วิจารณ์ Skyline

วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 13 พ.ย. 53 19:19

    ตอนดูตัวอย่างหนังน่าดูมากๆเลยค่ะ พอเข้าไปดูในโรงฉากเด็ดๆของหนังก็มีเท่าที่เห็นในตัวอย่าง เลยไม่มีอะไรตื่นเต้นตื่นตาเท่าไหร่

    พวกCG ยอมรับว่าทำออกมาได้ดี ก็เป็นทีมสร้าง 2012 กับ อวตาร สัตว์ประหลาดต่างๆก็น่ากลัว สมจริง อลังการณ์งานสร้าง เสียดายมากที่ไม่มีผู้กำกับที่เก่ง เล่าเรื่องเก่งกว่านี้ มือเขียนบทดีๆ ไม่งั้น หนังน่าจะเป็นที่จดจำได้ดีกว่านี้ .......

    เชื่อมั๊ยคะว่าตอนดูหนังจบนี่ทุกคนในโรงไม่มีใครลุกออกจากโรงเลย จนเลยเครดิต เปิดไฟไปแล้วถึงได้ลุกออกกัน ไม่รู้ว่าแต่ละคนซาบซึ้งหรืออึ้งกับตอนจบกันแน่ ความรู้สึกของตัวเองตอนดูจบนี่รู้สึกว่า " นี่เราโดนหลอกให้เข้าไปดูหรือนี่? " พยายามตั้งคำถามแบบแง่บวกกับผู้กำกับว่า .....
    - ที่หนังออกมาเป็นแบบนี้เพราะอยากให้มันดูแนวหรือเปล่า?
    - หรือทุนสร้างหมดตอนจบเลยออกมาแค่นั้น?
    - เป็นหนังที่เหมือนจะทิ้งให้คิด แต่สรุปแล้วคนดูก็รู้เรื่องราวเท่ากับผู้กำกับ คือหาข้อสรุปที่มาที่ไปไม่ได้สักอย่าง

    สรุป : ส่วนตัวคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดู1ครั้งแล้วคงไม่ดูซ้ำอีกรอบ เว้นแต่จะต้องดูเพราะเอาพวก CG มาเป็น reference ในการทำงาน

  • เมื่อ 13 พ.ย. 53 18:05

    เอฟเฟก สุดยอดครับ
    แต่หนังไม่มีอะไรมากเท่าไหร่
    ส่วนตัวไม่ค่อยติดใจนัก

    วันพุธน่าจะคุ้มที่สุดครับ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 13 พ.ย. 53 18:05

    ออกแนวเกรดบีเล็กๆ - -

  • เมื่อ 13 พ.ย. 53 02:08

    มันไม่แย่ขนาดคะแนน 6.5 หรอกนะ ควรได้ มากกว่า 7

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 12 พ.ย. 53 23:07

    เป็นหนังที่ให้ความบันเทิงได้ CG กระการตา ไม่เสียดายตังค์ เเต่ว่าไม่มีอะไรน่าจดจำ เเละไม่มีอะไรให้เก็บไปคิดเท่าไหร่ ถ้าใครชอบหนังทำลายล้าง ภัุยพิบัติ ของ โรเเลน เอมเมอริช(2012) หรือหนังเเอคชั่น ขายCGในเเบบ สตีเฟ่น ซอมเมอร์(Van helsing) ก็ไม่ผิดหวัง
    ส่วนให้ 7.5 อุตส่าห์ขัดเกลา CG ซะเนียน ตัดคะเเนนตรงที่เนื้อหาเป็นสูตรสำเร็จ ไม่มีอะไรเเปลกใหม่

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 12 พ.ย. 53 22:17

    ตอนจบ ทำไปได้...

