วิจารณ์ Abraham Lincoln: Vampire Hunter

ไปที่หน้า
วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 8 ต.ค. 56 11:55

    วันนี้ช่อง fox เอามาฉายด้วยล่ะ แต่เราเพิ่งได้ดูตอนสู้กันแล้ว เออ มันส์ดีนะ

    ชอบประโยคสุดท้ายที่พูดว่า ไม่ว่าประวัติศาสตร์จะจารึกผมยังไง สุดท้ายมันก็เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของความจริง

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 27 พ.ย. 55 23:40

    ประวัติศาสตร์ที่เปลี่ยนไปของประธาณาธิปบดี Abraham Lincoln

    ก่อนจะซื้อแผ่นเรื่องนี้มาดูผมคาดหวังกับเรื่องนี้ใว้มากแต่แล้วในเมื่อหนังมันไม่เป็นดั่งใจถามว่าดีใหมก็ดีแต่เนื้อเรื่องห่วย! ไม่รู้คนอื่นดูแล้วจะรู้สึกยังไงแต่สำหรับผมแล้วเนื้อเรื่องออกแนวมั่วมาก แต่ความมันแบบ Non-Stop ตามฉบับของ ผกก. Timur Bekmambetov ซึ่งเราเห็นกันมาแล้วในเรื่อง Wanted ก็พอสามารถชดเชยในเรื่องของพล็อตเรื่องได้

    ในส่วนของนักแสดง Benjamin Walker เป็นนักแสดงที่ไม่ได้โด่งดังอะไรมากมาย แต่มาในบทนี้ผมชอบเค้ามากนะแสดง ok เลย

    CG ออกมาดีมากตามสใตล์ของ ผกก
    soutrack ก็ฟังแล้วอินตาม
    การเดินกล้อง เดินเนียนดูแล้วไม่เวียนหัวเหมือนหนัง Acction เรื่องอื่นๆ

    สรุป" หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ผมไม่ค่อยประทับใจซักเท่าใหร่แต่ถ้าใครอยากเอาความมันอย่างเดียวก็แนะนำครับเพราะคุณจะได้จากจุดนั้นไปเต็มๆ สำหรับผมซื้อแค่ Dvd ก็พอ ไม่ต้องถึง Bluray หรอก

    เรื่องนี้ผมไห้ 6/10 ^^

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 23 ต.ค. 55 19:21

    ภารกิจลับของประธานาธิบดี

    นับว่าเป็นความกล้าในระดับบ้าบิ่นมากที่สุด เมื่อมีการนำบุคคล(ในระดับตำนาน)มีชื่อเสียงมาแต่งเสริมเรื่องราวให้เป็นเรื่องเหนือจริง แฟนตาซีที่เรียกกันว่า Mash-Up ทั้งจากตัวหนังสือของนักเขียน Seth Grahame-Smith ที่นิยมชมชอบเขียนแนวนี้ ล่าสุดผมเห็นแปลไทยอีกเล่มหนึ่ง Pride and Prejudice and Zombies(เป็นผลงานเล่มแรกแต่ทางบ้านเรา ตีพิมพ์ภายหลัง) ซึ่งไม่บอกก็คงรู้ว่าหนังสือคงเพี้ยน บ้า ระห่ำ ขนาดไหน เมื่อมองย้อนถึงความเป็นวรรณกรรม รักโรแมนติค คลาสสิคของ Pride and Prejudice แต่ผมไม่มีปัญหากับการยำไข่ ใส่สี ผมว่ามันเป็นแนวทางที่แปลกใหม่และสร้างสรรค์ไม่น้อย

    ก่อนหน้าจะได้ดู ผมแอบหวังลึกๆว่าจะต้องเข้าไปดูในโรงภาพยนตร์ให้ได้ แต่ในที่สุดก็พลาด ผมจึงรอเมื่อวางขายจึงไม่รีรอ แม้จะรู้กิตติศัพท์ว่าหนังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ก็ตาม

