วิจารณ์ Despicable Me

วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 4 มี.ค. 54 20:36

    โอ้ยๆ ชอบ ตรึงใจ ซะเหลือเกิน กรูก็เป็นคนดีมากๆ ที่เค้าทำไปทั้งหมดเพื่อให้แม่เค้ายอมรับ เท่านั้นเอง ผมว่ามันดีกว่า Megamind นะ มุกหนังก็ออกมาแบบไม่ฮามาก แต่ออกแนวอบอุ่นมากกว่า ชอบตอนไปสวนสนุก เป็นหนังที่เว่อร์มากๆแต่คนดุก็พร้อมจะเว่อร์ไปกับกรู(ขโมยพระจันทร์ งี้ เอาพีรามิดมาทาสี ไว้หลังบ้าน ป้าดคิดได้ไง) แหมว่าตัวหนังอาจจะไม่ดีเท่า ทีมงาน Pixar แต่ก็โดเด่นมากๆในเนื้อเรื่องที่จะเล่าให้คนดูอินไปด้วย สรุปว่า ชอบครับ ชอบมากๆ ไอ้ตัวเหลืองอ่ะ อยากได้เลี้ยงไว้สักตัว ^^ 8.5/10

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 12 ธ.ค. 53 08:50

    เรื่องนี้ตอนที่เข้าฉายในโรงแรกๆ ตัวโปสเตอร์นั้นไม่ได้ทำสะดุดตาอะไรมาก ผมก็เลยไม่ได้สนใจ แต่พอมีกระแสคนที่บอกว่าระบบสามมิติยอดเยี่ยมและเนื้อเรื่องที่ได้รับการ กล่าวว่า เป็นหนังแอนิเมชั่นเรื่องที่สองที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้ดิสนีย์และพิก ซาร์ หนึ่งในนั้นก็คือ How to Train Dragon หรือเจ้าหลอนั่นเอง แต่ผมก็พลาดโอกาสไปสัมผัสระบบสามมิติในโรง เพราะโรงหนังประจำที่ผมไปดูนั้นเอาหนังเรื่องนี้ออกไปแล้ว และถ้าหนังแอนิเมชั่นทั่วไปผมจะไม่ดูในโรงระบบธรรมดา ดังนั้นจึงเฝ้ารอที่จะให้แผ่นมาขาย และผมไม่ลังเลเลยที่จะซื้อมา

    วิจารณ์

    จริงๆ จะบอกว่า หลังจากที่ผมดูจบแล้ว สิ่งที่ผมชอบในหนังเรื่องนี้มีอยู่สองอย่าง นั่นก็คือ เนื้อเรื่องส่วนหนึ่ง กับมุขตลก

    เอาหละ มาวิจารณ์กันดีกว่า

    ถ้า จะพูดถึงตัวบทเนื้อเรื่องนั้น ถึงจะเป็นแอนิเมชั่นก็เถอะ แต่จะบอกว่าเรื่องนี้ขาดความสมดุลอย่างร้ายกาจ เอาง่ายๆ เจ้ากรูนี่วันๆ มันก็กระทำชั่วหรือรบกวนชาวบ้านหลายอย่าง แต่ไม่ยักโดนจับ ? หรือแม้แต่จอมวายร้ายหน้าใหม่ที่ดันไปขโมยปีระมิดมาได้ และมาตั้งไว้หลังบ้าน ก็ยังอยู่ได้ตามปกติในสังคม ?? ซํ้าแล้วไม่ได้มีการประนามจากสังคมรอบข้างด้วย จึงทำให้ขาดความสมจริงและความมีเหตุมีผลเรื่องนี้

    อำดับที่สอง ในเรื่องนี้จอมวายร้ายได้มีการสร้างสิ่งประดิษฐ์สุดไฮเทค ชนิดที่เรียกว่าอุปกรณ์วิเศษของโดเรมอนหรือสิ่งประดิษฐ์คุรูรุโดยแท้ แต่โลกที่พวกเขาอยู่นั้นกลับเป็นยุคปัจจุบันธรรมดา น้อยคนที่จะมีเทคโนโลยีขนาดนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีไม่ได้ แต่เมื่อกรูและจอมวายร้ายเล่นเอามาใช้กันโจ่งแจ้งแบบนี้ กลับไม่มีการประกาศจับหรือเรื่องฮือฮาอะไรเลยแม้แต่น้อย ทำให้มันขาดความสมดุลตรงนี้ไป ราวกับว่า พวกคนร้ายสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ โดยที่คนธรรมดาอย่างพวกเราได้แต่อยู่เฉยๆ ไปวันๆ