    (สรุป เสียดายเงิน 200 บาท)

  • เมื่อ 12 พ.ย. 53 22:13

    คุณป่านคุงครับ

    ผมว่าหนังมันน่าจะเชื่อเรื่องว่า ดริสทริก 9 นะครับ ^^

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 12 พ.ย. 53 21:33

    เหมือนไม่รู้จะจบยังไงดี เลยเล่นยังงั้นซะดื้อๆ จะมีภาคต่อไปเปล่าก็ไม่รู้ แต่ Effect ทำได้ดี พอมีลุ้นอยู่หน่อย ให้ 7.5/10

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 12 พ.ย. 53 21:11

    ผมไม่ได้คาดหวังอยู่แล้ว ดูก็เลยสนุกดีก็ตรงความน่าติดตาม ตอนจบผมว่าออกทะเลไปหน่อยแต่ก็ยังมีความน่าติดตามต่อไม่รู้จะได้ดูภาคสองหรือเปล่า

  • เมื่อ 12 พ.ย. 53 16:10

    (วิจารณ์) Skyline : คุณจะทำอย่างไรเมื่อเอเลี่ยนบุกโลก ?

    เห็นกระแสหนังออกมาก่อนฉายก็บูมอยู่หรอก และฉายวันแรก ก็มีคนมาบอกละว่า "ไม่หนุกเลย" หรือ "ผิดจากที่คาดหวังเอาไว้" และแม้แต่ "เห็นชื่อผู้กำกับก็ไม่อยากดูแล้ว" ซึ่งจริงๆ ผมว่ามันแล้วแต่คนมากกว่า อย่าง Cats and Dogs 2 ที่หลายคนบอกไม่สนุก แต่ผมดูแล้วมันส์โคตร (และเล็งจะซื้อเป็นบลูเรย์เก็บไว้ด้วย) แต่อย่างไรก็ตาม บัตรดูหนังราคาพิเศษ 50 บาทของผมยังเหลืออื้อ ก็เลยไปดูซะ (ฮา)

    ก่อน ดูหนังนั้น ผมแบกโน๊ตบุคไปด้วย เพราะเผื่อระหว่างรอจะได้ทำงานไปรอไป แต่หนังที่ฉายไวที่สุดก็คืออีก 10 นาทีและมีเสียงไทย ผมก็ ไม่ซีเรียส เพราะมีคนบอกมาแล้วว่าพันทมิตรพากษ์ ก็เลยไปดูซะ แต่ก็เจอด่านพนักงานของเมเจอร์มาดักไว้แล้วก็ขอตรวจค้นกระเป๋าจนเจอโน๊ตบุ คแล้วก็ขอฝากเอาไว้ (ดูที่นี่มาหลายเรื่อง แบกโน๊ตบุคเข้าไปทุกรอบ เพิ่งมาเจอเรื่องนี้ที่ห้ามเอาเข้า) แต่ก็ไม่ซีเรียส เพราะยังไงผมก็รักษากฎไม่แอบบันทึกหรือถ่ายอยู่แล้ว แต่แปลกดีนะ มือถือผมเอาเข้าไปได้ แต่โน๊ตบุคกลับเก็บซะงั้น

    เนื้อเรื่อง

    กลุ่ม ของพระเอกมาฉลองงานวันเกิดให้กับเพื่อน แต่เช้าวันต่อมา จู่ๆมีแสงสีฟ้ามาดูดคนทั้งเมืองไป พร้อมกับยานเอเลี่ยนลำใหญ่ พวกเขาจึงต้องหาทางเอาชีวิตให้รอดจากหายนะนี้

    จบเนื้อเรื่องเด้อ

    เอาหละ มาวิจารณ์กัน ผมจะพยายามไม่ให้มีสปอยนะ

    หลาย คนตั้งความหวังว่า หนังมันคงออกมาหายนะถล่มโลกเหมือน 2012 หรือจะออกมาดีเด่นแบบหนังทุนตํ่า ไดเรท 9 (เขียนงี้ปะ) ผมจะบอกว่า อย่าไปคิดแบบนั้นนะครับ เพราะหนังคนละแบบ เนื้อเรื่องคนละอย่าง จุดขายของหนังก็คนละแบบด้วย แต่ถ้าถามว่า มันอลังการพอไหมสำหรับหนังทุนตํ่า 20 ล้าน ? ผมว่าโอเคเลยนะ

