วิจารณ์ Snow White and the Huntsman

วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 12 พ.ย. 55 16:00

    เป็นหนังไม่กี่เรื่องที่ตัดต่อ trailer ออกมาแล้วเกิดอยากดูมากๆ(ถ้าไม่นับหนังภาคต่อ..) เลยคิดว่าการนำ Snow White มาทำใหม่ในเวอร์ชั่นนี้คงเป็นความประทับใจไว้ไม่มากก็น้อย

    ถ้าพูดถึงสโนไวท์แล้วคงนึกถึงฉากต่างๆที่สวยงาม มีความโรเมนติกให้ดูกันมากมาย ถ้าคิดอย่างนั้นแนะนำให้เปลี่ยนเรื่องไปดูเรื่องอื่นดีกว่า เพราะโทนหลักๆของเรื่องนี้จะออกแนวจริงจัง อัศวินประวัติศาสตร์ผสมแฟนตาซีดาร์กหดหู่ มาตั้งแต่ต้นเรื่องก็เจอแต่เรื่องร้ายๆมาโดยตลอด

    แต่สิ่งที่ Snow White & The Huntsman ทำได้ดีกลับไม่ใช่ในแง่ของฉากอลังการต่างๆ แต่เป็นองค์ประกอบเล็กๆอย่างด้านโปรดักชั่น ฉากหลัง การปรับโทนแสง หรือถ้าเห็นชัดที่สุดคงเป็นด้านเสื้อผ้าที่แต่ละตัวละครก็จะมีเสื้อผ้าที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของตัวเอง ทำให้เรื่องนี้ยังคงความเป็น"สโนไวท์"อยู่ถึงแม้เนื้อเรื่องจะไม่เหมือนเดิมก็ตาม

    ใน Snow White & The Huntsman สิ่งที่แตกต่างจากสโนไวท์ทั่วปกคงเป็นความตั้งใจของราชินี ซึ่งหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าจริงแล้วสาเหตุที่แท้จริงของนางที่อยากจะกำจัดสโนไวท์ไม่ใช่เพื่อทำให้เป็นผู้ที่งามที่สุด แต่เป็นเพราะความแค้นที่มีต่อความยากจน การถูกกดขี่ต่างๆในอดีต ความงามของนางเท่านั้นที่ทำให้มีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ เพียงแต่สโนไวท์คิดจะกำจัดเพราะความแค้นที่พ่อของตนเองถูกสังหาร นางจึงต้องกำจัดสโนไวท์และเอาพลังมาเป็นของตน ทั้งราชินีและสโนไวท์ต่างก็มีความแค้นและความรักที่เกิดจากความงามมาแล้วทั้งนั้น ทั้งสองจึงเข้าใจกันและเชื่อมโยงกันได้

    เห็นได้ว่าตลอดทั้งเรื่องได้แทรกใส่ปรัชญาเข้าใจยากต่างๆ เอาไว้ด้วยอย่างฉากกระจกของราชินีที่เป็นสิ่งที่นางคิดกันไปเอง(หรือเปล่า ?) หรือฉากที่กวางขาวถูกยิง ฉากม้าที่ชายหาด แน่นอนว่าเกือบทุกฉากได้แทรกปรัชญาโดยนัยเอาไว้ แต่บอกตามตรงแม้กระทั้งตัวผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหมายความว่าอะไร

    สำหรับด้านการแสดงผมไม่ติดใจเรื่องที่ "คริสเทน" แสดงเป็นสโนไวท์เพราะเห็นว่าได้พยายามเต็มที่แล้วจริงๆ นอกจากด้านนี้แล้วก็มีช่องโหว่ให้เห็นเต็มไปหมด แต่ขอไม่พูดถึงล่ะกันอยากให้คนที่ยังไม่ดูลองไปดูกันก่อนที่จะตัดสินใจว่าสนุกหรอไม่สนุกครับ

    C+

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 15 ก.ค. 55 15:38

    เทพนิยายสมัยใหม่

    ทีแรก ผมคิดไว้ว่าจะไม่ดูหนังเรื่องนี้ แล้วรอเก็บแผ่น แต่จนแล้วจนรอดก็ได้ดูจนได้
    โดยส่วนตัวแล้วอยากดูเรื่องนี้่ตั้งแต่เห็นตัวอย่าง ทั้งนักแสดงนำทั้ง 3 ก็น่าจะเพียงพอ จนหนังได้รับคำวิจารณ์ที่ค่อนไปทางลบเอามากๆ แต่นั่นก็ไม่เท่าไหร่ จนได้มาพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง

