วิจารณ์ Only God Forgives

ไปที่หน้า
วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 10 ธ.ค. 56 22:20

    พระเจ้า หรือ ยมบาล

    นี่คือหนังที่ผมอยากดูมาก เช่นเดียวกับคอหนังอีกหลายคน ที่ตั้งตารอคอย และไม่นานมานี้ หนังก็ส่งลงแผ่นไปตามระเบียบหลังจากเข้าฉายไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ซึ่งผมไม่ได้เข้าไปดูในโรงด้วยเหตุผลนานาประการและหนึ่งในนั้นคือข่าวที่ว่า คนดูในเทศกาลหนังเมืองคานส์ที่ผ่านมาโห่ไล่ ด่าหนังเรื่องนี้เสียยับ

    ความชอบส่วนตัวที่มีต่อ Ryan Gosling นั้นมากมายพอที่จะดูและบอกกับตัวเองว่า ไม่ว่าดูจบจะมีความรู้สึกยังไงก็จะคิดบวกไว้ก่อน แต่สารภาพตามตรง ในปี 2011 ถ้าให้เลือกหนังที่ชอบมาเพียงเรื่องเดียวผมไม่รีรอที่จะบอกว่าผมเลือ Drive ผมชอบมาก หนังมีเสน่ห์ท่วมท้น ดึงดูดใจได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะฉากในลิฟต์ที่ครบเครื่อง ถึงพริกถึงขิง ชนิดที่ว่าไม่มีวันลืม

    พอมาถึง Only God Forgives แม้จะมาพร้อมผู้กกับคนเดิม Nicolas Winding Refn แต่ทว่าผลลัพธ์กลับแตกต่างออกไป ราวหน้ามือกับหลังมือ


    โดยเนื้อหาหลักๆแล้ว ไม่มีอะไรมาก และบทสนทนาก็น้อยๆมากๆ ชนิดที่ว่า จะถึงสองหน้ากระดาษ A4 หรือเปล่า ? ผมเลยขอผ่านตรงนั้นไป เพื่อกระชับ หลังผมดูจบ ผมจับประเด็นอะไรไม่ได้เลย เพราะมันดูกระจัดกระจาย ไปหมด จะพูดถึงการลงทัณฑ์ก็ดูจะใช่ที ความสัมพันธ์ของครอบครัวก็ดูคลุมเคลือไปหน่อย ทางด้านความรักของตัวละครยิ่งแล้วกัน ผมเลยลองresearch ไปหาข้อมูลความเห็นจากคนอื่นๆทั้งที่เป็นนักวิจารณ์โดยอาชีพและคนดูทั่วไป ส่วนใหญ่ติดลบ และก็ทำให้ผมพอจะสรุปอะไรออกมาได้บ้าง แต่ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกมึนๆ อึนๆ อยู่ดี

    ผมไม่มีปัญหากับการดูหนังอาร์ท เพราะอย่าง The Tree of Life นั้น ขอบอกเลย ของโปรด ครับ แต่กับ Only God Forgives นั้น ยังห่างในแง่ที่ว่าดูประดิษฐ์มากจนเกินเหตุ ที่ไม่ไพูดถึงไม่ได้คือความรุนแรงที่ใส่มา เกินความจำเป็น จนผมรู้สึกว่า ถ้าชอบแนวนี้ ทำไมไม่ลองไปทำ สิงหาสับ ภาคใหม่ไปเลยล่ะ?

