วิจารณ์ Batman Begins

วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 2 ก.ค. 48 18:30

    ปกติหนังซูเปอร์ฮีโร่มักจะเต็มไปด้วยฉากแอ็กชั่นนะครับ
    แต่...สำหรับ Batman Begins ดูจะท้งโจทย์นี้กัน
    Batman Begins: ดูเหมือนจะชัดตั้งแต่ชื่อเรื่องเลยว่า หนังเรื่องนี้ต้องมีความเป็นดราม่า จิตวิทยาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแน่ เพราะ Batman Begins ไม่ได้เล่าเรื่องต่อจาก Batman & Robin แต่จะย้อนไปยังต้นกำเนิดของ Batman เลย ซึ่งในภาคแรก ยังตอบข้อนี้ไม่ครบ มาภาคนี้ ผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้เชี่ยวชาญหนังจิตวิทยาซึ่งได้ทั้งเงินและคำชมจาก Memento และ Insomnia ต้องการเติมส่วนนี้ให้เต็ม ว่า...การหายไปจากก็อตแธมถึง 7 ปีนั้น ไปทำอะไร ทำไมต้องหายไป(ชั่วคราว) และทำไมจิตใจของเขาจึงมีแต่ความแค้นที่มีต่อความอยุติธรรม และกลายเป็น"แบทแมน"ได้อย่างไร
    ภาคนี้เป็นอะไรที่แปลก แตกต่างกว่าภาคก่อนๆมาก เพราะตามปกติ ซูเปอร์ฮีโร่ แทบไม่ให้ความรู้สึกเลยว่า อยู่ในโลกเราจริงๆ แม้กระทั่ง Batman 4 ภาคแรก แต่ใน Batman Begins กลับให้ความรู้สึกว่า แบทแมน อยู่ในโลกเราจริงๆ มีเลือดเนื้อ มีตัวตนบนโลกนี้จริงๆ
    และกับความเป็นดราม่า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสภาวะจิตใจของบรูซ เวย์น ซึ่งส่วนนี้ แสดงให้เห็นอย่างดีจริงๆ โดยมีไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป เพราะไม่งั้น เราคงจะดูหนังดราม่าแทนที่จะเป็นหนังแอ็คชั่นแน่ๆ(เหมือนกับที่เกิดขึ้นมาแล้วอย่าง Alexander) และกับงานดนตรีประกอบ แทบไม่เชื่อเลยว่าจะเป็น ฮานส์ ซิมเมอร์ ซึ่งเป็นคอมโพสเซอร์มือหนึ่งของวงการ และทำให้แต่หนังสงครามเรื่องดังๆ เช่น Gladiator,King Arthur,ฯลฯ(ซึ่งถ้าไม่ได้ทำให้กับ Batman Begins ก็จะทำให้กับ Kingdom of Heaven นั่นเอง)งานสกอร์ดนตรีของ Batman Begins จึงให้ความขึงขังเป็นพิเศษ(อีกเรื่องหนึ่งที่ผมก็ชอบก็คือ Spider-Man 1&2)
    แกรี่ โอลด์แมน ในบทตำรวจดีแห่งเมืองก็อตแธม"จิม กอร์ดอน"แสดงสีหน้าได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะอาการรู้สึกเซ็งกับตำรวจเลวคนหนึ่งซึ่งเป็นคู่ปรับ ถือว่าโดดเด่นอีกมากๆ มอร์แกน ฟรีแมน ในบท"ลูเซียส ฟ็อกซ์"ซึ่งทำงานในเวย์น เอนเตอร์ไพรซ์ และเป็นผู้ประดิษฐ์อาวุษพิเศษให้บรูซ เวย์น แม้บทจะน้อย แต่ก็แสดงได้อย่างดีเยี่ยมมากๆ ไมเคิล เคน ในบทผู้รับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของบรูซ เวย์น"อัลเฟร็ด"นั้น บอกเต็มๆเลยว่าเยี่ยมยอดมากที่สุดในกลุ่มผู้แสดงนำ และมองบรูซ เวย์นเป็นดั่ง"ลูก"ของตนเองจริงๆ เลียม นีสัน ใน"อองรี ดูการ์ด"อาจารย์ของบรูซ ที่ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีมากๆเช่นกัน ส่วนเคน วาตานาเบะ ใน"ราส์ อัล กูล"หนึ่งใน 2 ตัวร้ายนั่น นิ่งมากๆ แต่เมื่อร้ายออกมา ก็น่ากลัวทีเดียว แต่สำหรับแคตี้ โฮล์ม นั่น ในบทของหวานใจของบรูซ กลับทำให้บทของเธออ่อนมากๆ แต่ที่แน่ๆคือ ซิลเลี่ยน เมอร์ฟี่ย์ ในบท"สแกร์โครว์"นั้น ขโมยซีนในทุกๆฉาก ไม่ว่าจะเป็นฉากที่อยู่ต่อหน้าผู้คน(ทำสีหน้าเรียบๆ ปกปิด)ในตอนเป็นสแกร์โครว์(ร้ายอย่างถึงที่สุด)และฉากเจ็บตัว แสดงสีหน้าได้ดีมาก สุดท้าย คริสเตียน เบล ในบท บรูซ เวย์นหรือ"แบทแมน" เหมาะที่สุดกับการเป็นแบทแมน สีหน้าทุกอารมณ์ ดีเยี่ยมจริงๆ โดยเฉพาะฉากอารมณ์โกรธเมื่อจับตำรวจคนหนึ่งแล้วพาไปห้อยต่องแต่งบนหลังคา
    หนังยังเป็นที่สุดยอดเมื่อพบว่า หนังเน้นความสมจริงอย่างถึงที่สุด หนังให้ความสมจริงมากๆ โดยแทบไม่ใช้ซีจีไอเลย ซึ่งต่างจากหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องก่อนที่เน้นเอฟเฟกต์ เน้นซีจีไอ โดยเฉพาะฉากแบทแมนกำลังขับแบทโมบิล หลบหนีตำรวจ เนื่องจากนางเอกมีปัญหา
    Batman Begins คือ หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในโลก ไม่แพ้ Spider-Man,Superman หรือ X-Men และเป็นหนังซัมเมอร์ 2005 อีกเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งแน่นอน

