วิจารณ์ The Social Network
-
Cypher (เลขที่ 65370) เมื่อ 18 ธ.ค. 53 21:54
"ทุกสิ่งอย่าง ซื้อได้ด้วย เงิน ถ้าซื้อไม่ได้ แปลว่า มีไม่มากพอ"
-
CalculasBoy (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 17 ธ.ค. 53 21:30
ความเหน ยาวๆข้างล่าง ที่ให้สามดาว อะไรอะ เวิ่นเว้อไป
ผมว่าสมัยนี้ ต้องการเงินจริงๆๆ แล้วความสุขจะตามมา
ลองคุณไม่มีเงินดิ ความสุขจะมีปะหละ
สมัยนี้ เงินอาจจะสำคันที่สุดเลย ถ้ามันไม่ดีก็อย่าไปใช้ เฟดเขาดิ -
wondle (เลขที่ 281032) เมื่อ 14 ธ.ค. 53 21:11
ถึงบทพูดจะเยอะ และพระเอกพูดเร็วมาก (หยั่งกะแร๊พ) และถึงแม้จะไม่ได้เล่น FB แต่ก็ดูได้สนุก และเข้าใจได้ ไม่เหมือน Wall Street ที่หนังมีศัพท์เกี่ยวกับหุ้นเยอะ เลยอาจจะเฉพาะกลุ่มไปสักหน่อย
-
joblovenuk (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 13 ธ.ค. 53 13:40
The Social Network 3 ดาว
.........The Social Network สมควรโดนแบน ข้อหา มีเนื้อหาขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งเรื่องผมเห็นว่ามันเป็นเรื่องของมนุษย์กลุ่มหนึ่งที่ต่อสู้กัน และพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะกันและกัน จุดมุ่งหมายเพื่อชื่อเสียงและความสะใจล้วนๆ เพราะเงินทองดูเหมือนจะเป็นเพียงของแถมจากความสำเร็จก็แค่นั้น ทุกคนในหนังเรื่องนี้ ไม่มีตัวใหนที่เป็นคนดีพร้อม และเลวสมบูรณ์แบบ !! ถ้าความพอเพียง พอดี คือนิยามของคนดีในสังคมไทย หนังเรื่องนี้คือทุกสิ่งที่เป็นด้านตรงข้ามกับคนดีในอุดมคติของพวกเราทั้งสิ้น ? ทุกคนในหนัง ล้วนถูกปลูกฝังขึ้นมาเพื่อให้เป็นผู้ชนะ เป็นที่ 1 เป็นผู้ประสบความสำเร็จ และเป็นคนที่จะกอบโกยทุกอย่างเอาไว้ในกำมือ ชื่อเสียง ความสำเร็จ การได้รับการยอมรับจากผู้คนคือความฝัน เป้าหมายของอเมริกันชนเหล่านี้
.........จะเรียกว่าเป็นหนัง anti - hero หรือด้านมืดของ american dream ก็ว่าได้ ชนชาติเค้าถูกปลูกฝังขึ้นมาเพื่อเป็นผู้นำ ผู้ชนะ และทุกคนที่ล้มเหลวก็จะถูกลืมจากประวัติศาสตร์ มีศัพท์ที่เรียกพวกนี้ว่า ไอ้ขี้แพ้ ( loser ) และคงไม่มีใครในประเทศนั้นอยากเป็น คงไม่มีใครในหมู่พวกเค้าที่รู้จักคำว่า " พอ " หรอกครับ !! และถ้าพวกเค้าพอ พวกเค้าก็คงไม่มีประเทศขึ้นมา คงกลายเป็นแค่ประชาชนชั้น 2 คงไม่ได้เป็นใหญ่ในโลกกว้างแห่งนี้ !! ถ้ามาร์ค ซัคเคอเบิร์ก รู้จักพอเพียง เค้าก็คงไม่ทำเวปอย่าง Facebook ขึ้นมาให้ยิ่งใหญ่แพร่ไปทั้งโลกเช่นทุกวันนี้ ก็คงยึดหลักทำรังแต่พอตัว ทำเวปอยู่แค่ชาวหมู่บ้านเค้าแค่นั้น พวกเราก็คงไม่ได้ใช้บริการเวปเครือข่ายสังคมที่ฮอตฮิตอย่างที่เป็นทุกวันนี้แน่นอนเลยเชียว ถามว่าเค้าผิดเหรอที่อยากดัง อยากเด่น อยากรวย อยากเจ๋ง ... ก็คงไม่มั้ง
