SIAMZONE.COM

แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้าความ “ฮา”ของสัตว์เลื้อยคลาน
หากตีเป็นราคาใน“ชั้นเชิง” ใช่... แม้มันไม่มาก และไม่ถึงกับ “หมด” หรือไม่ “มี” “แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า” เป็นหนังที่ว่าด้วยความเป็น “ธรรมชาติ” ชัดเจน“เรียบ” แต่ไม่ “ราบ” ที่สำคัญหนังทำหน้าที่หลักได้ดี, ดู “สนุก” ส่วนความ “สุข” +“ความหยาบ” ระดับ 5 ดาวครับ...!
หนังเรื่องเล่าเรื่อง “สนิท” หนุ่มเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวฝีมือชั้นเทพ ทว่าดันใฝ่
ฝันอยากเป็นนักมวย และเมื่อความฝีมือและถนัด (ทำก๋วยเตี๋ยว) กับความชอบ (เป็นนักมวย) เดินสวนทางกัน “สนิท”นักมวยสุดแสนจะกิ๊กก๊อก กิ๊กก๊อกที่ว่า คือ เมื่อขึ้นชกทีไรมีอันต้องถูกน็อกอย่างง่ายดายจนได้รับฉายา“หลับสนิท ศิษย์หามลง” แต่นั้นก็ไม่ทำให้เขาถอดใจ...กับสิ่งที่ “รัก” ก็เพราะมีแบล็กอัพเป็นกลุ่มเพื่อนๆ ต่างวัยเป้าก้นให้ความช่วยเหลือ...
“แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า” เป็นผลการกำกับหนังของ ยอร์ช-ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์ หนังออกจะมีกลิ่นของบรรยากาศแบบไทยๆ ซื่อๆ ไม่ต่างอะไรกับหนังเรื่องแรก “พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า” หนังเรื่องแรกของเขา และยิ่งไต่ระดับออกเทนความฮาขึ้นไปอีก เมื่อได้คนเขียนบท (ตลก) รสดีอย่างพิง ลำพระเพลิงมาพบกันอีกครั้ง (ฟังดีๆ นะครับ นักเขียนบทตลกชั้นดี ส่วนงานกำกับก็ต้องใช้เวลา ซึ่งก็ให้กำลังใจครับ...!) ผู้ชมจะหลงรักตัวละครแต่ละตัว ของพิง ซึ่งมักมีอะไรซ่อนอยู่หลังความสนุกเสมอ และในช่วงกลางๆ ของหนังเรื่องนี้พิงเลือกจะทิ้งปมให้คนดูเอาใจช่วย “สวย” นางเอกที่ไกลจะตาบอดอยู่รอมร่อ (ซึ่ง “สวย” ตัวละครนี้ถือเป็นอีกสีสันที่ทำให้คนดู ซึ่งที่ไม่คิดมาก...หรือ อคติว่า She“ดัดจริต” แอ๊ปเด็ก...? ก็หวังใจเหลือเกินว่าจะตกหลุมรักที่ผู้กำกับ+เธอเองขุดล่อได้ไม่ยาก พร้อมกับพบกับกิมมิกในการหักมุมอีกท่อนในบทสรุปท้ายเรื่อง และหักเปาะอีกท่อนในตอนสุดท้ายกับฉากจบที่มีการปรากฏตัวของ “ใครบางคน” และใครที่ว่าเล่นเอาแฟนคลับดีทูบี หัวใจเต้นโครมคราม..! เชียวล่ะ )