  • เมื่อ 1 ก.ค. 48 01:21

    พระเอกคนนี้แสดงหนังเก่งมากครับ เริ่มอาชีพการเป็นนักแสดงเมื่ออายุได้
    12 ปี ในหนังที่ชื่อว่า Empire of the sun กำกับโดย Steven Spielburg เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กชาวอังกฤษในค่ายเชลยชาวอังกฤษของญี่ปุ่นในเซี่ยงไฮ้ ในช่วง world war ll หนังเก่าครับปี 1987 ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงยังไม่เคยดู ไปหามาดูก็ดีนะครับสนุกดี พระเอกตอนอายุ 12 กับ 30 นี่หน้าแทบไม่เปลี่ยนเลยฮะ

  • เมื่อ 28 มิ.ย. 48 21:33

    ไปดูมาแล้วหนังสนุกมากๆผมชอบมาก มีความสุขมากๆที่ได้ไปดูขอบอก

  • เมื่อ 28 มิ.ย. 48 16:04

    ดีที่สุดในหนังแบทแมน รองลงไปจะเป็นภาคแรก แล้วก็คงเป็น batman return ห่วยสุดคือ batman and robin ทั่วโลกมีสองกระแสคือ พวกชอบมากเป็นพวกที่ชอบแนวของทิม เบอร์ตัน ที่ออกแนวหม่นๆ ดำมืด กับพวกไม่ชอบเลยที่อยากให้เป็นแบบแนวของชูมัคเกอร์ ที่เหมือนการ์ตูนปัญญาอ่อนแต่เข้าใจง่าย ตรงใจคนดูส่วนใหญ่ในประเทศไทยและประเทศด้อยพัฒนา และบางส่วนในพัฒนาแล้วเช่น อเมริกา สำหรับคนที่ชอบแบทแมนแอนโรบิน และเด็กต่ำกว่า 10 ขวบ แนะนำอย่าไปดู เพราะคุณจะผิดหวังเพราะมันเกินสติปัญญาของคุณ อยากดูการ์ตูนก็ไปอ่านหนังสือการ์ตูน นี่มันหนัง เป็นอย่างนี้ดีแล้ว โปรดเข้าใจเทรนด์นะตอนนี้ของซูเปอร์ฮีโร่คือ สมจริงสมจัง ไม่พยายามทำเป็นการ์ตูนมากนัก เหมือนสไปเดอร์แมน 2 X-men1,2 Hulk สำหรับคนที่ชอบแนวทิม เบอร์ตันและชอบสไปเดอร์แมน 2 (ผมเกลียดภาคแรก มันการ์ตูนไป ภาค 2 ดูสมจริงมากกว่า) และชอบ Hulk ของอังลี ผมขอแนะนำให้รีบไปดูอย่างยิ่ง คุณจะลืมความปัญญาอ่อนของภาคของชูมัคเกอร์ไปได้เลย