    ในเนื้อเรื่องนั้นจะดำเนินเหตุการณ์ คล้ายๆกับหนัง คอเวอร์ฟิลด์ (เขียนงี้ปะ) หรือภัยพิบัติ อสูรกายถล่มเมืองนั่นแหละ เอาง่ายๆ ก็คือ หนังถ่ายทอดกับคนธรรมดาในเมืองที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย นอกจากรู้แต่ว่าอย่ามองแสงสีฟ้า และมีเอเลี่ยนมาลักพาตัวมนุษย์พวกเราไป เพื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่สำหรับหนังเรื่องนี้ทำออกมาแตกต่างจากคอเวอร์ฟิลด์ ตรงที่ว่า หนังไม่ได้ถ่ายทอดเฉพาะในเทปวีดีโอ แต่เป็นการถ่ายทอดมุมมองต่างๆ ให้เห็นมุมมองหลายแบบด้วย เช่น ฉากบางฉากในคอร์เวอร์ฟิลด์ คุณจะเห็นมีเครื่องบินหรือทหารยิงสัตว์ประหลาดแค่แว้บเดียว แต่ในหนังเรื่องนี้ก็จะได้เห็นทุกมุมมองเลย แต่ก็ไม่ทั้งหมด

    กลุ่ม ของพวกพระเอกนั้นแทบไม่ได้รู้เรื่องอะไรกันเลย ตัวเองมาดิ้นๆ ฉลองวันเกิดเพื่อน แต่เช้ามืด จู่ๆ เพื่อนก็โดนแสงดึงหายไปคนหนึ่ง และท่ามกลางความวิตกกังวล ไม่มีใครรู้ว่า นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะ ?

    และเป็นคุณจะทำอย่างไร ? หาทางหนี ? หรือจะซ่อนตัวไปเรื่อยๆ เพื่อรอคนมาช่วย ?

    กลุ่ม ของตัวเอกนั้น จะมีความขัดแย้งกันหลายเรื่อง และมีความเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งตรงนี้มันถ่ายทอดความเป็นตัวเราออกมา เป็นต้นว่า คุณจะทำยังไง มีความเห็นอย่างไร แต่ในหนังนั้นไม่ต้องห่วงว่ามันจะดราม่ามาก เพราะแค่เหตุการณ์ในเรื่องก็เครียดพออยู่แล้ว

    ฉากสถานที่ในการถ่ายทำ นั้นเหมือนจะถ่ายกันแค่ตึกๆ เดียว ทีนี้คำถามหลายคนก็คือ แล้วที่อื่นหละ ? ถูกครับ ในหนังเอเลี่ยนบุกโลกเอย หนังสัตว์ประหลาดเอย คุณก็ต้องอยากรู้เห็นสิ่งต่างๆ ที่อื่นบ้าง แต่สำหรับในเรื่องนี้ ก็เหมือนพวกเรา ทุกคนก็อยากรู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ก็ไม่มีทางรู้ นั่นยิ่งทำให้ความกลัวของตัวละครถ่ายทอดออกมาจนพวกเราที่ดูๆ รู้สึกกันด้วย

    ตัว หนังดำเนินออกมา ผมบอกตรงๆ เรียกได้ว่าคล้าย คอร์เวอร์ฟิลด์ เลยจะดีกว่า ทั้งปาร์ตี้วันเกิดเพื่อน , ปัญหาที่ตัวเอกมีกับนางเอก และจู่ๆ ตัวอะไรก็ไม่รู้บุกเมือง การดำเนินเรื่องเหมือนกันเด๊ะ แต่ต่างตรงที่ว่ามันไม่ได้ยืดเหมือนคอร์เฟอร์ฟิลด์เท่านั้นเอง

    มุม กล้องและฉากต่างๆ ในเรื่องนับว่าเป็นจุดเด่น เพราะถ้าคุณดูหนังอย่าง คอร์เวอร์ฟิลด์ ไม่ได้ คุณสามารถดูเรื่องนี้แทนได้ (เพราะมันคล้ายๆ กัน) เพราะมุมกล้อง ต่างๆ ไม่เคยทำให้คุณปวดตา ยกเว้นตอน ... ที่จะดูไม่รู้เรื่องบ้าง (ดังนั้นเตือน ใครที่ชอบซื้อแผ่นผีหรือโหลดหนังซูม ฉากดังกล่าวคุณจะดูไม่รู้เรื่องเลย)