ภาพรวมแล้วกับงานของผู้กำกับ(+พิง) ถือว่าคุมจังหวะหนึ่ง-สองและสามได้ดีแทบทั้งหมด ซึ่งก็จะมีปัญหาอยู่บ้าง เช่นในบางฉากที่ดูราวกับมันมือในการเล่นกับอารมณ์ขันจน “ยืดยาว” คล้ายเจตนาให้“เยินเย่อ” และ “เฝือ” ไปสักหน่อย (เช่นฉากโก๊ะตี๋กับผีในห้องน้ำยาวกว่า 5 นาที หรือฉากที่แทงคนเช่าพระเป็นต้น)
ทว่าปัญหากับฉากดังที่กล่าว โชคดีที่มีได้ความเป็นธรรมชาติลื่นไหลของพระเอก+นางเอก ถึงแม้จะมีฉากที่หลุดหัวเราะบ้าง แต่ก็ “เนียนๆ” ได้ก็เพราะ
โทนของหนังมันเอื้อให้ไหลครับ...โดยเฉพาะกับกลุ่มตลกที่ว่ากันว่าเข้าขากันที่สุดในวงการหนังไทย (ซึ่งผมก็เห็นด้วยครับ...!)
จตุรงค์ ในเรื่องรับบทเป็น “แสบ” อดีตนักมวยสุดพลิ้ว แต่ปัจจุบันนี้หมดสภาพ ใส่ขาเหล็กเดินเป๋ไปเป๋มา แถมพูดก็ไม่ชัด (แต่ชอบร้องเพลงคาราโอเกะ โดย
เพลงโปรดประจำตัวคือ “หนุ่มบาว สาวปาน”) และโก๊ะตี๋ ในเรื่องรับบทเป็น “สอง” (นักเลงโตชอบกร่าง กะล่อน ขี้เมา ขี้โวยวาย) ค่อม ชวนชื่น หรือ “สิทธิ์” (เซียนพระ 3 ตัวนี้เหล่า อาจจะขายได้และจี๊ดจ๊าด) และเมื่อไล่ดูผลงานที่ผ่านมา พวกเขา เขาและเขา
ก็ถือว่าเข้าขั้นรักษามาตรฐานเลยเถิดไปใกล้กับคำว่าดีเยี่ยม น่าเสียดายก็แต่ตัวละคร
ของจิ้มชอนชื่น หรือ “ทอม”(ซึ่งรับบทเป็นมือกลอง) ซึ่งแม้ว่าบทและความ “ฮา”จะน้อยไปนิด เมื่อเทียบกับออกเทนของตลกคนอื่นๆ แต่ก็อย่างว่า...ละครับ 4 R
“โรนัลดิลโญ่” “โรบิลโญ่”“โรเบอร์โต้ คาลอส”และ “โรนัลโด้” ลงเล่นร่วมกันในทีมชาติ “บราซิล” ก็ใช่ว่า...จะสามารถท็อปฟอร์มซะทุกคน และทุกๆ ครั้งไป...!
เมื่อไม่นานมานี้มีผลการวิจัยเกี่ยวกับเสียง “หัวเราะ” ที่เรียกว่าน่าสนใจมากๆ เขาระบุไว้ว่าอย่างนี้ครับว่า ปกติพฤติกรรมของเด็กๆ โดยปกตินั้นจะหัวเราะ (และยิ้ม) อย่างน้อยวันละ 400 ครั้งต่อ 1 วัน ซึ่งปริมาณมาก สอดคล้องกับมุมมองที่ดี และที่น่าตกใจก็คือ แต่ปริมาณ (รอยยิ้ม) และเสียงหัวเราะของเราๆ จะลดลงเหลือเพียง 15 ครั้งต่อวัน เมื่อเขาอายุ 35 ปี...! อืมม์...แปลกนะครับว่าอะไรตคือปัจจัยที่ทำให้ เสียงหัวเราะของเราน้อยลงๆ เมื่อเราโตขึ้น...!
สภาพแวดล้อม สังคม ครอบครัว เพื่อน การศึกษา หรือว่าตัวเราเอง ฯลฯ
