วิจารณ์ Kill Bill Vol. 1

วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 24 พ.ย. 46 15:18

    ชอบมากเลย ขอบอกหนุกมาก น่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง...ไปดูกันให้ได้นะ

  • เมื่อ 24 พ.ย. 46 11:22

    "Kill Bill" (นางฟ้าซามูไร) มหากาพย์แห่งความคลั่งแค้น

    เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งถูกทำร้ายทำลายอย่างสาหัสสากรรจ์ ถูกทรมานทรกรรมเพื่อให้ตายทั้งกลม แต่ความอึดและทนทายาด ก็ทำให้เธอกลับมาแก้แค้นอย่างตาต่อตา ฟันต่อฟัน ประดาบกันเลือดเดือด

    หนังกวนแสบสไตล์เควนติน ทารันติโน่ นั้น ฉาบเปลือกไว้ด้วยความรุนแรง ทารุณ โหดร้าย อย่างไม่ประนีประนอมกับสายตาและอารมณ์ของคนดู แต่ทั้งหมดที่นำเสนอก็คือ ความเป็นจริงในโลกใบนี้

    โลกแห่งการฆ่าฟัน ทำลายล้างกัน ก้าวร้าวน่ากลัวกว่าในตัวหนังยิ่งนัก ดูจากหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ก็รู้ ว่ามนุษย์นั้นเต็มไปด้วยสัญชาตญาณของการเข่นฆ่า สันดานดิบที่ไม่อาจถ่ายถอนได้จากพันธุกรรม

    "Kill Bill" (นางฟ้าซามูไร) หนังแอ๊กชั่นสไตล์ดุเดือดเลือดท่วมจอ ผลงานลำดับที่ 4 ของ เควนติน ทารันติโนˆ ซึ่งยี่ห้อนี้พอจะการันตีได้ถึงความดุเด็ดเผ็ดมัน และเลือดพล่านได้เป็นอย่างดี

    เปิดเรื่องขึ้นมา ด้วยโคลสอัพใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลของหญิงสาว ผมกระเซิงยุ่งเหยิงเธอกะพริบตาเห็นแววตาที่ปวดร้าวและความไม่เข้าใจ เป็นภาพขาวดำที่ไม่ต้องเห็นสีสันก็ยิ่งดิ่งสู่ความรู้สึกรันทดเจ็บปวดของผู้ชม

    เรื่องราวของนักฆ่าหญิงฉายา "เดอะ ไบรด์" (อูม่า เธอร์แมน) หรือเรียกกันในแก๊งว่า "อสรพิษดำ" ที่จะถอนตัวจากแก๊งเพื่อกลับมาใช้ชีวิตครอบครัวแบบคนปกติธรรมดา เนื่องจากเธอตั้งท้องใกล้คลอด ในงานแต่งงานของเธอ บิลและเหล่านักฆ่าขององค์กร ได้บุกเข้ามาที่งานและรุมทำร้ายด้วยความโหดเหี้ยม โดยในวินาทีแห่งความเป็นความตาย นักฆ่าสาวบอกบิลว่าลูกในท้องเป็นของเขา แต่บิลตัดสินใจที่จบความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาอย่างไร้ปรานี

    ทว่านักฆ่าสาวกลับรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด แต่เธอต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลและตกอยู่ในอาการโคม่าเป็นเวลา 4 ปี ต่อมาเมื่อเธอฟื้นขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ ปฏิบัติการตามล่าล้างแค้นจึงเริ่มต้นขึ้น

    เทคนิคการเล่าเรื่องเป็นบทๆ แบบอ่านหนังสือ ย้อนหลังกระโดดไประหว่างอดีตเมื่อ 4 ปีที่แล้ว กับช่วงเวลาปัจจุบัน

    ซึ่งทำให้เกิดเสน่ห์ก็คือ ความคลุมเครือที่เป็นความสัมพันธ์ของกลุ่มคนที่อยู่ในท้องเรื่องค่อยๆ คลายมาทีละปม ทิ้งให้คนดูเปรียบเสมือนผู้อ่านที่ต้องเปิดไปทีละหน้าเพื่อตามเรื่องราว จับต้นชนปลายกันเอาเอง