    เสียงประกอบเป็นอีกจุดเด่นของ หนังเรื่องนี้โคตรๆ คุณจะได้สัมผัสถึงแรงกดดันของเก้าอี้ที่สั่นไหวราวกับอยู่ในสถานที่จริง เสียงประกอบเอฟเฟคต่างๆ นั้นสมจริงมาก และสามารถดึงดูดอารมณ์คนดูได้เป็นอย่างดี

    ทางด้านเอฟเฟคนั้นผมต้องยก นิ้วให้ สมกับเป็นทีมสร้างเอฟเฟคระดับพระกาฬที่ผ่านงานหนังดังๆ หลายเรื่องมาแล้ว เรียกได้ว่า ต่อให้ไปดูเอฟเฟคอย่างเดียว ถามว่าคุ้มไหม ผมไม่ขอบอกว่าคุ้มจะดีกว่า แค่น่าจะประมาณว่า ไม่เสียดายความรู้สึกที่อยากไปดูแต่เอฟเฟค

    เสียงพากษ์ไทยของพันทมิตร นั้นบอกได้ว่าไม่ทำให้ผิดหวัง แม้ว่าบางครั้งเสียงจะไม่สื่ออารมณ์ออกมาถึงขีดสุด แต่ผมว่าดีกว่าหนังบางเรื่องที่ทีมพากษ์จืดๆ มาพากษ์ เรื่องนี้ทีมพันทมิตรยังสร้างอารมณ์ได้ดีกว่า และยังมีปล่อยมุขออกมาบ้าง ทำให้ช่วงแรกๆ ของหนังไม่ค่อยน่าเบื่อ ราวกับว่าทีมงานพันทมิตรจะเอาหนังคอร์เวอร์ฟิลด์เป็นตัวอย่าง (ที่ดูกันแรกๆ แล้วอยากหลับ)

    ทีนี้หละ ผมขอสับแหลกละนะ

    อำดับแรก ผมต้องถามหลายๆ คนที่อยากไปดูก่อนว่า คุณอยากไปดูอะไร ? อยากดูเอฟเฟคถล่มเมือง ถล่มยานสัตว์ประหลาดให้บ้าคลั่ง หรืออยากดูมหาสงครามระหว่างโลกกับเอเลี่ยนแบบ ID4 ผมขอบอกว่า "อย่าตั้งความหวังขนาดนั้น" เพราะหนังไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย

    หนังถ่าย ทอดการเอาชีวิตรอดของคนกลุ่มหนึ่ง แน่นอนว่ามันมีกลิ่นอายคล้ายคอร์เวอร์ฟิลด์ แต่ผมจะบอกว่า คนละชั้น คนละเกรด เพราะความแตกต่างดังนี้
    - คอร์เวอร์ฟิลด์ มีการถ่ายทอดการเดินทางของกลุ่มตัวเอกหลายสถานที่ และรู้ความจริงกว่า
    - สกายลาย มีฉากแค่ฉากเดียว ก็คือตึกเพนด์เฮ้าท์ที่ตัวเอกอยู่เท่านั้น ไม่เคยมีสถานที่อื่นให้เห็นเลย
    - ในคอร์เวอร์ฟิลด์ พวกตัวเอกยังพอรู้อะไรบ้าง
    - แต่ในสกายลาย แทบไม่รู้เรื่องอะไรเลย

    หนังถ่ายทอดความรู้สึกหวาดกลัวและการเอาชีวิตรอดของตัวเอกได้เป็นอย่างดี แต่สุดท้ายแล้ว มันก็ยังไม่ดีพอ

    ตรง นี้ผมขอสปอยนิดนึง ตอนจบของเรื่อง มันทำให้ผมนึกถึงเกม PCเกมหนึ่งไม่มีผิดเพี้ยน และอย่างที่หลายๆคนบอก "มันจบดื้อๆ" ซึ่งผมว่ามันเป็นความพลาดร้ายแรงของตัวหนัง เพราะจุดสำคัญก็คือตอนจบ ถูก ที่ตอนจบจะมี 2 แบบ ไม่แฮปปี้เอนสะดิ้ง ก็ต้องจบแบบหมดหวัง แต่สำหรับเรื่องนี้ มันจบแบบนั้นเลย เหมือนจะมีภาคต่อก็ไม่ใช่ จะไม่มีก็ไม่เชิง