  • เมื่อ 28 มิ.ย. 48 13:13

    สนุกนะแต่แย่กว่าตอนที่1อีกขอถามหน่อยจะมีกี่ตอนเหรอ

  • เมื่อ 27 มิ.ย. 48 19:11

    เป็นหนังที่ดูเลยไม่รู้สึกสนุกเลย ใครก็ตามที่ยังไม่ได้ไปดูก็อยากจะบอกเพื่อนว่าอย่าไปเสียเงินให้หนังเรื่องนี้เป็นอันขาด เพราะหนังเรื่องนี้มันห่วยถึงขั้นห่วยที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลย ขนาดดูเองกับตาแล้วยังอยากที่จะเดินออกจากโรงเลยเป็นหนังที่ห่วย

  • เมื่อ 27 มิ.ย. 48 12:56

    ดี ชอบ เนื้อหาแน่นดี มีที่มาที่ไป เป็นเหตุเป็นผลสอดคล้องกลมกลืน (จำภาคที่ผ่านๆมาไม่ค่อยได้ แต่ไม่ได้มีผลกับการดูภาคนี้) ชอบพ่อบ้านอัลเฟรดมาก คู่หูตัวจริงของ batman เลยนะเนี่ย มีส่วนร่วมด้วยทุกฉาก... คุณหนูเวนย์ นี่รวย โคตร โคตร เลย สงสัย ถ้าไม่รวยเนี่ย จะเป็น batman ได้มั้ยเนี่ย?...ซึ้งตอนพ่อตาย มีแอบร้องไห้นิดส์...นึง ภาคนี้ไม่ค่อยเวอร์เท่าไหร่ เน้นดราม่า ประมาณว่าค้นหาความเป็นตัวเอง แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ของ batman.... แนะนำให้ไปดู

  • เมื่อ 27 มิ.ย. 48 11:04

    แบทแมน ภาคนี้ดูจะเป็นแบทแมนที่สุดเท่าที่เคยดูมาโดยเฉพาะบทของพระเอกที่แสดงถึงความเป็นแบทแมนบีกิทได้ดีสุด ๆ เพราะภาคอื่น ๆ แบทแมนมีแต่ความสง่างามสวยหรูซึ่งดูแล้วไม่ต่างจากฮี่โร่ทั่ว ๆ ไป แต่ภาคนี้ คริสเตียน เบล ได้สื่อความหมายของต้นกำเนินของแบทแมนได้เข้าถึงใจคนดูมากที่สุด (ความเห็นส่วนตัวจากที่ได้ดูมา) น่าไปดูมาก ๆ ลองไปดูแล้วกันจะมีข้อเสียอยู่อย่างคือ ภาพไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ และเนื้อเรื่องต้องตั้งใจดูเพราะจะสลับไปสลับมาทำให้ดูงงเหมือนกัน แต่ก็ให้ 5 ดาวเลยนะ

  • เมื่อ 27 มิ.ย. 48 00:07

    เป็นฮีโร่ที่ไม่ได้เวอร์จนเกินไปใกล้เคียงความเป็นจริงมากทีเดียว
    ดูแล้วคล้อยตามเนื้อเรื่องดีรู้สึกเหมือนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหนัง
    แต่น่าเสียดายตอนหนังใกล้จบ ปวดฉี่มากอั้นมาตั้งแต่กลางเรื่อง
    ไม่ไหวก็เลยต้องออกไปเข้าห้องน้ำ กลับมาจบพอดี
    คุณเคยเป็นแบบนี้บ้างไหม เสียดายจังไม่ได้ดูตอนจบ