    ก่อนอื่นผมค่อนข้างจะมีความเห็นต่างๆจากหลายๆคน ที่ว่าหนังไปไม่ถึงบ้างอะไรบ้าง น่าเบื่อ ง่วง อะไรเทือกนั้น ผมรู้สึกสนุก แม้ว่าจะนำไปเทียบกับหนังซัมเมอร์ของปีนี้หลายเรื่องหนังอาจดูด้อยลง ที่รู้สึกชอบคงเป็นการตีความหนังในลักษณะที่มืดๆหม่นๆ การใส่ภูมิหลังตัวละคร แม้ว่าจะยังขาดความสมเหตุสมผล ให้เห็นอยู่บ้างแต่โดยรวมแล้วสำหรับผมถือว่าเอาอยู่ ดูเพลินๆแบบไม่ต้องคิดไรมาก ที่ชอบที่สุดคงเป็นทางด้านของนักแสดงนำเริ่มที่ Charlize Theron เธอผู้นี้คือสุดยอดนักแสดงหญิงที่น่าจับตามองมากเลยครับ แม้ว่าในเรื่องนี้จะติดเกินจริงอยู่บ้าง(แต่กับเรื่อง Prometheus นี่นางแกร่งมาก) และออกจะแย่งซีนนักแสดงร่วมฉากด้วยซ้ำไป Chris Hemsworth คนนี้ขอบมากครับ แสดงอะไรก็ดูดีไปหมด (อิอิ) ยิ่งบทหนังเรื่องนี้ออกแนวดิบๆเถื่อนๆ พี่แกก็เล่นได้ดีครับ รักษามาตรฐาน มาที่นางเอกของเรื่อง Kristen Stewart แม้ว่าจะถูกคอดว่านางทำหน้าเดียวทั้งเรื่อง(อันนี้ไม่เีถียง)แต่ผมก็รักเธอนะ ซาวน์เสียงเรื่องนี้แกร่งมากครับ ชอบมากเลยดูหนักหน่วง งานด้านภาพผู้กำกับ Rupert Sanders เก็บภาพได้สวยมากเลยครับไม่เสียเครดิตผู้กำกับโฆษณาไฟแรง

    แต่ที่รู้สึกไม่ค่อยชอบคงเป็นมิติความสัมพันธ์ของตัวละครระหว่างพรานป่ากับสโนว์ไวท์ และสโนไวท์กับราชีนี หรือแม้แต่ราชินีกับน้องชาย หากดผ่านๆไม่คิดอะไรมองข้ามจุดนี้ไปก็ไม่เสียหายอะไร แต่หากลองมาสะกิดต่อมคิดเล็กๆแล้วก็อาจจะพบว่ามันขาดความสมเหตุสมผล รวมถึงรายละเอียดเล็กๆน้อย อย่างม้าสีขาวที่ไปนอนอยู่ที่ชายทะเลก่อนสโนว์ไวท์จะขี่หนีไปในป่า

    น่าเสียดายหากหนังเรื่องนี้ตกอยู่ในมือผทีมงานแกร่งๆหนังอาจไปได้ไกล แต่หากมองว่านี่เป็นผลงานเรื่องต้นๆของผู้กำกับ Rupert Sanders ผมก็ให้ผ่านครับ

    8.5/10

    *บางทีคนที่นั่งหนังดูข้างๆคุณ ก็มีผลทำให้หนังที่ดู สนุกขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ^^

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 18 มิ.ย. 55 14:42

    (มีสปอยล์เนื้อเรื่อง)

    {{ เราอ่านหนังสือฉบับอิ๊งมาก่อน สนุกดี รีเมกเรื่องได้ดี แม้ตัวหนังมีข้อบกพร่องบ้าง พยายามเข้าใจว่าเพราะเวลาจำกัด และผกก.กำกับเป็นเรื่องแรก เลยผ่อนผันไป }}