    การเปิดตัวละครผ่านกระแสสำนึกของ อสรพิษดำ ซึ่งเป็นตัวเดินเรื่อง กุมแกนกลางเอาไว้ ทำให้เห็นปูมหลังของแต่ละคนในแก๊งนี้ชัดเจนขึ้น

    บัญชีแค้นรายแรกก็คือ นางงูพิษ "เวอร์นิต้า กรีน" (วิวีก้า เอ. ฟอกซ์) ซึ่งใช้ชีวิตครอบครัวปกติธรรมดา เลี้ยงดูลูกสาววัย 4 ขวบ และเธอก็ถูกฆ่าตายต่อหน้าลูกสาวของตัวเอง

    สีสันของหนังเรื่องนี้ตกอยู่ที่ การตามล่าเพื่อแก้แค้น "โอเรน อิชิอิ" นักฆ่าเขี้ยวขาว (ลูซี่ ลิว) โดยเฉพาะการย้อนไปสู่อดีตชีวิตของโอเรน การผสานด้วยการใช้การ์ตูนมาเล่าเรื่องที่รุนแรงและเลือดท่วม บีบคั้นความรู้สึก ถือว่าเป็นเทคนิคการเล่าเรื่องที่ชาญฉลาด ในการทอนภาพที่โหดร้ายให้อยู่ในโลกสมมุติของการ์ตูนแทน

    ฉากสัประยุทธ์กับองครักษ์ 88 คนของโอเรน อิชิอิ ซึ่งใช้โมโนโทนหรือหนังขาวดำมาลดดีกรีสีสันของการฆ่าฟันที่เลือดไหลนองกระฉูด รวมถึงความเร้าใจที่ตรึงให้คนดูลุ้นในการต่อสู้กับสาวน้อยองครักษ์คู่ใจ "โกโก ยูบาริ" (ชิอากิ คุริยาม่า) ซึ่งใช้อาวุธลูกตุ้มพิฆาต

    แต่มีฉากทีเด็ดกว่านั้น การดึงเอาความนิ่งสงัด สงบในวิญญาณของสวนญี่ปุ่น ความอ้างว้างท่าม กลางหิมะโปรยปรายมาเป็นฉากหลังรองรับการปะ ทะขั้นเด็ดขาดระหว่าง อูม่า เธอร์แมน กับ ลูซี่ ลิว คล้ายภาพวาดที่ฉูฉาดไปด้วยสมาธิและเส้นบางๆ ที่ขึงอยู่ของความตายของคนทั้งสอง

    เป็นฉากบู๊ที่งดงามหมดจด

    เควนติน ทารันติโน่ นั้นทำหนังได้มีสไตล์ของตัวเองที่ชัดเจน ลักษณะของหนังที่ขายความรุนแรงและเลือดกระฉูดอย่างบ้าระห่ำ บทภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องเหมือนดูโฉ่งฉ่าง เต็มไปด้วยความรุนแรง แท้ จริงแล้วนั้นคือ การกระแทกกับสายตาและอารมณ์ เพื่อตรึงคนดูโดยตรงเพื่อมุ่งไปสู่ตัวเรื่อง แก่นหัวใจของสารที่นำเสนอออกมา

    การฆ่าฟันย่อมมีเหตุผลในตัวมันเอง แม้แต่ในโลกมืดของอาชญากรรมที่เลวร้ายที่สุดก็ตาม

    โดดเด่นด้วยการหยิบยืมการตีความแบบ "อีสต์ มีต เวสต์" ตะวันออกมาบรรจบกับตะวันตก อิทธิพลหนังของ บรูซ ลี รวมทั้งคิวบู๊ในแบบหนังฮ่องกงและญี่ปุ่น การแต่งกายในรูปแบบของนักกีฬาคือ ชุดวอร์ม ที่กระฉับกระเฉงคล่องตัว

    การหยิบยืมวิธีเล่าเรื่องเอาสไตล์หนังเอเชียตะวันออกมาหลอมเป็นของตัวเอง นั้นคือจุดสำคัญที่ทำให้หนังบู๊เลือดสาดโดยใช้คิวบู๊แบบกังฟูและซามูไร จะทำให้เห็นถึงความเนียน นิ่ง ที่สะกดผู้ชมให้คลายความรู้สึกช็อกในความรุนแรง มุ่งค้นหาจิตใจภายในอันจริงแท้ของมนุษย์

