วิจารณ์ Sky High

วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 18 พ.ย. 49 22:17

    สงสัยผมคงไม่ชอบกับหนังแนวเด็กๆแบบนี้อ่ะนะครับ
    โดยปกติแล้วหนังซุปเปอร์ฮีโร่ผมชอบมากนะครับ เช่น
    superman return(ชอบมากๆ มากที่สุด)
    Xmen(ชอบทั้ง3ภาค)
    และอื่นๆ...
    แต่sky highดูเหมือนจะเป็นหนังsuper heroทำออกมาบรรยากาศแบบเด็กๆ เนื้อเรื่องไปเรื่อยๆ ผมคงไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ -*-

    ตอนดูก็พยามทนนั่งดูให้ได้จนจบอ่ะนะครับ
    เรื่องเอฟเฟคผมก็ว่ายังไม่เวิร์คเท่าที่ควรนะครับ
    และซุปเปอร์ฮี่โร่อย่าง คอมมานเดอร์ ก็ทำออกมาเลียนแบบsuper manแบบชัดเจน ทั้งการใส่แว่นเพื่อนพรางตัว ทรงผมแบบมีจงอยข้างหน้า
    พละกำลังแข็งแกร่ง อาจไม่เหมือนหมด แต่แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเลียนแบบ ทำให้ผมเริ่มเซ็ง.. ผู้กำกับน่าจะคิดอะไรให้แหวกแนวกว่านี้ ไม่ใช่ก๊อบมา

    พอหนังจบ ก็ไม่มีอะไรให้ประทับใจซักนิดเดียว--*--
    แต่ก็ยังพอดูได้แหล่ะครับ ไม่ถึงกับเลวร้ายมากมาย
    หนังสไตล์นี้หลายคนคงชอบ แต่คงไม่เหมาะกับผม --*--

    ให้8 ละกันครับ..

  • เมื่อ 13 ก.ค. 49 14:39

    Sky High จะแบ่งเด็กในวันแรกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่ม hero คือกลุ่มที่มีความสามารถหรูหราอลังการงานสร้าง เช่น แปลงเป็นมนุษย์หินผา มีความเร็วเหมือนลมกรด มีความยืดหยุ่นของร่างกาย ถอดร่างได้หลายร่างๆ ตรงข้ามกับกลุ่มผู้ช่วยฮีโร่ หรือ Sidekick ที่ความสามารถมีเพียงน้อยนิด เช่น ส่องแสงในที่มืด , ปลอมตัวเป็นหนูทดลอง , เปลี่ยนรูปร่างเป็นของเหลว ฯลฯ

    และเมื่อถึงคราวต้องแสดงความสามารถเพื่อที่จะแบ่งเด็กเป็น 2 กลุ่ม แน่นอน Will Stronghold อยู่ในกลุ่มหลัง

    ...แน่นอน พ่อเขาผิดหวังไม่น้อย พร้อมกับไปปรึกษาแม่เพื่อหาทุกวิถีทางในการเปลี่ยนลูกให้เป็น hero ในขณะที่ Will กลับบอกว่า เขาภูมิใจที่ตัวเองเป็น sidekick การไม่ได้เป็น Hero สำหรับ Will มีความหมายอย่างไร ?

    ..ความเป็น Hero แท้จริงแล้ว คือ ความคาดหวังที่พ่อมีตัว Will ความคาดหวังที่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วติดใส่บ่าทั้ง 2 ข้างให้ลูกแบกความคาดหวังของตัวเอง

    ..ความเป็น Hero มันคือ ภาพในอุดมคติ (Ego-Ideal) ที่ตัว Will เองก็อยากจะเป็น เหมือนเด็กทั่วๆไปที่จะมี ego – ideal ที่ได้มาจากพ่อหรือแม่ และเมื่อไปไม่ถึง เช่น สอบไม่ได้ เอนท์ไม่ติด ก็จะรู้สึกละอายผิดหวัง (Shame)

    แล้วถ้าเขาเป็นไม่ได้ ชีวิตจะเป็นอย่างไร ?