    อย่างแรก เป็นเรื่องสโนไวท์ ซึ่งทุกคนรู้ที่มาที่ไปและตอนจบของแฟรี่เทลอยู่แล้ว เราจึงไม่ติที่เนื้อเรื่องคาดเดาได้ ก็รู้อยู่แล้วนี่? แต่น่าชื่นชมที่นำมาเล่าในแบบใหม่ ใส่ภูมิหลังและอดีตของตัวละครให้ลึกและมีมิติ (=อดีตของราชินีเรเวนน่า)

    นักแสดงที่แคสติ้งมารับบท เราว่าเหมาะสมกับบบทบาทมาก ทุกคนแสดงได้ดี โดยเฉพาะราชินีเรเวนน่าของชาลิซที่ตีบทแตก งามกลบสโนไวท์คริสเทนจริงๆ คริสเทนเรื่องนี้เราว่าเล่นดีกว่าเบลล่าอ่ะ เรื่องนั้นอย่าพูดถึงเลย แข็งเป็นสากกระเบือ นายพรานคริสคนนี้เค้าเก่งทั้งสีหน้า อารมณ์และบู้แหลกอยู่แล้ว แอบสงสารก็แต่วิลเลี่ยมที่รัก ที่บทน้อย หดหายไปไหน เห็นหน้าหล่อๆแปปๆก็หายไปและ ฮึ่ม!

    ทีมพากย์ เราอ่านชื่อไม่ทัน แต่อันนี้คห.ส่วนตัวนะคะ เราว่าทีมพากย์มีส่วนทำหนังให้น่าเบื่อ ดูไม่รู้เรื่อง ไม่ได้อารมณ์ ขัดใจบลาๆ ทั้งที่ถ้าฟังซาวน์แทร็คปัญหานี้จะไม่มี เราจำไม่ค่อยได้ว่ามีตอนไหนบ้างที่มีปัญหา อีกจุดคือ ตอนเราแปลทีเซอร์แล้วอัพให้คนอื่นดูอ่ะ คำว่า Dark Forrest ป่าน่ากลัวๆนั่นน่ะ เราใช้คำว่า "ป่าทมิฬ" มันดูโอเคดี จริงๆเราก็สรรคำอื่นที่ดีกว่านี้มาไม่ได้ แต่ในหนังใช้ "ไพรมืด" เอิ่ม!
    นอกจากจะฟังยากเวลาพูดแล้ว (น้องเราถามตลอด ฟังไม่ทัน) คำมันตลกอ่ะ เราว่านะ ยังมีจุดอื่นอีกที่ทำให้อยากหักคะแนน แต่หักไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ตัวหนังดั้งเดิม ความผิดที่ทีมพากย์ โทษหนังไม่ได้ จึงไม่หักคะแนนส่วนนี้

    บท/เรื่องราว ดีนะ แต่บทพูดน้อยไป และแปร่งๆด้วย? ตอนที่สโนไวท์เจอกับวิลเลี่ยมในป่า เขาพูดว่า "อย่าๆ ข้าคือวิลเลี่ยม" แทนที่จะพูดว่า "อย่าๆ นี่ข้าเอง.. วิลเลี่ยม" (ประมาณว่าหยั่งเชิงว่าจำได้รึเปล่าแล้วค่อยบอกชื่อ แถมหลังจากนั้นก็ไม่มีฉากที่สโนกับวิลได้คุยกันเลย ไม่ได้เจอกันนานนะนั่น ฉากสวีทหายไปไหน??? แต่อันนี้ก็ไม่รู้ว่าผิดที่บทดั้งเดิมเองรึ..ทีมพากย์? = edit ผิดที่ทีมพากย์ ไปเช็คบทมาคือ It's me.. William) ไม่เว้นแม้แต่ความรักระหว่างพรานป่ากับสโน ไปสปาร์คกันตอนไหน? ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครหลวมไปมาก คิดว่าหนังรักพวกนี้จะมีฉากรักเยอะ แต่เรื่องนี้หายไปหมด พลาดได้ไงเนี่ย

