เกร็ดน่ารู้จาก City of God

เกร็ดน่ารู้
  • City of God เป็นชื่อภาษาอังกฤษของสลัมในบราซิลที่มีชื่อว่า Cidade de Deus โดย Cidade de Deus ได้ชื่อว่าเป็นที่สถานที่ที่อันตรายที่สุดในกรุงริโอ ตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1980 เป็นต้นมา
  • ก่อนหน้า City of God ผู้กำกับสายเลือดบราซิลเลี่ยน เฟอร์นันโด เมเรลเลส กำกับภาพยนตร์มาเพียง 4 เรื่อง นั่นคือ Olhar Eletronico (1986) The Nutty Boyz (1998) Maids (2001) และ PalaceII (2002)
  • เมเรลเลส เกิดในเมือง เซาเปาโล เมืองหลวงของประเทศบราซิล และก่อนหน้าที่จะมายึดอาชีพนี้อย่างจริงจัง เขาและเพื่อนๆ ได้ร่วมกันทำภาพยนตร์ทดลองขึ้น และก็สามารถคว้ารางวัลใหญ่จาก Brazilian Film Festival มาได้ หลังจากนั้น เมเรลเลส ก็หันมายึดอาชีพโปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์อยู่นาน 9 ปี
  • ในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 เมเรลเลส ก็ตัดสินใจเปิดบริษัทภาพยนตร์ที่ใช้ชื่อว่า O2 ขึ้น และเริ่มต้นทำภาพยนตร์เรื่องแรกในปี 1986 และในปี 1997 เมเรลเลส ก็มีโอกาสได้อ่านนิยายขายดีของบราซิลที่มีชื่อว่า Cidade de Davs หรือชื่อภาษาอังกฤษที่ใช้ว่า City of God ที่ เปาโล ลินส์ เขียนขึ้นจากประสบการณ์ในวัยเด็ก
  • เมเรลเรส ประทับใจในหนังสือ Cidade de Davs มากจนถึงขนาดที่ตัดสินใจที่จะดัดแปลงมันเป็นภาพยนตร์ และเป็นเรื่องที่ท้าทายที่จะดัดแปลงตัวละครกว่า 350 ชีวิตในหนังสือให้มีชีวิตอยู่บนจอ
  • City of God ออกฉายที่บราซิลในปี 2002 และประสบความสำเร็จอย่างสูง จากนั้นก็เริ่มออกฉายตามเทศกาลภาพยนตร์ต่างๆ ทั่วโลก โดยเริ่มต้นที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ก่อนจะไปประสบความสำเร็จสูงสุดบนเวทีออสการ์ ด้วยการเข้าชิงถึง 4 รางวัล โดยเฉพาะการเข้าชิงในสาขากำกับการแสดงยอดเยี่ยม
  • นักแสดงประกอบทุกคนถูกจ้างจากสลัมในริโอเดอจาเนโร ส่วนนักแสดงบางคน อาทิ ร็อกเก็ต ที่รับบทโดย อเล็กซานเดอร์ ร้อดรีเกวซ ในชีวิตจริงก็อาศัยอยู่ใน Cidade de Deus (City of God) ด้วย
  • เมื่อ เน็ด หรือ มาเน กาลินฮา ฆ่าคนเป็นครั้งแรก มีบางคนใน City of God มาแสดงความยินดีกับเขา ผู้หญิงคนแรกที่มาคุยกับเขา รับบทโดยคุณแม่ของ เน็ด ในชีวิตจริง
  • กองถ่ายภาพยนตร์ถูกลอบยิงถึง 2 ครั้ง ในระหว่างถ่ายทำฉากที่ ร็อกเก็ต นั่งรถตระเวนส่งหนังสือพิมพ์ และฉากงานปาร์ตี้เลี้ยงส่ง เคนนี่ โดยครั้งแรกนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงล้อระเบิดในรถที่ ร็อกเก็ต นั่ง และครั้งที่ 2 ได้มีเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่องกว่า 10 นัด ทำให้กองถ่ายต้องชะงักการถ่ายทำไปกว่า 2 อาทิตย์ และไม่สามารถสืบหาต้นตอของมือปืนลึกลับนี้ได้ว่ามาจากที่ใด ผู้กำกับเคยพูดไว้ครั้งหนึ่งว่า ถ้าเขารู้ถึงความอันตรายในการถ่ายทำในสลัมที่กรุงริโอเดอจาเนโร เขาคงจะไม่สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้
  • ผู้กำกับ เฟอร์นันโด เมเรลเลส ได้เผยให้เห็นในดีวีดีว่าฉากที่ 3 หนุ่ม ปล้นรถแก๊สนั้น เป็นการล้อเลียนละครชุดทางโทรทัศน์ Charlie's Angels ปี 1976 ที่มีการหันปืนไปในทิศต่างๆ
  • เพื่อเพิ่มความตึงเครียดระหว่าง ดาดินโฮ และ มาร์เรโค ผู้ฝึกสอนการแสดง ฟาติมา โตเลโด จึงบอก เรนาโต เดอ ซัวซา ผู้รับบท มาร์เรโค ให้แกล้ง ดักลาส ซิลวา ผู้รับบท ดาดินโฮ เป็นเวลา 15 วัน ในฉากที่ มาร์เรโค ตบ ดาดินโฮ จึงทำให้ ดักลาส ร้องไห้ และบอกว่าจะไม่แสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ดังนั้นฉากนี้ที่นักแสดงรู้สึกโกรธจึงเป็นเรื่องจริง