    แต่นั่นแหละ ด้วยการที่มันเป็นหนังแอนิเมชั่น ผมไม่ว่าอะไรอยู่แล้วถ้ามันเว่อร์เข้าไว้ แต่ในการเว่อร์นั้นผมชอบให้มันมีความสมดุลมากกว่า อย่างเช่นเจ้าหลอใน How to tarin your Dragon ทั้งเรื่องมีทั้งความสมดุลและถูกหลักเหตุผลทุกอย่าง ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่มีใครเหนือกว่าใครทุกอย่าง หรือเอาง่ายๆ กับเรื่องไอซ์ เอจ ก็ได้ เครือเดียวกัน ก็ยังมีความมีเหตุมีผลในโลกของพวกนั้นอยู่ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ แต่วายร้ายออกมาเดินเพ่นพ่านได้อิสระนี่ก็ไร้เหตุผลมากพอละ

    ตรงจุด นี้ผมมองว่าอันตราย เพราะถ้าเกิดว่าเด็กที่ดูแล้วเกิดความคิดบ้าๆ ขึ้นมาว่า วายร้ายนั่นเก่ง สามารถประดิษฐ์ของเจ๋งๆ และทำอะไรผิดกฎหมายหรือหาเรื่องชาวบ้านได้โดยไม่มีใครมาห้าม แบบนี้เรียบร้อย ยกเว้นว่า เรื่องนี้จะมีสาระเด่นอย่างหนึ่งที่ทำให้สิ่งเหล่านี้ ดูไปแล้วลืมนึกถึงมันไปเลย

    กรู คือจอมวายร้ายที่เคยดังกระฉ่อน (มั้ง) ประมาณว่า เขาต้องการเป็นหนึ่งในจอมวายร้ายที่พลิกโฉมประวัติศาสตร์ให้ได้ ถ้าเทียบกับโลกของเราก็คงเป็นประมาณ แจ็ค เดอะริปเปอร์ ฆาตรกรโรคจิตของอังกฤษที่ก่อเหตุสยองแล้วไม่มีใครจับเขาได้ จนถูกขึ้นเป็นจอมวายร้ายในประวัติศาสตร์ แต่แน่นอนว่า ความสมดุลเรื่องนี้ก็คือ การทำชั่ว ต้องใช้เงิน

    เพื่อวางแผนการนี้ เขาจึงทำทุกอย่าง ตั้งแต่การไปขโมยปืนย่อส่วนหรือไปรับเลี้ยงเด็ก เพื่อหลอกล่อใช้งานพวกเขาในแผนการของเขา แต่เมื่อเด็กๆ อยู่กับเขาแล้ว ทั้งความสัมพันธ์และหัวใจของเขาก็เปลี่ยนไป

    เพราะอะไร ? กรูไม่เคยสัมผัสเรื่องดีงามมาก่อนเลย ในหัวเขามีแต่ความทำความชั่ว

    สิ่ง หนึ่งที่เป็นข้อดีของหนังแอนิเมชั่นก็คือ ทำออกมาให้เด็กดู ดังนั้นแล้ว ภาพลักษณ์ของวายร้ายอย่างกรูหรือวายร้ายหน้าใหม่นั้นจึงไม่ได้ออกมาดูโหด ร้ายอะไรนัก ตรงกันข้าม เหมือนพวกเขามีหัวใจและความคิดเหมือนพวกเราตามปกติ เพียงแต่ทำชั่วเป็นงานอดิเรกหรือครั้งคราวก็เท่านั้น ซึ่งจากที่ผมดู ถ้าผมเป็นกรู คงได้ทั้งทรราช โหดร้าย ป่าเถื่อน เห็นแก่ได้มากกว่านี้แน่ๆ (หรือว่าเรามันชั่วดีหว่า =_=)

    สิ่งหนึ่งที่ตัวหนังต้องการจะสื่อก็ คือ เหล่าเด็กๆ ทั้งสามคนถือว่าเป็นตัวแทนแห่งความดีงาม เป็นครอบครัวที่ทำให้หัวใจของคุณสงบลงได้ มีความสุขได้ เอาง่ายๆ ครับ คนที่อ่านบทความนี้ผมฟันธงเลยว่าต้องมีสักคนที่เป็นพ่อคน คุณจะหาความสุขได้จากไหนครับ แน่นอน ก็ต้องจากลูก ตัวหนังจึงต้องการที่จะสื่อเรื่องนี้ นั่นก็คือ ความหมายของคำว่า "การมีครอบครัว"