    ... ในครอบครัว ที่ห้อมล้อมด้วยคนเก่งๆ พ่อเป็นหมอ แม่เป็นอาจารย์ พี่เป็นนักธุรกิจ ฯลฯ เราเป็นใครสักคนที่ไม่มีอะไรอยู่ในครอบครัว ในชั้นเรียนที่มองทางซ้ายก็นักเรียนคะแนนดีเกรดนิยม มองทางขวาก็นักกีฬาตัวโรงเรียน ส่วนเราเป็นใครตัวเล็กๆคนหนึ่งในชั้นเรียนที่กว้างใหญ่

    เมื่อสังคมที่ยึดกันแค่คุณค่าภายนอกและเด็กบางคนไม่สามารถภาคภูมิใจในตัวเองได้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือบางคนก็ออกนอกลู่นอกทาง ไม่สนใจเรียน ใช้ยาเสพติด เพื่อเป็นการปลดแอกความคาดหวังที่ถูกติดตั้งจากพ่อแม่ในทางที่ผิด หรือ บางคนก็ทำร้ายตัวเอง ฆ่าตัวตาย เพื่อหนีจากความคาดหวังที่ไปไม่ถึงแล้วละอายรู้สึกผิด

    ... เมื่อพ่อแม่ของเด็กๆมองคุณค่าของคนที่ เปลือก ย่อมส่งผลให้ลูกๆใช้ชีวิตเพื่อหาเปลือกมาสวมให้กับตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงตัวตนที่แท้จริง

    เปลือกของพ่อแม่บางคน คือ การตัดสินคุณค่าแค่การมีลูกสอบได้ที่ 1 ชีวิตของลูกก็มีแต่การเรียนพิเศษ ติววิชา โดยไม่สนใจอื่นใด

    เปลือกของพ่อแม่บางคน คือ การภูมิใจที่ลูกมีหน้ามีตาในสังคม ชีวิตของลูกก็มีแต่การหาทางออกงานสังคม โดยไม่สนใจอื่นใด

    ….Will Stronghold เองก็หลงใหลได้ปลื้มกับเปลือกอยู่ช่วงหนึ่ง เมื่อเขากลายเป็น hero เขาก็ถูกกลืนตัวตนโดยสถานภาพทางสังคม (ความเป็น hero) เหมือนกับ นางเอกใน Mean Girl เมื่อเข้าไปอยู่กลุ่มสาวพลาสติกเพื่อแกล้งเป็นในตอนแรก สุดท้ายก็ถูกกลืนแล้วกลายเป็นสาวพลาสติกอย่างแท้จริง

    เฉกเช่นเดียวกัน เมื่อเราไปอยู่ในกลุ่มชั้นที่สูงกว่าหรือเหนือกว่าจากการแบ่งโดยพิจารณาแค่เปลือก ถ้าเราไม่มีความภาคภูมิใจในแก่นหรือตัวตนของเราที่มีอยู่ เราก็จะรู้สึกดีกับการที่มีเปลือกที่สูงกว่าคนอื่นๆ ความรู้สึกเหล่านั้นจะพอกพูนจนเราหลงไม่อยากออกจากสถานภาพนั้น เพราะถ้าหลุดต่ำลงมาจากสถานะนั้น เราก็กลัวจะโดนดูถูก

    ดังนั้นคนเราจึงไม่สามารถที่จะเลิกการแบ่งชนชั้นกัน เหมือนกับที่ Layla เพื่อนสนิทของ Will Stronghold ตั้งข้อสังเกตว่า การแบ่งชนชั้นไม่ต้องรอถึงตอนโต แค่เข้ามัธยมมันก็เริ่มแล้ว ความพยายามปีนป่ายให้ได้สถานะภาพทางสังคมจึงไม่รู้จักจบสิ้น เพราะมันเริ่มตั้งแต่เรายังเป็นเด็กโดยไม่รู้ตัว

    ...แล้วหากเราไม่รู้ตัว ความสุขที่เปลือกจะพอกพูนหนาขึ้นเรื่อยๆ จนเบียดแก่นของเราลีบลงแล้วหายไปในที่สุด จนเราอาจกลายเป็นคนที่เหลือแค่เปลือกภายนอกเท่านั้น...

