เกร็ดน่ารู้จาก 21

เกร็ดน่ารู้
  • จุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มจาก ดาน่า บรูเน็ตติ คู่หูอำนวยการสร้างของ เควิน สเปซี่ย์ ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับอัจฉริยะคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเอ็มไอที ที่คิดหาสูตรเอาชนะเกมไพ่แบล็กแจ็กและโกยเงินเป็นล้านๆ จากคาสิโนในเวกัสด้วยความบังเอิญ เพื่อนของ ดาน่า คนหนึ่งได้ร่วมรับประทานอาหารเย็นกับคนที่เคยเป็นคนนับไพ่ของทีมดังกล่าว ดาน่า จึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะนำเรื่องนี้มาสร้างเป็นภาพยนตร์
  • บทความของ เบน เมซริช ที่ลงตีพิมพ์ในนิตยสารไวร์ฉบับเดือนกันยายน ปี 2002 บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มอัจฉริยะจากเอ็มไอทีที่ใช้ความสามารถของตัวเองกอบโกยเงินจากเวกัสได้เป็นกอบเป็นกำ มีครบทุกรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นการชิงชัยความเสี่ยงสูง การเกือบถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเวกัสจับ และข้อดีข้อเสียของวิถีชีวิตที่หรูหราฟู่ฟ่า เมื่อผู้อำนวยการสร้าง ดาน่า บรูเน็ตติ ได้อ่านบทความนี้ เขาก็รีบติดต่อเบนทันที
  • ตอนที่นักเขียน เบน เมซริช ได้รับโทรศัพท์ติดต่อจาก ดาน่า บรูเน็ตติ เขาคิดว่านักศึกษาคนหนึ่งแกล้งเขา เนื่องจากการกลั่นแกล้งในรูปแบบนี้เป็นเรื่องปกติตามวิสัยนักศึกษาเอ็มไอที ทว่าเมื่อค้นหาชื่อของ ดาน่า ในอินเตอร์เน็ต ก็พบว่าเขาทำงานด้านภาพยนตร์อยู่กับ เควิน สเปซี่ย์ จริงๆ ไม่นานหลังจากนั้น ดาน่า กับ เควิน ก็คว้าลิขสิทธิ์ของบทความของ เบน มาได้
  • โรเบิร์ต ลูเคติก ได้อ่านบทความของเบน เมซริซ หลังจากกลับมาจากการเดินทางที่ยุโรปเพื่อโปรโมตภาพยนตร์ Legally Blonde (2001) เขาสนใจจะนำเรื่องที่ เบน เขียนมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ทว่าเมื่อโทรศัพท์ติดต่อไป ก็พบว่า เควิน สเปซี่ย์ ซื้อลิขสิทธิ์บทความไปแล้ว หลายปีผ่านไป เขาจับพลัดจับผลูได้มากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้จนได้
  • ผู้อำนวยการสร้าง ไมเคิล เดอ ลูกา เป็นคนชอบเล่นแบล็กแจ็ก และเมื่อได้อ่านหนังสือของ เบน เมซริซ เขาก็พยายามหัดวิธีการนับไพ่จากหนังสือ เขาคิดว่ามันยาก แต่ทำแล้วติด
  • เมื่อหนังสือของ เบน เมซริซ วางแผง มันติดอันดับหนังสือขายดีนาน 59 สัปดาห์ และขายได้ถึง 1.5 ล้านเล่ม นอกจากนี้ หนังสือเล่มนี้ถูกแปลเป็นสิบสองภาษาและทำยอดขายได้ดีเรื่อยๆ
  • ทีมผู้สร้างได้เปลี่ยนแปลงบางอย่างจากในหนังสือ เพื่อทำให้เป็นภาพยนตร์บันเทิง มิใช่ภาพยนตร์สารคดี ด้วยการปรับยุคสมัยให้เป็นปัจจุบันและเพิ่มเรื่องความรักเข้าไป แต่ยังคงหัวใจที่เป็นเสน่ห์ในหนังสือไว้อยู่ ทั้งการชิงชัยอันตึงเครียดและมีความเสี่ยงสูง การใช้ชื่อเสียงเรียงนามปลอมๆ ความบ้าบิ่นที่จะขึ้นมายืนอยู่จุดสูงสุดของโลกในจังหวะอันฉับไวของเวกัส และการโกยเงินจากคาสิโนเป็นล้านๆ