    จุดแข็งของหนังก็พอจะหักลบไปได้อยู่มาก แต่กระนั้นก็ยังไม่มากพอที่จะหักลบกลบหนี้ ทำให้หนังได้แต้มใจคนดู(ทั่วไป) คือ การจัดแสง การลำดับภาพ ไปจนถึงการนำเสนอที่เอานิ่งเข้าสู้ รวมทั้งดนตรีประกอบที่กินขาด เนี้ยบมากๆ

    อีกอย่างคือการตีความของคนดูแต่ละคน ที่ว่าใครเป็นพระเจ้า อะไรยังไง กรุงเทพตอนกลางคืนหาใช่สวรรค์ไม่หากแต่คือ ขุมอเวจีดีๆนี่เอง ก็แล้วแต่ว่า มุมมองบวกระสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ สิบคนดูก็บอกไม่เหมือนกันสักคนแน่ๆ


    ทางด้านนักแสดง ก็ทำได้ไปตามน้ำเท่าที่หนังจะเอื้ออำนวย แต่ที่น่าเสียดายคือบทของ รฐา โพธิ์งาม หรือที่เรารู้จักกันดีว่า ญาญ่าญิ๋ง ที่ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการเดินโชว์ความสวยไปมา ทั้งๆที่ตัวละครตัวนี้น่าจะมีบทบาทไม่ต่างจาก Kristin Scott Thomas ที่เหมือนเป็นขั้วตรงข้ามกันในเรื่อง ซึ่งความผิดส่วนนี้ไม่ใช่เพราะนักแสดงแน่ๆ

    โดยสรุปแล้ว มันก็ไม่ได้แย่แต่ที่สำคัฐมันก็ไม่ได้เยี่ยมอย่างแน่นอน หากใครเป็นแฟนหนังแนวนี้ก็ยังไม่รับประกันว่าจะชอบ ส่วนใครที่บังเอิญเดินผ่านมาแล้วอยากรู้ว่าในสายตาต่างชาติมองประเทศไทยยังไง ก็ลองหยิบๆไปดูได้ และใครที่รู้ตัวว่าไม่ถูกโรคกับหนังแนวนี้ อย่าเสียใจที่จะโบกมือลา

    ###ใครที่ดูหนังเรื่องนี้แล้ว อึนๆ ผมขอแนะนำให้หาอ่าน บทวิจารณ์โดย อาจารย์ ประวิทย์ แต่งอักษร ครับ จะกระจ่างมากยิ่งขึ้น

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 26 ก.ค. 56 00:33

    -ภาพ สี สด (หนัง)เล่น แสง เล่น สี
    -เล่น มุมภาพ
    -หนังเล่าเรื่อง เล่น อารมณ์ น่าดู เลย ครับ
    -หนัง สื่อสาร ด้วย ภาพ (พูด ไม่เยอะ)
    -หนังออกแนว อาร์ท ๆ แอบ มี มุม กวนๆ อยู่ บ้าง
    -ฉาก ทรมาน แก้แค้น กด ดัน มาก (ถือว่าทำได้ดี เลย ทีเดียว)
    -โหด ดี ดิบ ดิบ
    -ถ้า ใคร ดู แนว(อาร์ทๆ)นี้ ได้ โอเค เลย น่ะ ครับ
    -เรื่อง นี้ สำหรับ ผม โอเค นะ ชอบ * แต่หลายนคนอาจดู ยาก อยู่ เลย ล่ะ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 24 ก.ค. 56 08:45

    สำหรับผม ย้ำ สำหรับผมนะ

    ไม่ชอบเลย หนังดำเนินเรื่องช้า ไม่มีอะไรเกินกว่า "เเก้เเค้น" ทั้งเรื่อง

    เหมือนรอจุดขายอย่างเดียว คือ ฉากบู๊ นอกนั้นก็เรื่อยๆ เปื่อยๆ

    ดีอย่างได้ภาพสวย แต่ก็ไม่ชอบตรงฝรั่งชอบจับจุดขาย เมืองไทย ในเเง่มุมไม่ดีตลอดเลย!!!