    สไตล์หนังในแบบเควนตินที่หลอมรวมอิทธิพลต่างๆ ของเอเชียมาสู่การเล่าเรื่องและโปรดักชั่นที่เนียนสนิทแบบฮอลลีวู้ด ทำให้เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่หลงใหลได้ง่ายดาย

    อูม่า เธอร์แมน รับบทนำ แสดงให้เห็นว่า เธอค่อนข้างถูกโฉลกกับหนังแบบเควนติน ถือว่า โดดเด่นพอสมควรทีเดียว ในการเป็นตัวหลักของเรื่องที่ต้องเล่นกับอารมณ์ที่หมดหวังและแปรพลังสู่ความคลั่งเพื่อล้างแค้น

    ตัวละครอื่นๆ ก็ค่อนข้างจะยอดเยี่ยมในการแสดง การเลือกตัวแสดงมารับบทต่างๆ นั้น ถือว่า มีจินตนาการจริงๆ บุคลิกของแต่ละคนที่แปลกประ หลาดจนอดอมยิ้มไม่ได้ และปฏิเสธไม่ได้ว่า คนจริงๆ ที่เป็นอยู่ในสังคมก็อยู่ในรูปรอยนี้แหละ

    ตอนจบที่ทิ้งท้ายตรงบทสนทนา ระหว่างบิลกับโซฟี ได้ผูกไว้ให้รู้ว่า ความโหดร้ายของบิล ที่ต้องทำทุกอย่างไม่ว่าจะเลวร้ายขนาดไหนเพื่อรักษาโลกอาชญากรรม โลกมืดที่เก็บกุมความลับขององค์กรใต้ดิน

    หนังสนุกแบบเควนติน ดูเหมือนไร้สาระ ขายแต่ความรุนแรง แต่ความจริงนั้นมีความลึกซึ้งให้ค้นหามากมาย คนที่ชอบก็ชอบสุดใจขาดดิ้น

    ส่วนคนไม่ชอบก็อาจจะไม่ชอบไปเลย

    "Kill Bill 2" ที่จะตามมา คงเป็นภาคเฉลยทิ้งท้ายว่า ลูกสาวของเดอะ ไบรด์ ยังอยู่ การเอาลูกไม่เอาแม่ของ บิล นั้นมีเหตุผลคืออะไร?

    แค่คิดก็น่าสนุก และอยากดูภาคจบว่าเป็นอย่างไรเสียแล้ว

  • เมื่อ 24 พ.ย. 46 09:35

    มันส์มากๆ เลย แต่ทางที่ดีควรจำกัด ไม่ให้เด็กดูเพราะมันโหดเกินไป

  • เมื่อ 23 พ.ย. 46 12:34

    ผมชอบนะ
    รู้สึกคล้ายๆว่าก่อนเข้าไปดูคาดหวังอะไรไว้แล้วมันได้กลับมาเยอะกว่าที่คาดมั้ง(ไม่ใช่เนื้อเรื่องที่ต้องนั่งตีความก็แล้วกัน)
    ใครแฟนหนังญี่ปุ่นนั่งยิ้มแน่

    แต่ไง เด็กก็ไม่ควรดูหรอกมั้ง

  • เมื่อ 22 พ.ย. 46 21:35

    เป็นหนังที่ใช้ สไตล์การเล่าเรื่องดีโดย ย้อนไปย้อนมาได้อย่างมีศิลป์ รวมทั้งการใช้องค์ประกอบต่างๆๆ ในการเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิง ออกมาดูดี กว่าที่คิดไว้มาก แต่หนังค่อนข้างโหดมาก-มากที่สุด เช่นยิงหัว ตะปูตบหัว ดาบฟันแขนขาดเลือดพุ่ง ฟันหัวขาดครึ่ง แต่ประการนั้นก็ตัดสินไม่ได้ว่าน่าเบื่อ กลับออกเป็นหนังอาร์ตมากกว่า หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังที่ทุกคนดูแล้วจะสนุก แน่นอนว่าคนชอบหนังแอคชั่นยิงกันสาด ต้องไม่ชอบแน่นอน แล้วพวกที่เกลียดความรุนแรงอย่าคิดจะดูเลย หนังเรื่องนี้มันบอกในตัวอยู่แล้วว่า ซามูไร มันต้องเป็นการฟันดาบ เรื่องดำเนินบางตอนค่อนข้างอืดอาดแต่มันแสดงถึงศิลปะของเอเชียมาดูดี และงดงาม ไม่ต่างอะไรจากการดูภาพศิลปะบางอย่าง
    อย่างลืมนี่ไม่ใช่หนังสำหรับทุกคนสักนิด
    มันอยู่ที่ว่าคุณชอบหนังแนวนี้รึเปล่า เท่านั้นเอง
    แต่สำหรับผม ชอบและชื่นชมมาก