ไม่แน่ใจ อะไรทำนองนั้น
ทั้งๆที่จริงๆ แล้วไม่เพียงมันจะบ่งบอกถึงความสุข เสียงหัวเราะมันมีข้อดีอีกมากมายครับ…! มันทำให้ร่างกายเราหลั่งสาร ”เอนดอร์ฟิน” ว่ากันว่าสารที่มีพลังมากกว่า ยาแก้ปวดอย่าง มอร์ฟีนถึง 10 เท่า หรือ ทุกครั้งที่คุณมีหัวเราะอย่างจริงใจ น่าแปกนะครันเพราะมันสามารถจะเผาแคลรอลี่ได้ 4 แคลรอลี่ ฯลฯ
ครับ ...ใช่ว่าสิ่งที่แฝงมากับเสียง “หัวเราะ” จากหนังเรื่องนี้จะมีแต่ด้านบวกเสมอไป แสบสนิทยัง “โฉ่งฉ่าง” ประกาศเสียง ดังๆ ว่า นอกจากขายความฮาแล้ว เรื่องนี้ “กู” จะตี “คู่” กับความ“หยาบคาย” หากมองแบบไกลๆ ก็ควรให้อภัยเพราะมันคือ “หนังไทย” ที่ตรงและไม่ “ดัดจริต”
แต่ถ้า “ซูม” เรื่องที่ว่ากันแบบใกล้ๆ ราวกับจุดไฟเผา “ขน” คำถามหนึ่งก็จะผุดโผล่ขึ้นมา จะเป็นการรบกวนหรือไม่ อย่างไร หากหนังไทยจะไม่ตั้งใจเน้นขายแต่ความหยาบคาย...!!! สิ่งที่น่าคิดต่อ...ก็คือหาก “แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า”ไม่มีฉากขายความเจ็บตัวมากๆ (เช่นฉากเน้นตบหัวกะบาลกัน ซึ่งมันมากมายจริงๆ) ผู้ชมจะหัวเราะน้อยลงไม๊ หรือจริงแล้ว คนไทยซาดิสต์ เห็นความ “ชิบหาย” เป็นเรื่อง “สนุก”
หรือหากไดอาร็อกไม่หยาบคาย พร่ำเพื่อจนเกินกรอบความจำเป็นหนัง
จะ “ฮา” เท่านี้หรือเปล่า...! นักแสดงตลกกลุ่มนี้จะมีคนดูพูด (ผมด้วย) และนึกถึงมากแบบนี้หรือเปล่า..? ท้าท้าย...ให้ผู้สร้างกลับไปคิดและต่อยอดต่อนะครับ...!
อย่างที่รู้ๆ แหละครับว่า หนังใบ้ของ “ชาลี แชปปลิน”ก็ยิ่งใหญ่และมีคนพูดถึง มาก เปล่า...? หากคิดว่าข้างต้นเราเร้าและเรียกร้องให้อุตสาหกรรมหนังไทยหยุดฉากเจ็บตัวแบบโง่ๆ กระทั่งบังคับบอกให้พวกคุณๆ หยุดขายคำหยาบแบบคนไร้การศึกษา
เปล่า ?เลยไม่ได้ขัดคอ ไม่ได้ตั้งป้อม หรือจัดม็อบด่า ผมแค่รู้สึกแค่ว่า หากเราจะหัวเราะร่าให้มากสม่ำเสมอเหมือนผลการวิจัยในวัยเด็ก เราต้องเสีย “เห้” ไปกี่ตัวครับ..!

เรื่องแสบสนิทศิษย์สายหน้า พี่แดน หล่อ น่ารักมากๆๆๆๆ ชอบมากๆๆๆจะไปดู10รอบเลย ขอให้หนังมีคนไปดูเยอะนะคะ พร่แดน แต่ว่าหนังจะดีกว่านี้ ถ้าเปลี่ยนนางเอกใหม่นะคะ รักพี่แดน ค่ะ

เรื่องนี้สนุกม๊าก มาก

อยากดูจังเลย

อยากดูไวๆๆจังชอบเเดนเท่ดีหล่อด้วย