    ในคอร์เวอร์ฟิลด์ ตอนจบยังมีเขียนตอนตอนต้นหนังว่า "เป็นเทปที่เก็บกู้ได้" ก็ยังหมายความว่า เหตุการณ์ยังผ่านไปได้ด้วยดี แต่เรื่องนี้ มันมะช่ายยยย ผมเห็นแล้วยังรู้สึกเลยว่า "อะไรว่ะ" แล้วเหตุการณ์ต่อจากนั้นจะเป็นยังไง เราก็ยังไม่รู้ เพราะสูตรของหนังเอเลี่ยนหรือสัตว์ประหลาด คนดูเขาก็ต้องอยากรู้เหตุการณ์ละว่า มันเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น แต่นี่ตัดจบ เหมือนกลั่นแกล้งคนดูอย่างไรก็ไม่รู้

    การดำเนินเรื่องของหนังนั้น ใช่ว่าจะเดาง่ายก็ไม่เชิง เพราะยังมีการหักมุมบ้าง (อย่างที่บอก คล้ายๆเกม PC เลย) และสำคัญก็คือ ตัวหนังถ่ายทอดออกมาไม่หมด มันทำให้คนดูอารมณ์ค้าง ซึ่งตรงนี้คงต้องดูตอนแผ่นออกอีกทีว่าฉากที่เขาตัดๆ ออก มันให้คำตอบพวกนี้เอาไว้รึเปล่า

    มีอีกจุดที่ผมเห็นแล้วต้องส่ายหัว ก็คือการถ่ายฉากแล้วให้ตัวละครเดินไปเดินมาแล้วรันภาพไวๆ ผมว่ามันไม่เข้ากับอารมณ์ของหนัง + เพลงประกอบขณะนั้นเลย เป็นผม ผมจะถ่ายรูปนาฬิกาแล้วสลับภาพว่าเวลาผ่านมานานแค่ไหนยังเวิร์คกว่า

    ถึง แม้ว่าเอฟเฟคต่างๆ และมุมมองกล้องจะสามารถเติมเต็มอารมณ์ของคนดูได้ แต่แน่นอนว่าคนดูเขาคาดหวังอะไร ? มันเลยทำให้ผมมีความรู้สึกว่า ไอ้เหตุการณ์ในสกายลายเนี่ย มันยังไม่จบด้วยซํ้า มันต้องมีต่อสิ

    ดัง นั้นสำหรับผมในฐานะคนดูที่แอบคาดหวังเล็กๆ แล้ว ถามว่า โดยส่วนตัวแล้วผิดหวังไหม ก็ต้องยอมรับว่า ใช่ แต่ไม่ทั้งหมด เพราะตัวหนังยังแสดงถึงความอลังการอยู่เยอะมาก ชนิดที่ว่า แค่ทุนสร้าง 20 ล้านผมว่าโอเคแล้วหละ เพราะถ้าหนังได้ทุนสร้างมากกว่านี้ ผมเชื่อว่ามันต้องดีกว่านี้ มาก แน่ๆ

    สรุปง่ายๆ
    - ควรไปดูไหม
    ตอบ - ถ้าต้องการเสพเอฟเฟค ดูแบบไม่คิดอะไรมาก ดูแบบเอาสนุก ไปเลยครับ แต่ถ้าคาดหวังให้ออกมาดีเลิศ อย่าไปดูเลย

    - คุ้มค่าตั๋วไหม ?
    ตอบ - ผมว่าคุ้มในราคา 70 - 80 บาท มากกว่า ดังนั้นรอไปดูตอนลดราคาเวิร์คกว่า

    - ควรซื้อแผ่นเก็บไว้ไหม ?
    ตอบ - สำหรับคนที่ไม่เคยดู แนะนำให้ซื้อ DVD เพระภาพและเสียงงามมาก แต่ก็ไม่เหมาะที่จะมาดูซํ้าแล้วซํ้าอีก เหมาะแก่การดูแค่ 2 - 3 รอบเท่านั้น