    ... พ่อแม่ จึงเป็นบุคคลที่มีความสำคัญมากในการเป็นกระจกให้กับลูก ว่าจะเลือกส่องให้ได้เห็น “ตัวตน” ที่แท้จริง หรือ จะเลือกส่องให้เห็นแต่ “เปลือก”

    เพราะมันจะมีผลต่อการพัฒนาตัวตน (Self) ของเด็กคนนั้น ในหนังก็จะเห็นว่าแม้แต่ตัวร้ายที่ร้ายก็เพราะคนอื่นไม่เห็นคุณค่าของเขา คุณค่าอันเป็นเปลือกภายนอก ทั้งที่เขาเองก็มีความสามารถ เมื่อคนไม่ยอมรับเขาจึงต้องกลายมาเป็นผู้ร้ายในที่สุด ตรงข้ามกับ Will เมื่อเขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถเป็น hero ในตอนแรกนั้น เขาบอกพ่อว่า เขาภาคภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น sidekick เมื่อใดก็ตามที่เราภาคภูมิใจในสิ่งที่เราเป็นได้จริงๆ เราก็จะไม่ต้องหวั่นไหวกับคำพูดคนรอบตัว ไม่ต้องไปตามแก้ตัวคนอื่น และ เราก็จะสามารถมีตัวตนที่แท้จริงที่จะเติบโต เหมือนกับ Will และเพื่อนที่เป็น hero จากแก่นภายในไม่ใช่จากสถานะภาพ

    ... ในหนังเราจะเห็นหลักสูตร ผู้ช่วย hero สถานภาพที่หลายคนอาจมองอย่างดูถูก โดยลืมไปว่า เหล่า hero นั้นต่อให้มีความสามารถมากเพียงใด แต่หากไม่มีผู้ช่วยที่ดี เขาก็คงจะตายในเวลาอันรวดเร็ว ทุกวันนี้คงไม่มี The Commander หากไม่มีผู้ช่วยชีวิตเขาอย่างครูในห้องเรียน Sidekick ที่ตอนนี้กลายเป็นครูตกอับในโรงเรียน ที่แม้แต่ The Commander ยังไม่เคยจำชื่อได้หรือเล่าให้ลูกฟัง

    ในหนังตอนใกล้จบ เราก็จะได้เห็นว่าสุดท้าย ต่อให้ Will จะเป็น hero ที่มีความสามารถยิ่งใหญ่มากเพียงใด หากเขาไม่มีผู้ช่วย hero ที่คนดูแคลนความสามารถอย่าง ส่องแสงในที่มืด , ปลอมตัวเป็นหนูทดลอง , เปลี่ยนรูปร่างเป็นของเหลว ฯลฯ เขาก็ไม่มีวันปกป้องโลกได้อยู่ดี และ หากจะเปรียบกับโลกมนุษย์ที่เราอยู่กันจริงๆ ตัวอย่างหนึ่งก็เหมือนกับ การผ่าตัดคนไข้ ต่อให้หมอเก่งแค่ไหน หากไม่มีพยาบาลผู้ช่วยที่ดี ไม่มีคนทำความสะอาดเครื่องมือที่ดี ไม่มีเจ้าหน้าที่ห้องแล็บที่รอบคอบ ฯลฯ การผ่าตัดนั้นก็ไม่มีทางลุล่วงสำเร็จด้วยดี แต่น่าตลกตรงที่เมื่อการผ่าตัดสิ้นสุดลง คนที่ได้รับคำขอบคุณ มักเป็นหมอเพียงคนเดียว