    ฉาก/ซีจี สวย ไร้ที่ติ ต้องยอมรับว่าทำได้ดีมาก แม้เหตุผลที่ไปที่มาของฉากจะขาดหายไปบ้าง เช่นว่าฉากพวกนี้มีไว้ทำไม? คงเน้นโชวฝีมือเหมือนเดิม แต่ก็ทำได้เยี่ยมยอดมาก อาทิเช่น ฉากป่าศักดิ์สิทธิ์(เราเรียกงี้) แต่ในหนังเรียกว่า พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์(งงๆนะ) สวยตระการตามาก แต่.. มีไว้ทำไม ไม่มีที่มาไม่มีที่ไปของสถานที่นี้ จริงๆเห็นครั้งแรกเราเดาว่า เพราะความชั่วร้ายของราชินี ทำให้ความดีงาม ความศักดิ์สิทธ์ สัตว์น้อยใหญ่หนีมีพักพิงที่นี่ สรุปคือเราคิดเอง ในเรื่องไม่พูดถึงเลย ผิดหวังนิดหน่อยที่คนทำหนังไม่อธิบายหนังเลย โชว์ภาพฉากอย่างเดียว

    เทคนิค/ตัดต่อ ตัดฉากไวมาก ตัดซะดื้อๆ คนดูงง อ้าวไหงมันตัดไปงี้ จบแล้วหรอฉากนี้? ดำเนินเรื่องเร่งรีบเกิน ไม่มีความต่อเนื่อง ตัดฉากไปและไม่เท้าความย้อนให้สักนิด เช่นตอนจับสโนไปขัง มีแค่ฉากฟินน์อุ้มไป ไม่มีฉากโยนใส่ห้อง ฉากสโนร้องไห้ โผล่มาอีกทีก็โตเป็นสาวแล้ว (แง่ว อารมณ์ไม่อินตาม) บางฉากก็โผล่ขึ้นมาเฉยๆ เช่นฉากราชีนีอาบน้ำนม(เดามั่ว) มีทำไม มีแปปเดียว คุยกับฟินน์นิดหน่อย
    แล้วก็ตัดไปซะงั้น อีกฉากที่งงเวอร์คือ ฉากสโนกับวิลไปเดินเล่นในป่าน้ำแข็ง คือ..ไม่เกริ่นก่อนเลยว่าเดินเข้าไปด้วยกันตอนไหน และน่าจะโฟกัสที่แอปเปิ้ลมากกว่านี้ แอปเปิ้ลเลยไม่เด่นเลย มีหลายฉากมากที่เป็นแบบนี้ เข้าใจว่าคงโชว์เทคนิค ภาพประมาณนี้ พยายามไม่ติดใจมาก

    ซาวน์แทร็ค ให้ใจไปเลย เราเป็นพวกฟังซาวน์แทร็คอ่ะ ชอบฟังหลายเรื่องมาก เราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญนะแต่ก็พอบอกได้ว่าซาวน์แทร็คและหนังขับเคลื่อนไปด้วยกันได้มั้ย และสกอร์ชิ้นนี้ฝีมือคุณ เจมส์ นิวตัน ฮาวาร์ด ทำออกมาได้ดีมากๆ ปีที่แล้วสกอร์ของ Green Lantern ของฮาวาร์ดทำให้ผิดหวังนิดหน่อย เรื่องนี้เลยลุ้นมาก สรุปคือ ไปดูในโรง โอ้ สกอร์เจ๋งมาก ขับเน้นอารณ์สุดๆ แต่เสียที่คนใส่สกอร์ในแต่ละฉากในหนัง มีไม่แมชกันด้วย ส่วนตัวชอบสกอร์เพลง Gone (ประกอบตอนกัสตายต่อเนื่องกับฉากที่เดินทางบนภูเขา ไม่เหมาะ คิดว่าเหมาะกับตอน
    สโนไวท์ตายมากกว่า มันเศร้าและหดหู่มากกว่า) และสกอร์โปรดอีกเพลงคือ White House (ตอนสโนขี่ม้าหนี เข้ากับฉากดีมาก บีบคั้นอารมณ์ด้วย)

    จุดจบราชีนี คิดว่าง่ายไป อารมณ์ตอนสู้กันไม่ค่อยบีบคั้นหัวใจ ว่าใครจะพลาดก่อน ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่คำพูดโต้ตอบกันระหว่างสโนและราชินี โอเคมาก คมคาย เล่นคำ สวยงาม

    ฉากจบ เลือกการจบแฟรี่เทลนี้ได้ดี แต่ไม่สมบูรณ์ ไม่อิน คือ..สโนขึ้นเป็นควีน และพรานป่ายืนดูอยู่ด้วยในพิธีเฉยๆ ชอบตรงนี้ มันไม่หวานเลี่ยนมากที่ว่าจ้องมาจูบกันตอนจบ แต่มันไม่อินตรงที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่สวีทกันเลย ตอนจบก็ไม่แสดงออกถึงความรักต่อกัน มันเลยทำให้หนังขาดความหวานซึ้งไป ถ้าก่อนหน้านั้นมีสวีทบ้าง ตอนจบจบแบบหวานน้อยแบบนี้ มันจะลงตัวมาก เสียดายวิลเลี่ยมสุดหล่อ ผลุบๆโผล่ๆตลอดเรื่อง สวีทกับสโนมากกว่าพรานป่า แต่ตอนนั้นดันเป็นร่างจำแลงราชินี เซ็ง!

