วิจารณ์ The Green Hornet

วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 8 ก.พ. 54 15:20

    พอเข้าโรงหนัง แอร์เย็นๆ มันช่างทำให้ง่วงจิงๆ แต่พอหนังเริ่มฉ่ายแล้ว
    เริ่มตาสว่าง ดูตั้งแต่ต้นจนจบคับ โอเค คับ ฮาๆ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 7 ก.พ. 54 19:33

    มาดูเรื่องนี้หลงรักเจย์โชว์เลยค่ะ ฮ่าๆ
    โดยรวมถือว่า สนุก+ฮา
    เป็นหนังที่ดูแล้วไม่เครียด พอคลาย มันส์ ^^

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 7 ก.พ. 54 18:35

    (วิจารณ์)

    จริงๆ ผมจะบอกว่า เห็นโปสเตอร์เรื่องนี้กับดูตัวอย่างแล้วรู้สึก เฉยๆ มาก อาจเป็นเพราะผมอาจคิดว่าหนังออกแนวฮีโร่ที่เป็นคนธรรมดาสู้กับแก๊งมาเฟีย ธรรมดา ไม่มีไรแปลกใหม่ และก็ได้ข่าวลือมาเหมือนกันว่าคะแนนโหวตเรื่องนี้ออกมาค่อนข้างน้อย แต่เมื่อผมมองดูแต้มสะสมแล้ว ก็พบว่า เวร มันจะหมดอายุแล้วนี่หว่า และช่วงนี้หนังที่น่าดูในโรงจริงๆ ดันมีไม่กี่เรื่อง ก็เลยไปดู ไปดูแบบไม่ได้ตั้งใจไปดูด้วยครับ ตื่นสาย (เพราะดูได้แค่รอบแรกรอบเดียว) ก็ต้องเสียเงินนั่งแท็กซี่มาดู แถมเผลอทำแบงค์ 100 นึงหายในแท็กซี่อีก คุ้มไหมเนี่ย =_=

    เล่าก่อนวิจารณ์ แถมก่อนดู ผมดันฝันว่าผมไปดูที่โรงหนังสาขาเอกมัย แล้วดันเข้าผิดโรง เป็นหนังอะไรไม่รู้ที่ไม่มีซับ พอเดินไปที่หน้าช่องขายตั๋ว ปรากฎว่าผมไปดูรอบสุดท้าย ผู้จัดการสาขาก็เอาบิลใบเสร็จมาแม็กกับตั๋วหนังแล้วเขียนไว้ว่า ดูเรื่องอื่นได้ฟรี แต่หมดอายุพรุ่งนี้ แต่ต้องจ่ายค่าตั๋วอีก 10 บาท สรุปก็คือในความฝันผมไม่ได้ดู

    เนื้อเรื่อง

    รีต พระเอกหนุ่มของเราเป็นลูกเศรษฐี ที่วันๆ เล่นๆ ขำๆ หลีสาวไปวันๆ โดยพ่อของเขาเป็นผู้บริหารหนังสือพิมพ์รายเดียวในเมือง ปรากฎว่าเมื่อพ่อของเขาเสียชีวิตด้วยแพ้เหล็กไนผึ้ง ทำให้เขา (ที่ไม่มีความรู้อะไรเลย) ต้องมาสืบทอดกิจการของพ่อเขา และด้วยการที่เขาได้พบกับคนชงกาแฟประจำตระกูล คาโตะ (ที่เจย์โชว์อะไรเล่นเนี่ยแหละ) เพราะเขาชงกาแฟได้อร่อยมาก นั่นเพราะเขาประดิษฐ์เครื่องชงกาแฟสุดไฮเทคด้วยตนเอง เขาได้โชว์ด้วยว่าเขาได้ประดิษฐ์รถกันกระสุนและอื่นๆ ได้ด้วย

