพยนตร์ต้นฉบับ The House of Sorority Row (1983) แล้วใส่อารมณ์ขันร้ายๆ ลงไปให้มากกว่าเดิม แต่ยังคงอยู่บนพื้นฐานของภาพยนตร์สยองขวัญ
  • ผู้อำนวยการสร้าง ไมก์ คาร์ซ คิดว่าภาพยนตร์สยองขวัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอย่าง Saw (2004) และ Hostel (2005) ทั้งหดหู่และรบกวนจิตใจมาก เขาจึงใช้ผลงานที่สร้างมาก่อนหน้านั้นเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเน้นการพัฒนาตัวละครและเพิ่มอารมณ์ขันร้ายๆ เข้ามาในความน่ากลัวของเรื่องราว
  • ผู้เขียนบท จอช สโตลเบิร์ก เล่าว่า เนื่องจากภาพยนตร์ต้นฉบับ The House of Sorority Row (1983) ถูกสร้างเมื่อ 25 ปีก่อน ค่านิยมเกี่ยวกับผู้หญิงจึงเปลี่ยนไปหมดแล้ว พวกเขาจึงต้องใส่องค์ประกอบใหม่ๆ เข้าไปในภาพยนตร์ โดยพยายามรักษาเสน่ห์และจิตวิญญาณของต้นฉบับเอาไว้
  • มาร์ก รอสแมน ผู้กำกับ The House of Sorority Row (1983) ซึ่งเป็นต้นฉบับของภาพยนตร์เรื่องนี้ เล่าว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีฉากการกลั่นแกล้งที่ผิดพลาดแบบเดียวกับของเขา แต่แทนที่คุณครูผู้ดูแลบ้านจะเสียชีวิต เหยื่อในเรื่องนี้คือเพื่อนสาวของกลุ่มตัวละครหลักเอง ส่วนการไล่ตามฆ่าในฉบับใหม่นี้มีความรุนแรงมากกว่าฉบับดั้งเดิมของเขา
  • หลังจากอ่านบทภาพยนตร์ที่เขียนเสร็จแล้ว สจวร์ต เฮนด์เลอร์ ก็ตกลงรับหน้าที่ผู้กำกับ เนื่องจากเขาชอบการพัฒนาตัวละคร และการทำความรู้จักตัวละครแต่ละคนก่อนที่เรื่องราวสยองขวัญจะระเบิดออกมา ซึ่งต่างจากภาพยนตร์สยองขวัญหลายเรื่องที่เปิดตัวด้วยการฆ่าหรือทรมานเหยื่ออย่างไม่มีที่มาที่ไป
  • ผู้อำนวยการสร้าง ไมก์ คาร์ซ เลือก สจวร์ต เฮนด์เลอร์ มากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะชอบผลงานการกำกับภาพยนตร์โฆษณาของเขา
  • ผู้อำนวยการสร้าง ไมก์ คาร์ซ เล่าว่าพวกเขาตัดสินใจเลือก รูเมอร์ วิลลิส มารับบท เอลลี ทั้งที่ เอลลี เป็นผู้หญิงขี้กลัวและขี้ตกใจ ต่างจาก รูเมอร์ ที่ร่าเริงและล้อเล่นตลอดเวลาในกองถ่าย เนื่องจาก รูเมอร์ ถนัดเรื่องการส่งเสียงกรีดร้อง ซึ่งเป็นจุดเด่นของตัวละคร เอลลี
  • หลังจากได้รับบท เอลลี แล้ว รูเมอร์ วิลลิส ก็ค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับนักแสดงหญิงที่แสดงฉากกรีดร้องได้ดี เช่น เนฟ แคมป์เบลล์ จากเรื่อง Scream (1996) แล้ว รูเมอร์ ก็ฝึกซ้อมกรีดร้อง เพื่อให้แน่ใจว่าเธอกรีดร้องได้เหมือนคนที่กำลังตกใจมากจริงๆ
  • ผู้สร้างเลือก เจมี ชุง มารับบท แคลร์ เพราะเธอสามารถแสดงฉากผาดโผนได้ดี โดยก่อนหน้านี้เธอได้พิสูจน์ตัวเองมาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง Dragonball Evolution (2009) และละครโทรทัศน์เรื่อง Samurai Girl