    เรื่องนี้โดยรวมแล้วให้ 8.5 ค่ะ ภาพรวมดูดี ข้อเสียเมื่อเทียบแล้วเป็นส่วนน้อย
    แต่ก็ดันเป็นจุดสำคัญเหมือนกัน เลยหักดิบๆไปเลย แต่ก็มีจุดีมาช่วยดันคะแนน
    และลดทอนจุด่างได้พอควร สรุปคือ ดีในระดับหนึ่ง แนะนำให้ไปดูผ่อนคลายสำหรับช่วงนี้

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 16 มิ.ย. 55 12:18

    โอเคครับ หนักเราก็อย่างที่รู้แล้ว เลยไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไร่ แต่ตัวร้ายตายง่ายอีกและ เซงตรงนี้ เอาไป8/10พอ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 11 มิ.ย. 55 14:32

    ผมดูแล้วก็รู้สึกเฉยๆนะ
    ชอบที่การตีความเรื่องราวของสโนไวท์ใหม่
    ที่มันดูน่าสนใจและตีความเรื่องราวออกมาได้ดีมาก
    แต่
    หนังที่ออกมากลับทำให้เราลุ้นไปตามได้ไม่มากเท่าไหร่ เพราะยังไงเราก็รู้อยู้แล้วว่าแม่มดจะตายยังไง ตั้งแต่ตอนที่พระเอกบอกวิธีป้องกันตัวให้นางเอกแล้ว

    ตัวหนังยังให้ความสำคัญกับ สโนไวท์น้อยไปหน่อยนะผมว่า ถึงจะบอกว่า เธอวิเศษอย่างนั้น เจ๋งอย่างนี้ (ในเรื่องอ่ะนะ) แต่ในด้านการกระทำผมก็ยังไม่เห็นความวิเศษวิโสของตัว สโนไวท์เลย

    พอถึงตอนจะสู้เลยไม่ได้อยากจะเอาใจช่วยเลยเพราะ หนังไม่ได้ทำให้เรารักนางเอก แต่ทำให้เราไปชอบดูพระเอกแทน

    ดูจบก็รู้สึกเฉยๆอย่างที่บอก แต่ก็ไม่ได้เสียดายอะไร

    ฉะนั้นเรื่องนี้ผมให้ 6.5/10 ครับ

  • เมื่อ 10 มิ.ย. 55 13:11

    บทพูดน้อยไปจริงๆ โดยรวมคิดว่าสิ่งที่เรื่องนี้ขายคือฉากกับหน้าตาของนักแสดง ดูมันก็เพลินๆดีแต่ไม่ได้สนุกอย่างที่คลาดไว้ แอคชั่นไม่ได้บู๊แหลกลานเหมือนอย่างชื่อเรื่อง แต่สำหรับคนที่ชอบคริสเตนแนะนำให้ไปดูเพราะเธอสวยจริงๆ 555555

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 9 มิ.ย. 55 13:39

    *สปอย
    เรื่องนี้ดูเพราะชอบคริสเทนเป็นการส่วนตัว
    เลยไม่ได้รู้สึกเบื่ออะไรเท่าไหร่ แต่ก็มีแอบง่วง
    ฉากสวยนะ แต่ตัดตอนแบบอยากตัดก็ตัด -_-
    ฉากเหมือนเอาหลายๆเรื่องมารวมกัน ฉากหิมะเหมือนหนูน้อยหมวกแดง
    ตอนกวางออกมา นึกว่าอัสลาน(คนละเรื่อง -_-;;) ถูกขังบนหอคอย
    ก็นึกว่าเรื่องราพันเซล นอนบนแท่นนึกส่า breaking dawn
    เรื่องนี้เหมือนเอาเรื่องมามิกซ์กันมากกว่า