    ...ในสังคมที่ยกย่องคนที่เปลือก คนที่อยู่ในสถานะสูงกว่ามักจะได้รับการยอมรับมากกว่าโดยอัตโนมัติ แท้ที่จริงแล้ว ในสังคมทุกฟันเฟือง ทุกบทบาทล้วนมีค่าสำคัญทั้งหมดทั้งสิ้น แต่เมื่อคนในสังคมมองกันที่เปลือก มันจึงทำให้ความเหลื่อมล้ำในชนชั้นนั้นไม่มีวันหมดสิ้นไป


    ...แม้ว่าหนังจะมีกลิ่นอายหลายส่วนผสม เช่น รถบัสสายพิเศษเฉพาะโรงเรียน Sky High ก็คล้ายๆกับรถไฟไปยังฮอกวอต + การคัดเลือกหาคุณสมบัติของนักเรียนก็เหมือนการสวมหมวกคัดสรรของที่ฮอกวอท จาก Harry Potter ,การมีพ่อแม่เป็นซูเปอร์ฮีโร่ก็คล้ายกับเรื่องราวใน Spy Kids , โรงเรียนรวมพลคนมีความสามารถก็ถอดมาจาก X-men และ ความสัมพันธ์แบบในความคุ้นเคยกันอยู่มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น อันนี้ก็เพิ่งได้ดูกันมาจากเพื่อนสนิท หนังเป็นเหมือนการการยำเนื้อหาหลายเรื่องแล้วปรุงใหม่ หนังเปิดด้วยลายเส้นรูปวาดเหมือนหนังส่วนใหญ่ที่สร้างจากหนังสือการ์ตูน ก่อนที่จะเริ่มเดินทางเหมือนหนังของดีสนีย์ที่ดูได้ทุกเพศทุกวัยไร้มลพิษ

    ...ตัวหนังเป็นการยำใหญ่ใส่สารพัดที่ออกมาแล้วกลมกล่อม สนุก ได้รสเฉพาะตัว ไม่รู้สึกว่าเป็นการเลียนแบบใครมา แม้ว่าจะดูเป็นหนังเด็กๆแต่ก็เป็นหนังเด็กที่ทำออกมาให้ผู้ใหญ่สามารถสนุกเพลิดเพลินได้ชนิดที่ว่าจบไม่รู้ตัว ทุกอย่างในเรื่องเป็นสูตรสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น การแบ่งกลุ่ม , การเป็น underdog , คู่อริที่กลายเป็นคู่สนิท , การแอบปิ๊ง(แม้แต่การถ่ายทำฉากนี้เป็นสูตรสำเร็จ) , การเผลอไผลลืมตัว แล้วลงเอยด้วย การกลับตัวกลับใจ ฯลฯ แต่การมีสูตรสำเร็จไม่ใช่ข้อเสียของหนังเลย เพราะผู้กำกับสามารถใส่สไตล์และความลงตัวให้สูตรสำเร็จนั้นไม่รู้สึกซ้ำซาก แต่เป็นสูตรสำเร็จที่คนดูรู้สึกสนุกไปด้วย หลายสิ่งในหนังคนดูอาจพบเห็นมาแล้วในหนังต่อหลายเรื่อง แต่หนังก็สร้างความสนุกหรรษาได้มากอยู่ แถมอาจจะมากว่าต้นฉบับบางเรื่องที่เคยดูมาแล้วด้วยซ้ำ เป็นการมีบทหนังที่ดีและผู้กำกับเองก็ควบคุมองค์ประกอบทั้งหลายให้ออกมาลงตัว

