SIAMZONE.COM

ความทรงจำที่สูญหาย

หากถามว่าหนังสายลับเรื่องไหนที่ตีกรอบหนังสายลับให้กับยุค 2000 แล้วล่ะก็ ผมจะเอ่ยชื่อเรื่อง The Bourne Identity ออกไปอย่างไม่รีรอ

ผมรู้จักหนังชุด Bourne จาก The Bourne Ultimatum ในปี 2007 โดยเพื่อนแนะนำให้ดู ขณะนั้นผมอายุ 13 The Bourne Ultimatum ทำให้ผมงงงวยกับสิ่งที่เห็นมาก กับมุมกล้องที่ดูแล้วปวดตาสุดๆ แต่ผมกลับหลงรักหนังเรื่องนั้นแม้ว่าจะดูไม่รู้เรื่องจับประเด็นอะไรแทบไม่ได้เลย จนในปี 2012 การมาของ The Bourne Legacy ทำให้ผมได้มีโอกาสหยิบทั้งชุด Bourne ก่อนหน้ามาดูเพื่อค้นหารายละเอียดและทิศทางของหนังเพื่อเตรียมพร้อมกับ The Bourne Legacy

The Bourne Identity เริ่มเรื่องโดยพาคนดูไปวางไว้ในเหตุการณ์อันน่าสงสัย เมื่อตัวละครเอกอย่าง Bourne นั้นลอยอยู่กลางทะเลพร้อมบาดแผลฉกรรจ์ ภายใต้ความเป็นความตายนั้นเขาได้รับการช่วยเหลือจากคนเรือหาปลา ก่อนจะออกตามหาความทรงจำที่หายไป ชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้นของบอร์นได้มีอีกหนึ่งคนมาพันผูก Marie หญิงสาวที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Bourne หนังทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ด้วยโทนหนังที่ออกแนวจริงจังมากกว่าแฟนตาซี หนังออกแบบได้อย่างชาญฉลาดโดยเฉพาะฉากแอ็คชั่นทำน้อยแต่ได้มาก Matt Damon ในมาดพูดน้อยต่อยหนักสร้างมิติตัวละครออกมาได้อย่างน่าจดจำ

ฉากที่น่าจดจำคือการเข้าต่อสู้ในระยะประชิดโโยมีเพียงปากกาหนึ่งด้าม เป็นอะไรที่น่าจดจำมาก รู้ได้ทันทีเลยว่าหนังสร้างแรงบันดาลใจให้กับหนังสายลับหลายๆเรื่องต่อมา อย่าง 007 ฉบับเคร็กที่เน้นความสมจริงมากกว่าจะพึ่งพาอุปกรณ์ไฮเทค(แฟนตาซี) MI3 ของ ผู้กำกับพลังงานสูงเจเจที่มีความเป็นคนมากกว่าจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่(อย่างใน MI2) หรือแม้แต่สปายสาวสวย Salt ที่ฉากแอ็คชั่นเกิดขึ้นในเหตุการณ์แสนธรรมดาซึ่งทุกคนสามรถพบเจอได้

The Bourne Identity ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่ผมเกิดความรู้สึกในแบบที่ว่า ดีใจที่ได้ดู

9.5/10

*แม้จะบอกว่าเป็นหนังแอคชั่น แต่เอาเข้าจริงๆแล้วหนังกมีความโรแมนติกในแบบที่หนังรักยังมีอายกันเลยทีเดียว

*อย่าคาดหวังว่าจะได้เห็นอะไรที่ระเบิดตูมตาม เพราะหนังไม่มีให้คุณหรอก แต่หากต้องการอะไรที่เข้มข้น ตื่นเต้นลุ้นระทึกแล้วล่ะก็อย่าได้พลาด

อืม อะไรทำให้หนังเรื่องนี้ดี ลองถามตัวเองดู จะเห็นว่าทุกรายละเอียดในหนัง ถูกเตรียมมาเป็นอย่างดี มีใครรู้สึกเกลียด เจสันบ้างล่ะ ทั้งที่เขาทำผิดแท้ ควรจะสงสารพวกที่สร้างเขาขึ้นมามากกว่าล่ะ แต่เป็นเพราะความละโมบของคนพวกนี้เองที่ทำให้เขาโดนตอกกลับ และตอกอย่างสะใจเสียด้วย ฉากไล่ล่าในเรื่องดีมากๆ เมื่อเทียบกับการที่ไม่มีเอกเฟกต์เข้ามาเกีย่วข้อง ฉากต่อสู้มือเผล่า ทำให้นึกออกเลยว่านักฆ่าทั้งคู่ถูกฝึกมาโหดขนาดไหน สรุปแล้วเป็นไตรภาค(2. the bourne supremace,3. the bpurne ultimatum)ที่โดนใจอีกเรื่องฮะ

เรื่องราวของสายลับยังคงนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ได้เสมอ เช่นเดียวกับ The Bourne Identity ที่ดัดแปลงจากนวนิยายของ โรเบิร์ต ลัดลัม นำเสนอเรื่องราวของสายลับที่จำเป็นต้องต่อสู้ปกป้องตัวเองให้รอดพ้นจากการตามล่าขององค์กรลับที่เขาเคยทำงานด้วย

โครงเรื่องเดิมๆ แบบนี้ อาจจะสงสัยว่าน่าสนุกตรงไหน? (โธ่! ทำไมล่ะ เจมส์ บอนด์ ยังสร้างมาได้ตั้ง 20 ภาคเลย) ความแตกต่างของภาพยนตร์เรื่องนี้ อยู่ที่สายลับดังกล่าวจะต้องหนีจากการตามล่า ไปพร้อมๆ กับการรื้อฟื้นตัวเองจากโรคความจำเสื่อม เพราะการค้นหาอดีตของตัวเองให้เจอ เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาใช้ชีวิตแบบปกติสุขได้

แมตต์ เดมอน ลบภาพผู้ชายหงิมๆ มาบู๊เต็มตัวในภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยรับบทเป็น เจสัน บอร์น พระเอกของเรื่องเสียด้วย และเป็นธรรมดาที่สายลับจะมีผู้หญิงข้างกาย รับบทโดย ฟรังกา โพเทนเทอ ดารารางวัลออสการ์หมาดๆ คริส คูเปอร์ ก็ร่วมแสดงในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ที่น่าแปลกสุด คือ จูเลีย สไตลส์ นางเอกจาก Save The Last Dance ที่มารับบทตัวประกอบสุดๆ ในเรื่องนี้

แม้จะมีข้อกังขาในบางรายละเอียด แถมเนื้อเรื่องยังไม่ยากต่อการคาดเดา แต่โดยรวมแล้ว The Bourne Identity ยังเป็นภาพยนตร์แอ๊คชั่นที่ดูสนุก และสำหรับใครที่ชอบเรื่องนี้ ก็รอชม The Bourne Supremacy ภาคต่อ ที่คาดว่าจะออกฉายในปี 2004 กันได้เลย

หนังโดยรวมสื่อถึงจิตใจของคนดูทำได้อย่างลงตัวดี ทำให้ลุ้นจนตัวโก่งตลอดเรื่อง ตอนแรกคิดว่าคงไม่ดีเท่าไร่แต่พอชมแล้วก็รู้สึกว่าคุ้มค่าเงินค่านะครับ

ก็ดีค่ะแนวหนังดีใช้ได้ ได้ลุ้นตลอดเวลาค่ะและรู้ว่าสิ่งที่เราเดาไว้น่ะมันผิด

น่าติดตามอีก 2 ภาคนะครับว่าจะดีเหมือนภาคแรกหรือไม่ เพราะภาคแรกถือว่าน่าชื่นชม ตรงที่พระเอกสืบหาตัวเองไปเรื่อย ๆแบบมืออาชีพ การแสดงของ Matt Damon ถือว่าดีทีเดียว เสียอย่างเดียวตรงที่เราเดาได้หมดว่าหนังจะเป็นยังไงต่อไป แต่ผมชอบงานกำกับของผู้กำกับคนนี้ ( ในเรื่องก่อนที่ชื่อว่า Go ) โดยรวมแล้วให้ B+

ไม่ดีเท่าที่คิดไว้ ก็เลยผิดหวังเล็กน้อย

สนุกดี จัดว่าทำได้ดีพอสมควร แต่พระเอกเก่งเกินไปนิดหนี่ง
แต่ก็เท่ห์ดี

โดยรวมแล้วดูเพลินดี แม้ว่าจะเดาเนื้อเรื่องได้เกือบตลอด ฉากแอ็คชั่นก็ดี