    ทำไมกรูถึงอยากเป็นจอมวายร้ายในประวัติศาสตร์ ก็เพราะทำให้คนหวาดกลัว คนรู้จักเขา มีคนยอมรับ (เท่าที่ดูในหนังนะ ไม่น่ามีจุดประสงค์อื่น) ก็เหมือนพวกเรา อย่างคนอ่านบางคน เรียนอยู่ ก็อยากสอบได้เกรดดีๆ หรือเข้ามหาลัยดีๆ ดังๆ เพื่อให้ทุกคนยอมรับ หรือคนที่ทำงานแล้ว ก็ต้องนั่งทำงานเก็บเงิน เพื่อเป้าหมายอะไรสักอย่าง ตำแหน่งที่สูงขึ้น ? เงินที่มากขึ้น ?

    แต่สุดท้ายแล้ว ความสุขที่แท้จริงคืออะไร ? ตำแหน่งเหรอ ? การยอมรับ ? หรือ เงิน ?

    ต่อ ให้คุณเข้ามหาลัยดังๆ หรือสอบได้ที่หนึ่งได้ หรือได้ตำแหน่งการงานดีๆ ได้ แต่สักวัน ตำแหน่งเหล่านี้ก็ต้องมีคนมาช่วงชิง และคนอื่นๆ ก็ต้องหันไปยอมรับนับถือคนใหม่แทน

    ตรงนี้ผมขอยกคำสอนของพระพุทธเจ้านะครับ

    ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ

    ไม่ต่างกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมกรูถึงเริ่มเปลี่ยนแปลง ทำไมเขาถึงเริ่มใจอ่อนลง

    เพราะความสุขที่แท้จริง มันไม่ได้มาจาก ตำแหน่ง อำนาจ ชื่อเสียง และเงินตราครับ

    ความสุขที่แท้จริง มาจากครอบครัวของเราต่างหาก

    และ ต้องขอชมระบบภาพและเสียงในหนังเรื่องนี้ ที่เล่นทำเอาเตียงผมสั่นงึกๆๆๆๆ ตอนผมดู เพราะระบบภาพนั้นงามและสวยเอามากๆ จริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้มันทำให้ผมนึกถึงการ์ตูนสมัยเก่าฉบับบูมเมอแรง ที่ทำอะไรเว่อร์ๆ ได้โดยที่ตัวละครไม่ตายหรือไม่มีใครว่า แต่ภาพจะสมจริงและสวยกว่า

    ส่วนระบบเสียงอย่างที่บอก ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก คุณจะไม่รู้สึกอะไรถ้าดูจากลำโพงสองตัวจากแผ่น VCD แต่ถ้าคุณดูจากแผ่น DVD คุณจะรู้สึกเลยว่า ระบบเสียงมันสุดยอดมากๆ สุดยอดจนแบบว่ามันดีกว่าหนังคนแสดงบางเรื่องเสียอีก ประสบการณ์ความคุ้มค่าในการซื้อ มีแน่นอนครับ เน้นที่ระบบเสียง

    เพลง ประกอบนั้นจะมีดนตรีแทรกมาเป็นระยะๆ เพื่อให้หนังดูสบายๆ และไม่ตรึงเครียด ซึ่งผมคิดว่าก็โอเคสำหรับหนังตลกครอบครัวแบบนี้ เพราะแต่เดิมที มันก็ไม่ใช่หนังฟอร์มยักษ์อะไรอยู่แล้ว

    อีกจุดเด่นหนึ่งของเรื่องนี้ ก็คือ มุขตลกในเรื่อง ที่แทรกมาเป็นระยะๆ และแทบทั้งเรื่อง มันฮาเหมือนดูหนังของดรีมเวิร์คมากๆ เรียกได้ว่า ได้ทั้งสาระ และรอยยิ้ม โดยเฉพาะตัวสีเหลืองๆ ลูกน้องของกรูเนี่ยแหละ เรียกเสียงฮาได้โคตรๆ

    ทีนี้เมื่อผมพูดมาถึงตรงนี้ ผมขอสรุปสั้นๆ เทียบระหว่างคนดูเด็กๆ กับผู้ใหญ่ก่อนละกันนะครับ

    แน่ นอนว่าสำหรับเด็ก ผมคิดว่าน่าจะชอบกันหลายคน แต่ไม่อาจตรึงตราในหัวใจอย่างเช่น Toy Story หรือ อย่าง Bolt เหตุง่ายๆ ก็คือ ตัวหนังนั้นมีฉากตื่นตาตื่นใจมากมาย ระบบเสียงที่สุดยอด มุขตลกทำให้เด็กไม่เบื่อและภาพที่ดูง่าย แต่ทั้งนี้ ช่วงระหว่างต้นเรื่องกับกลางเรื่อง เด็กอาจไม่ดู และเมื่อไม่ดู ก็อาจไม่เข้าใจที่มาที่ไปของกรูได้ทั้งหมด เพราะสมาธิของเด็กไม่ค่อยจะคงที่อยู่แล้ว