    โดยส่วนตัวแล้วชื่นชมผู้กำกับ Timur Bekmambetov อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องของความแอ็คชั่น ดูเหมือนว่ามุมมองในเรื่องความมันส์ ตัวผู้กำกับ Timur จะมีความชัดเจนและถ่ายทอดออกมาได้อย่างมันส์ ระเบิดระเบ้อ และ Abraham Lincoln: Vampire Hunter ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

    Abraham Lincoln: Vampire Hunter ผมไม่รู้ว่าต้นฉบับนิยาย เป็นยังไง ลงลึกในรายละเอียด(จริงๆ) มากน้อยแค่ไหน หากพิจารณาจากตัวหนังเพียวๆแล้ว หนังมาในช่วงซัมเมอร์ ดังนั้นเรื่องของความมันส์แลพตลาดต้องมาเป็นอันดับแรก ดูจากผลลัพธ์แล้ว 55% ที่เกิดจากฝั่งของคนดู จะว่าสอบผ่านก็ไม่ใช่ หากอิงตามเกรดเฉลี่ยของเด็กวัยเรียนแล้ว ก็เกรด 1.5 ทางฝั่งนักวิจารณ์นั้น 35% เรียกว่าสอบตกเห็นๆ

    Abraham Lincoln: Vampire Hunter มีความทะเยอทะยานในตัวสูง โดยเล่าเรื่องภูมิหลังของตัวละครตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชราผ่านเวลาแค่ 1 ชั่วโมง 45 นาที ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บรายละเอียดต่างๆ เพราะหากว่ากันตามตรงแล้ว รายละเอียดเยอะเกินกว่าที่จะทำเป็นหนังได้(แม้แต่ Lincoln
    ของ ผู้กำกับ Steven Spielberg ยังเล่าเรื่องแค่ในช่วงเดือนสุดท้ายก่อนสิ้นชีวิตของ Lincoln เท่านั้น) แต่นี่ตัวหนังยังผสานเรื่องของการล่าแวมไพร์ลงไปอีก

    ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมหงุดหงิดใจคือ การที่ตัวหนังเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว เร็วมากจริงๆ จนดูเหมือนทอดทิ้งคนดูไว้เบื้องหลัง จริงอยู่ที่ตัวหนังไม่ได้ดูยากอะไร แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ คนดูไม่เกิดความรู้สึกใดๆกับตัวละคร ทั้งยังส่งผลให้ตัวละครดูแบนราบไม่มีมิติ ยอมรับว่ากว่าผมจะติดเครื่องก็ใช้เวลานานพอสมควร ในช่วงองค์แรกหนังพูดถึงเบื้องหลังการมาเป็นนักล่าแวมไพร์ ช่วงที่สองจะเป็นชีวิตส่วนตัวและการก่อร่างสร้างเมืองให้เป็นปึกแผ่น โดยใช้ผลงานสำคัญๆที่เรารู้จักกันดี ผ่านฉากสั้นๆในสภา ว่าด้วยกฏหมายการเลิกทาส และสงครามกลางเมืองระหว่างรัฐทางฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้(แต่ในที่นี้ผมเห็นเป็นทหารกับแวมไพร์ แหะ - -') ทั้งๆที่ตรงส่วนนี้หนังควรจะให้ความสำคัญมากๆ เพราะหากทำให้ดีตรงนี้จะเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เราเห็นมิติของตัวละคร ทั้งหนังยังทิ้งเรื่องราวอีกมากมายที่น่าจะยกมาไว้ในหนังได้ดังนั้นบุคคลที่มีตัวตนจริงๆในประวัติศาสตร์จึงแทบไม่มีให้เห็น เช่น เจฟเฟอร์สัน เดวิส ซึ่งในประวัติศาสตร์ของอเมริกาแล้วนับว่าสำคัญมากทีเดียว ในช่วงองค์สาม จะเป็นเรื่องของความมันส์ และผมว่าองค์สุดท้ายนี้ละ ที่ทำให้หนังดูสนุกและมีที่ทางชัดเจนมากที่สุด เพราะหนังใช้ฉากแอ็คชั่นในการดำเนินเรื่องได้อย่างดีทีเดียว ฉากรถไฟนั้นน่าตื่นตามาก เช่นเดียวกับการล้างแค้นของ Lincoln ให้แม่ โดยมีฉากหลังเป็นทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยฝูงม้าที่แตกตื่น นับว่าน่าประทัปใจเป็นอย่างยิ่ง