  • สถานที่ถ่ายทำฉากปล้นโรงแรมเป็นโรงแรมที่มีคนทำงานอยู่จริงๆ จากการถ่ายทำฉากนี้ ทำให้มีลูกค้าบางคนร้องทุกข์กับฝ่ายบริหารว่าพวกเขาได้ยินเสียงปืนในห้องอื่นๆ ด้วย
  • ฉากที่ ร็อกเก็ต ตอนเด็ก ซึ่งแสดงโดย หลุยส์ โอตาวิโอ หัวเราะพี่ชายของเขาหลังจากที่ถูกตบโดยคุณพ่อ ความจริงแล้วไม่มีอยู่ในบท แต่ หลุยส์ หยุดหัวเราะไม่ได้ ทำให้ เรนาโต เด ซัวซา ซึ่งรับบทเป็นพี่ชาย ต่อบทด้วยการบอกน้องชายว่า "ไม่ต้องมาหัวเราะเลย"
  • วันหนึ่งในระหว่างพักการถ่ายทำ กลุ่มเด็กๆ ซึ่งรับบทเป็นแก๊งค์เด็กในเรื่องได้เข้าไปถาม บราอูลิโอ แมนโตวานี ว่าจริงหรือเปล่าที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะจบแบบแก๊งค์เด็กยึดสลัม เมื่อได้รับคำตอบจากผู้เขียนบท พวกเด็กๆ จึงขอให้บราอูลิโอเขียนบทภาคต่อ เพื่อให้พวกเขาได้แสดงภาพยนตร์อีกครั้ง
  • เพื่อเตรียมฉากที่หนึ่งในแก๊งค์เด็กต้องร้องไห้เมื่อถูกยิงที่เท้า ผู้ฝึกสอนการแสดง ฟาติมา โตเลโด ซึ่งค้นพบว่าสิ่งที่เด็กกลัวคือการปวดฟัน ดังนั้นเมื่อต้องถ่ายทำฉากนี้ เธอจึงบอกเขาว่าให้นึกถึงเวลาปวดฟันเอาไว้ และเมื่อถูกยิงตรงเท้า ให้แกล้งคิดว่าอาการปวดฟันนั้นย้ายมาอยู่ที่เท้า
  • ฉากที่คนในแก๊งค์สวดมนต์ก่อนสู้กันระหว่างแก๊งค์ไม่ได้มีอยู่ในบท ระหว่างการถ่ายทำมีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเคยอยู่ในแก๊งค์จริงๆ ได้ถามผู้กำกับ เฟอร์นันโด เมเรลเลส ทำไมถึงไม่ได้มีการสวดมนต์เหมือนที่เขาเคยทำก่อนที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู เมเรลเลสจึงบอกให้เขาเป็นผู้นำสวดเมื่อถึงเวลาถ่ายทำฉากนั้น
  • ฉากที่มีศพคนเสียชีวิตมากมายนอนอยู่บนพื้นคอนกรีต อ้างอิงมาจากภาพสงครามยาเสพติดที่ถ่ายโดยช่างภาพมือรางวัล
  • มีทีมงานบางคนปรากฏอยู่ในฉากห้องข่าวด้วย อาทิ ผู้กำกับศิลป์ ตูเล พีค ซึ่งรับบทเป็นชายสูงอายุที่ส่งยิ้มให้กับ ร็อกเก็ต
  • ฉากที่ ร็อกเก็ต พูดคุยกับ มาริน่า ซึ่งรับบทโดย กราเซียล่า โมเร็ตโต ว่า "เขาไม่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน" ความจริงแล้วไม่มีอยู่ในบท แต่เป็นช่วงเวลาพักระหว่างถ่ายทำ
  • ฉากสุดท้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่เด็กผู้ชายทำรองเท้าแตะหลุดและกลับมาเก็บมัน ไม่มีในบท แต่เป็นเหตุการณ์จริงๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์ และผู้กำกับ เฟอร์นันโด เมเรลเลส เก็บมาใช้ เพราะช่วยเน้นการคงอยู่ของเด็กคนนี้ในภาพยนตร์
  • ตอนท้ายเรื่องที่แก๊งค์เด็กพูดถึงรายชื่อของคนที่พวกเขาต้องการฆ่า มีเด็กๆ ที่เติบโตขึ้นแล้วเป็นส่วนหนึ่งของ Comando Vermelho (CV) หรือ Red Comman ซึ่งเป็นแก๊งค์ชื่อดังที่สุดในกรุงริโอ และเป็นที่รู้กันว่า CV มีรายชื่อคนที่ต้องการฆ่าจริงๆ
  • ลีแอนโดร เฟอมิโน ผู้รับบท ซี อาศัยอยู่ใน City of God จริงๆ และไม่ได้มีความอยากที่จะเป็นนักแสดงเลย เขาไปทำการทดสอบบทเพื่อรักษาบริษัทของเพื่อนเอาไว้เท่านั้น
  • ผู้ที่รับบท เน็ด เป็นนักร้องแซมบ้าโซลในบราซิล หนึ่งในเพลงของเขาถูกใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
  • ภาพยนตร์ขาวดำที่เป็นผู้ประกาศข่าวกำลังพูดถึง เน็ด หรือ มาเน กาลินฮา ในเรือนจำ คือ เซอร์จิโอ แชบพีลิน ผู้ประกาศข่าวชื่อดังชาวบราซิลจริงๆ