    ส่วนผู้ใหญ่ ผมขอแยกออกเป็นสองประเภทนะครับ ประเภทแรกก็คือ ไม่ใช่คอหนัง เป็นคนวัยทำงานที่บ้างานเข้าเส้น (เอาง่ายๆ บอกตรงๆ ไร้จินตนาการเพ้อฝัน) คุณอาจคิดว่า "ไอ้นี่มันเรื่องอะไรวะเนี่ย ?" และถ้าเป็นเช่นนี้ คุณจะไม่สนใจเรื่องนี้ตั้งแต่ดูกล่องตัวหนังเลย เพราะหน้าปกหนังไม่ได้ดึงดูดอะไรมากมาย และถ้าคุณดู บางคนผมฟันธงว่าไม่หลับก็ต้องปิด เพราะมุขบางมุขไม่ขำสำหรับผู้ใหญ่ประเภทนี้ แต่ช่วงกลางเรื่องจนถึงจบเรื่อง คุณอาจมีความประทับใจขึ้น

    ส่วนผู้ใหญ่อีกประเภท คุณอาจคิดวิเคราะห์เหมือนกับผมถึงความมีเหตุผลและความสมดุลของตัวหนัง แต่สุดท้าย คุณก็จะสามารถจับดึงเอาสาระต่างๆ ในหนังออกมาได้ และคุณอาจหันกลับไปมองลูกๆ คุณ มองครอบครัวของคุณมากขึ้น และมีสิทธิชอบมาก เพราะสาระของเรื่องนี้ทำออกมาเพื่อผู้ใหญ่โดยเฉพาะด้วยซํ้า

    ดังนั้นแล้ว ตอบโจทย์
    1. คุ้มค่าแผ่นไหม
    ตอบ - ถ้าเรื่องระบบภาพและเสียง รวมไปถึงเนื้อหาสาระแล้ว คุ้มแน่นอนครับ ถึงค่าแผ่นจะแพงอยู่สักหน่อยสำหรับแบบสากล แต่ความละเอียดของภาพและเสียงนั้นยอดเยี่ยมแน่นอนครับ แต่ทั้งนี้พิจารณาด้วยนะครับว่าคุณชอบหนังแนวนี้ไหม ถ้าไม่ชอบ คุณอาจบอกไม่น่าซื้อมาเลยก็ได้

    2. ซื้อบลูเรย์ดีไหม ?
    ตอบ - อย่างที่บอก ว่าต้องถามตนเองก่อนว่าชอบหนังแนวนี้ไหม โดยส่วนตัวยผม ผมคิดว่าผมคิดถูกที่มาถามคนในพันทิพย์ก่อนว่าควรซื้อบลูเรย์ดีไหม และคำตอบของผมก็คือ ไม่ แค่ DVD ผมก็ว่าเพียงพอแล้ว แต่ถ้าอยากดูอะไรที่สุดยอด เพิ่มเติมอีกนิดแล้วซื้อแบบสามมิติดูผมคิดว่าน่าจะคุ้มเพราะระบบสามมิติ เรื่องนี้หลายคนชอบ แต่ต้องเพิ่มเติมซื้อทีวีกับเครื่องเล่นเองนะ งุงิ

    3. หนังต้องการสื่ออะไร ?
    ตอบ - ครอบครัวครับ

    4. เทียบกับหนังแอนิเมชั่นเกรด A ของพิกซ่าร์หละ ?
    ตอบ - เนื้อหาสาระของหนังดีมาก แต่โดยส่วนตัวผม ถึงประทับใจ แต่ไม่ซาบซึ้งในหัวใจ จึงทำให้ผมยกเป็นหนังเกรด A - ครับ

    และ สุดท้ายนี้ผมอยากบอกว่า เหตุที่ผมชอบหนังเรื่องนี้เพราะอะไร เพราะตอนนี้ผมเหลือพ่อคนเดียวซึ่งเป็นคนที่ผมรักที่สุด ผมไม่ได้รับความรู้สึกรักจากแม่มานานเป็นสิบปี เรื่องนี้เน้นความเป็นครอบครัว เป็นพ่อคน จึงทำให้ผมเข้าอกเข้าใจในตัวของ "กรู" ได้เป็นอย่างดีครับ