  • ทั้งหนังสือและภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ของ เจฟฟ์ มา อดีตนักศึกษาเอ็มไอทีในยุค 90 เจฟฟ์ เคยได้รับการว่าจ้างให้เข้าร่วมทีมแบล็กแจ็ก ซึ่ง เจฟฟ์ เองให้ความเห็นว่า นอกจากจะต้องใช้มันสมองอันชาญฉลาดแล้ว ยังต้องมีกิริยาท่าทางที่น่าเชื่อถือเมื่อก้าวเข้าไปในคาสิโนด้วย
  • เจฟฟ์ มา ซึ่งเป็นบุคคลจริงที่เป็นต้นแบบของตัวละคร เบน แคมป์เบลล์ ได้ไปเยี่ยมชมกองถ่ายหลายครั้ง ทั้งในเวกัสและบอสตัน และเขาก็เป็นนักแสดงรับเชิญในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย โดยเขาแสดงเป็นคนแจกไพ่ใน แพลนเนต ฮอลลีวูด
  • ระหว่างที่ร่วมทีมเอ็มไอที เจฟฟ์ มา ซึ่งเป็นบุคคลจริงที่เป็นต้นแบบของตัวละคร เบน แคมป์เบลล์ รับบทเป็นผู้เล่นกระเป๋าหนัก ที่จะเข้าไปวางเงินเดิมพันสูงๆ หลังจากได้รับสัญญาณจากคนนับไพ่ที่เรียกว่าสปอตเตอร์ เจฟฟ์ เล่าว่าเขารู้สึกกลัวอยู่เสมอว่าจะถูกจับได้ ไม่ว่าจะมีความเสี่ยงว่าจะถูกทำร้ายร่างกายหรือไม่มี เขาก็ยังกลัว
  • เนื่องจากเปิดเผยแล้วว่าเขาเคยอยู่ในทีมนับไพ่มาก่อน ปัจจุบัน เจฟฟ์ มา จึงไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นแบล็กแจ็กในคาสิโนส่วนใหญ่ในลาสเวกัส แม้คาสิโนจะยินดีให้เขาเล่นเกมอื่นๆ แต่แบล็กแจ็กเป็นเกมที่เขาถนัดที่สุด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ เจฟฟ์ คิดถึงที่สุด คือความสมัครสมานสามัคคีของกลุ่มเด็กอายุแค่ราวยี่สิบปี ที่ช่วยกันบริหารเงินจำนวนหลายล้านเหรียญ
  • โรเบิร์ต ลูเคติก ได้รับเลือกให้มากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ เนื่องจากทั้งผู้อำนวยการสร้างทั้งสามคน ได้แก่ ไมเคิล เดอ ลูกา, ดาน่า บรูเน็ตติ และ เควิน สเปซี่ย์ ต่างก็สนใจวิสัยทัศน์ที่ โรเบิร์ต มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้
  • นักแสดง เคต บอสเวิร์ธ เคยร่วมงานกับผู้กำกับ โรเบิร์ต ลูเคติก มาก่อนหน้านี้แล้ว จากเรื่อง Win a Date with Tad Hamilton (2004) เคต เล่าว่า โรเบิร์ต จะเคร่งเครียดในยามที่จำเป็น แต่ปกติแล้วเป็นคนสนุก และมีความเป็นเด็กสูง และเธอเชื่อว่าคนที่มีลักษณะเช่นนี้จะทำภาพยนตร์ได้สนุก นอกจากนี้เธอยังกล่าวว่าเขามีอารมณ์ขันมาก เธอจึงผ่อนคลายจนสามารถลองทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ
  • จิม สเตอร์เกส เป็นนักแสดงที่รับบทนำในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก่อนหน้านี้เขานำแสดงในภาพยนตร์ของผู้กำกับ จูลี่ เทย์เมอร์ เรื่อง Across the Universe (2007) เขาส่งเทปคัดตัวมาให้ทีมงานเรื่องนี้ โดยไม่ได้คาดหวังอะไร จากนั้นเขาได้รับโทรศัพท์นัดพบเพื่อรับประทานอาหารเช้ากับผู้กำกับ โรเบิร์ต ลูเคติก ในลอนดอน เขาได้ทดสอบหน้ากล้องอีกครั้ง และได้รับเลือกให้แสดงในเรื่องนี้ในที่สุด
  • จิม สเตอร์เกส ผู้รับบท เบน ตัวเอกของเรื่อง เล่าว่า เครื่องแต่งกายช่วยให้เขาเข้าถึงบทบาทได้ง่ายขึ้น เมื่ออยู่ในห้องเรียน และสวมเสื้อเชิ้ตลายหมากรุกกับหมวกฮู้ด เขาก็รู้สึกเหมือนเป็นนักศึกษาเอ็มไอที แต่เมื่ออยู่ใต้แสงสีของเวกัสในชุดสูทอาร์มานี และมีเงินเป็นพันๆ หมื่นๆ อยู่ในกระเป๋า เขาก็รู้สึกเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