    ... Kurt Russell แสดงเป็นพ่อและซูเปอร์ฮีโร่ผู้เย่อหยิ่ง ทะนงตัวได้น่าหมั่นไส้ดีเหมือนกัน ส่วน Kelly Preston นั้นดูจะไม่ได้แสดงความสามารถในหนังมากนัก แต่สำหรับผมเธอก็ยังสวยไม่สร่างเช่นเคย บทโค้ชที่บางคนอาจรู้สึกคุ้นๆหน้าก็ได้นักแสดงผู้ถนัดในการขุดหลุมสู้กับผีอย่าง Bruce Campbell จาก evil dead มารับบทห้าวโหด หนังสามารถกระจายความสำคัญและความเด่นให้กับทุกบทแม้แต่บทประกอบเล็กๆอย่างคนขับรถ , ลูกสมุนวายร้าย (ฉากที่บอกให้ขโมยเกมส์ playstation ขำดี) หรือ ครูที่สอนแต่ละวิชา ฯลฯ นอกจากนี้บทหนังเองก็เต็มไปด้วย dialogue ที่ฉลาดๆทำให้คนดูยิ้มไปหัวเราะไปได้ตลอด

    กลุ่มที่ต้องชื่นชมคือกลุ่มนักแสดงที่เล่นเป็นนักเรียนในโรงเรียน Sky high ทั้งหลาย แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นหน้าใหม่ๆ แต่ก็สร้างเอกลักษณ์ให้กับตัวเองได้อย่างน่าชื่นชม พวกเขายังจับมือกันผลักให้หนังเดินหน้าไปจนจบอย่างไม่รู้เบื่อ รายละเอียดอันเป็นองค์ประกอบอื่นๆของหนังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานไม่มีที่ติ

    สิ่งที่ชอบ

    1.ความบันเทิงทุกเพศวัย ... ผมชอบที่ว่าแม้เป็นหนังเด็ก แต่คนสร้างก็สามารถทำให้เป็นหนังที่ผู้ใหญ่ดูสนุกไปด้วย ไม่ใช่ตลกแบบแหะๆขอไปที แต่เป็นความบันเทิงดีๆที่ดูสนุกอย่างมีความสุข

    2.สาระสอดแทรก ... ผมชอบประเด็นการให้ความสำคัญกับ “คนไม่สำคัญ” ซึ่งที่จริงแล้วสำคัญไม่แพ้ใคร มันสามารถสะท้อนถึงสังคมทุกวันนี้ได้เป็นอย่างดี รวมไปถึง ประเด็นอื่นๆที่หนังแอบใส่อยู่ทั้งเรื่อง

    3.ความสนุกแม้ซ้ำซาก ... ผมชอบที่หนังรู้จักใช้ของเก่าให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ การลอกของเก่ามาทั้งดุ้นแต่เป็นการนำข้อดีจากหนังที่เคยมีแล้วมาสร้างเอกลักษณ์ให้กับตัวเอง เป็นอีกเรื่องที่แสดงให้เห็นว่า ความซ้ำซากหรือสูตรสำเร็จหลายอย่างนั้นถ้าใช้ให้เป็น ก็ยังสนุกและได้ผลเสมอ ไม่แน่อาจดีกว่าความพยายามแหวกแนว แต่ทำออกมาไม่เข้าท่า เปรียบได้กับพ่อครัว ต่อให้มีไข่ไก่มาทำไข่เจียว หากมีฝีมือก็ย่อมอร่อยกว่า พ่อครัวที่ไม่เก่งแต่ได้ไข่ไดโนเสาร์มาทำไข่เจียว

    สรุป ... นี่อาจไม่ใช่หนังที่ดีเด่นวิเศษเลอเลิศ จบแล้วก็ไม่ได้ตราตรึงในความทรงจำ เพียงแต่มันเป็นหนังที่ผมดูในโรง SF MBK เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาพลางคิดในใจขณะดูว่านี่เป็นหนังสนุกและดีเรื่องหนึ่ง เสียดายไม่รู้ว่าเหตุผลอันใดที่เลือกฉายแค่วงแคบ เป็นอีกเรื่องของปีที่พ่อแม่ลูก สามารถนั่งดูพร้อมกัน สนุกด้วยกัน และ จบลงด้วยการได้อะไรดีๆถ้าจะหยิบมาพูดมาคุย