  • เดิมผู้สร้างต้องการให้ผู้ที่รับบท ชักส์ เป็นผู้หญิงรูปร่างใหญ่และกล้าบ้าบิ่น แต่เมื่อ มาร์โก ฮาร์ชแมน เข้ามาทดสอบบท ชักส์ โดยแสดงออกมาให้ ชักส์ เป็นผู้หญิงมีเสน่ห์ที่มีอารมณ์ขันแบบเจ็บๆ ผู้สร้างก็รู้สึกถูกใจและยอมเปลี่ยนการตีความตัวละครใหม่ตามเธอ
  • แคโรไลน์ ดามอเร ได้รับเลือกให้มารับบท แมกกี น้องสาวของ เมแกน เพราะรูปร่างหน้าตาของเธอคล้ายกับ ออดรินา พาทริดจ์ ผู้รับบท เมแกน นอกจากนี้ยังเป็นเพราะผู้อำนวยการสร้าง ไมก์ คาร์ซ ชอบการแสดงของเธอในละครโทรทัศน์ Entourage
  • ตัวละครคุณนาย เครนชอว์ สามารถใช้ปืนลูกซองแฝดได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่ง แคร์รี ฟิชเชอร์ ที่รับบทนี้ก็เคยฝึกใช้ปืนมาก่อนแล้ว เธอยังเคยแสดงฉากใช้ปืนมาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง The Blue Brothers (1980) และเคยใช้ปืนเลเซอร์ใน Star Wars (1977)
  • หลังจากคัดเลือกนักแสดงแล้ว ผู้กำกับ สจวร์ต เฮนด์เลอร์ ให้กลุ่มนักแสดงหญิงที่รับบทนำ เดินทางมายังสถานที่ถ่ายทำที่เมืองพิตส์เบิร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และให้พวกเธอร่วมกันซ้อมใหญ่ก่อนถ่ายทำ 1 สัปดาห์ โดยใช้ชีวิตร่วมกัน รับประทานอาหารเย็นร่วมกัน และไปพิพิธภัณฑ์ด้วยกัน เพื่อสร้างความสนิทสนมเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน
  • เจมี ชุง ผู้รับบท แคลร์ เล่าว่าในช่วงกลางคืน เธอและเพื่อนนักแสดงสาวๆ มักไปรวมตัวกันในชั้น 2 ของโรงแรมซึ่งมีเปียโนตัวใหญ่ตั้งอยู่ เพื่อร่วมกันร้องเพลงก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพักผ่อน โดย บริอานา เอวิแกน ผู้รับบท แคสสิดี สามารถเล่นเปียโน กีตาร์ และร้องเพลงได้ ส่วน รูเมอร์ วิลลิส ผู้รับบท เอลลี เคยศึกษาการร้องเพลงอุปรากรมาก่อนและ มาร์โก ฮาร์ชแมน ผู้รับบท ชักส์ ก็มีเสียงร้องที่นุ่มนวลคล้าย นอราห์ โจนส์
  • ถ่ายทำฉากบ้านเธตาไพกันในละแวกบ้านเรือนในเขตโฮมสตีด รัฐเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 โดยเศรษฐีท้องถิ่นที่ใช้แม่น้ำโอไฮโอเป็นเส้นทางโดยสาร เนื่องจากเป็นบ้านที่มีสถาปัตยกรรมที่เหมาะสม และมีพื้นที่รอบๆ เป็นป่าไม้และเพื่อนบ้านที่ทนเสียงรบกวนจากการถ่ายทำช่วงกลางคืนได้หลายสัปดาห์ นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ที่สามารถถ่ายทำฉากเผาบ้านได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งรอบข้าง