.........ไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศอเมริกันเจริญและพัฒนาขึ้นมาอย่างที่เห็นทุกวันนี้ และพวกเค้าก็ทำทุกวิถีทางที่จะปกป้อง " ประดิฐมากรรมทางความคิด " ของพวกเค้า ในขณะที่ถ้าเป็นแง่คิดแบบคนไทย หรือชาวพุทธ เจอใครขโมยไอเดีย หรือแย่งผลงานไปเป็นของตัวเอง เช่นเพื่อนจิ๊ก หัวหน้าแฮปผลงานไปเอาหน้าซะเอง หรือว่าโดนคนที่ใหญ่กว่าฉกฉวยไอเดียไป ส่วนใหญ่ก็มีแต่คนยอมทำใจ คิดว่าซวยหรือทำอะไรไม่ได้ ขณะที่ในประเทศอเมริกาหรือประเทศที่เจริญแล้ว เค้ายอมสู้ทุกอย่างเพื่อปกป้องงานความคิดของเค้า มีการฟ้องร้องกันสนุกสนาน ต่างจากเมืองไทยที่เงินซื้อได้ทุกอย่าง .. แต่มาดูดีๆ บางทีแล้ว เงินอาจจะซื้อได้หลายอย่าง เงินซื้อเพื่อนได้ ซื้อความสุขได้ ซื้อสุขภาพดีได้ ซื้อได้หมด .. สรุปว่าหนังก็สอนให้เราบูชาเงินล่ะสิเนี่ย ?
.........หากอเมริกามีหน่วยงานทางวัฒนธรรมที่มีมันสมองน้อย สงสัยเค้าก็คงสั่งแบนหนังชนิดนี้ ยกเว้นซะแต่ว่า เค้าสนับสนุนหนังที่ตัวละครมีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ !! บังเอิญว่าไม่ใช่ และผู้เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมของเค้ามีสมอง และเข้าใจว่า คนดูบ้านเค้าก็มีสมอง ต่างจากประเทศล้าหลังบางประเทศที่คนของรัฐทำตัวโง่ดักดาน !! The Social Network เป็นหนังที่ปรุงแต่งจนคล้ายนวนิยายมากๆ แม้จะอิงจากเรื่องจริงบ้าง แต่ก็อย่างว่าแหละครับ 85 % คงจะตีไข่ใส่สีซะสนุก ขณะที่ 15 % ที่เหลือคงเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เพราะงั้นสิ่งที่คุณเห็น สิ่งที่คุณฟัง โปรดใช้วิจารณญาณอย่างมากทุกครั้งในทุกๆเรื่อง เพราะทุกอย่างล้วนเป็นมายา ทว่าเรื่องราวความเป็นมาของเจ้าพ่อ Facebook ก่อนจะปั้นเวปจนโด่งดัง ก็ถูกเล่าออกมาเป็นหนังได้เข้าท่า และดูเพลินพอประมาณครับ ไม่น่าเบื่อ
.........ใครบอกว่า มีเงินเยอะ ขาดเพื่อน ไร้มิตรแท้ จะต้องกลายเป็นคนที่น่าสงสาร เป็นผู้ที่ล้มเหลวในการดำเนินชีวิต บางทีอาจจะเป็นตรงข้ามก็ได้ ความสุขของคนเราอยู่ที่ใหน อยู่ที่มีเงินเยอะเหรอ อยู่ที่มีเพื่อนเยอะเหรอ อยู่ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานสูงเหรอ ? บางทีอาจจะไม่ใช่ทั้งหมดก็ได้ มันอาจจะเป็น การมีความสุขในสิ่งที่ตัวเองและทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดให้ออกมาดีก็ได้ บางครั้งแค่คิดดีก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าเป็นคนดีเสมอไป การคิดดีของใครบางคนอาจจะเป็นแค่การโชว์ไอเดียว่าข้าเจ๋งก็ได้ !! แต่ถ้าความคิดของเค้าคนนั้น สร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนโดยรวมแล้วไซร้ ผมว่าก็หยวนๆให้เขาไปก็แล้วกัน เพราะผมเชื่อว่ามนุษย์ทุกคน ล้วนมีข้อดี ข้อเสียในตัวของเค้าเอง คงไม่มีใครเลวทั้งหมด หรือดีทั้งหมด ในเมื่อเราเองก็ไม่ได้ดีเด่แล้วจะไปตัดสินใครเขาทำไมกันล่ะครับ ?