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • A Millionaire's First LoveA Millionaire's First Loveเข้าฉายปี 2007 แสดง Hyun Bin, Lee Yeon-Hee, Lee Han-Sol
  • LockoutLockoutเข้าฉายปี 2012 แสดง Guy Pearce, Maggie Grace, Peter Stormare
  • Blood and ChocolateBlood and Chocolateเข้าฉายปี 2007 แสดง Agnes Bruckner, Hugh Dancy, Olivier Martinez

เกร็ดภาพยนตร์

  • What If - แมรี อลิซาเบธ วินสเตต, เดบอราห์ แอน วอลล์, โรส เบิร์น และ รีเบกกา ฮอลล์ ล้วนเป็นนักแสดงที่ได้รับการพิจารณาให้รับบท ชานทรี ที่สุดท้ายแล้วรับบทโดย โซอี คาซาน อ่านต่อ»
  • Boyhood - เอลลาร์ โคลเทรน ผู้รับบท เมสัน ตอนเริ่มเปิดกล้องถ่ายทำภาพยนตร์อายุ 7 ปี และตอนถ่ายทำภาพยนตร์เสร็จอายุ 18 ปี อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

แสงกระสือ แสงกระสือ เรื่องราวของ รักต้องห้าม กับชะตากรรมที่ต้องเลือก เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนรักสามคน สาย (ภัณฑิรา พิพิธยากร) น้อย (โอ...อ่านต่อ»