    ทั้ง คู่เกลียดพ่อตนเองเหมือนกัน ริต พระเอกหนุ่มของเราเกลียดพ่อ เพราะพ่อเป็นคนบ้างานและไม่ค่อยสนใจเขาเท่าไหร่ ส่วนคาโตะ ไม่ชอบเจ้านายตนเอง เพราะโดนดูถูกมาตลอด ทั้งคู่เลยแอบไปตัดหัวรูปปั้นพ่อของพระเอกที่สุสาน แล้วดันไปเจอกลุ่มคนร้ายทำร้ายร่างกายผู้หญิง ก็เลยไปช่วย พอไรต์เห็นความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดของเคโด้แล้ว ก็เลยคิดว่า น่าจะเป็นฮีโร่บ้าง และนั่นก็คือ การกำเนิด เดอะกรีน ฮอเนต ครับ

    วิจารณ์

    อัน นี้บอกได้เลยว่า ผมไม่ได้ศึกษาอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่เคยคาดหวังใดๆ ทั้งสิ้น แต่เมื่อผมไปดูแล้วก็อย่างที่ผมจั่วหัวเอาไว้ เรื่องนี้สนุกเกินคาด!!

    ตัวเนื้อเรื่องนั้นมันทำให้ผมนึกถึงอย่างแบ ทแมนและอินทรีแดงครับ เหมือนแบทแมนตรงที่ว่าพระเอกของเราเป็นลูกคนรวยเหมือนกัน มีความคิดบ้าๆ ที่อยากปราบคนชั่วเหมือนกัน แต่ที่ต่างก็คือ เรื่องนี้พระเอกของเราทำไรไม่เป็นเลย เพราะวันๆ ใช้ชีวิตเล่นๆ มาโดยตลอด ในขณะที่บรูช เวย์น แบทแมนนั้นมันเทพ ส่วนที่คล้ายอินทรีแดงก็คือ เป็นคนธรรมดาเหมือนกัน และศัตรูเป็นคนที่มีเอี่ยวเรื่องการเมืองเหมือนกัน ทั้งคู่ทำตัวเป็นคนร้ายและโดนตำรวจตามล่าเหมือนกัน และโดนคนร้ายหมายหัวเหมือนกัน แต่ที่ต่างก็คือ อินทรีแดงฆ่าโหดเลือดสาด 18+ ในขณะที่คู่หูพระเอกของเรา คาโตะ ไม่ค่อยยิงคน ถึงจะมียิงบ้างแต่ตัวหนังไม่ได้แสดงอารมณ์โหดๆ ออกมาเลยครับ

    แน่นอน ว่าด้วยการที่มันเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่แนวคนธรรมดา ผมคิดว่าทุกคนคงเดาเนื้อเรื่องได้ง่ายๆ แระ ตั้งแต่ การที่เป็นคู่หูกัน ก็ต้องมีทะเลาะกันบ้าง ดันไปชอบนางเอกคนเดียวกัน และสุดท้ายก็กลับมาคืนดีและปราบคนชั่วได้ จบข่าว ไม่ต้องไปดูหรอก (อ้าว) ล้อเล่น แต่จะบอกว่า ถึงเนื้อเรื่องจะเดาง่ายหรือพล็อตเรื่องไม่แตกต่างจากเรื่องอื่นก็ตาม แต่ที่ต่างก็คือ มุมมองในการนำเสนอ และ ข้อคิดที่ได้จากในเรื่อง ซึ่งตรงนี้ผมบอกได้เลยว่า สำหรับคนที่เรียนคณะสื่อสารมวลชน หรือ คนที่คิดจะเป็นนักข่าว ควรไปดูเรื่องนี้เป็นอย่างมากครับ แล้วคุณจะได้รู้ว่า ผู้ที่เป็นสื่อมวลชน ต้องทำอะไรให้สังคมบ้าง ?

