วิจารณ์ Alexander
-
He (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 4 ธ.ค. 47 09:09
จริงๆแล้วหนังเรื่องนี้ส่วนตัวแล้วคิดว่าก็OKนะเพราะในบางเรื่องที่เราไม่เคยรู้เลยก็ทำให้เราได้รู้ในทางที่ขัดแย้งตามหนังสือประวัติศาสตร์หลายๆเล่มที่เคยได้ศึกษามา อย่างเรื่องสาเหตุการสวรรคตของท่านหนังสือหลายเล่มก็บอกว่าเป็นเพราะป่วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เป็นไข้หวัดบ้าง ไทร์ฟรยบ้าง แต่ใครจะไปรู้ละว่าหนังเรื่องนี้จะกล้านำเสนอออกมาในแนวนี้ สำหรับเรื่องอื่นๆก็ดีนะไม่ว่าจะเป็นฉากหรือการแต่งกายของตัวละครก็สวยดี และส่วนที่ยังไม่ถึงอารมณ์ก็มีเหมือนกันนะมันก็แล้วแต่เราจะจินตนาการไปกับมัน แต่เราเชื่ออีกอย่างว่า Alexander ตัวตนที่แท้จริงคงไม่ได้เป็นอย่างที่หนังหรือประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้เสียทุกอย่างหรอก ลองลดทิฐิลงสักนิดนะเผื่อจะมองอะไรได้สวยงามกว่านี้
-
afemale (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 3 ธ.ค. 47 23:58
เอ่อ Alexander ไม่ใช่เกย์นะคะ ขอย้ำ เขาเป็นไบต่างหาก
-
J. (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 3 ธ.ค. 47 15:17
จริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้ ไม่น่าจะเน้นเรื่อง ความรักระหว่างพระเจ้า Alexander กับ เหล่าชาย มากขนาดนี้เลย โดยความเห็นส่วนตัวแล้ว..น่าจะมุ่งจุดสำคัญของเรื่องไปที่ ความสามารถในด้านการปกครองคน หรือ ทำไม Alexander ถึงถูกเรียกว่า The great มากกว่าที่จะตีแผ่ เรื่องความรักระหว่างชายด้วยกัน
ตามประวัติศาสตร์ กรีก โรมัน เป็นเรื่องธรรมดาที่ ชายจะรักชาย เพราะสมัยก่อน ผู้คนส่วนใหญ่เป็นนักรบ เมื่อถึงคราออกรบ ครั้นจะหาผู้หญิงมาทำให้ตัวเองพอใจก็เป็นเรื่องยาก..จึงไม่แปลกที่ผู้ชายในยุคนั้น จะมีความต้องการทางเพศ แม้กับผู้ชายด้วยกันเอง แล้วเนื่องจากว่า.. ยุคนั้น ไม่มีการบัญญํติคำว่า เกย์ หรือ โฮโม ขึ้นมา การที่ชายรักชาย จึงไม่ต่างอะไรกับ ชายรักหญิง ซึ่งนั่น เป็นเรื่องที่ไม่ผิดปกติแต่อย่างใดสำหรับหนังประวัติศาสตร์เรื่องนี้
การนำเสนอที่ถูกจุด การดำเนินเรื่อง ตลอดจน ถ้ามีการปรับปรุงเปลือ่นแปลงซักเล็กน้อย หนังเรื่องนี้คงมีคความน่าสนใจมากขึ้นอีกเป็นกอง
ปล. ช่วง 1 ชั่วโมงสุดท้ายของหนัง เป็นช่วงที่อยากออกจากโรงภาพยนตร์มากที่สุด (อาจเกิดจากความคาดหวังว่าหนังจะออกมาดี เหมือนที่ Trailer ที่โฆษณาไว้ แต่เมื่อมันไม่เป็นอย่างนั้น ก็เลย.....) -
V/ (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 3 ธ.ค. 47 11:45
นึกสนุกอยากวิวาทะกับคุณM.L.Hist ซึ่งผมอ่านคำวิจารณ์แล้วก็ยังไม่สามารถล้างข้อสงสัยออกจากหัวของผมได้ว่า
-- หนังไม่ได้สื่อถึง ๑ปัจจัยอะไรที่ทำให้ Alexander กำอำนาจไว้ตลอดช่วงเวลานั้น และ๒ปัจจัยอะไรที่ทำให้กองทัพเขารบชนะชนชาติอื่นๆ หนังจึงขาดความสมเหตุผล ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนกับ เอาหนูไปไล่ตบหัวแมวโดยไม่ได้ปูเรื่องมาว่าหนูตัวนี้มาจากดาวคลิปตัน
