เกร็ดน่ารู้จาก น้ำตาลแดง
เกร็ดน่ารู้
- ในบรรดาผู้กำกับของโครงการภาพยนตร์ น้ำตาลแดง ซึ่งมีทั้งหมด 6 คน ได้แก่ โอ - ศาสตร์ ตันเจริญ, เอก - สุรวัฒน์ ชูผล, ต้น - ภาณุมาศ ดีสัตถา, โอ๊ก - ปรัชญา ลำพองชาติ, โจ้ - อนุรักษ์ จรรโลงศิลป, เอม - กิตติยาภรณ์ กลางสุรินทร์ มี เอม ที่กำกับตอน ปรารถนา เป็นผู้กำกับคนเดียวที่เป็นผู้หญิง
- กลุ่มผู้กำกับทั้ง 6 คนในเรื่องมีชื่อกลุ่มว่า โกอิง เบอร์เซอร์กเกอร์ กรุป ซึ่งเกิดจาก เอม - กิตติยาภรณ์ กลางสุรินทร์ ผู้กำกับตอน ปรารถนา ริเริ่มโทรศัพท์เรียกรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกันมารวมตัวกัน จากนั้นก็ช่วยกันคิดชื่อกลุ่ม จนมาสรุปที่ชื่อดังกล่าวซึ่ง เอก - สุรวัฒน์ ชูผล ผู้กำกับตอน หลุมพราง เป็นผู้คิดความหมายของชื่อนี้คือ นักรบไวกิงยุคโบราณที่พร้อมจะออกไปรบได้ทุกเมื่อทุกเวลา โดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตนจะอยู่ในสภาพแบบไหน
- เอม - กิตติยาภรณ์ กลางสุรินทร์ ผู้กำกับตอน ปรารถนา เป็นผู้เสนอให้กลุ่มกำกับภาพยนตร์แนวอีโรติก เพราะเธออยากลองนำเสนอภาพยนตร์แนวพิงก์ฟิล์มจากมุมมองของผู้หญิง ขณะเดียวกัน โจ้ - อนุรักษ์ จรรโลงศิลป ผู้กำกับตอน คู่รักบนดาวโลก ตั้งข้อสังเกตว่า ภาพยนตร์ไทยส่วนใหญ่มักตัดฉากเร่าร้อนออกไปจนหมด ทำให้กลุ่มพากันนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง น้องเมีย และภาพยนตร์ไทยในอดีตหลายเรื่อง ที่นักแสดงถ่ายทอดฉากเร่าร้อนอย่างสมจริง พวกเขาจึงต้องการนำภาพยนตร์แนวนี้กลับมานำเสนออีกครั้ง
- กลุ่มผู้สร้างตั้งโจทย์ไว้ว่านักแสดงจะต้องแสดงเองทุกฉากเพื่อความสมจริง และพวกเขาจะต้องสร้างภาพยนตร์ที่สามารถฉายได้จริง แม้จะเริ่มสร้างกันในช่วงที่การจัดเรตภาพยนตร์ไทยยังไม่เสร็จสมบูรณ์ก็ตาม
- หลังจากกลุ่มผู้กำกับช่วยกันเสนอชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ พวกเขาตกลงใจเลือกชื่อที่ โจ้ - อนุรักษ์ จรรโลงศิลป ผู้กำกับตอน คู่รักบนดาวโลก เสนอมา นั่นคือ น้ำตาลแดง เนื่องจากเป็นน้ำตาลที่ยังไม่ผ่านการแปลงเป็นน้ำตาลทรายขาว เปรียบได้กับภาพยนตร์ที่สดใหม่ เข้มข้น ไม่ปรุงแต่ง และเป็นตัวของตัวเอง และยังหมายถึงน้ำตาลที่แปลว่าหวาน บวกกับแดงที่แปลว่าความเร่าร้อน กิเลส ตัณหา สงคราม และความรักอีกด้วย