    นักแสดง Benjamin Walker ซึ่งรับบทเป็น Abraham Lincoln นั้นผมคงต้องบอกว่าอยู่ในระดับที่ธรรมดา แต่ถ้าพูดกันถึงความโดดเด่นแล้ว Benjamin Walker นั้นดูดีมากทีเดียว ขึ้นจอได้ดี อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกว่าถูกดาราคนอื่นบดบังรัศมี(อาจเป็นเพราะนักแสดงในเรื่องทุกตัวละครต่างดู ราบเรียบ ราวกับหน้ากระดาษ) Dominic Cooper ช่วงนี้รู้สึกว่าเห็นหน้านักแสดงรายนี้มากขึ้น และส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นบทหระรองตามเดิม นางเอกของเรื่อง Mary Elizabeth Winstead สวยหยาดเหยิ้มเช่นเดียวกับที่เคยเห็น แต่หากว่าตามจริงแล้ว ผมชอบเธอกับบทบาทของ Ramona Flowers ใน Scott Pilgrim vs. the World มากที่สุด

    ในเรื่องของการออกแบบเหล่าแวมไพร์นั้น มีการเปลี่ยนแปลงให้มีความต่างบางนิดหน่อยเช่น พบเจอกับแสดงแดดได้ ทำร้ายพวกเดียวกันไม่ได้ แต่โโยรวมก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไร อาจเป็นเพราะพักหลังผมเริ่มเบื่อที่มีการยืมแวมไพร์มาใช้บริการ มากเกินความจำเป็นทั้งหนัง ทั้งซีรี่ย์ ทั้งหนังสือ ในเรื่องของงานด้านภาพนั้นโดดเด่นจับใจเลยทีเดียวเป็นอิทธิพลจากผู้กำกับ Tim Burton ในคราวนี้เค้าดำรงตำแหน่งเป็น Producer การสโลว์์ภาพ ฉากแอ็คชั่นยังคงดีเยี่ยม ตามสไตล์ Timur เรื่องของ ซาวน์ อาจดูไม่ลงรอยกับหนังมากหนักดูขึ้นๆลงๆ แต่ซาวน์แทรคประกอบ Powerless ของ Linkin Park นั้นดูดีทีเดียว จนผมต้องหาโหลดมาฟังต่อ

    ตามความรู้สึกผมจริงๆแล้ว ผมชอบหนังเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย และแม้หนังจะยังมีรายละเอียดที่รู้สึกแลปกๆอยู่บ้าง แต่ด้วยความชอบความแปลกใหม่และความกล้าที่จะทดลองสิ่งใหม่ๆ ผมว่าแค่นี้ก็ได้ใจไปเต็มๆแล้วครับ

    8/10

    *ผมคิดว่า Benjamin Walker นั้นน่าตาดูละหม้ายคล้าย Liam Neeson สมัยหนุ่มๆอยู่เยอะ และที่สำคัญคือ Benjamin Walker หล่อดีอ่ะ >//<

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 19 ต.ค. 55 18:52

    ให้ 7 ครับ บทไม่มีที่มาที่ไป ไม่งงแต่มั่วมาก

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 20 ก.ค. 55 18:38

    ใช้ได้ดีทีเดียวกับตำแนนล่าแวมไพร์ ให้ 9แต้ม

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 19 ก.ค. 55 12:22

    เป็นหนังที่ดีเกินคาดมากๆ ให้ 9 เต็ม 10 อีก 1 เรื่องเลย

    ผมมีโอกาสไปดูหนังเรื่องนี้ที่ไดอาน่า หาดใหญ่
    แทบไม่น่าเชื่อสายตา เพราะมีเก้าอี้เสริมด้วย >.<