  • เมื่อ 21 เม.ย. 49 21:55

    ดูกี่รอบก็ไม่เบื่อ....หนังสนุกมาก....
    เราชอบตัวละครทุกตัวเลย...แต่ละคนเป็นตัวของตัวเองได้โดดเด่น
    ชอบตอนที่นางเอกใช้พลังให้ต้นไม้มาพันตัวพวกลีดเดอร์......
    ชอบตอนจบที่คนที่มีพลังไฟกับคนที่มีพลังน้ำแข็งจับมือกัน..>_<
    ชอบตอนที่คัดเลือกแยกสาย....ดูคล้ายๆเรื่องแฮรี่ตอนหมวกคัดสรรเลย
    ........
    สรุปว่า....ชอบหมดทู้กตอนเลยยยยยยยยย
    เป็นหนังที่ดูแล้ว...ต้องยิ้มไปด้วย ตลอดทั้งเรื่องเลย

  • เมื่อ 18 เม.ย. 49 15:48

    ชอบคนที่ปล่อยลูกไฟได้อะ

  • เมื่อ 17 เม.ย. 49 13:30

    สนุกมาก ดูครั้งที่ 8 แล้วยังไม่เบื่อเลย

  • เมื่อ 14 มี.ค. 49 14:09

    สรุป ชอบที่สุดเลย ของ walt disney ชอบทุกเรื่องเลย
    ให้10ทุกเรื่อง

  • เมื่อ 28 ม.ค. 49 11:40

    นักแสดงวัยรุ่นใน Sky high เคยแสดงหนังมาก่อนไหม ไม่เคยเห็นเลย แต่ก็แสดงใช้ได้ โดยเฉพาะ ตัวเอก ( will stonghold ) แสดงได้ดีกว่านักแสดงวัยรุ่นทุกคนเลย และ นางเอกที่ชื่อ ( layla ) ก็น่ารักดี และ ตัวร้ายก็สวยมากด้วย

  • เมื่อ 26 ม.ค. 49 22:01

    ไปดูแล้วหนุกดี
    พระเอกหล่อมากๆ

  • เมื่อ 22 ม.ค. 49 01:47

    ชอบหนังแนวนี้มากๆค่ะ แล้วเรื่องดีก็ทำออกมาดีมากด้วย
    สนุกดี ไม่มีตอนไหนที่น่าเบื่อเลยค่ะ

  • เมื่อ 18 ม.ค. 49 13:28

    Sky high จะมีภาคต่อหรือเปล่า ถ้ามีจะติดตามดูอีก สนุกดี เหมาะกันครอบครับ ดูได้ทุกเพศทุกวัย

มีทั้งหมด 18 วิจารณ์ หน้าที่ 1 [ก่อนหน้า] 1 2 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • ก้านกล้วยก้านกล้วยเข้าฉายปี 2006 แสดง อัญญาฤทธิ์ พิทักษ์ติกุล, นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ, ภูริ หิรัญพฤกษ์
  • The Da Vinci CodeThe Da Vinci Codeเข้าฉายปี 2006 แสดง Tom Hanks, Audrey Tautou, Ian McKellen
  • Spring SnowSpring Snowเข้าฉายปี 2006 แสดง Satoshi Tsumabuki, Yuko Takeuchi, Sousuke Takaoka/Kei Yamamoto

เกร็ดภาพยนตร์

  • Dracula Untold - เดิมที แซม เวิร์ตธิงตัน คือนักแสดงที่จะมารับบท วลาด ก่อนที่ ลุก อีแวนส์ จะเข้ามารับบทนี้ อ่านต่อ»
  • Saint Seiya: Legend of Sanctuary - เป็นภาพยนตร์ Seint Seiya เรื่องแรกหลังจาก Heaven Chapter: Overture (2004) ออกฉายในประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน แทน (ปรมะ อิ่มอโนทัย) นักคณิตศาสตร์ประกันภัย ผู้หาค่าสถิติประกันภัย ที่คำนวณแม้กระทั่งความสัมพันธ์ของคู่รัก หลังจากถูกแ...อ่านต่อ»