- หลังจากกลุ่มผู้กำกับมีแนวคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว พวกเขานำโครงการไปปรึกษา ปรัชญา ปิ่นแก้ว แล้ว ปรัชญา ก็นำไปเสนอผู้อำนวยการสร้าง เสี่ยเจียง - สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ อีกที จนพวกเขาได้รับไฟเขียวให้เริ่มสร้าง และได้ อ๊อด - บัณฑิต ทองดี และ ปรัชญา เอง เข้ามาเป็นที่ปรึกษาเรื่องขอบเขตของฉากหวือหวาว่าจะทำได้มากแค่ไหนโดยที่ยังคงฉายได้
- แรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์ตอน ปรารถนา ของผู้กำกับ เอม - กิตติยาภรณ์ กลางสุรินทร์ เกิดจากการที่ เอม ชื่นชอบการนวด การสัก และการเดินเที่ยวที่ถนนข้าวสาร ที่ซึ่งเธอนำมาใช้เป็นฉากในเรื่อง นอกจากนี้คนที่ทำงานอยู่ที่นั่นหลายคนยังเป็นแรงบันดาลใจให้ เอม ถ่ายทอดแนวคิดที่ว่าคนทุกอาชีพมีคุณค่า เอม จึงให้ตัวละคร ส้ม ที่รับบทโดย อุ้ม - ลักขณา วัธนวงส์ศิริ และ อิฐ ที่รับบทโดย บลูม - วรินทร ญารุจนนทน์ ทำอาชีพนวดแผนไทยกับช่างสักตามลำดับ
- ในตอน ปรารถนา มีฉากที่เห็นรอยสักลายนกยูงและลายแมว ซึ่งเป็นลายที่ผู้กำกับ เอม - กิตติยาภรณ์ กลางสุรินทร์ จงใจเลือกมาใช้เป็นสัญลักษณ์ในเรื่อง เนื่องจากนกยูงเป็นสัตว์ที่ไม่ยอมลำแพนง่ายๆ จนกว่าจะพบคู่ที่ถูกใจ ส่วนแมวเป็นสัตว์ที่เดาใจยาก ไม่อยู่กับที่ แต่สุดท้ายก็จะกลับมาที่เดิม เปรียบเสมือนตัวละคร 2 ตัวที่ต่างเดาใจกันยาก แต่ได้พบกันทุกวัน
- ในตอน ปรารถนา ตัวละครหนุ่มช่างสัก อิฐ ที่รับบทโดย บลูม - วรินทร ญารุจนนทน์ ไม่เก็บเงินค่าสักกับ ส้ม ที่รับบทโดย อุ้ม - ลักขณา วัธนวงส์ศิริ เนื่องจากผู้กำกับ เอม - กิตติยาภรณ์ กลางสุรินทร์ รู้มาจากเพื่อนที่ทำงานในร้านสักว่า เมื่อช่างสักพอใจหรือถูกใจใครแล้ว พวกเขามักจะสักให้โดยไม่คิดเงิน
- ในตอน ปรารถนา รูปผู้หญิงและรูปนกยูงที่อยู่ในสมุดของ ส้ม ที่รับบทโดย อุ้ม - ลักขณา วัธนวงส์ศิริ นั้น ผู้กำกับ เอม - กิตติยาภรณ์ กลางสุรินทร์ เป็นคนวาดเอง