-- คนทำหนังมีสิทธิเต็มที่ในการตีความประวัติศาสตร์ / ในการสร้างทุกประการ คนโบราณจะเอาลอดช่องไปทำผัดซีอิ้วผมก็ไม่ว่า ขอเพียงแต่ออกมาอร่อยเท่านั้น และผมก็เห็นด้วยว่า ความชอบไม่ชอบ รู้สึกคิดเห็น เรื่องอารมณ์เป็นเรื่องปัจจัยส่วนบุคคล แต่รสนิยมสากลมันมี ถ้าทำหนังออกมาแล้วมันไม่สากลนิยม (เมื่อเทียบกับ ทรอย) ก็ไม่ควรปัดว่าเป็นรสนิยมเฉพาะคนไป คนทำหนังทำตามชอบ คนดูก็มีสิทธิ์วิจารณ์ ดูเสร็จแล้วรู้สึกไม่ได้อารมณ์ก็วิจารณ์กันไป และเป็นเรื่องปกติที่คนที่มาตรฐานสูง จะหาความสุขสนุกได้ยากกว่าคนทั่วไป
ผมไม่ได้มองหนังเรื่องนี้ว่าแย่ โดยส่วนตัวให้ 7 (ปัจจุบัน 80 โหวตได้ 6.8) เพียงแต่ติสองจุดที่บอกเท่านั้น
ยังไงๆ ผมก็ชอบใจในการวิจารณ์ของคุณM.L.Hist มากขึ้นไปจนอยากรู้จักครับ -
ไปดูมาแล้ว (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 3 ธ.ค. 47 01:39
เห็นด้วยกับคุณ M.L.Hist ในแง่ของการวิจารณ์ถึง Alexander เนื่องจากระบบแนวความคิดในสมัยก่อนกับสมัยนี้ต่างกันมาก อะไรที่เห็นว่าดีงามในสังคมตอนนี้ ก็ไม่เป็นที่จะต้องเป็นสิ่งดีงามในสมัยนั้น และนอกจากนั้นแนวความคิดของตะวันตกก็ไม่เหมือนเรา แม้กระทั่งในสมัยนี้ก็ตาม และอีกอย่างคือเรื่องความเป็นเกย์ของ Alexander ที่เห็นทุกคนพูดถึง นั้นก็เป็นสิ่งที่ผู้กำกับตีความเองด้วย แถมพ่วงความเป็นตลาดอีกต่างหาก แต่ส่วนตัวก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่า Alexander เป็นเกย์หรือไม่เป็น เพราะกรอบความคิดสมัยนี้ตัดสินสมัยนู้น ก็ค้องบอกว่า Alexander จัดเป็นชายรักชาย จากที่ลองอ่านบทความดู ความรักระหว่างชาย-ชาย ในกรีก ก่อนคริสตกาล 600-300 ปี สมัยก่อนจะเหมือนแบบผู้ใหญ่สอนเด็กหนุ่มเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ในชีวิต (เหมือนกับแนวคิดที่ชายไทยต้องบวชเรียน เป็นทหาร ก่อนที่จะมีครอบครัวนั่นแหละ)และจะเกิดกับชายที่สูงอายุกว่ากับเด็กหนุ่ม เป็นส่วนใหญ่ และเด็กหนุ่มเหล่านี้เมื่อโตขึ้นสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ก็จะต้องมีครอบครัวแต่งงานกับผู้หญิงตาม norm ของสังคม ที่เห็นในหนังก็มีบางส่วนเหมือนสมัยนี้แหละที่ผู้ชายเที่ยวอ่าง สมัยก่อนเขาก็มีทั้งแบบที่เป็นเด็กหนุ่มบริการ และผู้หญิงบริการ อย่างไรก็ดีเพราะหนังเรื่องนี้ทำให้อยากรู้ประวัติของกษัตริย์องค์นี้มากขึ้นถึงแม้ว่าการดำเนินเรื่องจะไม่เนียนเหมือนที่หลายๆคนว่า แต่โปรดักชันโดยรวมก็สวยดี ว่าแต่ว่าฉากรบตอนปลายๆ อย่างกับเรื่องสุริโยทัยแน่ะ
-
ooo (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 2 ธ.ค. 47 20:47
...เพิ่งรู้ว่า Alexender is เกย์
-
จอมมาร (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 1 ธ.ค. 47 19:53