    สิ่ง ที่แตกต่างจากเรื่องนี้ก็คือ รีต ไอ้พระเอกของเราทำไรไม่เป็น เตะต่อยไม่เป็น (อย่างมากก็วิวาท) ความรู้ในหัวมีหน่อย (ยังไม่ได้เรียนมหาลัยเลย คาดเดาได้ว่าผลเกรดตอน ม.ปลายคงออกมาร่อแร่) และหลีหญิง (ที่งาบง่าย) เก่ง ในขณะที่ คาโตะ เกิดมาในฐานะคนจน ไม่มีพ่อแม่ เตะต่อยเก่ง และดันสร้างอาวุธสร้างรถได้ทั้งคัน (ดูๆ ไปแล้วเหมือนจบมาจากคณะวิศวกรรมด้วยนะนั่นถึงประดิษฐ์ได้เองคนเดียว) เรียกได้ว่า ผลงานการสร้างสรรค์อาวุธชั้นเลิศนั้นเป็นผลงานของ คาโตะ แหละครับ

    คุณเคยมองคนที่ฐานะตํ่ากว่าคุณด้อยกว่าคุณไหม ? ผมคิดว่าหลายคนก็ต้องมองแบบนั้น เอาง่ายๆ ผมขอยกเรื่องนึงประมาณว่า ที่ชายทะเล มีหญิงแก่คนหนึ่งเดินเก็บขวดตามชายหาด แล้วส่งยิ้มให้เด็กที่มาเที่ยว พ่อแม่เด็กสั่งห้ามเพราะคิดว่าหญิงแก่คนนั้นเป็นบ้า แต่เปล่าเลย เธอมานั่งเก็บขยะที่ชายหาดทุกวันเพื่อไม่ให้เด็กๆ ต้องเหยีบบโดนแก้วบาด

    คน ไหนที่อาจมีตำแหน่ง ฐานะ ตํ่าต้อยกว่าเรา แท้จริงแล้ว เขาอาจจะเทพกว่าเราก็ได้ คนเราเมื่ออยู่อย่างสุขสบายก็จะอ่อนแอลง เพราะชีวิตของตนเองมันมีแค่นี้ มันไม่ต้องการอะไรแล้ว กระดิกนิ้วแปบเดียวคนใช้มาบริการถึงที่ แต่ในขณะเดียวกัน คนจนหรือคนที่ไม่มีฐานะ อาจต้องต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อให้ตนเองอยู่เหนือความทุกข์ให้ได้ และนั่นก็ทำให้คนๆ นั้นเก่งกล้าสามารถ และตัวหนังเองก็อิงสื่อแบบนี้ด้วยเช่นกัน

    คนหนึ่งในอดีตคือลูกของ เจ้านาย ทำไรไม่เก่ง ไม่เป็น แต่อีกคน คืออดีตลูกน้องของเจ้านายของพระเอก เทพประดิษฐ์ ต่อสู้เก่ง ต้องมาจับมือกันเป็นฮีโร่ ลองคิดดูครับว่า มันจะอลม่านและมันกันขนาดไหน และสิ่งที่สำคัญก็คือ เดอะกรีน ฮอเนต นั้น ทำตัวเป็นคนร้าย เพื่อจับคนร้ายไปด้วย เรียกได้ว่า ถึงพวกเขาจะเป็นคนปราบคนชั่ว แต่ก็ทำตัวเหมือนแก๊งมาเฟียดีๆ นี่เอง เพื่อไม่ให้คนร้ายเดาทางถูกได้นั่นเอง (ในสายตาของคนทั่วในไปเรื่อง พวกเขาก็คือคนร้ายดีๆ นี่เอง)

    ดังนั้นแล้ว การต่อสู้ระหว่างคนธรรมดา ที่มีเทคโนโลยีไฮเทค (และไม่เกินเทคโนโลยีในปัจจุบันก็สร้างได้) กับอีกฝ่ายที่เป็นแก๊งมาเฟียผู้ที่มีอิทธิพล อาวุธอื้อ ลูกน้องพร้อมรบ ใจกลางเมือง จึงได้เกิดขึ้น