- ผู้กำกับ เอม - กิตติยาภรณ์ กลางสุรินทร์ เน้นการทำงานที่ให้เกียรตินักแสดง โดยเฉพาะ อุ้ม - ลักขณา วัธนวงส์ศิริ ที่รับบท ส้ม ก่อนถ่ายทำ เอม นำภาพและฉากในภาพยนตร์เรื่องหนึ่งมาใช้อธิบายเรื่องมุมกล้อง จากนั้นตั้งใจว่าจะให้ตากล้องกดบันทึกภาพทิ้งไว้แล้วออกจากห้องไปขณะ อุ้ม แสดง แต่ อุ้ม บอกว่าไม่เป็นไร ขณะถ่ายทำจึงมี เอม กับฝ่ายดูแลความต่อเนื่อง 2 คนเท่านั้นที่อยู่ในห้องดูมอนิเตอร์ และเมื่อถ่ายทำเสร็จแต่ละครั้ง เอม จะให้ อุ้ม ดูภาพก่อนว่าพอใจหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตอนที่ผู้กำกับและนักแสดงคุยกันครั้งแรก เอม เคยพูดจน อุ้ม ร้องไห้มาแล้ว
- เอม - กิตติยาภรณ์ กลางสุรินทร์ ผู้กำกับตอน ปรารถนา ให้ อุ้ม - ลักขณา วัธนวงส์ศิริ ที่รับบทเป็นสาวนวดแผนไทย ส้ม ไปเรียนการนวด โดยที่ เอม เลือกมาแล้วว่าจะใช้ท่าไหน และสั่งห้ามไม่ให้ อุ้ม กันคิ้ว เพราะอยากให้ดูเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ ส่วน บลูม - วรินทร ญารุจนนทน์ ที่รับบทเป็นหนุ่มช่างสัก อิฐ นั้น เอม ให้ไปซ้อมประกอบเครื่องมือและเรียนรู้กับช่างจริงๆ และขอให้เตรียมร่างกายให้ดูมีกล้าม ก่อนที่จะให้ช่างแต่งหน้าแต่งผิวของ บลูม ให้เข้มขึ้นอีกก่อนเข้าฉาก
- ตลอดช่วงการเตรียมการแสดงสำหรับตอน ปรารถนา ผู้กำกับ เอม - กิตติยาภรณ์ กลางสุรินทร์ ไม่ให้ อุ้ม - ลักขณา วัธนวงส์ศิริ ที่รับบท ส้ม และ บลูม - วรินทร ญารุจนนทน์ ที่รับบท อิฐ ได้พบกัน เพราะ เอม อยากให้ทั้งคู่พบกันครั้งแรกในตอนถ่ายทำเลย เพื่อให้มีความรู้สึกเขินอายจริงๆ เช่นเดียวกับในบทภาพยนตร์
- ก่อนจะกลายมาเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้ กลุ่มผู้สร้างเคยปรึกษากันหลายครั้งว่าอาจจะสร้างภาพยนตร์แนวอื่นๆ เช่น ชีวิต ตลก รัก และผี แต่สุดท้ายก็มาลงตัวที่แนวอีโรติก เพราะทุกคนเห็นต่างกันน้อยที่สุด และต่างคิดว่าเป็นแนวที่ท้าทายความสามารถ และพอมีช่องทางที่นายทุนจะสนใจ
- ต้น - ภาณุมาส ดีสัตถา ผู้กำกับตอน โสบนเตียง เล่าว่า เรื่องราวในตอนนี้เรียบง่ายไม่ซับซ้อน เขาจึงเติมความเข้มข้นด้วยฉากเร่าร้อนจำนวนมาก โดยใช้ขอบเขตความรุนแรงเท่าที่จะเป็นไปได้ คือไม่ให้เห็นอวัยวะเพศ ฉากเร่าร้อนนี้จึงมีเกินร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับการเล่าเรื่อง จนกลายเป็นตอนที่มีความหวือหวาที่สุด อย่างไรก็ตาม ต้น ยืนยันว่าเขาสนใจเรื่องแนวคิดมากกว่า ภาพที่หวือหวานั้นเป็นเพียงสีสันของเรื่องเท่านั้น