น่าตั้งชื่อไทยว่า ไอ้เล็กสั้นด้วน เดอะ เกย์
-
อี้เหวินสะท้านฟ้า (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 1 ธ.ค. 47 19:51
Alexander ก็คล้ายๆกับ อโศกมหาราชนั่นแหละ เป็นกษัตริย์ชาตินักรบเหมือนกัน พุ่งรบมาเกือบครึ่งค่อนโลก แต่ต่างกันตรงที่บทสรุปต่างกันเท่านั้นเอง คนหนึ่งได้รู้จักสัจจธรรมของชีวิต แต่อีกคนหนึ่งกลับไม่ได้อะไรเลย ลองเอามาเทียบกันแล้ว Alexanderดูน่าเห็นใจมากที่สุด
-
Alexandess (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 1 ธ.ค. 47 14:47
ไม่สนุกเลย เหมือนดู Discovery ยังไงยังงั้น หนังไม่มีความสนุก และความตื่นเต้นเลย ฉากรบที่มีแค่สองฉากเท่านั้นยังทำได้ห่วยแตกเลย เรื่องนี้ผมว่าไม่ต้องไปพิสูจน์ให้เสียเวลาหรอก แล้วคุณจะเสียใจ ขนาดผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากเพราะเพื่อนที่ไปดูมาก็บอกว่าไม่หนุก ยังผิดหวังกว่าที่คิดอีก หนังอะไรน่าเบื่อชะมัดยาดเลย
-
M.L.Hist ตอบคุณ v (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 1 ธ.ค. 47 11:54
ขอบคุณคุณ v ที่ได้อ่านและเห็นมุมมองบางประการที่ผมเสนอ
ประการหนึ่งที่ผมต้องบอกก็คือว่าการวิจารณ์ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ในแง่มุมต่างๆนั้นเราต้องคำนึงถึงในกรณี
1. ความเป็นภาพยนตร์ในมุมมองของการแสดง ว่าการแสดงเป็นเพียงการสื่อสารด้านวัจนภาษาและอวัจนภาษาซึ่งบุคคลผู้ได้รับการถ่ายทอดข้อมูลนั้นจะอาศัยการตีความจากความรับรู้ประสบการณ์ พื้นฐานความคิด ความรู้พื้นฐานต่างๆ ฯลฯ จนเกิดกระบวนการเข้าใจโดยมูลเหตุของข้อมูลนั้น การดูหนังจึงให้เนื้อหา อารมณ์ ความรู้สึกของแต่ละคนต่างกันไป ในกรณีอเล็กซานเดอร์ที่เราเห็นในหนังนั้น แน่นอนมีประเด็นชัดเจนอย่างที่คุณ v ว่าคือเกิดปัญหาในปม Odipus Complex (ขั้นตอนในการสร้างภาวะทางเพศ ในระยะ 3-6 ปี) ตามทฤษฎีของซิกมันด์ ฟรอยด์ (นักจิตวิเคราะห์เชื้อสายยิวคนสำคัญของโลก ให้กำเนิดทฤษฎี จิตวิเคราะห์) อเล็กซานเดอร์จึงมีแม่เป็นแบบในใจ มีพ่อเป็นแบบเช่นกันแต่ไม่สามารถเป็นหลักในใจได้อย่างแท้จริงเป็นเพียงชั่ววูบหนึ่ง ในแต่ละครั้งของความทรงจำและคอยผลักดันในสภาวะอารมณ์ในหลายตอน นอกจากนี้ยังมีแนวคิด ความเชื่อ การอบรมสั่งสอน ระบบคิดจากอาจารย์ (ในกรณีการสร้างชาติ ความรักในบางแง่มุม ซึ่งหลายคนที่ดูหนังตีความเป็นเรื่องของ Homosexual ) รวมทั้งวรรณกรรมและบรรดาวีรบุรุษ ทวยเทพ ในยุคเทวนิยมของกรีกโบราณ (อภิปรัชญาเหล่านี้สร้างอารยธรรมโลกมากมายและเด่นชัด แต่คนปัจจุบันกลับละเลยที่จะเข้าใจว่าปรัชญาและอภิปรัชญาเป็นแนวทางการสร้างโลกในยุคต้นอารยธรรมมนุษย์ และมองว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นสิ่งเพ้อฝัน ทั้งที่เราเห็นมหาวิหารพาร์เธนอนบนเทือกเขาอะโครโพลิส [สร้างเพื่อบูชาเทพ] เราเห็นนครวัด นครธม ในเขมรที่สร้างเพื่อบูชาเทพ ในแนวคิดไศวนิกาย [แนวคิดปรัชญาตะวันออก เชื่อในพระศิวะ] ) ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนที่สร้างบุคคลที่เราเชื่อว่าเขาคืออเล็กซานเดอร์มหาราชที่เรารู้จัก และเห็นในภาพยนตร์ ซึ่งผมคงไม่สรุปว่านั่นคือตัวของอเล็กซานเดอร์ที่แท้จริงย่างที่คนปัจจุบันพึงจะเข้าใจ พยายามเข้าใจ และไขว่คว้าที่จะเข้าใจ