แอ่ดเฟสบุคกันได้นะ
http://www.facebook.com/ayuwat.angkhawut?ref=profile -
sun... (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 13 ธ.ค. 53 00:26
แค่10คะแนนน้อยไปครับ
ชอบหนังเรื่องนี้มากที่สุดเท่าที่เคยดูมาเลย -
Maroon5Cafe์ (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 10 ธ.ค. 53 17:24
ให้ 10 เต็มครับ ^^
-
moviehardy (เลขที่ 220552) เมื่อ 9 ธ.ค. 53 17:29
i give "A"
"ถ้าคุณไม่ใช่ตัวแสบ มาร์ค คุณก็พยายามเหลือเกินที่จะเป็น" -
PezzYoH (เลขที่ 191419) เมื่อ 9 ธ.ค. 53 12:04
ตือส่วนตัวผมว่าสนุกนะ แต่ก็ยังมีข้อให้ติอยู่บ้าง คือการดำเนินเรื่องที่รวบรัด และการตัดต่อสลับไปมาที่บางทีทำให้เกิดอาการงงไปบ้างเหมือนกัน แต่โดยรวมเนื้อหาก็เข้มข้นดี ฉับไวใช้ได้ สรุปว่่าสนุกดี แต่ไม่ถึงขั้นประทับใจที่สุด อาจเป็นหนังอัตชีวิประวัติก็เป็นได้เลยไม่ตื่นเต้นเหมือนหนังแอคชั่น ผมให้ 8.5/10 โดยรวมให้ 9/10 แล้วกันครับ
-
~!+_เจิด_+!~ (เลขที่ 267073) เมื่อ 9 ธ.ค. 53 11:07
ในสังคมออนไลน์ คุณไม่มีทางที่จะมีเพื่อน 500 ล้านคนได้โดยไม่สร้างศัตรู
ก็เรื่อยๆ นะสำหรับเรา ดูก็ได้ไม่ดูก็ได้ แม้ว่าพระเอกในเรื่องจะเป็นคนพูดเร็ว แต่ก็ไม่ถึงกับอ่านซับตามไม่ทัน
ให้ 8/10 ละกัน 2 คะแนนตัดไปเพราะดำเนินเรื่องได้....... -
ohmthekop (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 8 ธ.ค. 53 12:52
หนังดี ได้สาระ การแสดงดี แต่ไม่โดนครับ เหมือนดูสารคดีชีวิตจริงมากกว่า แต่เรื่องอื่นๆดีหมด 8/10
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
วันนี้ในอดีต
Bangkok Dangerousเข้าฉายปี 2008 แสดง Nicolas Cage, Charlie Yeung, Shaun Delaney
เทวดาตกมันส์เข้าฉายปี 2008 แสดง เทพ โพธิ์งาม, วิวิศน์ บวรกีรติขจร, ศุภรดา เต็มปรีชา
In Brugesเข้าฉายปี 2008 แสดง Colin Farrell, Brendan Gleeson, Ralph Fiennes
เกร็ดภาพยนตร์
- Cub - เสียงโทรศัพท์ของหัวหน้าลูกเสือเป็นเพลงจากภาพยนตร์เรื่อง Suspiria (1977) ซึ่งเป็นหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องโปรดของผู้กำกับ โจนาส โกวาร์ต อ่านต่อ»
- Maze Runner: The Scorch Trials - เดิมทีทางค่ายภาพยนตร์จะรอผลตอบรับจากผู้ชมต่อ The Maze Runner (2014) ก่อนจะอนุมัติให้สร้างภาคต่อ แต่ภายหลังทางค่ายอนุมัติให้สร้างภาคต่อ 2 สัปดาห์ก่อนฉายรอบปฐมทัศน์ เพราะการตลาดและคำวิจารณ์ต่อภาพยนตร์เป็นไปในทางบวก อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
The Grudge
หลังจากแม่บ้านสาวได้ก่อการฆาตกรรมครอบครัวของเธอในบ้านของเธอ แม่เลี้ยงเดี่ยวและนักสืบหนุ่มก็พยายามสืบหาและคลี่คลายคดี เธ...อ่านต่อ»