    - หนังนี้เด็กดูได้ไหม
    ตอบ - ได้ เพราะหนังขายความกลัวส่วนหนึ่ง ซึ่งเด็กจะไม่คิดมาก แต่ผู้ใหญ่อย่างพวกเรา อาจผิดหวัง ถ้าคาดหวังมาก

    คะแนน - 6.9 / 10.00

    เหตุผลที่ตัดคะแนน
    - ฉากจบที่ดันไม่ทำให้จบ เล่นทำเอาอารมณ์ค้าง
    - ฉากในการถ่ายทำมีแค่สถานที่เดียว
    - ไอ้เอเลี่ยนมันจะโหดเกินไปแล้ว (โว้ย)
    - เนื้อเรื่องมีกลิ่นอายคอร์เวอร์ฟิลด์เกินไป ทำให้ไม่มีจุดเด่นเป็นของตัวเอง ถ้าไม่มีเอเลี่ยนมาดูดคน
    - ความสมเหตุสมผลยังน้อยไปหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับตรงกันข้ามกับความเป็นจริง
    - หนังทำออกมาเน้นดูเอาสนุก มันส์ อย่างเดียว แต่ไร้ที่มาให้ศึกษาต่อ เด็กดูได้ แต่ผู้ใหญ่ดูแล้วผิดหวัง
    - หนังยังตอบโจทย์ออกมาได้ไม่ดีนัก ถ้าเพิ่มเนื้อเรื่อง เพิ่มเหตุการณ์มากกว่านี้ และเปลี่ยนตอนจบที่เวิร์คกว่านี้ มันจะเป็นหนังฟอร์มดีเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

    ปล. พอดีใช้ตั๋วปอร์นคอร์นและนํ้าดื่มฟรี (จริงๆไม่ฟรีหรอกจากการโดนให้สมัคร M-Card งะ T^T) แต่พนักงานเล่นยัดปอร์บคอร์นและนํ้าดื่มให้เต็มแน่นเชียว ต้องขอชื่นชมพนักงานเมเจอร์สาขารามคำแหงมากครับ

มีทั้งหมด 61 วิจารณ์ หน้าที่ 4 [ก่อนหน้า] 1 2 3 4 5 6 7 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • โบอา...งูยักษ์โบอา...งูยักษ์เข้าฉายปี 2006 แสดง นพพันธ์ บุญใหญ่, สิทธา เลิศศรีมงคล, พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์
  • ล่า-ท้า-ผีล่า-ท้า-ผีเข้าฉายปี 2006 แสดง พชรพล จั่นเที่ยง, ปองศักดิ์ รัตนพงษ์, ศุภัทรศิริ ปฐมนุพงษ์
  • เกมล้มโต๊ะเกมล้มโต๊ะเข้าฉายปี 2001 แสดง สุรัตนาวี สุวิพร, ธีรนัย สุวรรณหอม, บริวัตร อยู่โต

เกร็ดภาพยนตร์

  • A Million Ways to Die in the West - ชาร์ลีซ เธอรอน ต้องสวมผมปลอมขณะแสดงบท แอนนา เพราะเธอโกนหัวเพื่อแสดงภาพยนตร์เรื่อง Mad Max: Fury Road (2015) อ่านต่อ»
  • ทาสรักอสูร - เอ็ม - บุษราคัม วงษ์คำเหลา เป็นคนเสนอให้คุณพ่อ หม่ำ - เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา ผู้รับหน้าที่เป็นผู้กำกับและนักแสดงบท นายหัวเพิ่ม คุยกับ พิ้งกี้ - สาวิกา ไชยเดช เพื่อนของ เอ็ม เพื่อรับบท อู้อี้ ซึ่ง พิงกี้ ก็ตกลงรับบทนี้ อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Billie Billie บิลลี ฮอลิเดย์ เกิดในครอบครัวคนผิวดำผู้ยากจน พ่อแม่ยกเธอให้คนอื่นเลี้ยงดู เด็กหญิงถูกข่มขืนตอนอายุ 11 จากผู้ชายข้างบ้าน...อ่านต่อ»