  • เคต บอสเวิร์ธ เคยร่วมแสดงกับ เควิน สเปซี่ย์ มาแล้วใน Beyond the Sea (2004) และ Superman Returns (2006) และ เควิน เล่าถึงแผนการทำงานเรื่องนี้ให้ฟังตั้งแต่ช่วงที่ถ่ายทำ Superman Returns ด้วยกัน จากนั้นเขาโทรศัพท์มาชวนเธอร่วมแสดงในเรื่องนี้ ระหว่างที่เธอใกล้ปิดกล้องภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง เธอพับแผนที่ตั้งใจจะหยุดพักร้อน และตอบตกลง
  • เควิน สเปซี่ย์ ที่ต้องมารับบทอาจารย์ที่เป็นอัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์นั้น ไม่สันทัดในวิชานี้เอาเสียเลย สมัยเรียนมัธยมปลายเขาสอบตกวิชาคณิตศาสตร์ด้วย ทักษะด้านคณิตศาสตร์ของตัวละคร มิกกี้ โรซา ในเรื่อง จึงเป็นการแสดงของเขาล้วนๆ
  • แอรอน ยู ได้อ่านหนังสือเรื่องนี้ตอนที่มันวางแผง แล้วภายหลังก็ได้ยินข่าวว่า เควิน สเปซี่ย์ ซื้อลิขสิทธิ์หนังสือเล่มนี้ไป เขาจึงโทรบอกนายหน้าของเขาว่าเขาอยากแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ หลายปีให้หลัง ตอนที่ แอรอน กำลังยุ่งอยู่ในเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ นายหน้าก็โทรมาขอให้บันทึกเทปคัดตัวแล้วส่งมาด่วน แอรอน จึงนั่งเครื่องบินไปเวกัสเพื่อทดสอบอ่านบททันที และในที่สุดเขาก็ได้รับบท ชอย หนึ่งในสมาชิกทีมเด็กอัจฉริยะจากเอ็มไอที
  • สองสัปดาห์ก่อนหน้าการถ่ายทำ นักแสดงห้าคนที่รับบทเป็นนักนับไพ่ของทีมเอ็มไอที ใช้เวลาเรียนรู้วิธีการเล่นเกมนี้กับที่ปรึกษาด้านไพ่ ไคล์ มอร์ริส ผู้ใช้ชีวิตอยู่ในลาสเวกัสและเป็นที่ปรึกษาให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง ไคล์ ทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมนักแสดงระหว่างการถ่ายทำ และรับบทเป็นคนแจกไพ่แบล็กแจ็กด้วยในฉากหนึ่ง
  • ก่อนหน้าที่ได้มาเรียนนับไพ่กับ ไคล์ มอร์ริส นักแสดงหลายคนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแบล็กแจ็กเลย เช่น จิม สเตอร์เกส ไม่เคยเล่นแบล็กแจ็กมาก่อนในชีวิต จาค็อบ พิตส์ เล่นแบล็กแจ็กครั้งสุดท้ายตอนอายุสิบสองขวบ
  • นอกจาก ไคล์ มอร์ริส ที่ปรึกษาด้านไพ่จะต้องสอนกลยุทธพื้นฐานและสัญญาณทั้งหมดให้เหล่านักแสดงแล้ว ยังสอนเทคนิคการขยับและการเคลื่อนย้ายชิปด้วย ยกเว้นเพียง จิม สเตอร์เกส ผู้รับบท เบน ที่ไม่ต้องเรียนรู้เรื่องขยับชิป เนื่องจาก เจฟฟ์ มา บุคคลจริงที่เป็นต้นแบบของ เบน เล่าว่า เขาแสดงเป็นผู้เล่นกระเป๋าหนัก จึงใช้กลยุทธเรื่องชิปไม่ได้ เพราะจะถูกจับไต๋ได้โดยง่าย
  • นักแสดง แอรอน ยู และ ลิซ่า ลาพิร่า ฝึกฝนนับไพ่จนชำนาญมาก หลายครั้งที่ ไคล์ มอร์ริส ที่ปรึกษาด้านไพ่คลี่ไพ่ออกมา แล้ว ลิซ่า สามารถทายได้ถูกว่าเป็นเลขอะไร
  • ในตอนแรก ทีมผู้สร้างกังวลว่าเจ้าพ่อในเวกัสจะไม่ยอมให้ความร่วมมือกับการถ่ายทำเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึงความพ่ายแพ้ของพวกเขา ทว่าจริงๆ แล้ว พวกเขาชอบเรื่องราวนี้ เพราะมันทำให้คนคิดว่าการล้มระบบคาสิโนนั้นทำได้ไม่ยาก ซึ่งจะช่วยทำให้คนเข้าบ่อนเยอะขึ้นอีก