  • เมื่อ 22 พ.ย. 46 18:24

    ถึงจะมีฉากโหด เลือดสาดพุ่งเป็นน้ำพุ แต่สนุกและมัน แต่คนขวัญอ่อนหรือเด็กหรือใครก็ตามที่คิดว่ามันโหดเกินก็อย่าไปดูเลย

  • เมื่อ 22 พ.ย. 46 17:46

    ใช่เป็นหนังที่ไม่เหมาะกับเด็กเลย ฆ่ากันเลือดสาด ไม่ทราบว่าได้เข้าฉายได้ หนังก็ไม่สนุกครับ เกิดมาแก้แค้นแก้แค้นทำไมเล่าไม่ละเอียดเลย รู้แต่ว่าโดนทำร้ายเสียลูกแค่นั้น

  • เมื่อ 22 พ.ย. 46 15:07

    ฆ่ากันทั้งเรื่องไม่หนุกเลย

  • เมื่อ 22 พ.ย. 46 13:52

    นับว่าเป็นหนังที่นองเลือดกันเยอะมากจริงๆครับ คนที่กลัวเลือดหรือเห็นภาพสยองๆไม่ได้ อย่าไปดูนะครับ

    ส่วนดีของหนังก็คงเป็นดนตรีประกอบที่เพราะมาก แล้วก็องค์ประกอบศิลป์ต่างๆ แสง สี เสื้อผ้า ดูดีมากครับ

    ส่วนที่เป็นการ์ตูนทำออกมาได้สะเทือนใจมาก คิดเอาเองว่าที่ทำเป็นการ์ตูนคงเพราะถ้าทำเป็นของจริงคงโหดเกินไป

    นับว่าสนุกมากครับ แต่เตือนคนขวัญอ่อนไว้ก่อนแล้วกัน

  • เมื่อ 21 พ.ย. 46 23:52

    กรี้ดมากค่ะ เพื่อนหนูที่ไปดูด้วยถึงกับร้องไห้เลย ร้องไห้เพราะสยองนะค่ะ ไม่ใช่ซาบซึ้ง น้ำพุสวยดีค่ะ.....น้ำพุเลือด ฟันคอทีเลือดพุ่งเป็นน้ำพุเลย คิดดูเองละกัน ... ส ย อ ง สุ ด ๆ

มีทั้งหมด 65 วิจารณ์ หน้าที่ 6 [ก่อนหน้า] 1 2 3 4 5 6 7 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • 1920 London1920 Londonเข้าฉายปี 2016 แสดง Sharman Joshi, Meera Chopra, Vishal Karwal

เกร็ดภาพยนตร์

  • 13 Sins - เป็นการนำภาพยนตร์ไทยเรื่อง 13 เกมสยอง ที่กำกับโดย มะเดี่ยว - ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล มาสร้างใหม่ อ่านต่อ»
  • Haunt - ในบทภาพยนตร์ไม่มีฉากใดที่เป็นฉากหิมะ แต่เมื่อมีหิมะตกระหว่างการถ่ายทำ คณะทำงานจึงตัดสินใจถ่ายทำต่อไป ทำให้ในภาพยนตร์มีฉากดังกล่าว อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Men in Black: International Men in Black: International เรื่องราวของ เอเจนท์ เอช (คริส เฮมสเวิร์ธ) หนึ่งในเอเจนท์ที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดประจำสำนักงานเอ็มไอบี กรุงลอนดอน เคย...อ่านต่อ»