    ในส่วนของเนื้อเรื่อง ผมถือว่ายอดเยี่ยม เพราะไม่ได้เน้นแต่ฆ่าผี
    เค้าเน้นให้เห็นลินคอนในฐานะสามี เพื่อน และผู้นำประเทศได้ดี

    ส่วนที่ต้องชมคือฉากแอคชั่น มันสวยได้ใจมากๆ
    ทั้งฉากฝูงม้า ทั้งฉากรถไฟ ถือว่าสอบผ่านมาตฐานหนังแนวนี้เลย

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 18 ก.ค. 55 18:14

    ในฐานะที่ผมดูแล้ว
    .
    .
    .
    หนังเรื่องนี้ สนุกโดนใจที่สุดเลย สนุกมากๆ ภาพสวยตัดต่อซีจีดีมากๆ โหดแบบสะใจเลยจริงๆ ถึงเนื้อเรื่องจะเร็วไปนิดนึง แต่ก็คุ้มมากในราคา 180 บาท (โรงดิจิตัล) รับรองว่าไม่เสียดายเงินแน่นอนครับ
    - เนื้อหา : 9.5/10 หักตรงดำเนินเรื่องเร็วไปนิ้ดนึงง
    - Sound : 10/10
    - ภาพ : 10/10 *สโลว์ฉากบู๊บ่อยมาก
    - CGi : 10/10
    - ความรู้สึก 10/10 ไปเลย

  • เมื่อ 17 ก.ค. 55 16:30

    ดูแบบ 3d สนุกมากกกกก ทะลุจอบางช่วง สะดุ้งเลย เต็ม 10 ให้ 8/10

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 15 ก.ค. 55 13:51

    สนุกสาดดดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลย

  • เมื่อ 14 ก.ค. 55 16:38

    ไปดูกับเพื่อนมาคือสนุกนะ แบบมีลุ้นมีอะไรทั้งเรื่อง
    แต่เหมือนจะรีบดำเนินเรื่องไปหน่อย
    ความสัมพันธ์ของตัวละครเลยดูไม่ค่อยลึกซึ้ง
    มีฉาก เอฟเฟคต์ อะไรดีค่ะทั้ง BGM คือลงตัวนะ
    ดูกับเพื่อนคืออินมากๆ ชอบค่ะ
    ขอหักคะแนนที่ดำเนินเรื่องไวไปหน่อยนะคะ 8/10 ค่ะ :)

    แจ้งลบ
มีทั้งหมด 21 วิจารณ์ หน้าที่ 1 [ก่อนหน้า] 1 2 3 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • A Millionaire's First LoveA Millionaire's First Loveเข้าฉายปี 2007 แสดง Hyun Bin, Lee Yeon-Hee, Lee Han-Sol
  • LockoutLockoutเข้าฉายปี 2012 แสดง Guy Pearce, Maggie Grace, Peter Stormare
  • Blood and ChocolateBlood and Chocolateเข้าฉายปี 2007 แสดง Agnes Bruckner, Hugh Dancy, Olivier Martinez

เกร็ดภาพยนตร์

  • Edge of Tomorrow - ทอม ครูซ ผู้รับบท วิลเลียม เคจ มีเวลาเตรียมตัวก่อนถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่มีกำหนดเปิดกล้องวันที่ 20 กรกฎาคม 2012 ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ เพราะก่อนหน้านี้เขาง่วนอยู่กับ Oblivion (2013) อ่านต่อ»
  • Maleficent - แองเจลินา โจลี ผู้รับบท มาเลฟิเซนท์ เป็นคนเลือก ลานา เดล เรย์ ให้ร้องเพลง Once Upon a Dream จาก Sleeping Beauty (1959) เพื่อเป็นเพลงประกอบหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตัวเอง อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Wet Season Wet Season เรื่องราวของ หลิง (เยียวหยานหยาน) เป็นครูโรงเรียนมัธยมปลายที่ชีวิตสมรสกับ แอนดรูว์ (คริสโตเฟอร์ ลี) และการงานไปด้วยกันไ...อ่านต่อ»