  • เมื่อ 26 มิ.ย. 48 23:45

    ผมเคยอ่านการ์ตูนของแบทแมนตอนต้นกำเนิดสมัยเด็กๆ ตอนนั้นที่มาที่ไปเป็นการอธิบายแบบง่ายๆไม่ซับซ้อน เพราะกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กซะส่วนใหญ่ แต่ในหนังที่สร้างตอนนี้เค้าโครงอาจจะเป็นแบบภาคการ์ตูนดั้งเดิมแต่ต้องยอมรับว่าเขาได้ใส่รายละเอียด เหตุผลในสภาพความเป็นจริงลงไปให้มีน้ำหนักมากขึ้นและมีทางเป็นไปได้ ในสภาพที่เป็นจริง โดยปกติผู้ใหญ่มักรู้สึกอายเมื่อกลับไม่ดูการ์ตูนสมัยเด็ก แต่กับเรื่องนี้ผมไม่รู้สึกเลย เขาทำให้เนื้อเรื่องมันมีทางเป็นไปได้ในชีวิตจริงที่เรายอมรับได้ และผมคิดว่ามีเด็กจำนวนมากที่ดูไม่ค่อยรู้เรื่องในการอธิบายเรื่องแรงกดดันตอนต้นเรื่องเพราะมันเกี่ยวกับจิตวิทยาการบำบัดทางจิต การหาทางออกของคนที่เกิดแรงกดดัน ซึ่งแต่ละคนจะตอบสนองต่อปัญหาไม่เหมือนกัน เพราะสภาพแวดล้อม อายุ และฐานะต่างกัน ถ้าเราเข้าใจเรื่องจิตวิทยาบ้างผมคิดว่าเราจะดูหนังเรื่องนี้ได้สนุกขึ้น

มีทั้งหมด 78 วิจารณ์ หน้าที่ 3 [ก่อนหน้า] 1 2 3 4 5 6 7 8 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

วันนี้ในอดีต

  • ขุนศึกขุนศึกเข้าฉายปี 2003 แสดง วรวิทย์ แก้วเพชร, สาวิณี ภู่การุณ, ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง
  • Kamen Rider Faiz : The MovieKamen Rider Faiz : The Movieเข้าฉายปี 2003 แสดง ฮันตะ เคนโตะ, ฮางะ ยูเรีย, มิโซโรกิ เคน
  • Spy Kids 3-D: Game OverSpy Kids 3-D: Game Overเข้าฉายปี 2003 แสดง Alexa Vega, Daryl Sabara, Antonio Banderas

เกร็ดภาพยนตร์

  • Exposed - จี มาลิก ลินตัน ผู้กำกับและผู้เขียนบทภาพยนตร์ ต่อสู้เพื่อให้ชื่อของเขาถูกถอดออกจากภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะฉบับดั้งเดิมที่เขาตั้งใจสร้างคือภาพยนตร์ที่พูดภาษาสเปน 70 เปอร์เซ็นต์ เกี่ยวกับการสังหารคนหมู่มาก การใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการใช้กำลังทำร้ายเด็กและผู้หญิง โดยมี อิซาเบล ที่แสดงโดย อานา เด อาร์มาส เป็นตัวละครนำเรื่อง แต่ภายหลังกลับถูกตัดต่อให้กลายเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับตำรวจสืบสวน กัลบัน ที่รับบทโดย คีนู รีฟส์ ซึ่งเดิมถูกวางไว้เป็นนักแสดงสมทบ สุดท้ายชื่อผู้กำกับได้เปลี่ยนเป็นชื่อ ดีแคลน เดล ซึ่งเป็นชื่อสมมติแทน อ่านต่อ»
  • The Revenant - ถ่ายทำตามลำดับเหตุการณ์ตามตารางถ่ายทำ 80 วัน ที่กำหนดวันกระจายกินเวลาถึง 9 เดือน ซึ่งนับเป็นระยะเวลาการถ่ายทำที่ยาวนานมาเป็นพิเศษ เพราะภาพยนตร์ถ่ายทำในสภาพอากาศหนาวเย็น สถานที่ห่างไกลความเจริญ และตัวผู้กำกับ อเลฮันโดร กอนซาเลซ อินาร์ริตู และผู้กำกับภาพ เอ็มมานูเอล ลูเบซกี ตั้งใจถ่ายทำภาพยนตร์ด้วยแสงธรรมชาติเท่านั้นเพื่อให้สมจริงที่สุด ทำให้เวลาการถ่ายทำของแต่ละวันเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Minari Minari เรื่องราวของหนึ่งครอบครัวชาวเกาหลีในยุค 80 ที่หอบเอาความหวังไปตั้งต้นชีวิตใหม่บนแผ่นดินอเมริกา พวกเขาเริ่มต้นจากการเป็น...อ่านต่อ»