    เรื่องภาพมุมมองในการถ่ายนั้น ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นผลงานที่ผู้กำกับ มาสร้างเรื่องฮีโร่ครั้งแรก ผมอยากบอกว่าทำได้ดีกว่าหนังหลายเรื่องมากครับ ผมไม่ทราบว่าทุนสร้างเท่าไหร่ แต่ที่รู้ๆ ก็คือ ในเรื่องมีฉากบู๊ทำลายข้าวของพังวินาศแน่นอน ถึงไม่วินาศสันตะโรเหมือนหนังฟอร์มยักษ์หลายเรื่องก็ตาม แต่หลายฉากทำออกมาได้สะใจคนดูมากๆ และมุมมองของกล้องนั้นมีน้อยมากที่จะทำให้เรามึนๆ กับฉากต่อสู้ที่เตะๆ ต่อยๆ แล้วกล้องสั่นๆ นั้นไม่ค่อยมีครับ ทำให้เราดูหนังแล้วสามารถชมลวดลายท่าทางการต่อสู้พวกเขาได้มันส์หยดโดยไม่ ต้องส่ายหัวแล้วเพ่งเลยว่า ตกลงแล้วตูดูใครสู้ฟะเนี่ย

    เรื่องนักแสดง ในเรื่องนี้เข้าขากันได้ดี ที่ผมอยากชื่นชมก็คือ คัดนักแสดงออกมาแล้วทำให้เราไม่มึนดีมาก ดูออกเลยว่าใครเป็นใคร ใครเป็นคนร้าย ไม่ต้องมาสับสนเพราะหน้าตาคล้ายกันหรือเดาไม่ถูก ต่อให้คนที่ไม่รู้จักดารานักแสดงมาก่อนก็สามารถจดจำหน้าตาบุคคลสำคัญใน เรื่องได้ดีมาก ยกเว้นจะไม่ได้ตั้งใจดู

    การดำเนินเรื่องนั้นจะมีสอง แบบที่อยากเอ่ยหนึ่ง ช่วงแรกนั้นเหมือนจะไปไว แล้วก็อืดเล็กน้อย ถึงไม่อืดมากในสายตาผู้ใหญ่ แต่อืดสำหรับเด็กๆ ดู ซึ่งก็ต้องหันหน้าหนีทีวีบ้าง (ถ้าไม่ได้ตั้งใจดูทีวีที่แท้จริง) และนั่นก็เป็นข้อเสียอีกนั่นเพราะว่ามันจะส่งผลถึงทั้งเรื่องว่า ทำไมพระเอกถึงอยากปราบคนร้าย ทำไมพวกเขาชิงชังพ่อและเจ้านายตนเองมากนัก ถึงแม้ว่าดูทั่วไปแล้วเป็นหนังเอามันส์ก็ตาม แต่ก็จะขาดอรรครสในการดูเต็มเปี่ยมแน่ๆ ตรงนี้แหละจะวัดสติและความตั้งใจดูของเด็กไทยแล้วว่ามีความตั้งใจและสมาธิ ระดับดีหรือระดับเกรียน และแถมท้ายด้วยว่า หนังทำตอนจบออกมาได้ดีครับ ไม่ใช่ปราบคนร้ายได้ปั้บ จบปุ้บ ลุกเลย ไม่ใช่ครับ ได้นั่งต่ออีกแน่นอน

    เสียง ประกอบนั้นถึงแม้ว่าจะทำออกมาแนวหนังฮีโร่เหมือนทุกๆ เรื่อง แต่ที่ผมชอบก็คือ มันเหมือนมีกลิ่นอายของเกมแอ็คชั่นอยู่เยอะ หมายความว่ามันทำให้คุณเร้าอารมณ์และชักอยากใส่หน้าผาก ยันตรีนถีบตรูดคนร้ายเหมือนพระเอกในเรื่องไปบ้าง เสียงประกอบทำออกมาค่อนข้างเร้าใจ แม้ว่าไม่หนักหน่วงเหมือนเรื่อง Tron แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี

    และอีกคำถาม สามมิติเรื่องนี้ดูดีไหม ? ผมบอกเลยว่า มันดีกว่าเรื่อง Tron เสียอีก หนังไม่มีฉากพุ่งเฉียดตา ไม่มีฉากทะลุพุ่งจอหรือเลือดกระเด็นนอกจอ จริงๆ เรื่องนี้แทบไร้ความรุนแรงเลยแหละ เด็กดูได้สบาย เอาหละเรื่องสามมิติ มันจะแสดงประสิทธิผลได้ดีเยี่ยมโดยเฉพาะฉากต่อสู้ มันอาจไมได้ดีเด่นเท่า AVATAR แต่ก็มีมิติกว่าหลายสามมิติหลายเรื่อง ผมว่าดีกว่าเรื่อง StepUp 3D เสียอีก มันทำให้คุณสามารถกวาดตามองเพื่อเก็บรายละเอียดสำหรับความสมจริงได้ แต่สามมิติที่จะมีมิติจริงๆ นั้นจะมีราวๆ ครึ่งเรื่องเท่านั้นนะครับ ดังนั้นอย่าคาดหวังกับระบบสามมิติมากว่ามันต้องพุ่งทั้งเรื่อง (แบบนั้นตาบอดก่อนพอดี) แต่อย่างที่บอก ดีกว่า Tron ดีกว่า STEPUP 3D ดีกว่าหนัง 3D บางเรื่อง ถึงมันไม่ดีเยี่ยม แต่ระดับก็ดีราวๆ หนังแอนิเมชั่น ยังจิ้นไม่ออกอีก นึกถึงเรื่อง How to train Dragon หรือ Megamiad ครับ ออกแนวคล้ายๆ กันเลย

    และสุดท้ายนี้ ไปดูในโรงแล้วคุ้มไหม ? ความยาวหนังเกือบสองชั่วโมง สาระและการนำเสนอ แม้ว่าจะเดาเรื่องง่าย แต่ก็แตกต่างจากเรื่องอื่นจนเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง เป็นหนังที่คนที่คิดอยากเป็นนักข่าวหรือเรียนสื่อสารมวลชนต้องไปดู และฉากแอ็คชั่นที่ทำออกมาสะใจคนดู ถ้าคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ชอบหนังแนวนี้ เรื่องง่ายๆ แต่เร้าใจ ไปดูเลยครับรับรองสนุกแน่ แต่ถ้าคุณเป็นพวกชอบคาดหวังสูง ต้องดีอย่างนู้นต้องดีอย่างนี้ ผมว่าคุณเก็บเงินแล้วดูหนังเรื่องอื่นดีกว่าครับ

    คะแนน - 8.8 / 10.00

    เหตุที่ตัดคะแนน
    - ช่วงแรกๆ หนังจากเลยองค์ที่หนึ่งไปแล้ว หนังอืดบางช่วง ทำให้เด็กๆ ที่มาดูอาจเบื่อๆ แต่นั่นก็ทำให้ดูหนังเสียอรรถรสและความเข้าใจทันที ดูรู้เรื่องแค่นี้ "หนังสนุกดี" แค่นั้น
    - ถึงแม้ว่าไฮไลท์ของการต่อสู้จะอยู่กับการต่อสู้กับบอสตอนท้ายเรื่อง แต่กลางๆ เรื่องน่าจะมีบู๊มากกว่านี้
    - สามมิติอยากให้ทำดีกว่านี้
    - ตัวละครที่ไม่ใช่คนเด่นบางคน บทน๊อยน้อย และไร้ที่มาสำหรับบางคน
    - มีอยู่ฉากหนึ่งที่สู้กับผู้ร้ายที่มืดๆ การดูผ่าน 3 มิติอาจทำให้มองไม่รู้เรื่องได้