  • ผู้ออกแบบงานสร้าง ฟิลิป ทูลิน เห็นว่าบ้านเก่าในเขตโฮมสตีด รัฐเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มีขนาดเล็กกว่าบ้านเธตาไพที่พวกเขาต้องการอยู่เล็กน้อย เขาจึงต่อเติมให้ด้านหลังบ้านมีสภาพคล้ายหน้าบ้าน และต่อเติมปีกให้ขยายออกไปเพื่อใช้ถ่ายทำฉากสำคัญของเรื่อง นอกจากนี้ยังสร้างบ่อน้ำร้อน น้ำพุหินอ่อน และลานกว้างสำหรับงานเลี้ยง และวางท่อไฟเชื่อมไว้บนหลังคาและหน้าต่าง เพื่อใช้ในฉากไฟลุกท่วมบ้าน
  • การถ่ายทำเรื่องนี้มักเกิดขึ้นในช่วงกลางคืน ซึ่งอุณหภูมิลดต่ำกว่า 0 องศา ขณะที่เหล่านักแสดงสาวๆต้องสวมชุดวาบหวิว ซึ่งแม้พวกเธอจะแปะแผ่นความร้อนไว้ที่หลัง ที่ท้อง และในรองเท้า รวมทั้งมีเสื้อกันหนาว รองเท้าบูต เต็นท์ และเครื่องทำความร้อน เตรียมไว้ให้ใช้ขณะพักการถ่ายทำ แต่นักแสดงก็ยังรู้สึกหนาวมาก ทำให้พวกเธอดูเหมือนหวาดกลัวจนสั่นเทาได้ตามบท โดยที่แทบไม่ต้องแสดงเลย
  • หลังจากการถ่ายทำในเหมืองร้างเสร็จสิ้นแล้ว ก็ย้ายไปถ่ายทำต่อในโรงงานร้างแห่งหนึ่ง เหล่านักแสดงคาดว่าการถ่ายทำในตัวอาคารจะทำให้พวกเธอรู้สึกอบอุ่นขึ้น แต่ปรากฏว่าที่นั่นกลับหนาวยิ่งกว่าเดิม ทุกคนจึงเรียกสถานที่นั้นว่า ห้องแช่เนื้อ และนักแสดงก็ยังคงต้องถ่ายทำด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น จึงต้องเตรียมเสื้อกันหนาวเอาไว้สวมขณะพักการแสดง
  • ผู้ประสานงานฉากผาดโผน ไบรอัน สไมจ์ เล่าว่านักแสดงสาวหลายคนมีความรู้ในการถ่ายทำฉากผาดโผนดีอยู่แล้ว บริอานา เอวิแกน ที่รับบท แคสสิดี มีพื้นฐานมาจากการเต้น เจมี ชุง ที่รับบท แคลร์ เป็นนักแสดงแนวต่อสู้อยู่แล้ว ส่วน รูเมอร์ วิลลิส ที่รับบท เอลลี ก็เป็นลูกสาวของนักแสดงบู๊ชื่อดัง บรูซ วิลลิส จึงมีโอกาสได้เห็นการถ่ายทำฉากผาดโผนของคุณพ่อของเธอมาแล้วมากมาย
  • ผู้สร้างตั้งใจให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเรตอาร์ตั้งแต่แรกเริ่ม แต่หลังจากภาพยนตร์ Prom Night (2008) ฉบับนำมาสร้างใหม่ประสบความสำเร็จ ซัมมิต เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จึงวางแผนจะตัดต่อภาพยนตร์ให้เป็นเรตพีจี-13 แต่สุดท้ายพวกเขาก็เปลี่ยนใจอีกครั้ง กลับมาสร้างภาพยนตร์เรตอาร์ตามเดิม
  • เดิมผู้สร้างกำหนดวันออกฉายในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นวันที่ 2 ตุลาคม 2009 แต่ภายหลังเลื่อนเป็นวันที่ 11 กันยายน 2009
  • เดิม ลีอาห์ ไพป์ส เข้ามาทดสอบบทเป็น เอลลี จากนั้นเธอจึงทดสอบบทเป็น เจสสิกา และหลังจากทดสอบบท เจสสิกา ครั้งที่ 2 พร้อมทั้งต่อผมและเปลี่ยนการแต่งกายใหม่ ผู้สร้างก็ตัดสินใจยกบท เจสสิกา ให้เธอ