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 22 ก.ค. 56 22:16

    Only God Forgive
    ..พระเจ้าเท่านั้นที่จะให้อภัย

    เนื้อหาของหนังตรงตามชื่อเรื่อง (ภาษาอังกฤษ) และคำโปรย (ภาษาไทย) ที่ว่า "ถึงเวลาเจอยมบาล" เพราะถ้าจะให้อธิบายเกี่ยวกับความหมายของชื่อหนังจริงๆ มันก็คงหมายถึงว่า ไม่มีมนุษย์คนไหนหรอกที่จะยอมให้อภัยซึ่งกันและกันได้ง่ายๆ

    ตัวละครในเรื่องทุกตัวย่อมมี "กรรม" ที่เกิดจาก "การกระทำ" ต่างๆของตัวเองในอดีต เพราะทุกคนมี "ความผิด" ผู้กระทำความผิดจึงจำเป็นต้องได้รับ "โทษ" ตามที่ตัวเองได้กระทำลงไป หนังเรื่องนี้จึงเสนอออกมาในแง่มุมที่พูดถึงกรรมอย่างถึงแก่น

    ปมในเรื่องค่อนข้างดีครับ ตัวละครแต่ละตัวเก็บซ่อนอดีตไว้ในใจ ไม่มีใครรู้ว่าเหตุผลที่ตัวละครแต่ละตัวทำไป เขาทำไปเพื่ออะไรกันแน่ โดยเฉพาะตัวละคร 'บิลลี่' ที่วันดีคืนดีก็เกิดอยาก...ขึ้นมา จนกลายเป็นสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าเขาทำไปเพราะอะไร และไม่มีใครรู้เลยว่าสุดท้ายแล้วตัวละครแต่ละตัวจะต้องจัดการกับตัวเองเช่นใด

    ถ้ามองความสนุก ถ้าไม่ทนจริงๆหรือมาแนวนี้ไม่ไหวจริงๆ มีสิทธิ์จะลุกออกไปได้ใน 10 นาทีแรก แต่ถ้านั่งทำใจให้สงบ (แม้หนังจะไม่อยากให้ทำแบบนั้นก็ตาม) แล้วพยายามรับชมไปเรื่อยๆ หนังได้แฝงสิ่งที่เป็นแอคชั่นเล็กๆ และความสยองแบบเบาๆ รวมไปถึงข้อคิดต่างๆ ที่ถึงแม้ว่าตัวละครในเรื่องจะดูเดินเนิบๆ พูดเอื่อยๆ หรือแทบจะไม่พูดกันเลยในช่วง 10 นาทีก็ตาม มีเพียงแต่เพลงบรรเลงขึ้นมาสร้างความกดดันแก่คนดู แต่มันก็จะค่อยๆดึงคนดูเข้าไปสู่ในโลกแห่ง "กรรม" ที่คุณจะไม่มีวันหนีพ้น เมื่อได้ทำไปแล้ว..

    ใครคอหนังดาร์ก หนังเรื่องนี้ตอบโจทย์คุณได้ดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะฉากที่ฉายให้เห็นการฟันดาบแต่ละครั้งซึ่งถือว่าเป็นฉากหลักของเรื่องนี้เลยทีเดียว

    สำหรับเรื่องนี้ผมยกให้ 9/10 เลยครับ ชอบมาก
    ถ้าใครอยากลองแนะนำให้ลองดูครับ ผมว่าสนุกดีนะ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 22 ก.ค. 56 03:33

    เป็นหนังที่ deep มาก ดาร์กและเล่นกับความรู้สึกของคนดูจริงๆ ส่วนใหญ่สไตล์หนังคานส์ จะออกทำนองแบบนี่ทั้งนั้นเลย คือเน้นบทพูดไม่ค่อยเยอะ หรือบางครั้งพล๊อต หรือมุมมองต้องทำให้ดิ่ง หรือแตกต่างออกไปจากแนวคิดอื่น เป็นหนังที่ต้องบอกก่อนเลยว่าถ้าคนที่ไม่ชอบแนวนี้จริงๆ มีสิทธิ์เดินลุกออกจากโรง ตั้งแต่ 20 นาทีแรกแน่นอน แต่สำหรับผม...จากการดูหนังที่นิ่งยิ่งกว่าหนังรื่องนี้มามากมายหลายเรื่อง ก็ต้องบอกว่าทำได้ดีในระดับหนึ่ง องค์ประกอบของเรื่องไม่ค่อยมีอะไรมาก