    คะแนน - 8.5 / 10.00 (ระดับชอบมาก แต่ไม่ถึงกับชอบจนถึงหัวใจ)

  • เมื่อ 28 ก.ค. 53 02:56

    i give "B+"

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 24 ก.ค. 53 22:12

    สนุกมากค่ะ
    ชอบตัวเหลื่องๆอ่ะน่ารัก ฮาดี
    กรูนี่ร้ายได้ใจ ดูแล้วคลายเครียดดี

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 24 ก.ค. 53 11:20

    สนุก น่ารัก ถึงแม้จะเป็นการ์ตูนของเด็ก
    แต่อันนี้ ผู้ใหญ่ดูแล้วก็สนุก
    3D สมจริงตอนเล่นรถไฟเหาะ

    เรื่องนี้ให้ 9/10

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 23 ก.ค. 53 04:36

    สำหรับผม ผมรักหนังเรื่องนี้มาก แต่ละตัวบุลคิกน่ารัก มีเสน่ห์ ทำผมยิ้มทั้งเรื่อง ย้ำว่ายิ้มจริงๆ น่ารัก น่ารัก ภาพสวย มุมกล้องดี อบอุ่น เพลินครับ ตัวเหลืองๆน่ารักมาก เด็ก3คน มาร์โก้ แอ๊คเนส และ อีดิธน่ารัก

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 22 ก.ค. 53 13:33

    ไปดู 3D มา สนุกมากๆเลย
    ถ้าใครที่กำลังหาหนังที่ดูแล้วผ่อนคลาย อิ่มเอมใจ เราว่าเรื่องนี้ก็
    เป็นทางเลือกที่ดีมากๆเลยนะ ดูสนุกทั้งเด็กและผู้ใหญ่
    ^ - ^

  • เมื่อ 21 ก.ค. 53 06:51

    ระบบสามมิติ ของเรา กับของอเมริกานั้น ต่างกันมากนะครับ ของเรายังดูเหมือนว่านูนออกมาแล้วยังอยู่ไกลตัว แต่ของอเมริกานั้นเหมือนกับอยู่ตรงหน้าจริง ๆ แทบจะเอามือจับคว้าได้ แล้วกับราคาบัตรที่เริ่มต้น 200 อัพ ผมว่าน่าจะแพงจนเกินไป โรงหนังบ้านเราเอาเปรียบคนดูมากเกินไปหรือเปล่า หนังสนุกครับ ดูแล้วได้แง่คิดดีๆ ไปดูกัน แล้วจะอมยิ้มออกจากโรง

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 18 ก.ค. 53 14:54

    หนุกมาก ชอบๆ โดยเฉพาะไอตัวเหลืองอะ ฮามาก

  • เมื่อ 17 ก.ค. 53 02:07

    สนุกมากครับ
    idom เยอะมากทั้งเรื่อง

    แนะนำๆๆ

มีทั้งหมด 12 วิจารณ์ หน้าที่ 1 [ก่อนหน้า] 1 2 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • ฤดูที่ฉันเหงาฤดูที่ฉันเหงาเข้าฉายปี 2013 แสดง วรเวช ดานุวงศ์, เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์, โทนี่ รากแก่น
  • Evil DeadEvil Deadเข้าฉายปี 2013 แสดง Jane Levy, Shiloh Fernandez, Elizabeth Blackmore
  • The PianistThe Pianistเข้าฉายปี 2003 แสดง Adrien Brody, Emilia Fox, Michal Zebrowski

เกร็ดภาพยนตร์

  • The Raid 2 - ทุกหมัดและทุกการเตะในภาพยนตร์เป็นของจริง อิโก อูไวส์ ผู้รับบท รามา และนักต่อสู้คนอื่นๆ ต้องฝึกฝนควบคุมแรงและความเร็ว เพื่อให้ดูสมจริงต่อหน้ากล้อง อ่านต่อ»
  • Edge of Tomorrow - ทอม ครูซ ผู้รับบท วิลเลียม เคจ มีเวลาเตรียมตัวก่อนถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่มีกำหนดเปิดกล้องวันที่ 20 กรกฎาคม 2012 ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ เพราะก่อนหน้านี้เขาง่วนอยู่กับ Oblivion (2013) อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Rocketman Rocketman เรื่องราวการการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์ใจจาก เรจินัลด์ ดไวท์ อัจฉริยะทางดนตรีขี้อายตัวน้อยๆ ไปสู่การเป็น เอลตัน จอห์น ...อ่านต่อ»