    แม่มดสวยมากกกกกกกกก สวยจนกลบคริสเทน =_=;;
    คริสเทนสวยอยู่ไม่่กี่ฉาก (สงสัยมีแต่ฉากอยู่ในป่า)
    แอบขัดใจตอนจบนะ แบบ...แค่นี้?? นี่แกเป็นพระเอกละเรอะ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 8 มิ.ย. 55 20:43

    ว่าจะเข้ามาตั้งนานแล้ว (นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะ) ไม่น่าหลวมตัวไปดูเลย เซ็ง

    คือเนื้อเรื่องไม่มีอะไรมากเลย เบสิคสุดๆ แค่เปลี่ยนบทหลักเป็นนายพรานเนี่ยนะ ความรักของสโนวก็ยังไม่แน่นอนค่อนไปทางวิลเลียมที นายพรานที ฉากสวยอยู่ แต่ฉากเป็นเหมือนจะก็อปอลิสมาทั้งดุ้น (ถึงจะผู้สร้างเดียวกันก็เหอะ) ฉากมืดๆทำได้โอเคดี นางเอกแข็งทือเป็นสากกะเบือ คริส แฮมเวอร์ส กับชาริส เธอรอนแสดงเจ๋งมาก ตอนจบแม่มดตายง่ายมาก เดินหันหลังหลบกระสุนได้แต่แค่โดนมีดเเทงจึ๊กเดียวตายละ กระจกเจ๋งดี แต่ไม่เข้าใจว่ามันเป็นกระจกตรงไหน

    ที่สำคัญที่สุด คนแคระมี 7 คน โดนยิงตายคนนึง เพราะฉะนั้นจะเหลือ 6 คน แต่ตอนจบในปราสาทกลับมี 7 คน มันคืนชีพได้หรอ? จะสร้างทีหลังก็ละเอียดหน่อย

    หลับไปเกือบ 20 นาที ถ้าให้คะแนนก็ 1.5/10

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 6 มิ.ย. 55 17:07

    เนื้อเรื่องธรรมดามากๆ แต่ฉากไรงี้อารมณ์มืดๆสวยดีค่ะ
    Kristen Stewart เราว่าเธอไม่ค่อยเหมาะกับบทนี้ ดูไม่สวยเท่าไหร่และไม่สง่าด้วย
    ให้6.5/10
    หักหนักๆเพราะไม่มีฉากสวีทบ้างเลย = ="

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 5 มิ.ย. 55 14:36

    ฉากสวย นักแสดงเหมาะบท ดำเนินเรื่องเอื่อยชา เนื้อเรื่องเดาได้ 8/10

    แจ้งลบ
มีทั้งหมด 33 วิจารณ์ หน้าที่ 1 [ก่อนหน้า] 1 2 3 4 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • A Millionaire's First LoveA Millionaire's First Loveเข้าฉายปี 2007 แสดง Hyun Bin, Lee Yeon-Hee, Lee Han-Sol
  • LockoutLockoutเข้าฉายปี 2012 แสดง Guy Pearce, Maggie Grace, Peter Stormare
  • Blood and ChocolateBlood and Chocolateเข้าฉายปี 2007 แสดง Agnes Bruckner, Hugh Dancy, Olivier Martinez

เกร็ดภาพยนตร์

  • Edge of Tomorrow - ทอม ครูซ ผู้รับบท วิลเลียม เคจ มีเวลาเตรียมตัวก่อนถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่มีกำหนดเปิดกล้องวันที่ 20 กรกฎาคม 2012 ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ เพราะก่อนหน้านี้เขาง่วนอยู่กับ Oblivion (2013) อ่านต่อ»
  • Maleficent - แองเจลินา โจลี ผู้รับบท มาเลฟิเซนท์ เป็นคนเลือก ลานา เดล เรย์ ให้ร้องเพลง Once Upon a Dream จาก Sleeping Beauty (1959) เพื่อเป็นเพลงประกอบหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตัวเอง อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Wet Season Wet Season เรื่องราวของ หลิง (เยียวหยานหยาน) เป็นครูโรงเรียนมัธยมปลายที่ชีวิตสมรสกับ แอนดรูว์ (คริสโตเฟอร์ ลี) และการงานไปด้วยกันไ...อ่านต่อ»