    แต่แง่คิดที่สามารถถ่ายทอดและตีความออกมาได้ง่ายที่สุดเลยคือ เหนือฟ้ายังมีฟ้า มึงทำอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้น ถ้าเวร...ระงับด้วยการจองเวร!!! ย่อมเห็นผลทันตา ต่อให้สู้ให้ถึงที่สุดแต่ความจริง ยังไงก็ต้องพ่ายแพ้อยู่ดี ไม่ว่าท้ายที่สุดจะดูไม่แฟร์เลย หรือจะคิดต่อยังไงก็ตามที ผลมันก็จะเป็นไปตามนั้นอยู่ดี ผิดจากหนังเรื่องอื่นๆ ที่ตอนสุดท้ายมักจะเป็นที่คาดหวัง และสะใจสำหรับคนดูที่ตัวร้ายจะต้องพ่าย หรือต้องตายเท่านั้น!! แต่เรื่องนี้....ไม่เลย!!! เพราะมันพูดถึงความเป็นจริง ตำรวจเหมือนพระเจ้า เหมือนยมบาล จะว่ากึ่งร้ายก็ไม่ร้าย จะว่าดีก็ไม่ดี คือมาแบบเหนือเมฆและเยือกเย็น ส่วนป้าคริสเตนก็บินมาลนหาที่...แท้ๆ ไม่มีอะไรให้ลุ้นไปมากกว่าความตาย!! แต่สะใจฉากโหดทั้งหลายแหล่มากกว่า ออกแบบและทำได้สยดสยองดี ถึงว่าทำไมถูกใจพวกฝรั่งเศส!!(คอเดียวกัน)

    ส่วนญาญ่าญิ๋งบทพูดแทบไม่มี เล่นคลำ...(ตรงนั้น)อยู่แค่นั้นล่ะ แต่ทำได้ดีทางด้านสีหน้า แววตา และความรู้สึก ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าพวกหนังที่เอาดาราไทยไปโกอินเตอร์ ทำไมต้องมองภาพลักษณ์ผู้หญิงไทย ให้เข้าถึงแต่บทผู้หญิงหากิน หรือผู้หญิงกลางคืนก็ไม่รู้??? หรือเพราะมองภาพสะท้อนความจริงของสังคมไทยในสายตาของฝรั่งส่วนใหญ่ ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะคลุกคลีอยู่กะสิ่งเหล่านี้ รึเปล่า? บางทีก็ให้ความรู้สึกสองแง่สองง่ามเหมือนกัน แต่มันเป็นเรื่องของความบันเทิง ก็ต้องมองผ่านไป ถึงแม้ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของความจริงที่สะท้อนให้เห็นก็ตาม !!!

    สรุปแล้ว ก็ถือว่าทำได้ดีครับ ถ้าให้คะแนนก็ B แล้วกัน อ่อ!! ฉากจบแอบคล้ายเรื่องลุงบุญมีระลึกชาติ หนังของเจ้ยอยู่นะ ตรงที่อยู่ๆก็ขึ้นมาร้องเพลงแล้วจบไป แต่เพลงนี้เพาะดี อินดี้มาก เหมือนเพลงตอนจบของลุงบุญมีก็เอาเพลง Acrophobia ของ Penguin Villa มาใส่ตอนจบในขณะที่กำลังสั่งข้าวกินอยู่ในร้านอาหารคาราโอเกะเล็กๆ ซึ่งให้ความรู้สึกว่า อ้าวเฮ้ย! จบแล้วเหรอว่ะเนี่ย อุส่าห์ให้ความรู้สึกหม่นๆ มืดๆ สลัวๆ มึนๆ ตุ๊มๆต่อมๆ ลุ้นๆ ลวกๆ ดาร์กๆ อยู่เกือบทั้งเรื่อง พอหนังจะจบก็มาทำผ่อนคลายด้วยการนั่งนิ่งฟังเพลงเพาะๆแล้วจบไปแบบไม่รู้จะอธิบาย หรือหาคำตอบอะไรเพื่อต่อยอดเอาแบบดื้อๆ ไปแบบนั่น ??? บางทีก็อาจแฟลได้เหมือนกัน??