    "สนุกเกินคาด ความมันส์เกินที่หวัง สามมิติที่ระดับดีกว่าหลายเรื่อง"

    "การเข้าขาของนักแสดงที่เด็ด ไม่มีใครบทเกินหรือน้อยเกินใคร เนื้อหาสาระที่แตกต่างจากเนื้อเรื่อง)

    "สามมิติที่ไม่ทำร้ายลูกตาจนเกินไป เร้าอารมณ์และสะใจคนดูกับฉากถล่มต่างๆ)

    ปล. ไม่สนับสนุนในการไปขโมยของชาวบ้านโดยการซื้อแผ่นกอปและโหลดบิทนะครับ

  • เมื่อ 7 ก.พ. 54 11:21

    ทั้งบู๊ บ้า ฮา

    ไม่บ่อยนัก ที่หนังฮีโร่ แบบคู่หู จะมาแบบ คนเป็นพระเอก ทั้งไม่หล่อ เจ้าชู้ ปากหมา ฮา ทำอะไรห่ามๆ แต่ไม่ค่อยสำเร็จ โดยมีผู้ช่วยที่ทั้งเก่ง ฉลาด เป็นที่พึงของพระเอกได้เสมอ เรียกได้ว่าเป็นคู่ผสมที่ลงตัวกันอย่างมาก ทั่งเซธ โรเกน และเจย์ โชว์ เรียกได้ว่า ถ้าไม่มีอีกคน อีกคนก็แผลงฤทธิ์ ไม่ได้ เรื่องนี้เรียกได้ว่าแจ้งเกิดเจย์ โชว์ในฮอลลีวู้ด ได้เลย เพราะแต่ละฉาก เด่นมาก มีเสน่ห์มาก บทก็เขียนออกมาได้ทั้งกวน ฮา และมันส์

    ส่วนนางเอก ไม่มีอะไร เหมือนบทสมทบ ให้หนังไม่มีแต่เรื่องของผู้ชายเยอะเกินไป แต่รู้สึกว่าคาเมรอน จะดูแกไปหน่อยนะ เมื่อยืนอยู่กับเซธ หรือ เจย์ โชว์ เหมือน พี่สาวน้องชาย หรือ แม่กับลูกมากกว่าคนรัก ส่วนคริสทอฟ วอลต์ มาในบทผู้ร้าย ที่มีปัญหาวิกฤตวัยกลางคน ของคนที่ต้องการรักษาอำนาจ บทไม่มีอะไร ใครเล่นก็ได้

    ให้คะแนน 8.5 เต็ม 10 ไม่ผิดหวังแน่นอน ไม่เสียดายตังค์แน่นอน

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 6 ก.พ. 54 20:00

    รู้สึกว่า เฮียโชว์ จะเด่นกว่าพระเอกซะอีกนะ -*-

    แต่ คริสทอฟ วอลท์ เด่นสุด ร้ายแบบฮาๆ ตลกดี

    ให้ 8/10

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 6 ก.พ. 54 17:00

    สนุกมาก ชอบสุดๆๆๆ
    ตลกชิบเป๋ง เจย์โช เยี่ยมมากอะ ไห้9 :)
    ไปดูกันเถอะ คุ่้้มเงินแน่จ้า