  • คาสิโนเป็นที่ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน และไม่สามารถปิดคาสิโนสักแห่งเพียงเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์ได้ แต่ทีมงานสามารถขอโต๊ะสักตัวสองตัวหรือพื้นที่เล็กๆ มาได้ พวกเขาถ่ายทำกันที่โต๊ะตัวหนึ่ง ออกแบบการเคลื่อนไหวของกล้อง แล้วถ่ายทำกลุ่มนักศึกษาที่กำลังมือขึ้น การถ่ายทำในลาสเวกัสนั้นใช้เวลาเพียงสองสัปดาห์ โดยได้รับความช่วยเหลือจากพวกคนในคาสิโนเป็นอย่างดี
  • ผู้ที่ทำหน้าที่บันทึกภาพที่สับเปลี่ยนไปมาระหว่างโต๊ะพนัน ในรูปแบบที่สวยงาม ซับซ้อน สีสันสดใส คือ รัสเซล คาร์เพนเตอร์ ตากล้องเจ้าของรางวัลออสการ์ ซึ่งเขาจะต้องถ่ายทำโดยไม่ไปรบกวนธุรกิจคาสิโนที่เกิดขึ้นรอบด้าน เขาได้ใช้เทคนิคแปลกๆ โดยถ่ายผ่านไฟฉายราคา 35 เซนต์ที่ซื้อจากร้านขายของที่ระลึกในโรงแรม แล้วได้ภาพที่ดูเหมือนถ่ายทำผ่านไฟนีออนที่ทอดยาวเป็นไมล์ๆ
  • ภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากที่ให้อารมณ์แตกต่างกันสุดขั้ว นั่นคือเวกัสที่มีชีวิตชีวา กับบอสตันที่สงบเงียบเรียบง่าย และมีภาพลักษณ์เก่าๆ แบบเมืองศตวรรษที่ 19 เมื่อถ่ายทำในบอสตัน ทีมงานจึงเน้นถ่ายทำในตึกเก่าๆ อย่าง ดอยส์ ทาเวิร์น ซึ่งอยู่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 นอกจากนี้ยังใช้โทนสีที่แตกต่างกัน และมีลักษณะการถ่ายทำที่แตกต่างกัน เพื่อเน้นย้ำความแตกต่างระหว่างพลังงานของเวกัส และความรู้สึกอึดอัดที่ตัวละคร เบน รู้สึกตอนอยู่ในบอสตัน
  • นอกจากความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างมาดนักศึกษาเอ็มไอทีในเสื้อวอร์มสีแดง กับมาดนักพนันในคาสิโนแล้ว ยังมีความเปลี่ยนแปลงที่เครื่องแต่งกายไม่อาจช่วยได้ด้วย นั่นคือการที่ เบน ตัวละครเอกของเรื่อง ค่อยๆ เปลี่ยนจากนักศึกษาธรรมดาๆ กลายมาเป็นนักศึกษาที่มีความมั่นใจในตัวเอง
  • การที่ตัวละครต้องแปลงโฉมไปเรื่อยๆ เพื่ออำพรางตัวไม่ให้พวกคาสิโนจำได้ มีผลทำให้นักแสดงรู้สึกสนุกกับการทำงานไปด้วย เช่น เคต บอสเวิร์ธ ที่ได้แต่งกายหลากหลายแบบ อาทิ สาวสวยทางใต้ สาวเจอร์ซีย์โซปราโน และแต่งแบบ หลุยส์ บรูกส์
  • มหาวิทยาลัยเอ็มไอที ไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่ในการถ่ายทำ ทีมงานจึงถ่ายทำกันที่มหาวิทยาลัยบอสตันแทน
  • นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยบอสตันจำนวนหนึ่ง ได้แสดงเป็นตัวละครประกอบในฉากห้องเรียนหลายฉาก

advertisement

วันนี้ในอดีต

เกร็ดภาพยนตร์

  • Ragini MMS 2 - เสียงของ ซันนี เลโอน ผู้รับบท ซันนี เป็นเสียงพากย์ อ่านต่อ»
  • 13 Sins - เป็นการนำภาพยนตร์ไทยเรื่อง 13 เกมสยอง ที่กำกับโดย มะเดี่ยว - ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล มาสร้างใหม่ อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Doraemon: Nobita's Chronicle of the Moon Exploration Doraemon: Nobita's Chronicle of the Moon Exploration มีข่าวใหญ่ว่ายานสำรวจดวงจันทร์จับภาพเงาสีขาวได้ โนบิตะ (เมงุมิ โอโอฮาระ) บอกว่ามันคือกระต่ายบนดวงจันทร์ ทว่ากลับโดนทุกค...อ่านต่อ»