ในส่วนอารมณ์และเนื้อหาของภาพยนตร์ที่จะตรึงใจคนดู ยืดเยื้อ สั้นเกินไป
ยาวเกินไปนั้น เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ผู้สร้างมีมุมมองในการนำเสนออย่างที่เขาต้องการและไม่สามารถวัดคุณค่าโดยหลักการวัดแบบมิเตอร์ที่เรานิยมใช้กันในปัจจุบัน มาวัดความชอบ ความพึงพอใจ ของผู้ชมทุกคนได้ก่อนที่จะดูหนัง ดังนั้นคนดูหนังรู้สึกได้ในทุกอารมณ์ตามที่เป็นอันเนื่องมาจากผัสสะ (การสัมผัสรู้) ของแต่ละคน
2. ในกรณีที่คุณ v กล่าวว่า หนังไม่ได้ชี้ว่าตัวละคร Alexander ในภาพยนตร์มีความสามารถอะไรที่เด่นเหนือคนทั่วไปตรงจุดไหนที่จะกลายเป็นมหาราชได้ ตรงนี้เราอาจเข้าใจได้ว่าการชี้จุดเด่นที่เหนือกว่าบุคคลทั่วไปนั่นคือคนเหนือคน หรืออาจก้าวข้ามไปถึงความเป็นมหาราช(คำซึ่งมหาชนถวายเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าแผ่นดิน) ในมุมมองนี้เราเข้าใจมหาราชในแนวตะวันตกและตะวันออกอย่างไร คนหนุ่มอายุ เพียง 30 กว่าสามารถตีแผ่พระราชอำนาจไปเหนือพื้นพิภพในยุคที่ยังไม่มีมนุษย์คนใดล่วงไปถึง มนุษย์ผู้กำอำนาจบังคับบัญชาไพร่พล พสกนิกรกว่าแสนชีวิตไปในทิศทางที่พระองค์ต้องการได้อย่างที่ไม่มีใครเคยทำในโลกยุคนั้น แม้พระไครส์ (เยซู คริสต์) ผู้เกิดในยุคหลังก็พาเพียงผู้คนแหวกทะเลแดงหนีฟาห์โรแห่งอียิปต์จนสำเร็จแต่ก็ไม่เคยจูงผู้คนไปไหนๆ ตามที่ใจต้องการ หรือนโปเลียน โบนาพาร์ตที่พาทหารกล้าเข้าสู่สมรภูมิความตายอันยะเยือกที่ไซบีเรียเมื่อครั้งจะชิงพระราชอำนาจในโลกจากพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซีย แม้กระทั้งอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ที่ไม่คำนึงความจริงในประวัตศาสตร์ว่าไซบีเรียนั้นแสนจะเยียบเย็นและมีผู้เอาชีวิตไปทิ้งในดินแดนนั้นมิรู้เท่าไร ก็ยังคงชี้นำทัพเยอรมันให้ไปล้างพระราชอำนาจของซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งหลายเหล่านี้ก็เป็นเพียงสิ่งบ่งชี้ในเงารางๆ ของความเหนือคนของอเล็กซานเดอร์ในมุมที่เรารู้จัก จะใช่มหาราชอย่างที่คนตะวันออกเข้าใจหรือไม่นั้นก็คงต้องอาศัยภูมิความคิดของแต่ละคน โดยความคิดในมุมความเป็นมหาราชของคนตะวันออกนั้นอิงด้วยระบบคิดอย่างระบบจักรพรรดิราชซึ่งถูกสั่งสมด้วยหลักทางพุทธศาสนา คือต้องร่มเย็น ปกแผ่ด้วยพระบรมโพธิสมภาร เย็นด้วยพระบารมี ซึ่งคนในแถบถิ่นตะวันออกนี้พึงได้รับอย่างสม่ำเสมอโดนเฉพาะราชอณาจักรสยาม ความเป็นจักรพรรดิราชหรือมหาราชนี้ในโลกตะวันออกมีผู้ประสงค์จะเข้าสู่ภาวะนั้นก็หลายท่าน (เว้นแต่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นต้นรากแห่งมหาราชนั้นมิได้ถูกเชื้อเชิญจากผู้ใช้ภูมิปัญญาแห่งพระองค์ [ปุถุชนผู้นิยมการขนานนาม] เข้ามาเป็นมหาราช) อาทิพระเจ้าอโศกมหาราช เจงกีสข่าน หรือแม้แต่ พระเจ้าหงสาวดีลิ้นดำบุเรงนอง (ผู้ชนะสิบทิศ) ที่เราคิดว่าเรารู้จักพระองค์ดี แต่กระนั้นอเล็กซานเดอร์ยังอุปการะแม่ทัพเอกนามเมลันเดอร์ไว้ในชมพูทวีปเพื่อสร้างสรรค์อารยธรรมที่พุทธศาสนิกชนพึงกราบไหว้ ระลึก บูชาอยู่มิรู้คลาย การปั้นรูปปฏิมากรรมอย่างกรีก ซึ่งคนตะวันออกยุคนั้นไม่มีใครกล้าจะทำ แต่ชาวตะวันตกทำเป็นสิ่งจรรโลงใจ รูปแบบการปั้นในยุคต้นของศาสนวัตถุแนวคันธาระ คือพระพุทธรูปปางคันธารราษฎร์ที่เรารู้จักบ้าง ไม่รู้จักบ้าง คือสิ่งที่อเล็กซานเดอร์ทิ้งเชื้อไว้ให้คนตะวันออกในยุคที่ภูมิปัญญายังไม่บรรเจิด ถ้าใครเคยรู้จักหรือได้อาจหนังสือมิลินทปัญหาก็คงต้องทราบว่าพระยามิลินทร์นั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแม่ทัพเอกแห่งอเล็กซานเดอร์นามเมลันเดอร์นั่นเอง ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ก้เพื่อให้ลองตรองดูว่าการวัดคุณค่าภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์นั้น เราควรมีวิจารณในแง่ใดบ้าง เพราะคนยุคปัจจุบันพอถูกนำเสนอด้วยวัจจนภาษาและอวัจจนภาษาโดยสื่อต่างๆก็พากันไปในทิศทางอันไม่สามารถจะควบคุมได้ ความสุข ความคลางแคลงใจ ความสงสัย ความบรรเจิดในจินตนาการ เมื่อเราดูหนังจบลงมักเกิดขึ้นเสมอ คงต้องหาเวลาไปไข่วคว้าหาคำตอบกันเอาเอง อย่าลืมว่า ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์เป็นแง่มุมหนึ่งของประวัติศาสตร์แต่มิใช่ประวัติศาสตร์ จงอย่าพึงนำความเข้าใจเหล่านั้นมาบอกแก่ใจตัวเองว่านั่นคือประวัติศาสตร์ที่เราพึงเข้าใจ เพราะอย่างไรก็ตาม มนุษย์ไม่ว่าในอดีต ปัจจุบันหรืออนาคต ตกอยู่ในห้วงปรัชญาที่ว่า มนุษย์เป็นทาสของภาษาเสมอ
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
Fast & Furious 5เข้าฉายปี 2011 แสดง Vin Diesel, Paul Walker, Dwayne Johnson
Be With Youเข้าฉายปี 2005 แสดง Yuko Takeuchi, Shido Nakamura, Akashi Takei
องค์บาก 3เข้าฉายปี 2010 แสดง จาพนม ยีรัมย์, พริมรตา เดชอุดม, ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
เกร็ดภาพยนตร์
- Kidnapping Freddy Heineken - ขวดเบียร์ไฮเนเก้นสีเขียวที่ใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ถูกต้องกับความเป็นจริง เพราะในช่วงเวลานั้นขวดเบียร์ไฮเนเก้นที่ขายทั่วไปในเนเธอร์แลนด์บรรจุอยู่ในขวดสีน้ำตาล อ่านต่อ»
- Southpaw - เดิมทีภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวภาคต่ออย่างไม่เป็นทางการของ 8 Mile (2002) โดยจะให้ เอมิเนม กลับมารับบทเดิม แต่ภายหลังก็มีการพัฒนาบทภาพยนตร์ไปเรื่อยๆ จนความตั้งใจดั้งเดิมล้มไป อ่านต่อ»