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 5 ก.พ. 54 20:03

    หนังฮีโร่ประมาณปีก่อนๆจนถึงช่วงนี้ส่วนใหญ่ก็พวกแบบทำให้คิดตาม ลุ้นระทึก พวกแบทแมน แต่ก็ชอบน่ะ พอมาเรื่องนี้ คิดตามบ้าง ลุ้นดี แต่ก็ชอบอีกนั้นแหละ
    การถ่ายทอดอารมณ์ก็ถือว่าดี แต่ช่วงแรกๆรู้สึกสับสนนิดหน่อยแต่น้อย พลังพิเศษในเรื่องนี้มันเป็นพลังแมงวันหรือเปล่า ไม่แน่ใจ เห็นเป็นภาพซ้อนๆกันอยู่ ซูมไปที่ตาเป็นรูปเซลล์ๆ ฉากต่อสู้ตอนที่มันโสว์ยิ่่งทำให้มันขึ้นอีก ฉากที่บอมหรือของแตกนี่แหละ ตั้งแต่โยนตู้ลงหน้าต่างถึงบุกตึก มันทำให้เวลาดูหนังฮีโร่ฮาๆ แล้วเข้ากันน่ะ
    แต่ถ้ามีที่มาของพลังวิเศษกับประวัติเจ้าพ่อ(ลืมชื่อ)อีกนิด ก็น่าจะอินกว่านี้ แต่โดยรวมก็สนุกดีครับ ถึงเนื้อเรื่องจะน้อยกว่าหนังฮีโร่อื่นนิดหน่อย

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 5 ก.พ. 54 18:26

    สนุกมากเลย ชอบฉากที่มันสโลว์อะเท่สุดๆเลย แล้วก็ฮามากด้วย เกือบหัวเราะเสียงดังด้วยแต่กั้นไว้ทัน

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 5 ก.พ. 54 07:53

    กลุ่มที่ไปดูด้วยกันบ้างก็บอกไม่โอเลย บางคนก็บอกว่าสนุกดีเลยทีเดียวเลยชักแปลกใจ แต่ส่วนตัวว่ารวมๆ ก็ดีนะ สนุกได้อยู่ ไม่คาดหวังว่าต้องฮีโร่จ๋า ชอบมุกการสนทนาของฝาหรั่งเค้าขำๆ ดี แต่แรกๆ ดูจงใจยัดเยียดประวัติ Kato ไปหน่อย ความจริงน่าจะให้ดูน่าสนใจกว่านี้ แต่ก็ไม่ขี้เหร่อะไปดูกันแล้วมาบอกเล่าด้วย จะตามมาดูความคิดเห็นค่ะ (หนัง 3D นี่รำคาญการใส่แว่นมาก เพราะใส่แว่นสายตาด้วย อิอิ)

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 4 ก.พ. 54 00:16

    Green Hornet ไม่เก่งเอาสะเลย Kato ที่ไม่มีชื่อ ยังจะเก่งและเด่นมากกว่าอีก

    แต่สนุกครับ ชอบดี

    แจ้งลบ
มีทั้งหมด 21 วิจารณ์ หน้าที่ 2 [ก่อนหน้า] 1 2 3 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • Mission: Impossible 3Mission: Impossible 3เข้าฉายปี 2006 แสดง Tom Cruise, Philip Seymour Hoffman, Billy Crudup
  • Memories of MatsukoMemories of Matsukoเข้าฉายปี 2007 แสดง Miki Nakatani, Eita, Yusuke Iseya
  • Being FlynnBeing Flynnเข้าฉายปี 2012 แสดง Robert De Niro, Paul Dano, Julianne Moore

เกร็ดภาพยนตร์

  • What If - แมรี อลิซาเบธ วินสเตต, เดบอราห์ แอน วอลล์, โรส เบิร์น และ รีเบกกา ฮอลล์ ล้วนเป็นนักแสดงที่ได้รับการพิจารณาให้รับบท ชานทรี ที่สุดท้ายแล้วรับบทโดย โซอี คาซาน อ่านต่อ»
  • Boyhood - เอลลาร์ โคลเทรน ผู้รับบท เมสัน ตอนเริ่มเปิดกล้องถ่ายทำภาพยนตร์อายุ 7 ปี และตอนถ่ายทำภาพยนตร์เสร็จอายุ 18 ปี อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Anna Anna เรื่องราวของ แอนนา โพเลียโทวา (ซาช่า ลุสส์) นางแบบสาวชาวรัสเซีย ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก แต่ภายใต้ความงามอันใสซื่...อ่านต่อ»