  • ในเดือนสิงหาคม 2009 คณะกรรมการจัดประเภทภาพยนตร์แห่งอังกฤษกำหนดให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เรต 18 ซึ่งหมายถึงห้ามผู้ชมในสหราชอาณาจักรที่อายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าชม ตัวแทนจัดจำหน่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ในประเทศอังกฤษ อีวัน ฟิล์มส์ ยื่นอุทธรณ์ขอให้คณะกรรมการพิจารณาใหม่ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเรต 15 แทน
  • มาร์ก รอสแมน ซึ่งเป็นผู้กำกับ ผู้เขียนบท และผู้อำนวยการสร้างของภาพยนตร์ต้นฉบับ The House of Sorority Row (1983) ได้มารับหน้าที่อำนวยการสร้างบริหารให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
  • ฉากที่ แคสสิดี ที่รับบทโดย บริอานา เอวิแกน หยิบไม้เท้ารูปนกขึ้นมาเป็นอาวุธ เป็นการแสดงความเคารพต่อภาพยนตร์ต้นฉบับ The House of Sorority Row (1983) เนื่องจากมีตัวละครที่ถืออาวุธแบบเดียวกันนี้เช่นกัน
  • ฉากที่ตัวละครนักเรียนชายที่มึนเมาประกาศตัวว่าเป็น หมูทะเล นั้น อ้างอิงถึงฉากหนึ่งในภาพยนตร์ต้นฉบับ The House of Sorority Row (1983) ฉากนั้นมีนักเรียนคนหนึ่งกระโดดลงไปในสระว่ายน้ำของสมาคมนักเรียนหญิง แล้วประกาศตัวว่าเป็น หมูทะเล เช่นกัน
  • ชื่อเต็มของตัวละครที่ บริอานา เอวิแกน และ ลีอาห์ ไพป์ส แสดงตามบทภาพยนตร์ คือ แคสสิดี แทปแพน และ เจสสิกา เพียร์สัน ตามลำดับ

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • Anger ManagementAnger Managementเข้าฉายปี 2003 แสดง Jack Nicholson, Adam Sandler, Marisa Tomei
  • One Piece Film ZOne Piece Film Zเข้าฉายปี 2013 แสดง Mayumi Tanaka, Houchu Ohtsuka, Ryoko Shinohara
  • JuvenileJuvenileเข้าฉายปี 2003 แสดง Shingo Katori, Miki Sakai, Ann Suzuki

เกร็ดภาพยนตร์

  • มันเปลี่ยวมาก - เดิมทีตัวจ่าเฉยจะออกแบบมาจาก เคน - ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ หรือ ติ๊ก - เจษฎาภรณ์ ผลดี แต่ภายหลังเอาหน้าจ่าเฉยจริงๆ มาปรับใหม่แทน ตัวจ่าเฉยจะพูดไม่ขยับปาก เพราะหากขยับปากพูดแล้วจะเหมือนหุ่นกระบอกมากกว่า อ่านต่อ»
  • How to Train Your Dragon 2 - ตอนที่ผู้กำกับ ดีน เดอบลา ได้รับข้อเสนอให้กำกับภาคต่อ เขายอมรับข้อเสนอนั้นไว้ภายใต้เงื่อนไขว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องเป็นไตรภาค อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

The Only Mom The Only Mom ในอดีตการถ่ายภาพคือวาระพิเศษของชีวิต และหลายครั้งมันถูกใช้เพื่อบันทึกภาพสุดท้ายของใครบางคนด้วยหวังว่าจะเก็บภาพนั้นไว้นอ...อ่านต่อ»