    ** นี่คือความรู้สึกส่วนตัวนะครับ ส่วนคนอื่นจะคิดยังไง นานาจิตตัง ไงก็ลองติดตาม และหามุมมองสะท้อนออกมาเองแล้วกัน ความชอบ ความคิด ของใครของมันล่ะงานนี้ เหอๆ ^^

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 19 ก.ค. 56 21:59

    ในแง่ของความสนุกไม่เท่าไร เพราะมันไม่ได้ขายจุดนั้น เเต่ในเเง่ของความอำมหิต ความกดดัน สอบผ่าน ไรอั้นหล่อถึงไม่ค่อยจะพูดก็ตาม แต่มีซีนนึงยิ่งกว่าพูดกับ ญญญ เล่นเอาสะดุ้งไปเลย
    ตกใจมาก แสดงออกมาน่ากลัวมาก คุณป้าคริสเตน เล่นดีมากเเววตา สีหน้า น้ำเสียงเเสดงความร้าย ความกลัว ออกมาอย่างโจ้งๆเเต่เป็นธรรมชาติ , ญญญ พูดน้อยเเต่มีเสน่ห์ ใช้เเค่การมองสื่อความหมายเท่านั้น ไม่รู้ว่าใครคิดยังไง เเต่เราชอบนะ ไม่ซับซ้อน ภาพดี เพลงเพราะ ซาวเเทรกบางซีนก็ตื่นเต้นดียังกะ ทรอนเลกาซี่ เลย

    แจ้งลบ
มีทั้งหมด 6 วิจารณ์
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • โบอา...งูยักษ์โบอา...งูยักษ์เข้าฉายปี 2006 แสดง นพพันธ์ บุญใหญ่, สิทธา เลิศศรีมงคล, พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์
  • ล่า-ท้า-ผีล่า-ท้า-ผีเข้าฉายปี 2006 แสดง พชรพล จั่นเที่ยง, ปองศักดิ์ รัตนพงษ์, ศุภัทรศิริ ปฐมนุพงษ์
  • เกมล้มโต๊ะเกมล้มโต๊ะเข้าฉายปี 2001 แสดง สุรัตนาวี สุวิพร, ธีรนัย สุวรรณหอม, บริวัตร อยู่โต

เกร็ดภาพยนตร์

  • มันเปลี่ยวมาก - เดิมทีตัวจ่าเฉยจะออกแบบมาจาก เคน - ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ หรือ ติ๊ก - เจษฎาภรณ์ ผลดี แต่ภายหลังเอาหน้าจ่าเฉยจริงๆ มาปรับใหม่แทน ตัวจ่าเฉยจะพูดไม่ขยับปาก เพราะหากขยับปากพูดแล้วจะเหมือนหุ่นกระบอกมากกว่า อ่านต่อ»
  • How to Train Your Dragon 2 - ตอนที่ผู้กำกับ ดีน เดอบลา ได้รับข้อเสนอให้กำกับภาคต่อ เขายอมรับข้อเสนอนั้นไว้ภายใต้เงื่อนไขว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องเป็นไตรภาค อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Ma Ma เรื่องราวของ ซู แอนน์ (อ็อกเทเวีย สเปนเซอร์) สาวผู้โดดเดี่ยวที่อยู่ในเมืองโอไฮโออันเงียบสงบ จนกระทั่ง แม็กกี (ไดอานา ซิ...อ่านต่อ»