- ต้น - ภาณุมาส ดีสัตถา ผู้กำกับตอน โสบนเตียง เปิดเผยว่า ฉากที่กำกับยากที่สุดสำหรับเขา คือฉากบนเตียงในโรงแรมที่ ปั๋ง - ประกาศิต โบสุวรรณ ต้องบรรจงจูบ ครี - พัสวีพิชญ์ ศรณ์อัครภา ตั้งแต่รองเท้าไปจนถึงปาก เนื่องจากเป็นฉากที่ถ่ายแบบต่อเนื่องโดยไม่มีการตัด ซึ่งต้องใช้เวลานานมาก แต่การถ่ายทำก็ผ่านไปด้วยดี โดยถ่ายเพียงแค่ 2 เทกเท่านั้น
- อุ้ม - ลักขณา วัธนวงส์ศิริ ผู้รับบทสาวนวดแผนโบราณ ส้ม ในตอน ปรารถนา รู้สึกเครียดที่ต้องแสดงฉากรักเร่าร้อนกับ บลูม - วรินทร ญารุจนนทน์ ผู้รับบทหนุ่มช่างสัก อิฐ จึงปรึกษากับคุณแม่และผู้กำกับ เอม - กิตติยาภรณ์ กลางสุรินทร์ อย่างละเอียด ในวันที่เข้าฉาก อุ้ม ไม่กล้ารับประทานอาหารเช้าเพราะกลัวหุ่นไม่ดี เมื่อไปถึงกองถ่ายก็นั่งเครียดอยู่นาน กระทั่งเริ่มถ่ายทำแบบยาวต่อเนื่องโดยไม่มีการตัด ประมาณ 3 เทกจึงผ่าน กินเวลาไปหลายชั่วโมง หลังจากนั้น อุ้ม กลับไม่กล้าชมการแสดงของตัวเองเพราะรู้สึกเขิน
- หลังจาก แอ๊นซ์ - นัฏฐกันย์ อนุมาตรฉิมพลี เข้าไปคัดเลือกการแสดงและได้รับบทภาพยนตร์มาอ่าน แอ๊นซ์ นำบทไปปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ก่อน ซึ่งพวกท่านก็มองว่ามันเป็นเพียงการแสดงจึงอนุญาต แอ๊นซ์ จึงตกลงรับบทเป็น ต่าย ในตอน รักต้องลุ้น
- ในตอน รักต้องลุ้น แอ๊นซ์ - นัฏฐกันย์ อนุมาตรฉิมพลี ผู้รับบท ต่าย และ กร - จิตติกร สรจันทร์ ผู้รับบท โจ๊ก ต้องแสดงคู่กันตลอดเรื่อง ผู้กำกับ โอ - ศาสตร์ ตันเจริญ จึงให้ทั้งคู่ฝึกการแสดงร่วมกัน ทำให้คุ้นเคยกันพอสมควรก่อนถ่ายทำจริง
- นักแสดงทั้ง 2 คนในตอน รักต้องลุ้น ทั้ง แอ๊นซ์ - นัฏฐกันย์ อนุมาตรฉิมพลี ผู้รับบท ต่าย และ กร - จิตติกร สรจันทร์ ผู้รับบท โจ๊ก ต่างก็เป็นนักแสดงหน้าใหม่ทั้งคู่ แม้ก่อนหน้านี้ โจ๊ก จะเคยแสดงภาพยนตร์สั้นมาบ้างก็ตาม
- กร - จิตติกร สรจันทร์ ได้มารับบท โจ๊ก ในตอน รักต้องลุ้น เพราะอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแนะนำให้ลองมาทดสอบหน้ากล้อง
advertisement
วันนี้ในอดีต
Van Helsingเข้าฉายปี 2004 แสดง Hugh Jackman, Kate Beckinsale, Richard Roxburgh
Star Trekเข้าฉายปี 2009 แสดง Chris Pine, Zachary Quinto, Eric Bana
เกร็ดภาพยนตร์
เปิดกรุภาพยนตร์
Six Minutes to Midnight
เรื่องราวสุดเข้มข้นของสายลับอังกฤษ กับภารกิจแฝงตัวในโรงเรียนนาซี เพื่อค้นหาความจริง และความลับที่อาจจุดชนวนสงครามโลกครั...อ่านต่อ»